ตัวของผมในต่างโลก.... แม่งบ้า!!! - บทที่ 1 ตอนที่ 24 สแตมปีด (3)
“ ในเมื่อปล่อยให้โกจัดการเรื่องตัวหายนะนั่นไปแล้ว ทีนี้คงถึงคราวของข้า ”กอร์
ข้างนอกนั่น ข้ารู้สึกได้ถึงมนต์ดำของพวกมอนเทียส เป็นความรู้สึกที่น่าสะอิดสะเอียน นอกจากความรู้สึกแล้ว ข้ายังสามารถได้กลิ่นของมันได้อย่างชัดเจน
จากการปะทะกันของมอนสเตอร์สแตมปีดและทหารเอล์ฟ พวกตัวอ่อนๆเริ่มถูกกำจัด จนเหลือแค่พวกแรงก์ B ขึ้นไป พวกมันเริ่มมีความอึดขึ้นมาจนสามารถรอดมาจากห่าฝนธนูนั่นได้ แต่ต่อมาก็ต้องถูกจัดการด้วยพลทหารราบ
ข้าคงไม่ต้องกังวลอะไรจนกว่าจะมีมอนสเตอร์แรงก์ A โผล่ออกมา หรือไม่ก็อาจจะมีถึงระดับ S เลยก็ได้
“ ท่านครับ! หน่วยสอดแนมของเราพบเห็นชายสวมผ้าคลุมกำลังมุ่งหน้ามาที่เมืองครับ! ”ทหาร1
“ เจ้านั่นมันเดินฝ่าฝูงมอนสเตอร์มาเลยเรอะ? ”กอร์
“ ครับ! ”ทหาร1
ดูเหมือนว่าพวกมันจะส่งคนที่เก่งเอาเรื่องมาถึงที่นี่เพื่อที่จะถล่มอารุฟานด้วยตัวคนเดียว
อย่างต่ำก็ผู้ใช้มนตร์ดำระดับ 8 ล่ะนะ ถือว่าเป็นความคิดที่ไม่ฉลาดเอาเสียเลย ที่มาที่นี่เพียงคนเดียว
“ ตำแหน่งล่ะ ”กอร์
“ ห้ารอยเมตรจากประตูเมืองทางทิศใต้ครับ! ”ทหาร1
“ อา เดี๋ยวข้าจัดการเอง ”กอร์
“ ครีเช่ต์ ”กอร์
ครีเช่ต์ เป็นเวทมนตร์จำพวกซัพพอร์ต ที่เอาไว้ใช้เพิ่มความเร็วขึ้นมาระยะหนึ่ง โดยปกติแล้วข้าคิดว่าสมัยนี้ไม่น่าจะมีใครเขาใช้กัน เพราะมันเป็นเวทมนตร์ที่ข้าใช้มาตั้งแต่ 3600 ปีก่อน
และเป็นหนึ่งในเวทที่ทำให้ข้าสามารถต่อกรกับกองทัพของแต่ละฝ่ายได้อย่างท่วมท้น ทว่ามันกลับเป็นเวทที่ต้องใช้มานาเป็นอย่างมากเพื่อแลกมากับพลัง ซึ่งหลายๆคนมองว่ามันไม่คุ้มเลยยกเลิกการใช้มันไป
แต่ข้านั้นมีเทคนิคลับที่ทำให้ครีเช่ต์เป็นเวทมนตร์ที่ใช้มานาน้อย และยังคงคุณประโยชน์ดังเช่นเดิมเอาไว้อยู่ นั่นคือการกระจายมานาบางๆไปตามเส้นประสาท ก่อนที่จะเปิดใช้งานมัน
ทำให้มานาบางๆเหล่านั้นถูกกระตุ้นด้วยครีเช่ต์ และทำให้ประสาทสัมผัสของข้าตื่นตัวด้วยเช่นเดียวกัน
ข้าคงจะฝากอาณาจักรนี้ให้กับพวกทหารได้ล่ะนะพวกเขาจะสามารถหยุดยั้งมอนสเตอร์เหล่านั้นโดยไม่มีข้าได้อย่างแน่นอน
เอาล่ะ ไม่ว่าแกจะเป็นตัวอะไร ข้าจะลากคอแกไปขย้ำซะ
ฟูม!
ข้าออกตัววิ่งไปด้วยความเร็วสูง ในทิศทางที่จับสัมผัสถึงหนึ่งในพวกลัทธิได้ ข้าข้ามผ่านสิ่งกีดขวางที่ขวางทางข้าต่างๆไปจนเห็นตัวของมัน ที่สวมผ้าคลุมปกปิดตัวเอาไว้อย่างมิดชิด ท่ามกลางเหล่ามอนสเตอร์ที่กรูกันเข้าหาอารุฟาน
ก่อนที่มันจะรู้สึกได้ถึงข้า ข้าก็ลากคอมันไปกับพื้นซะแล้ว
“ อั่ค-!! ” ?
คลืดดดด!!!
แต่แปลกมาก ข้าไม่รู้สึกว่าผิวของเจ้านี่มันจะเป็นอะไรเลย ทั้งๆที่ถูกข้าจับคอแล้วลากไถลมากับพื้นที่มีความขรุขระและก้อนหินมากแท้ๆ
หรือว่าเจ้านี่จะกลายเป็นครึ่งมอนสเตอร์ไปแล้ว?
ไม่ว่ายังไง ข้าก็ต้องฆ่าเจ้านี่อยู่ดี.. ไม่สิ จับเป็นดีกว่า ข้าจะได้เอามันมาสอบสวนด้วยตัวเองไง
“ จับตัวได้แล้ว~ ”กอร์
ทันทีที่ข้าจับมันได้ รอยยิ้มอันแสนจะน่าขนลุก ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของข้า..
…
“ ฟู่ว ”โกรุม
“ ข้ารู้สึกดีจริงๆ ที่ได้แสดงเป็นน้องชายผู้แสนจะอ่อนแอต่อหน้าพี่ชายของข้าอีกครั้งหนึ่ง ”โกรุม
ข้าหุ้มส่วนเท้าของตนไว้ด้วยมานา และยืนอยู่บนพื้นผิวทะเลโดยไม่หวั่นไหว ทั้งๆที่ตรงหน้าของข้าคือบาฮามุธ
“ การแสดงจบลงแล้ว ”โกรุม
ข้าล้างคราบเลือดปลอมๆพวกนี้ที่เปรอะเปื้อนอยู่บนร่างของข้าด้วยเวทมนตร์
“ เอาล่ะ- เจ้าคงจะเป็นบาฮามุธ.. เราไม่ได้พบกันมานานเลยทีเดียว คงจะเป็นเมื่อ 2600 ปีก่อนได้ ”โกรุม
รอรรรรรรรรร!!!!!!! *มังกรคำราม
“ แต่ดูเหมือนว่า คำพูดของข้าคงจะไม่มีสักคำที่ส่งไปถึงเจ้าเลยสินะ ผู้ปกครองผืนนภา ”โกรุม
นัยน์ตาของมันเป็นสีแดง ท่าทางที่ราวกับไร้สติเช่นนั้น คงจะถูกควบคุมโดยมอนเทียสไปเรียบร้อยแล้วสินะ
แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางทำให้มันกลับมาเป็นปกติ
ข้าแค่ต้องเคาะกะโหลกมันสักทีสองทีก็พอแล้ว
“ เป็นเวลานานแล้วสิ ที่ข้าไม่ได้เอาจริงแบบนี้ในตอนที่ต้องสู้กับเจ้า ”โกรุม
ไม่ทันที่ข้าจะได้เริ่มร่ายเวท เจ้าบาฮามุธก็ได้กระพือปีกของมันอย่างรุนแรง จนทำให้เกิดพายุขึ้นมามากกว่า 100 ลูกทั่วทั้งผืนทะเล ก่อนที่มันจะเริ่มชาร์จลมหายใจ
ถ้าเป็นพวกมังกรธรรมดาๆ ลมหายใจมันก็ไม่น่าจะน่ากลัวเท่าไร แต่พอมาเป็นเจ้าบ้านี่ ลมหายใจของมันสามารถทำให้ทะเลผืนนี้กลายเป็นหลุมเป็นบ่อได้เลย พร้อมทั้งระเหยน้ำทะเลออกไปในรัศมีที่กว้างขวาง และระยะของมันยังไกลมากอีกด้วย
และแน่นอนว่าข้าจะสู้กับมันด้วยมือเปล่า
“ ระบำแห่งหายนะ ”โกรุม
วงแหวนเวทมนตร์อันซับซ้อนหลายร้อยชั้นเข้าปกคลุมร่างกายของข้า มานาของข้าเรืองแสงสีเขียวออกมา ข้าตั้งท่าสำหรับรับการโจมตีของบาฮามุธเอาไว้แล้ว
ตามปกติแล้วการปล่อยพลังที่ต้องใช้มานาจะมีจุดอ่อนของมันเอง ไม่ว่าจะเป็นกับสิ่งมีชีวิตใด ไม่ว่าจะชำนาญแค่ไหน หรือท่าใหญ่เพียงใด ไม่มีใคร ที่จะสามารถควบคุมเวทมนตร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบหรอก
แน่นอนว่าที่ข้าเกริ่นเรื่องนี้ขึ้นมานั้น เป็นเพราะว่าเจ้าลมหายใจของบาฮามุธนั่นมันมีจุดอ่อนอยู่ ถึงข้าจะไม่สามารถลบล้างมันได้ด้วยเวทระดับเดียวกัน แต่ข้าสามารถเบี่ยงเบนทิศทางของมันออกไปด้วยการโจมตีของข้าได้แน่นอน
“ ยกระดับ ”โกรุม
และด้วยสกิลระบำแห่งหายนะที่ถูกยกระดับขึ้นมาจากวงแหวนเวทร้อยกว้าชั้นขึ้นมาเป็นหมื่นกว่าชั้นนั้น ทำให้ข้าสามารถต่อกรกับบาฮามุธได้อย่างแน่นอน
ฮ่า ฮ่า ช้ามั่นใจว่าท่านพี่จะต้องพูดราวๆว่าแม้แต่จอมเวทระดับ 10 ก็ไม่อาจจะต่อกรบาฮามุธได้ อย่างแน่นอน ซึ่งที่ท่านพี่พูดนั้นมันก็ถูกส่วนนึง แต่นั่นมันใช้กับข้าไม่ได้ เพราะข้าเป็นระดับ 10 ที่สามารถต่อกรได้แม้กระทั่งแรงก์ SS เลยยังไงล่ะ
ชวิ๊ง- *เสียงเอฟเฟกส์ก่อนปล่อยลำแสง
ชวิ๊ง- วิ๊ง- วิ๊ง- วิ๊ง- !!!!!
ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!! อย่างน้อยสัญชาตญาณการต่อสู้ของมันก็ยังอยู่ดี แม้ว่าตอนนี้บาฮามุธจะถูกควบคุมอยู่ มันก็ยังไม่ลืมวิธีที่จะต่อกรกับผู้แข็งแกร่งสินะ!!
ใช่แล้ว.. เจ้านั่นไม่ได้จะปล่อยลำแสงออกจากปากของมันที่เดียว แต่มันวาดวงแหวนเวทขึ้นมาบนท้องนภาอีกหลายสิบวงเพื่อที่จะโจมตีใส่ข้า ซึ่งวงแหวนเวทเหล่านั้น ล้วนเป็นเวทเดียวกับลำแสงที่มันกำลังจะปล่อยออกมา แม้ว่าจะไม่ได้รุนแรงเท่า แต่พลานุภาพของมันก็ยังคงร้ายแรงอยู่ดี
ฟุบ-
ฟลูมมมม!!!!!!
ในทันทีที่ลมหายใจของมันถูกปล่อยออกมา ลำแสงเดียวกันจากปากของมันก็ปรากฏออกมาจากวงเวทพวกนั้นตามมาติดๆ ซึ่งพลังทำลายล้างนั้นมันสามารถระเหยท้องทะเล จนสามารถยืนอยู่กับพื้นใต้สมุทรได้เลย
และ ข้าเองก็ยืนอยู่ต่อหน้ามันโดยที่ไม่ขยับไปไหนถึงแม้คลื่นจะสั่นไหวมากแค่ไหน ลมหายใจนั่นจะน่ากลัวสักเพียงใด ข้าก็ไม่หวั่น
ไม่นาน ก่อนที่ลมหายใจมังกรนั้นจะเข้ามาถึงตัวข้า ข้าสังเกตเห็นจุดที่มานาอ่อนกำลังมากที่สุดในลมหายใจมังกรของมัน และใช้มือของข้าที่ห่อหุ้มไปด้วยวงแหวนเวทนับพันปัดลำแสงเพื่อเบนทิศทางของมันไปทางอื่น และทำแบบนี้อย่างรวดเร็วในอีกเสี้ยววิเพื่อปัดลำแสงทั้งหมดที่พุ่งเข้ามาหาข้า
จนไม่มีลำแสงใดที่สามารถมาถึงตัวของข้าได้ อีกทั้งลำแสงพวกนั้นยังถูกเบี่ยงเบนรัศมีการทำลายล้างไป ทำให้มีแค่ผืนมหาสมุทรเท่านั้นที่ถูกการโจมตีเหล่านั้นเข้าเต็มๆ
ข้าไม่ปล่อยให้ตัวเองเสียโอกาส ใช้จังหวะนี้ในการวิ่งเข้าหาบาฮามุธด้วยความเร็วเสียง ที่จังหวะออกตัวมันเร็วเสียจนเกิดเป็นโซนิคบูมขนาดย่อมๆ
“ ลัวร์เช่ต์ ”โกรุม
ลัวร์เช่ต์ คือหนึ่งในเวทมนตร์ที่ท่านพี่ของข้าเคยสอนข้าเมื่อยังเด็ก เป็นการเรียกสายฟ้าจากฟากฟ้ามาสถิตที่ร่างของตัวเอง ทำให้การโจมตีในแต่ละครั้งสามารถสร้างความเสียหายได้ในระดับสูง
ทั้งนี้ ข้าใช้ลัวร์เช่ต์เรียกสายฟ้าจากเบื้องบนนับพันๆสายมาสถิตที่ขาขวาข้าข้างเดียว และเพื่อที่ข้าจะรองรับพลังจากสายฟ้านั้นได้ทั้งหมด ข้าจึงต้องเร่งความเร็วของตนเอง ให้เหนือกว่าเสียง
หรือก็คือความเร็ว แสง นั่นเอง
ตามปกติก็คงจะไม่มีใครบ้าพอที่จะทำให้ตนเองมีความเร็วเทียบเท่ากับแสง เพราะการทำเช่นนั้นจักทำให้ร่างกายของตนนั้นแหลกละเอียดจนเป็นผุยผง ทว่าข้านั้นใช้มานาของตนเองปกคลุมร่างกายของข้าด้วยความเข้มข้น กับความหนาแน่นของมานาที่มากเป็นพิเศษ เพื่อรองรับการกระแทกอันหนักหน่วง
ต่อมาจากลัวร์เช่ต์แล้ว ข้าจึงได้สลักเวทมนตร์อีกหลายชนิดลงไปที่ขาขวาของข้า หวังที่จะจบศึกนี้อย่างรวดเร็ว
“ นีราร์ ”โกรุม
เป็นเวทที่เมื่อผู้ร่ายใช้การโจมตีระยะประชิด จะทำการระเบิดอย่างรุนแรงเมื่อกระทบกับเป้าหมาย ทั้งยังสามารถใช้กับลูกธนูได้อีกด้วย
“ กาลเอ๋ยจงสดับ เวลาแห่งห้วงมิติและกาลอวกาศจักมาบรรจบ ณ ที่แห่งนี้ ”โกรุม
“ มหาเฟืองแห่งกาลเวลา.. ”โกรุม
ทันทีที่ข้าเริ่มร่ายบทเวท จากเดิมพื้นที่ที่เราเหยียบอยู่นั้นเป็นทะเล แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นฟันเฟืองขนาดใหญ่ ที่ห้อมล้อมไปด้วยฟันเฟืองน้อยใหญ่ท่ามกลางกาลอวกาศอีกที
ราวกับว่านี่คือการเปิดเขตแดนของตนเอง.. ตามประสาต่างโลก คงจะเรียกว่า อัลติ
ข้าสามารถบังคับใช้กฏแห่งห้วงเวลาและกาลอวกาศได้ในระดับหนึ่ง ในที่นี้ข้าขอเลือกใช้
หลุมดำ
แน่นอนว่าไม่ใช่หลุมดำที่ขนาดใหญ่อะไร เส้นผ่านศูนย์กลางของหลุมดำลูกนี้มีเพียง 1 ตารางเมตรก็เท่านั้น ซึ่งแรงดึงดูดของมันก็มากพอที่จะทำให้ท้องของบาฮามุธกลายเป็นรูโหว่ขนาดย่อมๆได้เลย
หลังจากที่ทำให้บาฮามุธหยุดชะงักลงแล้ว ข้าก็ไปโผล่ต่อหน้ามัน ก่อนจะบรรจง เตะ ลงไปที่หัวของมันเต็มๆ
แต่ข้าขอบอกไว้เลยนะ ที่ข้าทำทุกอย่างไปนี่ไม่ได้จะฆ่าเจ้ามังกรนี่หรอกนะ ข้าก็แค่อยากเตือนสติมันก็เท่านั้น
“ รับไปซะ- อสนีบาตกัมปนาท ”โกรุม
ทันทีที่ปลายเท้าได้สัมผัสกับหัวของมัน ก็ได้เกิดระเบิดขึ้นพร้อมกับประกายสายฟ้าที่รุนแรงมากๆ ความหนักหน่วงของการเตะนี้ มันทำให้เขตแดนนี้คลายออกในทันที และยังส่งผลให้ผืนมหาสมุทรถูกระเหยจนถึงพื้นสมุทรในรัศมีเป็นวงกว้างเลยทีเดียว
ก็.. ตอนแรกข้าคิดว่ามันจะทนมือทนเท้ามากกว่านี้สักหน่อย แต่ไหงตอนนี้มันดันมาสลบไปได้เนี่ย.. เซ็งชะมัด
เอาเถอะ ข้ารักษาให้มันหน่อยก็แล้วกัน ..หวังว่ามันจะหลุดควบคุมแล้วนะ
…
“ อัลเลียนทำอะไรน่ะ!! ”เร็กซ์
“ใจเย็นน่า ฉันจะให้พวกเธอล่วงหน้าไปก่อน ”
ผมจับสมผัสของการต่อสู้ที่รุนแรงในระดับหนึ่งที่เกิดขึ้นได้ พอเพ่งมองดีๆ ก็เห็นคุณกอร์กำลังสู้กับครึ่งมอนสเตอร์อยู่?.. ตัวอะไรล่ะนั่น ประหลาดชะมัด..
เดี๋ยวนะ ร่างกายของมันเหมือนกับพวกในซากโบราณในหมู่บ้านอิสรันเลย! รึว่าเป็นพวกเดียวกัน?
จากเท่าที่ผมดู ถึงคุณกอร์เขาจะสามารถไล่ต้อนมันได้ แต่ก็ไม่อาจจะทำให้มันบาดเจ็บได้เลย.. ผมคิดว่าผมต้องช่วยเขาแล้วล่ะ
ผมดึงคันเร่งออกมาเป็นดาบสั้นทั้งสองข้าง ก่อนที่จะค่อยๆทรงตัวและยืนขึ้นบนรถสกายไบค์
ผมเชื่อใจในตัวเรโมดิชว่ามันจะพาพวกเธอไปถึงที่หมายได้แน่ๆ ส่วมผมนั้นก็ใช้สกิลที่พึ่งได้รับมาใหม่อย่างพลังจิต ในการทรงตัวให้มั่นคงมากขึ้น
แม้ว่าพลังจิตมันจะอ่อนไปสักหน่อย แต่มันก็ใช้ได้ดีมากๆเลยล่ะ
“ เร็กซ์.. ที่อารุฟานน่ะ ขอฝากพวกเธอได้ไหม ”
“ ว่าไงนะ??.. ”เร็กซ์
“ ฉันจะไปจัดการตัวการกับคนรู้จักน่ะ ”
“ ถ้าจะจัดการพวกมอนเทียสล่ะก็ พอวิกตอเรียไปด้วยสิ! ”เร็กซ์
“ เอ๊ะ? ”
“ เธอเก่งที่สุดในแคลนของพวกเราแล้ว ช่วยนายได้แน่นอน! ”เร็กซ์
“ ได้! ”
จากนั้นขณะที่แบล็คซันกำลังเคลื่อนที่เข้าใกล้การต่อสู้นั้น ผมอุ้มวีขึ้นมาในท่าเจ้าหญิง เพราะว่าท่านี้มันถนัดที่สุดแล้วสำหรับผม
“ ฝากด้วยนะ วี ”เร็กซ์
“ อืม! ”วิกตอเรีย
“ เอาล่ะนะ.. ”
3
2
1
.
.
ฝุบ-
ฉับ!!
“ อ- อ๊ากกกกกก!!!!! ” ?
ทันทีที่ผมพาวีกระโดดลงมาจากแบล็คซัน เธอแยกกับผมทันที และใช้ดาบของเธอฟันไปที่แขนของเจ้าครึ่งมอนสเตอร์นั่น ขณะที่ตัวของเธอกำลังลอยอยู่กลางอากาศ
“ ออร่ามาสเตอร์เรอะ!? ”กอร์
“ คุณกอร์!! ”
“ ให้พวกเราได้ช่วยคุณนะคะ! ”วิกตอเรีย
ตอนนี้พวกเรา กำลังล้อมเจ้าตัวร้ายกันอยู่สามมุมล่ะ
มันไม่มีทางหนีไปไหนได้แน่นอน
ก็ทั้งสองคนนั้นแข็งแกร่งกันขนาดนั้นนี่นะ
ตัดจบตอน
ตอนหน้าน่าจะใส่กันยับแล้วล่ะ