ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 266 ขุมอำนาจทั้งสาม พึ่งพิงสามแดนศักดิ์สิทธิ์!
บทที่ 266 ขุมอำนาจทั้งสาม พึ่งพิงสามแดนศักดิ์สิทธิ์!
แม้ว่าหนานลัวจะรู้ว่าลู่เฉินนั้นไม่ธรรมดา แต่เขาก็ยังกังวลเล็กน้อย “หากคนเหล่านั้นใช้วิธีเดียวกับที่ใช้จัดการองค์จักรพรรดิเล่า?”
“ท่านอาจารย์ของข้าสามารถรักษาองค์จักรพรรดิได้ ดังนั้นยังจะกลัวคนพวกนั้นหรือ?” คำพูดของหนานเหยา ทำให้หนานลัววางใจขึ้นเล็กน้อย “หวังว่าคงเป็นเช่นนั้นกระมัง”
หนานเหยาปลอบใจ “ดูสิ ท่านอาจารย์ใจเย็นมาก ท่านจะกลัวอันใด?”
หนานลัวมองไปที่ลู่เฉินแล้วก็พบว่าอีกฝ่ายดูสงบจริง ๆ และดูเหมือนว่าจะมีท่าทางไม่วางใจง่าย ๆ
หนานลัวจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหยุดคิดเรื่องนี้
…
หนึ่งชั่วยามต่อมา ทั้งสามคนก็มาถึงด้านนอกตำหนักใหญ่ของพระราชวัง และผู้คนจำนวนมากก็มารวมตัวกันที่นั่นในขณะนี้
ขุนนาง คุณชาย แม่ทัพต่าง ๆ และเหล่าสมาชิกราชวงศ์
ในหมู่พวกเขา องค์ชายหกได้มาถึงนานแล้ว หนานหลิวนั้นเมื่อเห็นลู่เฉินก็รีบเข้ามาคารวะแล้วกล่าวว่า “ผู้อาวุโส!”
ทว่าผู้ใดจะรู้ว่าเหล่าองค์หญิงและองค์ชายกลับส่งเสียงหัวเราะเยาะ
“น้องหก เจ้ามีช่วงเวลาที่เลวร้ายในเมืองพำนักเซียนสินะ? คิดไม่ถึงว่าจะเรียกผู้ฝึกตนขั้นสร้างรากฐานว่าผู้อาวุโส?” ชายที่มีหนวดเคราบนใบหน้าหัวเราะ เขาคือองค์ชายรองนั่นเอง
คนผู้นี้อายุประมาณสี่สิบหรือห้าสิบปี ในแง่ของอายุย่อมมากกว่าองค์ชายหกอยู่มาก ยิ่งไปกว่านั้น ข้างกายเขายังมีองค์ชายและเจ้าหญิงมากมายที่ ‘สนับสนุน’ เขาอยู่
องค์ชายหกแย้มยิ้มเล็กน้อย “องค์ชายรอง เจ้าไม่เข้าใจ!”
“ก็แค่ผู้ฝึกตนขั้นสร้างรากฐาน ข้าจะไม่เข้าใจอันใด?” องค์ชายสองดูหมิ่น
องค์ชายหกคร้านจะสนใจ ในขณะที่หนานลัวถ่ายทอดเสียงไปยังลู่เฉินและหนานเหยา “คนผู้นี้คือองค์ชายรอง หากถามว่าองค์ชายองค์ใดที่มีความทะเยอทะยานและมีอำนาจมากที่สุดในพระราชวัง ย่อมเป็นองค์ชายรอง หนานอู่ผู้นี้”
“ความทะเยอทะยาน?” หนานเหยาได้ยินแล้วพลันรู้สึกงุนงง
หนานลัวพูดเสียงเบาว่า “องค์รัชทายาทอยู่ในวังชั้นใน ปกติแล้วเขามักจะฝึกบ่มเพาะ ไม่สนใจเรื่องต่าง ๆ ดังนั้นองค์ชายรองจึงใช้อายุที่มากกว่าของเขากระจายข่าวลือไปทั่วว่าตนคือองค์รัชทายาทตัวจริง เจ้าของแดนทักษิณาที่แท้จริงในอนาคต”
หนานเหยายิ้มแปลก ๆ ทันที “มีความทะเยอทะยานมาก”
ลู่เฉินไม่สนใจเรื่องของราชวงศ์ ดังนั้นเขาจึงไม่เอ่ยอันใด ขณะที่หนานลัวยังคงแนะนำต่อไปว่า “นอกจากองค์ชายรองแล้ว เจ้าต้องระวังองค์ชายเจ็ด แม้ว่าความสามารถของเขาจะไม่เท่าใดนัก แต่พระสนมอู่ที่อยู่เบื้องหลังนั้นโหดเหี้ยมและมีแผนการมากมาย ดังนั้นจึงต้องสนับสนุนฝ่ายนี้”
หนานเหยาได้ยินเช่นนั้นจึงถามว่า “ในพระราชวังมีกี่ฝ่าย?”
“องค์ชายคนโตก็คือรัชทายาท เขามีอยู่ฝ่ายหนึ่ง เช่นเดียวกับองค์ชายรองและองค์ชายเจ็ด” หนานลัวตอบ ส่วนหนานเหยาก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “คนเหล่านี้ไม่ดูแลราชวงศ์หนานโยวให้ดี แค่คิดก็เป็นเรื่องเพ้อฝัน!”
หนานลัวขมวดคิ้วทันที “สามคนนี้เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์”
“อันใดนะ สามดินแดนศักดิ์สิทธิ์?” หนานเหยาเริ่มสงสัยหลังจากรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ ขณะที่หนานลัวส่งเสียงตอบรับพลางกล่าวว่า “พระสนมอู่ที่ยู่เบื้องหลังองค์ชายเจ็ดย่อมเป็นตัวแทนของแดนศักดิ์สิทธิ์เมฆาสงัด ส่วนองค์ชายใหญ่เป็นตัวแทนของสำนักดาราสวรรค์ ซึ่งเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ดาราสวรรค์ และองค์ชายรองคือสำนักสยบมาร เรียกอีกอย่างว่าแดนศักดิ์สิทธิ์สยบมาร”
“สามดินแดนศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาช่างมือยาวกันจริง ๆ!”
“ทำอันใดไม่ได้ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามเป็นกองกำลังที่ใหญ่ที่สุดในดินแดนทักษิณา หากไม่ใช่เพราะผู้ฝึกตนขั้นแปลงเซียนของสามดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีภารกิจติดตัว เกรงว่าองค์จักรพรรดิคงถูกเปลี่ยนเพราะได้รับบาดเจ็บไปนานแล้ว” หนานลัวพูดอย่างช่วยไม่ได้
“แล้วองค์จักรพรรดิผู้นั้นมีขุมอำนาจใดสนับสนุน?”
“เป็นสำนักดาราสวรรค์ ดังนั้นองค์ชายใหญ่จึงกลายเป็นองค์รัชทายาท และเป็นฝ่ายเดียวกันกับองค์จักรพรรดิ” หนานลัวตอบ
หนานเหยายังมีท่าทีลังเล “เช่นนั้น ผู้ที่ลงมือกับองค์จักรพรรดิ หากไม่ใช่องค์ชายเจ็ดก็ต้องเป็นองค์ชายรอง?”
หนานลัวพยักหน้า
หลังจากที่หนานเหยารู้เรื่องนี้ นางก็อยากจะรีบออกไป แต่องค์ชายหกรีบห้ามนางไว้ “ผู้อาวุโส อย่าหุนหันพลันแล่น!”
หนานลัวเองก็เตือนด้วยว่า “ยามนี้ไม่ใช่เวลาที่จะหุนหันพลันแล่น!”
หนานเหยาอุทานด้วยความโกรธ “ราชวงศ์หนานโยวจะถูกคนเหล่านี้ทำลายในไม่ช้าก็เร็ว!”
องค์ชายหกกลับปลอบใจว่า “ใจเย็น ๆ”
หนานเหยามองไปที่องค์ชายหกอย่างสงสัย “ว่าแต่เจ้าไม่อยากเป็นองค์จักรพรรดิหรือ?”
องค์ชายหกส่ายหัวทันที “เป็นองค์จักรพรรดิเหนื่อยจะตาย!”
“เพราะเหตุใด?” หนานเหยาไม่เข้าใจ แต่องค์ชายหกพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าเป็นอิสระในเมืองพำนักเซียนนั้นดีแล้ว”
“ทั้งสามคนไม่สนใจเมืองนั้นหรือ?” หนานเหยาผู้นี้รู้สึกฉงน
แต่องค์ชายหกพลันยิ้มออกมา “เมืองพำนักเซียนเป็นสถานที่ที่ทั้งสามฝ่ายไม่แย่งชิงกัน เพราะพวกเขารู้ว่ามันเป็นคลังสมุนไพรวิญญาณสำคัญ ไม่ว่าผู้ใดเป็นองค์จักรพรรดิในอนาคต สถานที่นี้ก็จะกลายเป็นคลัง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องควบคุมราชวงศ์ ควบคุมมัน จากนั้นจึงได้ควบคุมคลังของดินแดน!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หนานเหยาก็ยิ้มอย่างขมขื่น “ดังนั้น เจ้าจึงต้องหาทางออกให้ตัวเจ้าเอง”
“ข้าชื่อเซียวเหยา” องค์ชายหกกล่าวอย่างถ่อมตน
หนานเหยาส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ในยามนี้เอง องค์ชายเจ็ดก็เสด็จมา ทำให้องค์หญิงและองค์ชายหลายคนรีบผุดลุกขึ้นอย่างว่องไว
ใบหน้าขององค์ชายเจ็ดขาวซีดลงเล็กน้อยราวกับว่าเขาป่วยหนัก ทำให้หนานเหยาที่เห็นเช่นนั้นหัวเราะทันที “เช่นนี้ยังจะฝืนอีก”
“องค์ชายเจ็ดเป็นอันใดไป?” องค์ชายหกไม่เข้าใจ
ไม่ใช่แค่องค์ชายหก แต่หลายคนก็สงสัยเช่นกัน โดยเฉพาะองค์ชายรองหนานอู่ที่กำลังหัวเราะเยาะ “โอ้ น้องเจ็ด เจ้าเป็นอันใดไป?”
องค์ชายเจ็ดมองค้อนใส่เขาและไม่เอ่ยตอบ เขาจ้องเขม็งไปที่ลู่เฉิน คล้ายอยากจะฉีกอีกฝ่ายเป็นชิ้น ๆ
ลู่เฉินตรวจสอบจิตวิญญาณขององค์ชายเจ็ดแล้วพบว่า วิญญาณของคนผู้นี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาจึงฉีกยิ้มอยู่ในใจ ‘เช่นนั้นจะยังฝืนต่อไปอีกหรือ?’
องค์ชายเจ็ดไม่รู้ว่าลู่เฉินกำลังคิดสิ่งใด แต่หลังจากที่เดินเข้าไปในฝูงชน ขุนนางและแม่ทัพบางคนก็ออกมาต้อนรับเขา
กระทั่งมีคนตะโกนว่า “องค์รัชทายาทเสด็จ!”
ยามนี้มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาจากทางเดินที่อยู่ไม่ไกลนัก และเขาไม่ได้พาผู้ใดมาด้วย เมื่อเทียบกับองค์ชายรองและองค์ชายเจ็ดแล้วก็ดู ‘ซอมซ่อ’ กว่ามาก
ไม่เพียงเท่านั้น ชายคนนี้ยังมีหนวดเคราสีขาวและเรือนผมสีขาว แต่ใบหน้าของเขายังได้รับการดูแลอย่างดีดุจดังชายหนุ่มในวัยยี่สิบปีเศษ
คนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากองค์ชายใหญ่ ซึ่งก็คือองค์รัชทายาทองค์ปัจจุบัน หนานอี้!
เมื่อขุนนางบางคนเห็นก็ถวายบังคมทูลว่า “ฝ่าบาท!”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องเกร็งเพียงนั้น!” หนานอี้หัวเราะ ยิ่งไปกว่านั้น เขายังดู ‘ใจดี’ อย่างมาก แต่องค์ชายรองและองค์ชายเจ็ดกลับทนไม่ไหว โดยเฉพาะองค์ชายรองที่พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฝ่าบาท ท่านดูชราขึ้นไม่น้อย”
“เคล็ดวิชาที่ข้าฝึกค่อนข้างพิเศษ ข้าจึงได้ดูแก่ลง” องค์รัชทายาทยิ้มเล็กน้อย
องค์ชายรองเองก็คลี่ยิ้ม “คาดไม่ถึงว่าองค์รัชทายาทจะชอบฝึกฝนมาก เหตุใดไม่ให้ข้าดูแลสถานที่ให้ ข้ารับประกันว่าจะช่วยท่านดูแลให้ดี!”
องค์ชายเจ็ดกลับขัดขึ้นมาทันที “ให้เจ้าดูแล ไม่สู้ให้ข้าดูแล!”
ไม่นานทั้งสองก็ถกเถียงกัน
หนานเหยามองไปที่หนานลัวอย่างสงสัย “พวกเขากำลังจะทำอันใด?”
“ก่อนที่องค์จักรพรรดิจะล้มป่วย เขาได้มอบสถานที่สำคัญให้องค์ชายจัดการ อันที่จริงมันหมายถึงการส่งมอบ และสถานที่เหล่านี้ก็มีความสำคัญมาก”
“ที่ไหน?”
“ตัวอย่างเช่นท้องพระคลังของดินแดน ทหารรักษาการณ์ในพระราชวังเป็นต้น” หนานลัวตอบ
หนานเหยาหัวเราะทันทีหลังจากได้ยินสิ่งนี้ “องค์จักรพรรดิผู้นี้ไม่โง่เขลา เขาไม่ได้มอบสถานที่สำคัญเหล่านี้ให้กับองค์ชายองค์อื่น”
ขณะเดียวกัน หนานลัวพลันถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังลำบากใจกับสถานการณ์ปัจจุบันมาก
แต่ผู้ใดจะรู้ว่าองค์รัชทายาทกลับเดินไปหาลู่เฉินและพรรคพวก ทุกคนจึงพากันสงสัยว่าองค์รัชทายาทจะทำสิ่งใดกันแน่!