ตัวของผมในต่างโลก.... แม่งบ้า!!! - บทที่ 1 ตอนที่ 19 ศาสตราโลหิตเหล็กเทวะ (1)
วันที่ 13 ของการเดินทาง
ช่วงเย็น
“ โห.. ยิ่งใหญ่สุดๆ ”
ทันทีที่ผมมาถึงอารุฟาน ก็ต้องตกตะลึงในความยิ่งใหญ่ของมัน นอกจากจะเป็นเมืองที่ถูกสร้างภายใต้ผืนป่าที่เป็นต้นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่แล้ว ที่นี่ยังต้อนรับผู้ที่มาจากต่างแดนโดยสวัสดิภาพอย่างด้วย
ไม่ว่าผมจะมองไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้และบ้านต้นไม้ แม้จะเป็นอาณาจักรที่ไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แต่ความสวยงามของธรรมชาตินับว่าเป็นในใจผมตอนนี้เลยล่ะ
อีกทั้งยังมีวิทยาการในการสร้างบ้านเรือนด้วยอิธบล็อค หิน ร่วมกับการใช้ไม้เป็นโครง ผมเอล์ฟในโลกนี้คงจะไม่ยึดติดกับเรื่องต้นไม้อะไรขนาดนั้นล่ะมั้ง ถ้าเป็นไปตามไลท์โนเวลพวกเอล์ฟจะปกป้องผืนป่าสุดใจเลยล่ะ
แล้วเมื่อผมได้ก้าวเข้ามายังใจกลางเมือง ผมเห็นผู้คนหลากหลายชาติพันธ์ทั้งมนุษย์ เอล์ฟ ปีศาจ บีสแมน ดาร์คเอล์ฟ ดวาฟ หรือแม้กระทั่งดราโกนอย เพ่นพ่านอยู่ที่นี่ ซื้อขายของกันอย่างเป็นธรรมชาติ
ดูเหมือนว่าที่ดินแดนนี้จะไม่มีการแบ่งแยกชาติพันธ์กันทำให้ไม่มีสงครามเกิดขึ้น หรือว่าบางทีสงครามมันอาจจะถูกระงับไปนานแล้วก็ได้ นั่นถือเป็นเรื่องดีเลยล่ะที่โลกนี้นั้นปลอดภัยในระดับหนึ่ง
ถึงแม้ผมต้องการที่จะเข้าไปในตลาดกลางจตุจักรนั่นขนาดไหน ผมก็ยังคงไม่ลืมถึงสิ่งที่นำให้ผมมาที่นี่จริงๆ
ถ้าเป็นไปตามที่ท่านแม่ได้บอกกับผมเอาไว้ ผมคงจะต้องไปที่ต้นไม้ที่ใหญ่มากๆสินะ แต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้ใหญ่ทั้งหมดเลยแฮะ ผมเริ่มจะแยกไม่ออกแล้วล่ะว่าต้นไม้ใหญ่ที่ท่านแม่บอกมันเป็นต้นไม้ต้นไหน
แต่ทว่าเมื่อผมได้หันกลับไปยังทิศเหนือสุดของอาณาจักร ก็ได้สะดุดเข้ากับต้นไม้ต้นหนึ่ง ที่มันยิ่งใหญ่กว่าต้นไม้ต้นอื่นๆอย่างเทียบไม่ติด และมันยังเป็นต้นไม้ต้นแรกที่ผมเห็นก่อนที่จะขึ้นบนมาบนทวีปนี้
“ ยูดรา.. ”
ราวกับว่ามีบางอย่างดึงดูดให้ผมไปทางนั้น ผมเดินตามเสียงหัวใจไปยังต้นไม้ยักษ์นั่น ระหว่างทางก็มีเอล์ฟบางคนเพ่งสายตามาที่ผมเหมือนกับว่าพวกเขาเห็นอะไรบางอย่างในตัวของผม
ผมได้มาหยุดอยู่ตรงหน้ายูดรา และข้างหน้าผมตอนนี้ก็คือโพรงต้นไม้ของมัน ใจผมยิ่งเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆเมื่อได้เข้าใกล้กับทางนั้น ซึ่งเป็นทางที่ผมไม่รู้ว่ามันจะพาผมไปที่ไหน แต่ในใจก็เดาไว้แล้วล่ะที่ข้างในนี้คือลาต์โฮลเดอร์แน่นอน
“ อีกนิดเดียว ”
อีกนิดเดียวที่เป้าหมายของผมจะสำเร็จ ขอแค่ผมก้าวเข้าไปข้างในและไปเอาอาวุธที่ควรจะเป็นของผมกลับมา
ทันใดนั้น เหล่าเอล์ฟอวุโสทั้งหลายก็ปรากฏตัวขึ้นและคว้าตัวของผมเอาไว้จากข้างหลัง
แม้ว่าจะขึ้นชื่อว่าอวุโส แต่รูปร่างหน้าตาของพวกมันช่างขัดแย้งกับอายุจริงๆ
“ ไอ้หนู!! แกจะทำอะไร!! ”ซารา
ตึ่ง!!-
หนึ่งในเอล์ฟอวุโสคนหนึ่งใช้มือของของจับหัวผม และกดหัวของผมทุ่มกับพื้นด้วยความรุนแรงที่สามารถทำให้พื้นอิธแตกเป็นรอยร้าวเหมือนรอยกระจกแตกได้เลย
“ อึ่ก-!! ”
ฟูมมม!!!
หนำซ้ำเขายังใช้แรงกดดันทางพลังเวทใส่ผม
แรงกดดันทางพลังเวท ถือการปล่อยพลังเวทในปริมาณมหาศาลออกมาจากตัวนักเวท และส่งผ่านจิตสังหารไปหาเป้าหมาย ยิ่งแรงอาฆาตมีมากเท่าไหร่ แรงกกดดันนั้นก็จะยิ่งส่งผลมากขึ้นเท่านั้น
ซึ่ง.. คนที่จะทำแบบนั้นได้มีเพียงจอมเวทระดับ 8 ขึ้นไป…
และระดับพลังของจอมเวทขั้นที่ 8 นั้นมีมากกว่าจอมเวทขั้นที่ 5 หลายต่อหลายขุมเลยทีเดียว
และขณะนี้เองผมก็กำลังถูกจอมเวทระดับ 8 ที่ว่านั่นขัดขวางในการเข้าไปในลาสต์โฮลเดอร์ของผม ส่วนเอล์ฟอวุโสคนอื่นๆที่ปล่อยมือจากตัวผมไปก็คอยระวังผมทุกฝีก้าว
“ แกรู้ได้ยังไงว่าที่นี่มีทางลับอยู่!! ”ซารา
ผมไม่สนใจคำพูดของเอล์ฟอวุโสคนนี้ ก่อจะหันไปสังเหตรอบๆตัว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะจำกัดไม่ให้คนภายนอกเข้ามาในบริเวรนี้แล้วล่ะ เพราะดูจากสถานการณ์แล้ว ความอันตรายน่าจะมาจากตัวของเอล์ฟคนนี้เองมากกว่า
“ผมไม่รู้หรอกนะว่าทางลับนั่นคืออะไร.. แต่ที่ผมรู้คือผมเห็นโพรงต้นไม้ และผมก็จะเข้าไปเอาอาวุธของผมข้างในนั้น!! ”
ผมไม่สามารถปล่อยเรื่องนี้ไปได้ ในเมื่อผมลงแรงไปตั้งมากกว่า กว่าจะมาถึงที่นี่ จะให้กลับบ้านมือเปล่าได้ยังไง
“ ไร้สาระ!! อาวุธงั้นรึ เด็กอย่างแกจะมีเก็บไว้ในส่วนสุดท้ายของโลกได้ยังไง!!! ”ซารา
เขายังเกรี้ยวกราดไม่เลิก และยังเพ่งเล็งมวลมานามหาศาลมาที่ผมอีก.. นี่มันแทบจะทำให้ผมหายใจไม่ออกเลยล่ะ
จนกระทั่งได้มีคนคนหนึ่งก้าวเข้ามาภายในรัศมีของแรงกดดันทางเวทของคนๆนี้ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้เป็นอะไรเลย
“ เรื่องแค่นั้นถึงกับทำให้เจ้าเกรี้ยวกราดเลยรึ ซารา ”โกรุม
เพียงแค่เขาเอ่ยปากขึ้น แรงกดดันทั้งหมดหายไป และหลงเหลือเพียงแค่อาการสั่นกลัวของคนคนนี้.. เขาเป็นใครกัน ถึงได้สามารถทำให้จอมเวทระดับ 8 ที่มีความแข็งแกร่งระดับที่สามารถถล่มประเทศได้ด้วยเวทมนตร์เพียงบทเดียวถึงกับสั่นกลัวได้ขนาดนี้
ผมค่อยๆหันกลับหลังช้าๆ
และสิ่งที่ผมเห็นคือชุดสูทสีขาวที่เป็นเหมือนกับชุดของพวกราชวงศ์ พ่วงด้วยยศที่ติดอยู่เต็มอกของเขา เขาเป็นเอล์ฟที่มีความสง่างามและดูน่าเกรงขามไปในตัว นั่นทำให้ผมถึงกับขนลุก
ส่วนหนึ่งในจิตใจของผมเองก็อบอุ่นขึ้นมาภายในอกอย่างบอกไม่ถูก
“ ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าให้หัดควบคุมตัวเองซะบ้าง ”โกรุม
“ ข้า-.. ข้าขออภัยขอรับ.. ”ซารา
เอล์ฟอวุโสคนนั้นคุกเข่าขอขมาต่อบุคคลตรงหน้าอย่างน่าสังเวช
“ บอกข้ามาสิว่าจะไม่ทำอีก ”โกรุม
“ ข- ข้า.. ”ซารา
“ บอกข้ามาสิ ว่าเจ้าจักไม่ทำเรื่องน่าสังเวชในฐานะที่เป็นเอล์ฟอวุโสอีก!!! ”โกรุม
คลืดดด–
เพียงแค่เสียงตะโกนของเขา ก็สามารถทำให้ทั้งเมืองและผืนป่าสั่นไหวราวกับว่ากำลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.8 ริกเตอร์อยู่เลย และผมเองที่เป็นคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ก็ได้รับผลกระทบของแรงกดดันที่เหนือกว่าแรงกดดันเมื่อสักครู่อย่างท่วมท้นไปอย่างจัง
นั่นทำเอาผมขวัญผวาสุดๆไปเลย
“ ข้าจะไม่ทำอีกขอรับ!!!! ”ซารา
“ ดี ”โกรุม
หลังจากที่เขาดุลูกน้องของเขาไป เขาก็หันมาที่ผมก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปเป็นใบหน้าที่อบอุ่นของชายวัยกลางคน อีกทั้งดวงตาของเขายังเรืองแสงสีแดงทับทิมออกมาอีก..
ราวกับว่าเขา.. กำลังจ้องมองเข้ามายังดวงวิญญาณของผมโดยตรง
“ ยินดีที่ได้พบนะครับ ผมมหาจอมเวทระดับ 10 โกรุม ลาร์ อารุฟาน”โกรุม
ฺ” ไม่ได้พบกันนานมากเลยนะครับ.. พี่ “โกรุม
เห๊ะ-… อะไรล่ะนั่น..
“ ที่ตรงนี้มันไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เอาเป็นว่าไปคุยกันในวังเถอะ ”โกรุม
…
“ สรุปก็คือ.. คุณเป็นน้องของกอร์สินะครับ ”
ตอนนี้ผมอยู่ตรงริมระเบียงภายในส่วนหนึ่งของวังหลวงของอาณาจักรเอล์ฟล่ะ แม้มันจะไม่ได้ประดับไปด้วยทองทั้งหลัง แต่ของที่ละอย่างที่อยู่ภายในวังนั้นสวยงามจนน่าหลงไหลเลยล่ะ ระหว่างทางที่มาก็จะเป็นพวกราชวงศ์ที่เดินอยู่ภายในวังน่ะ พวกเขาไม่ได้น่ากลัวมากเท่าไรนัก และออกจะเป็นกันเองด้วยซ้ำ
“ ใช่ แม้เราจะไม่ได้เป็นพี่น้องกันแท้ๆ แต่ดวงวิญญาณที่อยู่ในร่างเธอคือพี่ชายของฉันอย่างแน่นอน ”โกรุม
“ อีกอย่างในเมื่อเธอเป็นลูกของเหลนฉันอย่างวิเวียน แล้วก็เป็นถึงคนจากต่างโลก เราก็ต้องจัดงานเลี้ยงต้อนรับกันหน่อยล่ะนะ ”โกรุม
“ ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมชอบงานเลี้ยงนะ แต่ผมว่าจะอยู่ที่นี่แป๊บเดียวน่ะ ”
“ น่าเสียดายจัง เอาเป็นว่าจัดงานเลี้ยงเล็กๆภายในวังแทนละกันนะ ”โกรุม
“ ขอบคุณครับ.. ”
“ แล้วเธอจะมาอยู่นี่สักกี่วันดีล่ะ? ”โกรุม
“ ผมคิดว่า.. ประมาณ 3 วันน่ะครับ เพราะผมต้องรีบกลับด้วย และไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลามากขนาดไหนกว่าจะถึงอาณาจักรน่ะครับ ”
“ เป็นงั้นเอง .. อืมๆ ”โกรุม
“ คือว่า.. คุณเอล์ฟคนนั้นจะไม่เป็นไรหรอครับ? ”
“ เอล์ฟคนนั้น?.. อ๋อ ซาราน่ะหรอ เจ้านั่นน่ะไม่เป็นไรหรอกสบายหายห่วง ก็.. ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุนั่นแหละ เลยต้องดุมันบ่อยๆ ”โกรุม
“ มีอะไรจะถามก่อนเข้าประเด็นหลักไหมล่ะ ”โกรุม
“ เล่าเรื่องของกอร์ กับที่มาของอาณาจักรนี้ให้ฟังหน่อยสิครับ ผมอยากรู้เรื่องทั้งหมดเลยน่ะ ”
“ โอ้ ได้สิ ก็เธอเป็นผู้สืบทอดของพี่ชายนี่นะ ”โกรุม
…
เรื่องมันเริ่มจากตอนที่ฉันยังเป็นเด็กกำพร้า และกอร์ที่เป็นพี่ชายก็ได้เข้ามาช่วยฉันไว้จากความอดอยาก จากสงครามที่โหดร้ายของพวกมนุษย์และปีศาจที่ทำลายหมู่บ้านของพวกเราจนมีเพียงแค่ฉันที่เป็นคนที่เหลือรอดจากที่นั่น
“ ฉันกอร์นายล่ะชื่ออะไร ”กอร์
“ โ- โกรุมครับ.. ”โกรุม
“ เอางี้ไหม นายมาเป็นน้องชายของฉัน แล้วฉันจะดูแลนายเอง ”กอร์
“ เฮะๆ.. ฝากตัวด้วยนะครับ.. พี่กอร์ ”โกรุม
ตั้งแต่ที่ฉันได้มาอยู่กับพี่ชาย ชีวิตความเป็นอยู่ก็ดีขึ้นมากเลยล่ะ ฉันได้เรียนรู้ถึงสิ่งที่จำเป็นอย่างเวทมนตร์ และทักษะการต่อสู้ที่หลากหลาย ในยุคสมัยนั้นน่ะนะการฆ่า การปล้ม ข่มขืน ใครจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย เพราะมันอยู่ในช่วงสงคราม
ต่างคนต่างก็ทำสงครามของตน ไม่จบไม่สิ้น ทุกๆสิ่งต่างถูกทำลายด้วยเวทมนตร์ขั้นสูง และออร่ามาสเตอร์
นับว่่าช่วงเวลานั้นคือยุคแห่งการสูญสิ้น คือกลียุคเลยล่ะ
พี่ชายของฉันเลยมีความคิดที่จะหยุดสงคราม เดิมทีแล้วเขาเป็นคนที่ไม่ได้แข็งแกร่งอะไร แต่มากไปด้วยความมุ่งมั่น เขาพยายามอย่างหนัก แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย
จนกระทั่งวันหนึ่ง ที่หมู่บ้านของเราถูกทำลายด้วยกองทัพของทั้งสี่ทัพใหญ่ของแต่ละเผ่าพันธ์ มนุษย์ ปีศาจ ชาวสวรรค์ และมนุษย์สัตว์ได้มาทำสงครามที่หมู่บ้านของพวกเรา และฉันก็คือคนที่เหลือรอด โดยที่หมู่บ้านถูกทำลาย ไปพร้อมกับพี่ชายของฉันที่สู้เพื่อปกป้องมันสุดชีวิต แม้จะตัวเองจะไม่ได้แข็งแกร่งมากก็ตาม
แต่แล้ว ช่วงเวลาที่เขาตายสกิลของเขาก็ทำงาน สกิลที่ไม่สามารถทำงานได้ได้เปิดใช้งานขึ้นตอนที่เขาตาย มันชุบชีวิตเขาขึ้นมา เพิ่มความแข็งแกร่งให้กอร์อย่างมหาศาล และสิ่งที่ต้องแลกมาคือความคลุ้มคลั่งของเขาในชั่ววินาที
กอร์ทำลายทุกสิ่งที่เป็นคนพรากหมู่บ้านของเขาให้ราบเป็นหน้ากลอง
วันนั้นฉันเห็นพี่ชายของฉัน.. ยืนอยู่ท่ามกลางภูเขาซากศพและกองเลือดเนื้อของแต่ละเผ่าพันธ์ นั่นจึงทำให้เขาถูกเรียกว่าอาชญากร และถูกตั้งค่าหัวไว้สูงมากพอสมควร
ตอนนั้นเราหนีกันไปเรื่อยๆ เมื่อเจอเอล์ฟที่ตกระกำลำบากแบบฉันก็รับมาอยู่ด้วย จนกลายเป็นชุมนุมขนาดใหญ่ ก่อนที่จะก่อตั้งหมู่บ้านขึ้นมา หมู่บ้านนั้นอยู่ห่างจากอัฟฟาไปประมาณครึ่งค่อนโลก
แต่พอสงครามเริ่มรุนแรงขึ้นในปีต่อมา จนมีบางส่วนจากสงครามมากระทบกับหมู่บ้านเรา กอร์ที่เป็นพี่ชายของฉันไม่สามารถทนอยู่เฉยได้ เดิมทีแล้วเขาก็มีความคิดที่จะจบสงครามบ้าๆนี่อยู่แล้ว เขาจึงต้องการที่จะออกไปหยุดมัน เพื่อฉัน เพื่อพวกเราจะได้ไม่ต้องมาลำบากกันขนาดนี้
ฉันที่ไม่ชอบสงคราม เลยไม่อยากให้พี่ชายไปเสี่ยง จึงคัดค้านหลังชนฝา แต่พี่เขาก็ไม่ฟังก่อนจะวิ่งออกไป
อีก 3 ปีต่อมา ช่วงนั้นคือช่วงที่สงครามยุติลงอย่างสมบูรณ์ กล่าวกันว่าด้วยจำนวนคนเพียงแค่ 1 กลับสามารถถล่มกองทัพทั้ง 9 เหล่าในมหาสงครามได้ด้วยตัวคนเดียว
ประจวบเหมาะกับที่ในตอนนั้นเป็นเวลาที่พี่กอร์มาถึงบ้าน.. แบบโชกไปด้วยเลือด
ด้วยความสยดสยองนั่นมันสามารถทำให้คนอื่นๆกลัวได้เลย อีกทั้งในบ้านก้มีภรรยาและลูกๆของผมอยู่ ผมไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาทนเห็นภาพที่น่ากลัวพวกนี้ได้จึงตัดสินใจที่จะต่อว่าพี่
ผมรู้ว่าการที่เขาทำไปแบบนั้นเป็นเพราะเรา แต่ด้วยความที่ผมขาดสติยั้งคิดไปชั่วครูเพียงเพราะเขากลับมาอย่างกระทันหัน อีกทั้งตัวของพี่ชายในตอนนั้นไม่ได้ถูกมองว่าเป็นวีรบุรุษเลย เขาเป็นเพียงฆ่าอาชญากรที่ฆ่าไปแล้วเป็นแสนๆศพ
ฉันจึงทำในสิ่งที่ไม่ควรทำในฐานะน้องชายไป คือการไล่พี่ชายของตัวเองออกจากหมู่บ้าน
พี่เขาไม่ได้พูดอะไรกับฉัน เขาเพียงแค่ยิ้ม เขาเข้าใจในสถานการณ์ของฉันดี ทั้งๆที่ไปอยู่ในสงครามมานานแต่สติของเขาก็ยังดีเต็มร้อย เขายิ้มให้ผมด้วยความอบอุ่น ก่อนที่จะเดินออกไปจากหมู่บ้าน
ฉันมองตามหลังพี่เขาไป เมื่อมองตามแผ่นหลังของเขาไปฉันรู้สึกได้เลยความรู้สึกของพี่ชายในตอนนั้นมันเป็นยังไง ทั้งเศร้า ทั้งภูมิใจ และเหงา เปล่าเปลี่ยว ฉันรู้ได้เลยว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาคิดถึงแต่พวกเรา และไม่ได้มีอะไรกับผู้หญิงคนไหนเลยในชีวิต เขาเป็นเพียงแค่ชายผู้หนึ่ง ที่ทำทุกอย่างเพื่อน้องชายที่ตนรัก
ฉันรู้สึกผิดที่ต้องทำแบบนั้นกับพี่ แต่ทำยังไงได้ หมู่บ้านนี้มันก็ใหญ่ขึ้นมากแล้ว ฉันที่เป็นหัวหน้าหมู่บ้านไม่สามารถปล่อยให้สิ่งที่ทำให้ลูกบ้านกังวลใจมีอยู่ในหมู่บ้านได้หรอก ทว่าลูกบ้านของฉันนั้นคิดต่างออกไป
พวกเขาล้วนแล้วแต่เคยถูกพี่ชายของฉันช่วยชีวิตเอาไว้ จึงมีอยู่หลายคนเลยที่ไม่พอใจในการตัดสินใจที่สิ้นคิดของฉัน และเพราะแบบนั้นลูกสาวของฉันจึงได้บอกฉันให้ไปคืนดีกับลุงของเธอ หรือก็คือพี่ชายของฉันเอง
จริงๆแล้วเธอก็ไม่ได้เกลียดอะไรลุงของเธอ เพราะตั้งแต่แรก.. เขาก็เป็นคุณลุงที่ใจดีเสมอมา
ในเมื่อทุกคนอยากให้ฉันไปตามหาเขา ฉันจึงตัดสินใจที่จะจัดเก็บข้าวของเตรียมออกเดินทาง แม้จะเป็นการเดินทางที่ยาวนาน ฉันก็จะต้องเจอพี่ชายของฉันให้ได้
อีกทั้งฉันได้ฝากฝังหมู่บ้านไว้ให้กับภรรยาของฉันที่เธอเก่งด้านบริหารเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
หลังจากนั้น การเดินทางอันยาวนานก็ได้เริ่มต้นขึ้น
31 ปีผ่านไป
ฉันตามเบาะแสของเขาทุกๆที่ และมันเชื่อมโยงมาถึงที่นี่กันทั้งหมด หรือก็คือ.. ที่ต้นไม้ใหญ่ยูดราแห่งนี้คือที่อยู่ของกอร์ ฉันเข้ามาในโพรงต้นไม้ ความรู้สึกในตอนนั้นราวกับว่ากาลเวลาและอวกาศกับมิติถูกแยกออกจากกัน พื้นที่ที่ฉันได้ก้าวเข้าไปนั้น คือที่ที่เหล่าภูติอาศัยอยู่ เป็นดินแดนที่ตัดขาดจากโลกโดยสิ้นเชิง
มีชื่อว่าสถานที่สุดท้ายของโลกที่จะเห็นเพียงเส้นขอบฟ้า หมู่เมฆอันสดใสและสวนดอกไม้ กับต้นไม้ต้นหนึ่งเท่านั้น
ชื่อจริงๆของสถานที่นั้นคือ ลาสต์โฮลเดอร์ เป็นที่พำนักของราชันย์ภูติแห่งลม อิมม์ และเป็นสถานที่ ที่ฉันได้เห็นร่างของพี่ชายที่กลายเป็นศพ.. อยู่ในอ้อมกอดของราชันย์ภูติแห่งลม..
อาวุธของเขาได้รับการดูแลอย่างดีจากเหล่าภูติลมจากระดับต่ำ ไปจนถึงระดับสูง
เมื่อฉันได้เห็นร่างของพี่ชาย ฉันก็แทบที่จะไม่เชื่อในสายตาของตนเองเลยล่ะ.. ไม่คิดว่าตอนนั้น จะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่ได้พูดกับพี่ชาย ทั้งๆที่ยังไม่ได้ลากันเลย… พี่ก็ดันมาตายไปซะก่อน
หลังจากที่ฉันได้เห็นมันกับตาแล้ว จึงตั้งใจที่จะย้ายหมู่บ้านมาที่ดินแดนแห่งนี้ ที่ปัจจุบันคือทวีปอัฟฟา และได้สร้างอาณาจักรอารุฟานขึ้นมา ปราบดาพิเศกตัวเองเป็นราชาองค์แรกของอารุฟาน ปกครองอาณาจักรแห่งนี้มารุ่นสู่รุ่น สืบจนปัจจุบัน
…
“ ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมมาตั้งอาณาจักรอยู่ที่นี่ คือฉันจะได้ใกล้ชิดกับท่านพี่เสมอไง แม้ว่าเขาจะกลายเป็นเพียงศพคนตายไปแล้ว อีกทางนึงก็คือ เพื่อไม่ให้ใครก็ตามที่คิดจะเอาศพของเขาไปเป็นอันเดด ฉันจึงต้องอยู่ที่นี่ด้วยตัวเอง ”โกรุม
เป็นเรื่องราวที่ค่อนข้างน่าเศร้าพอสมควรเลย แต่ผมคิดว่าความแข็งแกร่งของกอร์มันเว่อร์ไปหน่อยนะ 1 ต่อคนเป็นแสนๆคนเนี่ยนะ จะโหดเกินไปแล้ว หรือว่าสกิลจุติของเขาพอเกิดใหม่แล้วจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ? ไม่รู้สิ แต่มันน่าจะโกงอยู่แหละ
อีกอย่างที่ทำให้เขาชนะก็น่าจะเป็นยุทธศาสตร์จำลองสินะ เรื่องนี้ผมก็พอเข้าใจได้ ก็เพราะมันเก่งขนาดนั้นเลยยังไงล่ะ
“ส่วนพวกเอล์ฟอวุโสที่นายเห็นน่ะเป็นรุ่นหลานจากพวกที่อยู่ในเหตุการณ์น่ะ แต่เจ้าพวกนั้นก็มีอายุมากว่า 1500 ปีละนะนั่น ”โกรุม
“ คุณล่ะ อายุเท่าไหร่หรอ? ”
“ ประมาณ… 3600 ปีได้มั้ง ”โกรุม
“ ฮ่าๆๆๆ ไม่ใช่ฉันคนเดียวหรอกนะที่มีอายุถึงขนาดนั้นน่ะ เจ้าพวกที่มีอายุประมาณฉันส่วนใหญ่ก็เป็นบรรพบุรุษของแต่ละตระกูลในอาณาจักรนี้ทั้งนั้นแหละ! ”โกรุม
“ เธอมาที่นี่เพื่อเอาศาสตราโลหิตเหล็กเทวะใช่ไหม? ฉันคิดว่าราชันย์ภูติน่าจะรู้เรื่องของเธออยู่แล้ว เอาเป็นว่าเธอค่อยเข้าไปที่ลาสต์โฮลเดอร์หลังจากที่เราจัดงานเลี้ยงเล็กๆนี่เสร็จก็ได้นะ! ”โกรุม
“ คือว่านะคุณโกรุม ผมสงสัยอยู่อย่าง คือว่าคุณเนี่ย ถ้าให้เทียบ คุณแข็งแกร่งประมาณไหนหรอครับ? ”
“ ถามได้ดีนี่ เธอรู้คงจะอยู่แล้วสินะว่าความต่างระหว่าง จอมเวทระดับ 5 กับ 8 มันมากขนาดไหน ”โกรุม
“ครับ ก็พอรู้มาบ้าง ”
“ แต่สำหรับระดับ 10 นั้นมากยิ่งกว่านั้นเป็นร้อยๆเท่า เรียกได้ว่าข้าเป็นเพียงคนเดียวบนโลกนี้ที่มีความแข็งแกร่งระดับที่ 10 เลยล่ะ สำหรับระดับนี้นั้นมีอีกชื่อเรียกว่า เทียมเทพ มันก็.. แข็งแกร่งตามชื่อล่ะนะ ฉันสามารถเป่าทวีปนึงทิ้งได้ด้วยการร่ายเวทเพียงบทเดียว ”โกรุม
“ ว้าว! แข็งแกร่งสุดๆ!! ”
ความแข็งแกร่งระดับนี้ทำเอาผมไม่อยากเป็นศัตรูด้วยเลยล่ะ จะว่ายังไงดีล่ะ ถ้าวัดระดับเป็นแรงก์ล่ะก็เขาคงจะอยู่เหนือแรงก์ SSS ไปแล้ว คงจะโอเวอร์แรงก์นั่นแหละ
แต่เขาเป็นคนที่เฟรนลี่สุดๆไปเลยล่ะนะ
“ ก็นะ เหมือนว่างานเลี้ยงจะพร้อมแล้ว เราจะรอช้าอยู่ทำไมกันล่ะ รีบไปกันเถอะ! ”โกรุม
คุณทวดโกรุมไม่รอช้า เขารีบนำทางผมไปที่ท้องพระโรงทันที ซึ่งงานเบี้ยงนี้แม้เขาจะบอกว่าเป็นงานเลี้ยงเล็กๆ แต่ดูเหมือนว่ามันจะค่อนข้างใหญ่เลยล่ะนะ
มีทั้งราชวงศานุวงศ์ กับพวกตระกูลใหญ่ทั้งหลาย พวกเขาคุยกันอย่างสนุกสนาน ก่อนที่คุณโกรุมจะพาฉันมาที่โต๊ะอาหาร แล้วปล่อยให้ผมเลือกกินอาหารตามใจชอบ
เอิ่ม.. ผมขอบอกเลยว่า เจ้าพวกนี้มันน่ากินสุดๆไปเลย..
แต่ว่าผมเผลอตักมาหจนเพลินไปหน่อย เลยได้มาชนกับผู้หญิงชาวเอล์ฟคนหนึ่ง เธอเป็นผู้หญิงชาวเอล์ฟผมสั้นสีแดง ดวงตาสีแดงทับทิม ผิวสีแทนเล็กน้อยราวกับว่าเธอออกไปตากแดดข้างนอกค่อนข้างบ่อย บ่งบอกว่าเธอเป็นพวกชอบผจญภัย ที่ซึ่งแตกต่างกับชุดของเธอที่เป็นเดรสสีแดงร้อนแรงที่เห็นแล้วแสบต๊าแสบตา
“ อ่ะ- ขอโทษครับ- ”
“ ม- ไม่เป็นไรค่ะ! ”เรกกะ
ไม่นานนัก คนที่ดูเป็นเหมือนคุณพ่อของเธอก็ได้เดินเขามา.. บอกตามตรงเลย พวกเขาทั้งคู่ดูไม่ต่างกันเท่าไหร่
“ได้ยินมาจากปู่แล้วล่ะ เธอคงจะเป็นลูกของพี่วิเวียนสินะ เด็กคนนี้คือเรกกะ อายุ 14 เป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอน่ะ แต่ว่าเหมือนเรกกะจะเป็นน้องสาวนะ เพราะเธออายุ 17 ปีนี่นะ ฮ่าๆๆ มาทำความรู้จักกันไว้ดีกว่าหลานชาย ฉันฮากะราชาคนปัจจุบันของอารุฟาน”ฮากะ
“ อัลเลียนครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณน้า ”
ว้าว ผมมีน้าเป็นราชาล่ะ โคตรเฟี้ยวเลย
“ ฮ่าๆๆๆ น้าสินะ เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ยิน ช่วยสนิทกับลูกสาวฉันไว้เยอะๆนะหลานชาย! เธอค่อนข้างขี้อายน่ะ!”ฮากะ
“ ด- เดี๋ยวเหอะ ท่านพ่อ!! ”เรกกะ
“ ฮ่าๆๆ! ทานได้เต็มที่เลยหลานชาย! ”ฮากะ
สองพ่อลูกคู่นี้นี่.. ดูเป็นกันเองดีแฮะ
แม้ว่าแผนการในวันแรกจะไม่ได้สำเร็จแบบที่ตั้งเป้าเอาไว้ แต่ผมก็ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับกอร์เยอะแยะเลยล่ะ รู้สึกว่าคุ้มแล้วล่ะนะวันนี้
เอาเป็นว่าค่อยเข้าไปที่ลาสต์โฮลเดอร์วันหลังละกันนะ ส่วนวันนี้ก็ขอดื่มด่ำกับอาหารตรงหน้าก่อนละกันฮ่าฮ่า
ตัดจบตอน
โกรุมตึงโคตร