ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น - ตอนที่ 54 เล่ม 3 : เฮเว่นส์ลีคส์ (8)
เมืองมินาโตะ
ภายในห้องตัดต่อของบริษัทสถานีโทรทัศน์เเห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า มีเดีย24, ฮิมูโระ ทาคาสึกุ ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของเขา พอนั่งลงที่โซฟาเเละมองไปที่นาฬิกาข้อมือ ฮิมูโระก็มองไปที่หน้าจอโทรศัพท์ เดาะลิ้นเเละกดรับสาย
“โปรดิวเซอร์ชื่อดังต้องการอะไรจากฉันตอนเช้าขนาดนี้กันล่ะ” เขาถาม
ถึงเขาจะพูดเเบบนั้นก็เถอะ เเต่นี่ก็เลยเวลาเที่ยงมาเเล้ว ฮิมูเระเกาหัวเเละพยิบซองคาเเมลออกมาจากโต๊ะ หยิบบุหรี่ออกมาเเละจุดไฟ หลังจากที่เจเเปนทาบาโกะนำเข้าบุหรี่ยี่ห้อคาเมลมา กลิ่นส่วนผสมของตุรกีก็หายไป ทำให้ฮิมูโระเลิกซื้อบุหรี่ยี่ห้อนี้ แแต่อีกสักพักเขาก็กลับมาซื้อมันอยู่ดี เพราะมีการพัฒนาขึ้นเล็กน้อย ตออนนี้เขาก็เป็นกังวลเรื่องการสูบบุปรี่เหมือนกัน เเต่ว่ามันเป็นกิจวัตรที่ขาดไม่ได้ไปเเล้ว เเถมช่วงหลังคนก้พากันรังเกียจกลิ่นบุหรี่ด้วย เลยทำให้เรื่องเเย่ลงไปใหญ่
คนที่อยู่อีกฝั่งนึงของโทรศัพท์ก็ถือ อิชิสซุกะ มาโคโตะ เขาเเละฮิมูโระเป็นเพื่อนกันมาตั้งเเต่สมัยมหาวิทยาลัย เเต่ว่าอิชิซุกะนั้นเป็นอัจริยะที่ได้งานทำที่เซนทรัลเทเลวิชั่น ตอนนี้เขาเป็นโปรดิวเซอร์อยุ่ที่เเผนกโปรดักชั่น เเต่ในทางกลับกัน ฮิมูโระกลับได้งานที่มีเดีย24เพราะเส้นสายของอิชิซุกะ เขาเองไต่เต้าขึ้นมาเป็นโปรดิวเซอร์ได้ เเต่จากที่ตัวเขาเองประเมิน นี่น่าจะมาไกลที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้เเล้ว
“โอ๊ะ โทษที นายหลับอยู่หรอ” อิชิซุกะตอบโดยไม่รู้สึกผิดสักนิด
เอาจริงดิ เเกรู้ชัดๆว่าฉันกำลังหลับอยู่
เเต่ยังไงตอนนี้เขาก็ตื่นเเล้ว ก็เลยตอบไปว่า “ไม่เป็นไร เเล้วมีเรื่องอะไรให้ช่วยล่ะ”
“ไม่เห็นต้องเย็นชาใส่กันเลยน่า เอาเหอะ จำการสัมภาษร์เมื่อวานได้ไหม เกี่ยวกับนักเเสดงคนใหม่ที่เเผนกฉันไปเกี่ยวข้องน่ะ”
“อ๋อ ชื่อ…ไซโต้ ใช่ไหม ถึงจะเร่งยังไง ฉันก็อีดิทไม่ทันในวันเดียวหรอนะ”
ถ้าจะเร่งกันขนาดนั้นก็จ่ายยเงินเพิ่มมาสิ เยอะๆเลยด้วย
“เรื่องนั้นไม่เป็นไร เเต่ตอนสัมภาษณ์ เธอบอกว่าเธอมีโค้ช จำได้ไหม”
“หืมม เดี๋ยวก่อนนะ”
ฮิมูโระค้นหาเเฟ้มบทสัมภาษรณ์ในกองข้าวของ จริงด้วย เธอพูดอะไรทำนองนั้นด้วยนี่นา เขาคิดพลางพ่นลมบุหรี่เพื่อทำหัวให้โล่ง
“จำได้เเล้ว ทำไมล่ะ”
“ฉันอยากให้นายไปตรวจสอบ โค้ช คนที่ว่าหน่อย”
“หา ก็ไปจ้างนักสืบเอกชนสิ นายรู้ใช้ไหมว่าเราเป็นบริษัทโปรดักชั่นนะหา”
“ใจเย็นน่า ฉันอยากจะใช้มันเป็นฟุตเทจของรายการน่ะ”
จากที่อิชิซุกะเล่า ทางบริษัทเอเจนซี่นั้นสนใจในตัวโค้ชคนนี้เเละเริ่มทำการสืบค้นไปบ้างเเล้ว
อืม ก็เข้าใจอยู่ ฮิรูโระคิดเเละไม่ประหลาดใจเเม้เเต่น้อย
นอกจากผู้กำกับเเล้ว เเทบทุกคนรู้ว่าออดิชั่นครั้งนี้ถูกล็อคผลเอาไว้เเล้ว เเต่ทว่านักเเสดงที่เเทบไม่มีใครรู้จักกลับใช้ความสามารถชนะใจผู้กำกับเเละพลิกผลที่วางเอาไว้ได้ เขาสงสัยว่าอัจฉริยะคนนี้คือใครจึงไปลองสืบดูเเล้ว เเต่ทว่าเมื่อสองเดือนที่ผ่านมา นักเเสดงคนนี้ยังมีฝีมือธรรมดาๆที่ไม่มีใครรู้จักอยู่เลย
ถ้ามีใครสักคนมาฝึกไซโต้จริง คนนั้นจะต้องเป็นคนที่พระเจ้าส่งมาให้วงการฝึกนักเเสดงเเน่ๆ ถึงจะเชื่อเเค่ครึ่งนึงของเรื่องนี้ก้ตาม เพราะทาเล้นเอเจนซี่นั้นเป็นตัวเเทนนักเเสดงอยู่เเล้ว พวกเขาเลยต้องสนใจโค้ชคนนี้เเน่นอน
เเล้วทำไมโปรดัคชั่นสตูดิอถึงอยากจะใช้เรื่องนี้เป็นฟุตเทจล่ะ
“โค้ชที่ว่าเป็นผู้ชายรึเปล่า” ฮิมูดระถาม
“น่าจะใช่”
ปกติเเล้วฮิมูระต้องสงสัยว่ามีใครบางคนพยายามสร้างความวุ่นวายด้วยข่าวฉาวอยู่เเล้ว เเต่ทำไมสตูดิโอของอิชิซุกะเองจะต้องพยายามสร้างข่าวฉาวของนักเเสดงนำของภาพยนต์ในค่ายตัวเองด้วยล่ะ เเถมไซโต้นั้นเป็นมือใหม่เเกะกล่อง การสร้างกระเเสนักเเสดงที่มีชื่อเสียงสองคนน่าจะมีเหตุผลมากกว่า เเต่การเสี่ยงที่จะโยงตัวเอกหญิงกับข่าวฉาวก่อนที่ภาพยนตร์จะประกาศอีกเนี่ยนะ ไม่มีโปรดักชั่นสตูดิโอไหนทำหรอก
“จะเอาไปใช้กับรายการอะไรล่ะ” ฮิมูโระถาม
“เอาไว้….ค่อยคุยกันหลังจากนี้”
ทุกรายการมีเเนวทางของตัวเองอยู่เเล้ว เราต้องคอยเก้บฟุตเทจที่เข้ากับเเนวทางเหล่านั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เเต่ถ้าเเนวทางนั้นคลุมเครือ จุดหมายของรายการก็จะไม่ชัดไปด้วย คนอย่างอิชิซุกะต้องระวังเรื่องนี้อยู่เเล้ว เเสดงว่างานนี้ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลเเน่
“พอเหอะน่า ตกลงเเล้วเป้าหมายของฉันคืออะไร”
ไม่ว่าเขาจะคิดมากเเค่ไหนก็ยังคิดหาข้อสรุปไม่ได้ เขาจึงเค้นเอาคำตอบจากอิชิซุกะเเทน
“เคยได้ยินเรื่องการประมูลเมื่อเดือนที่เเล้วไหม” อิชิซุกะถาม “ที่ทั่วโลกให้ความสนใจน่ะ”
การที่อยู่ดีๆก็เปลี่ยนเรื่องทำให้ฮิมุโระสับสนเล็กน้อย “การประมูลเรอะ ในญี่ปุ่นเนี่ยหรอ”
“ฮิมูโระเพื่อนยาก นายฝีมือทื่อลงนะ”
“หุบหากน่า เดี๋ยวนะ นายพูดถึงการประมูลที่เหมือนจะเป็นการต้มตุ๋นนั่นหรอ ที่มีหลายคนมาประท้วงใช่ไหม”
“นั่นเเหละ ฉันน่าจะ- นายรู้เรื่องเเล้วนี่”
ใช่ ฮิมูโระได้ยินรายละเอียดมาบ้างเหมือนกัน ปกติเเล้วการประมูลสกิลออร์บน่าจะเป็นข่าวใหญ่ เพราะว่าตัวของนั้นจะหายไปหลังจากสี่สิบสี่ชั่วโมง เเต่พอมีการประกาศว่ามีเวลาเสนอราคาสามวันด้วยกัน คนส่วนใหญ่เลยเข้าใจว่าเป็นการหลอกลวง
เเต่ทว่าการประมูลนั้นเกิดขึ้นจริงๆ มีคนชนะเเละมีการส่งมอบของ เเละการประมูลครั้งที่สองก็เกิดขึ้นทันทีโดยไม่มีใครวิพากษ์วิจารณ์ เเสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของการประมูลเเรก
ถึงเรื่องนี้จะเป็นข่าวใหญ่ เเต่ช่องข่าวธรรมดาก็ไม่ได้นำเสนอเรื่องนี้มากนัก เพราะไม่รู้ว่าใครคือผู้จัดหรือใครคือผู้ชนะ ก็จะหาอะไรมาเสนอข่าวได้ยาก หากสำนักข่าวเสนอข่าวเรื่องนี้โดยพยายามกุเรื่องปลุกปั่นขึ้นมาเองเเล้วปรากฏว่าผู้ซื้อคือผู้สนับสนุนรายใหญ่ของช่อง เรื่องจะไม่จบง่ายๆเเค่การขอโทษเเน่ๆ
“เเล้วการประมูลนี่มันเกี่ยวอะไรล่ะ” ฮิมูโระถาม
“ก็ เรารู้ที่อยู่ของหมายเลขใบอนุญาตJDAที่เป็นคนจัดการประมูล เเล้วไซโต้ซังที่ว่านี่ก็ไปติดต่อที่ที่อยู่เดียวกันนี่เเหละ”
“จริงดิ”
ไปขุดคุ้ยเรื่องนี้มาได้ยังไงกันนะ
“หรือก็คือ นายคิดว่าเจ้าของใบอนุญาตนั่นกับโค้ชปริศนาของไซโต้เป็นคนเดียวกันงั้นหรอ”
“นั่นเเหละ ฉันอยากให้นายไปหาคำตอบ”
“จะให้ฉันทำตัวเป็นนักสือเรอะ ถ้าเป้าหมายคือผู้จัดการประมูล ทำไมไม่ให้เเผนกนักข่าวทำล่ะ”
“น่าเสียดายที่ JDAค่อนข้างระวังเรื่องนี้ เพราะงั้นเราเลยจะติดตามเรื่องนี้ในมุมมองของการหาตัวโค้ชของนักเเสดงดาวรุ่งพุ่งเเรง หลังจากนั้นก็จะเพิ่มความตื่นเต้นเร้าใจให้กับเรื่องราว จะได้เป็นที่สนใจ”
ถ้าJDAพยายามปกปิดเรื่องนี้อยู่ มันจะต้องเป็นอะไรที่มีค่ามากพอที่จะทำเเบบนั้นเเน่ๆ เเล้วถ้าการเปิดเผยเรื่องนี้เป็นประโยชน์เเก่ผู้คนไม่ทางใดก็ทางนึง ก็น่าจะเป็นงานของพวกนักข่าวไม่ใช่รึไง ยิ่งเป็นเหตุผลซะอีกที่จะต้องเอางานไปให้เเผนกนั้น เเล้วทำไมต้องเพิ่มความตื่นเต้นเร้าใจด้วยล่ะ
“มั่นใจนะว่างานนี้ปลอดภัย” ฮิมูโระถาม
อย่างเเรกเลย ข้อมูลส่วนตัวของเจ้าของใบอนุญาตJDAนั่นมากจากไหน เเค่นี้เขาก็ได้กลิ่นอันตรายเเล้ว
อิชิซุกะตอบทันที “เราสามารถตอบว่า “โอ้ เราทำพลาดไปหรอ ขอโทษทีนะ” ได้ไม่เหมือนนักข่าวนะ”
เหมือนที่เคยพูดมาตลอดว่า “โปรดักชั่นสตูดิโอไม่ได้ให้เครดิตสาธารณะชนมากเพียงพอ”
“เเต่ทำไมไม่มีใครพูดถึงผู้จัดการประมูลเลยล่ะ พวกเขาเกี่ยวข้องกับพวกสีเทารึเปล่า”
“เท่าที่ได้ยินมาก็ไม่มีนะ เเต่ยังไงก็ขอให้ไปขุดคุ้ยเรื่องนั้นมาเเล้วก็หลักฐานด้วย”
การเก็บหลักฐานที่อิชิซุกะพูด ที่จริงเเล้วจะหมายถึง “ถ้าข้อมูลพวกนั้นไม่ตรงกับที่เราต้องการ ก็บิดเบือนมันให้ได้มากที่สุด”
“ถ้าที่เป็นคำขอจากเบื้องบน ฉันก็จะทำตาม ยังไงก็เป็นงานของฉัน เเต่ถ้าเกิดพลาดอะไรขึ้นมา นายต้องเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมดนะ”
ถ้าไม่มีใครคอยช่วยเช็ดล้างให้เเล้วโดนตัดหางปล่อยวัด ฉันต้องซวยเเน่
“จะทำเท่าที่ทำได้ เเต่ตอนนี้ทุกคนก้ไม่พอใจสุดๆเรื่องกฏระเบียบ นายรู้ไหม”
“หรือก็คือ ต้องพยายามโยนความผิดพลากให้เป็นเรื่องส่วนบุคคลให้มากที่สุดงั้นสิ”
อิชิซุกะหัวเราะ “เอางั้นก็ได้ โชคดีละกัน”
เขาวางสายก่อนฮิมูโระจะให้คำพูดของเขาเป็นหลักฐานได้ ฮิมูโระถอนหายใจ บี้บึหรี่เเละเดินเข้าห้องอาบน้ำ
***
หลังจากที่วางสายกับฮิมูดระ อิชิซุกะก็หันไปหาชายที่นั่งิยู่บนม้านั่ง ถึงสูทที่เขาใส่จะถูกตัดเย็บมาอย่างดี เเต่มันก็ดูฉูดฉาดอยู่ดี
“ผมขอให้เขาทำเเล้ว เเต่จะทำเรื่องนี้จริงๆใช่ไหม หัวหน้า”
“นายมาลังเลอะไรตอนนี้ จนถึงเมื่อกี้นี้ยังเห็นด้วยอยู่เลย”
“เพราะนี่เป็นโปรเจคของผม ผมก้จะทุ่มทุกอย่าง เเต่ว่าผมไม่อยากจะรับผิดชอบอะไรที่ไม่ใช่ความผิดของผม”
หัวหน้าโปรดัคชั่นที่อิจิซุกะเรียกว่าบอสนั้นหัวเราะ “ถ้านายไม่ทำ ก็ไม่สามารถขึ้นไปที่จุดสูงสุดได้หรอก”
หลังจากที่ทั้งสองคนคุยกันอีกสักพัก อิชิซุกะก็ขอตัวเเละออกจากห้องไป ระหว่างที่คุยกันอยู่ หัวหน้าโปรดัคชั่นนั้นไม่หุบยิ้มเลยเเม้เเต่ครั้งเดียว เเต่ตอนนี้เขาพูดกับตัวเองอย่างเงียบๆ เหมือนกับความอดทนของเขาหมดเเล้ว
“โทษทีนะอิชิซุกะ ถ้าฉันไม่ตอบเเทนบุญคุณ ฉันต้องมีปัญหาเเน่ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับพระเจ้า”
16 ธันวาคม 2018 (วันอาทิตย์)
โยโยกิ-ฮาจิมัน ออฟฟิศ
“ขอบคุณที่ชวนมานะคะ” มิตสึรุกิพูด
“ช่าย ขอบคุณนะ” ไซ้โต้เสริม
สองวันหลังจากที่ผมส่งข้อความเสียงขอความช่วยเหลือไป ทั้งสองคนก็มาที่ออฟฟิศในตอนบ่าย ไซโต้เพิ่งถ่ายภาพยนตร์ช่วงเช้าเสร็จ ทั้งสองคนก้เลยมาด้วยกัน
“โค้ช! ฉันคิดไว้ไม่ผิดเลย เค้าออกอากาศช่วงที่พูดถึงโค้ชด้วย”
“เอ่อ ฉันไม่ใช่โค้ชเธอสักหน่อย เเต่การสัมภาษณ์เพิ่งออกอากาซเมื่องานนี้ ตอนนี้เลยยังไม่มีปัญหาอะไร…มั้ง ตอนนี้ทุกอย่างเป็นปกติดี”
เเน่นอนว่าเรากำลังพูดถึงเรื่องการสัมภาษณ์ที่ไซโต้หลุดปากเรื่องผมไป ถึงเรื่องนั้นจะไม่เกี่ยวข้องกับตัวภาพยนตร์เลย เเต่เหมือนมันจะเป็นที่สนใจพอดู ตรงส่วนนั้นก็เลยถูกนำไปออกอากาศทั้งหมด
“ทุกคนที่ฉันเจออยากจะให้เเนะนำนายให้รู้จัก นายกลายเป็นคนดังเเล้วนะ โยชิมูระ”
“ขอเถอะ”
“เรียวโกะ เธอต้องระวังให้มากกว่านี้นะ” มิตสึรุกิถอนใจ
“ฉันฟังเธอบ่นมาพอเเล้วนะ เนี่ยโยชิมูระ ก่อนฉันโทรไปหานาย ฮารุเทศน์ฉันนานมากเลยรู้ไหม”
“ก็สมควรเเล้วนี่”
“จริงดิ ใจร้าย!”
***
ฮิมูโระนั่งอยู่ในรถที่จอดอยู่ข้างถนน กำลังมองไปที่กล้องวีดีโอที่เขาใช้ทำงาน “โว้วๆ พวกเธอเข้าไปข้างในด้วยหรอ” เขาพึมพัมกับตัวเองเเละกดหยุดอัดวีดีโอ
หลังจากยืนยันตารางของ ไซโต้เรียวโกะเมื่อวานนี้ ฮิมูโระก็คอยจับตาดูเธอตลอด เเละพอวันที่สองเธอก็มาที่นี่ ไม่รู้ว่าฮิมูโระโชคดีหรือเธอมาที่นี่บ่อยๆกัน
“เธอค่อนข้างไม่ระวังตัวเลยนะ สำหรับดาราที่กำลังดัง เอเจนซี่ของเธอไม่ดูเเลเรื่องนี้รึไง”
เมื่อสักครู่ผู้หญิงคนนี้ได้เข้าไปในบ้านที่ – ตามที่อิชิซุกะบอกมา – เกี่ยวข้องกับใบอนุญาตJDAที่ทำการประมูลสกิลออร์บ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอต้องเกี่ยวกันอะไรกับคนในบ้านหลังนี้
คนในบ้านนั้นอาจจะเป็นคนรู้จักของหญิงสาวอีกคนนึง…ชื่อมิตสึรุกิถ้าจำไม่ผิด เเต่ยังไงก็ตาม เราสามารถจะเเต่งเรื่องเป็นยังไงก็ได้ตามที่เราอยาก
“เอาเถอะ ยังไงก็ได้หลักฐานเเล้ว”
เเต่ทว่า ไม่มีใครออกมารับที่ประตูหน้า พอฮิมูโระตรวจสอบวีดีโอที่ได้มา มันเป็นเเค่ฉากที่ผู้หญิงสองคนเดินเข้าบ้าน ถ้าจับภาพผู้ชายไม่ได้ การที่จะโยงไปถึงเรื่องคนรักนั้นยังไม่น่าเชื่อถือพอ ที่นี่เป็นบ้านพักอาศัยส่วนตัว การไปตรวจสอบว่าใครเป็นเจ้าของก็น่าจะเป็นหลักฐานได้ เเต่ทุกวันนี้ ภาพวีดีโเป็นเหมือนเส้นเลือดใหญ่ของนักข่าว เเถมฮิมุโระยังทายเจตนาที่เเท้จริงของอิชุซุกะไม่ออกด้วย
“ชื่อของรายการหรือจุดประสงค์ก็ยังไม่รู้ ฉันจะต้องถ่ายอะไรกันเเน่เนี่ย”
ปกติฮิมุโระคงจะลากตากล้องเพื่อมาทำการสืบสวนด้วย เเต่เขาไม่สามารถอธิบายได้ว่าจะถ่ายไปทำไม เขาก็เลยไม่สามารถให้คนอื่นมาทำได้ สุดท้ายเขาเลยตัดสินใจที่จะใช้กล้องเองอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้ถ่ายเองมานาน พอเขานึกถึงการสืบข้อมูลตอนยังเป็นผู้ช่วยอยู่ เขาก็อดรู้สึกตื่นเต้นไไ่ด้ ตอนนั้นเขามีชื่อเสียงในการบุกเข้าไปทุกๆที่จนมีคนเรียกเขาว่า ไฟบอลริวจิ ชื่อจริงของเขา – ทาคัตสึกุ – นั้นสามารถอ่านได้ว่า ริวจิ เหมือนกัน ซึ่งมีความหมายว่ามังกร
ไม่ว่ารายการหรือเป้าหมายของการถ่ายนี้จะเป็นอะไร เเต่ฮิมูโระจำเป็นจะต้องเก็บฟุตเทจให้ได้มากที่สุด เพื่อไม่ให้ทุกอย่างสูญเปล่า บางมุมอาจจะมีค่ามากอย่างไม่คาดคิดก็ได้ เขาคิดพลางถ่ายวีดีโอบิรเวณรอบๆบ้านหลายๆมุม
“หืม”
ระหว่างที่ฮิมูโระถ่ายอยู่ ม่านออฟฟิศของบ้านนั้นก็ถูกดึงลงมาทีละอัน
“อะไรเนี่ย พวกนั้นจะทำอะไรดีๆกันรึไง”
พฤติกรรมผิดปกตินั้นเป็นสัญญาณของเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ
“ฉันไม่ใช่พวกถ้ำมองหรอกนะ เเต่นี่มันเป็นส่วนหนึ่งของงาน”
ฮิมูโระหยิบกล้องขึ้นมาเเละลุกออกจากที่นั่งคนขับเพื่ออกไปยังถนน เขาทำงานโปรดัคชั่นมาเป็นเวลานานก็เลยมีประสบการณ์มากมายในการสอดส่องขึดคุ้ยความลับของคนอื่น ตลอดอาชีพการทำงานของเขา ฮิมูดระเรียนรู้เรื่องอย่างนึง ยิ่งมีคนพยายามจะซ่อนมันมากเท่าไร มันก็จะมีค่ามากเท่านั้น เเละการเปิดเผยความลับพวกนั้นนี่เเหละเป็นสิ่งที่ทำให้งานนี้สนุก
ระหว่างที่แอบผ่านรั้วเข้าไปอย่างระมัดระวัง ฮิมูโระมุ่งหน้าไปยังช่องว่างของม่านที่ถูกปิดอยู่ เอาจริงๆนี่เป็นการบุกรุพื้นที่ส่วนตัว ถ้ามีใครกล่าวหาเขาเรื่องนี้ เขาเเค่อ้างว่ามาหาคนที่บ้านหลังนี้ เขาเป็นเเค่มนุษย์ธรรมดา ย่อมมีการจำที่อยู่ผิดพลาดได้บ้างอยู่เเล้ว
“เเต่ว่าอิชิสุกะอยากให้ฉันตรวจสอบ โค้ช คนนี้จริงๆงั้นหรอ”
โค้ชคนที่ไม่มีใครรู้จักนี้จะมีค่ามากเท่าไรกันเชียว ฮิมูโระไม่อาจจะรู้ได้ เเต่ยังไงเขาก็ต้องทำงานเเลกกับเงิน พอคิดได้ในใจ เขาก็มุ่งไปที่ตัวบ้าน
***
“งั้นจะให้เราช่วยอะไรล่ะวันนี้” มิตสึรุกิถาม
เธอมองอย่างสงสัยไปที่มิโยชิที่กำลังปิดม่านบังตาลง
หลังจาดชกปิดม่านเสร็จ ห้องก็ค่อนข้างมืด มิโญชิใช้ไฟฉายจากมือถือส่องไปที่หน้าตัวเองจากด้านล่างเเละทำหน้าน่ากลัว “วะ ฮ่ะ อ่ะ เธอจะต้องมาร่วมการทดลองลึกลับขั้นสุดยอด”
“โค้ช นักวิทยาศาสตรฺสติเฟื่องนี่มาจากไหนน่ะ” ไซโต้ถาม
“น่าจะมาจากโรงเรียนอนุบาลโทมิยะ” ผมยิ้มอย่างล้อเลียนเเละพูดชื่อโรงเรียนที่อยู่ใกล้ๆ
มิโยชิที่ยังคงหัวเราะอย่างชั่วร้าย เดินข้ามห้องไปเเละดึงผ้าที่คลุมเครื่องวัดสเตตัสเเบบเเม่นยำสูงเอาไว้
“ทาดาาา”
“เอ่อ…อะไรหรอ” ไซโต้ถาม
“ถามได้ดีมาก มันเป็นเครื่องที่เอาไว้ใช้วัดคุณลักษณะของมนุษย์”
“อะไรนะ?” ไซโต้เดินไปที่เครื่องเเละสำรวจเเท่นวางกับเเขนรองรับทรงกระบอก “ที่ว่าคุณลักษณะ คือเครื่องนี้จะสามารถวัดน้ำหนักเเล้วก้ความสูงได้พร้อมกันหรอ” ระหว่างที่ถาม เหมือนเธอกำลังส่งสายตาอยู่ว่า “คนบ้าที่ไหนจะมาสร้างของเเบบนั้น”
ผมโทษไซโต้ไม่ได้ที่คิดเเบบนั้น ในสังคมจริงๆ มีค่าอย่างอย่างถูกนำมาใช้ในการวัด “คุณลักษณะ” ของคนๆนึง นอกจากน้ำหนัก ส่วนสูง อายุผลการสอบก็ยังช่วยวัดได้ เเต่ถ้าไม่นับพวกคุณลักษณะภายนอกเเล้ว ไม่มีเครื่องไหนสามารถวัดคุณลักษณะภายในด้วยเครื่องที่ใช้ภายนอกเเบบนี้
“ไม่ใช่สิ เครื่องนี้จะวัดความสามารถภายในได้ เธอเอาดี-การ์ดมารึเปล่า”
“อ๋อ เอามาสิ เกี่ยวกับดันเจี้ยนเเน่เลย”
เหมือนพอใจกับคำตอบเเล้ว เธอกับมิตสึรุกิจึงหยิบดี-การ์ดออกมา
“เอามาตามที่บอกเเล้ว จะทำอะไรกับมันหรอ”
“เราจะสร้างปาร์ตี้กัน” ผมตอบ
“สร้างอะไรนะ”
ข้อมูลเรื่องปาร์ตี้นั้นยังไม่ถูกเปิดเผย เเน่นอนว่าไซโต้กับมิตสึรุกิคงไม่รู้ ผมก็เลยอธิบายเรื่องการสร้างปาร์ตี้โดยใช้ดี-การ์ดให้ทั้งสองคนฟัง
“ไม่ได้ล้อกันเล่นใช่ไหม นายทำเเบบนั้นได้จริงๆหรอ” ไซโต้ดูเหมือนจะยังตกใจไม่หาย
ผมพยักหน้ายืนยัน
“การรู้ตำเเหน่งของสมาชิกปาร์ตี้ก็ใช้ได้อยู่หรอก เเต่โทรจิตหรอ เป็นอาวุธทำลายความสัมพันธ์ชนิดนึงรึเปล่า”
“เอ่ออ อาวุธทำลายความสัมพันธ์งั้นหรอ” ผมถามย้ำ
“ในเเวดวงบันเทิง คุณต้องทำเป็นเห็นด้วยในขณะที่วางเเฟนต่อต้าน ภายใต้รอยยิ้มเเละความเป็นมิตร หัวใจพวกเราทุกคนก็ดำมืดกันทั้งนั้น ถ้าความคิดของเราส่งไปหากันได้ ทุกอย่างต้องวุ่นวายหมดเเน่”
“ถ้างั้นก็…ไม่ต้องจับปาร์ตี้กับคนพวกนั้นเป็นไง” ผมเสนอ
“ก็เป็นทางนึง เเต่ถ้ามีคนบังคับให้เราจับปาร์ตี้กันในรายการเกมโชว์ล่ะ”
“โทรจิตมันมองไม่เห็น คงไม่น่าสนใจที่จะดูทางโทรทัศน์หรอก ฉันว่าไม่เป็นไรหรอกนะ”
ถ้ามีใครพยายามที่จะเน้นการใช้ปาร์ตี้ของดันเจี้ยนในรายกการโทรทัศน์ โดยทั่วไปก็น่าจะเป็นรายการที่ใช้ยืนยันความมีอยู่จริงของโทรจิต สุดท้ายถ่ายออกมาก็ดูไม่น่าสนใจอยู่ดี เพราะยังไงโทรจิตก้มองไม่เห็น อย่างมากก้คือมีคนสองคนสร้างปาร์ตี้กัน คนนึงสามารถทายข้อมูลที่มีเเค่อีกคนนึงรู้ได้ เเน่นอนเเค่นั้นก็สามารถเตรียมตัวเอาก็ทำได้เเล้ว
ไซโต้กอดอก กำลังคิดมากผผิดกับอุปนิสัย “อืมมม…”
ธุรกิจภายนอกวงการบันเทิงก็สร้างขึ้นมาจากความสัมพันธ์ระดับบุคคลเช่นกัน ทุกคนใส่หน้ากากที่เหมาะกับเวลา สถานที่เเละโอกาส สิ่งที่คนเเสดงออกกับใจจริงนั้นจะเเตกต่างกันก็ไม่ใช่เรื่องเเปลกเลยเเม้เเต่น้อย เเต่ถ้าไซโต้เป็นห่วงขนาดนี้ ความสัมพันธ์ที่เธอมีอาจจะไม่มั่นคงเเละเเตกหักได้ง่ายก็เป็นได้ เเล้วอะไรก็ตามที่ออกไปจากโทรจิตนั้นจะเป็นความจริงเสมอ จะเอาคืนก็ไมไ่ด้เเล้ว
“ไม่ใช่ทุกอย่างที่คิดจะรั่วออกไปนะ สมาชิกปาร์ตี้จะได้ยินเเค่สิ่งที่เธออยากให้พวกเขาได้ยิน”
“อ้าว อย่างนั้นหรอกหรอ” ไซโต้ดูผ่อนคลายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “ฉันก็กลัวว่าทุกอย่างที่คิดจะหลุดออกไปหมดซะอีก”
“จากที่เธอโล่งใจขนาดนี้ เเสดงว่าที่เธอคิดอยู่ต้องเเย่มากๆเลยใช่ไหมล่ะ“”
พอผมถามจี้ใจดำไป เธอก็สวนกลับมาอย่างสบายๆว่า “เเน่นอนสิ ลองคิดดูนะ ถ้าพอเราจับปาร์ตี้กัน นายก็จะรู้ว่าฉันเเอบชอบนายอยู่ น่าอายใช่ไหมล่ะ”
“เรียวโกะ!?!” มิตสึรุกิร้อง
ไซโต้เเลบลิ้น “เห็นไหมล่ะว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
ยัยคนนี้นี่จริงๆเลย ผมคิดพลางยิ้มเเหยๆ
“เเต่ถ้าไม่ระวัง ความคิดบางอย่างก็จะถูกส่งไปนะ”
“ก็เหมือนกับชีวิตจริงนั่นเเหละ เเบบหลุดปากพูดอะไรเเบบนี้” ไซโต้ตอบ
“ก็จริง งั้นของดี-การ์ดพวกเธอได้ไหม”
ไซโต้ตบมิตสึรุกิที่หลัง ตาเธอเป็นประกายเหมือนจะบอกว่า “นี่เป็นโอกาสเเล้วนะ” เเต่ที่เธอพูดออกมาคือ “เอาล่ะ ฉันให้เกียรติฮารุเป็นคนเเรกที่ผูกสัมพันธ์กับนายคนเเรกก็เเล้วกัน โค้ช”
“เอ่อ..ผูกสัมพันธ์หรอ”
มิตสึรุกิยื่นดี-การ์ดออกมา เเก้มเเดงเล็กน้อย ผมมองไปที่เเรงค์ของเธอ ซึ่งคือ 681 ก่อนหน้านี้เธออยู่ที่ 980 หมายความว่าพุ่งขึ้นมา 300กว่าลำดับ ดูเหมือนว่าเธอจะไปกำจัดสไลม์อยู่เรื่อยๆ
พอเห้นผมไม่ตกใจกับเเรงค์ของมิตสึรุกิ ไซโต้ก็พูดขึ้นมา “อะไรกันโยชิมูระ นายรู้เรื่องเเรงค์ของฮารุอยู่เเล้วหรอ”
“เราเคยคุยกันครั้งนึงน่ะ” มิตสึรุกิตอบเเทน
ไซโต้ทำเเก้มป่องเหมือนเด็ก “ฉันนึกว่าฉันเป็นคนพิเศษคนเดียวของเธอซะอีก”
ผมฝึกมากับมิโยชิมากพอที่จะไม่ส่งความคิดอะไรที่ไม่จำเป็นออกไป ระหว่างที่ระมัดระวังอยู่นั้น ผมก็กดดี-การ์ดของผมทับการ์ดของมิตสึรุกิ
แอดมิด ผมคิดเป็นภาษาอังกฤษ มิตสึกรุกิส่งเสียงหอบหายใจเบาๆ เธอน่าจะรู้สึกว่าอะไรกำลังเชื่อมต่ออยู่
“เกิดอะไรขึ้นหรอ” ไซโต้ถามอย่างสงสัย
มิตสึรุกิมองมาที่ผม “เมื่อกี้นี้ เหมือนมีบางอย่าง…”
“ตาเธอเเล้ว ไซโต้”
“ค่า ค่า” เธอตอบเเละยื่นดี-การ์ดออกมาโดยไม่ซ่อนเนื้อหา กลับกันเธอกลับยิดอกอวดซะอีก “ฉันก็ทึ่งเหมือนกันใช่ไหมล่ะ”
เเรงค์ของเธอคือ 1421
“”นักสำรวจเอกชนระดับสูงสุดของญี่ปุุ่นจะอยู่ระดับบนของเลขสี่หลัก”
ไซโต้ยืดอกกว่าเดิม “งั้นฉันก็เป็นหนึ่งในนั้นเเล้วสิ” พอถูกรับเข้าปาร์ตี้ เธอก้รู้สึกอะไรบางอย่าง “หืมมม?” “หืมมมมมมม”
“เธอรู้สึกเหมือนกันใช่ไหม” มิตสึรุกิถาม
“ใช่ เพราะเเบบนี้เธอเลยถอนหายใจสินะ”
“เหมือนว่านี่เป็นความรู้สึกตอนเราเชื่อมต่อกันน่ะ” ผมส่งโทรจิตให้พวกเธอ
ไซโต้หันมาหาผมทันที “หา เมื่อกี๊คืออะไรน่ะ”
“โทรจิตไง” ผมตอบอีกครั้งโดยไม่พูด
“สุดยอดไปเลย มีจริงๆด้วย”
“เอ่ออ ฉันเพิ่งอธิบายไปเองไง”
“ต้องเห็นก่อนถึงจะเชื่อไง เเต่ที่จริงก็ไม่เห็นหรอกนะ”
พอเธอใจเย็นลง เธอกับมิตสึรุกิก็คุยกันผ่านโทรจิต
“นี่ ฮารุ ได้ยินฉันไหม”
“ได้ยิน ได้ยิน สุดยอดไปเลยนะ”
พวกเธอคุยกันอีกสักพักใหญ่
***
คายามะ – สมาชิกของหน่วยสอดเเนมUSที่กำลังจับตาดูดี-พาวเวอร์สอยู่นั้น กำลังจ้องไปที่หน้าจอ “โว้ว โว้ว เหมือนส่าจะมีผู้กล้ากำลังขึ้นเเสดงเเล้ว”
หลังจากสปายที่ดูเหมือนว่าจะมาจากสหราชอาณาจักรนั้นหายไป ก็มีคนพยายามบุกเข้าไปหลายครั้ง เเต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครทำสำเร็จ
ไม่นานมานี้ เรื่องนี้กลายเป็นสิ่งที่รู้กันในหมู่ข่าวกรองว่ามีหลายประเทศกำลังจับตาดูดี-พาวเวอร์สอยู่ เเละสถานการณ์ก็เปลี่ยนไปกลายเป็นเหมือนจะเเข่งกัน ทุกคนเเย่งกันที่จะเป็นคนเเรกในการติด “กระดิ่ง” ให้กับเป้าหมาย เพราะว่าไม่มีผู้บุกรุกที่ล้มเหลวคนไหนเสียชีวิต เพียงเเต่พวกเขาจะถูกส่งกลับประเทศเเม่โดยไม่ทราบสาเหตุก็เท่านั้น
“คราวนี้มาจากไหนล่ะ” นอร์ดถาม
นอร์ดเป็นคู่หูของคายามะตอนนี้ เขาถูกย้ายมากจาก NSA
“ไม่รู้สิ เหมือนเป็นมือสมัครเล่นไม่เหมือนคนอื่นๆ อาจจะมาจาก พิงเคอตันหรือไม่ก็ฮาร์เกรฟก็ได้”
พิงเคอตันกับฮาร์เกรฟเป็นสำนักงานนักสืบเอกชนขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา
“ไม่น่า พวกนั้นก็เป็นมืออาชีพเหมือนกัน” นอร์ดโต้เเย้งเพื่อปกป้องสำนักงานนักสืบเอกชน เพราะพนักงงานส่วนมากนั้นก็เป็นตำรวจเก่ามาก่อน
นอร์ดหยิบโน็ตที่คายามะเขียน มันมีเลขทะเบียนรถของผู้กล้าในวันนี้นี่เพิ่งมาถึงอยู่ เขาลองเค้นดูในฐานข้อมูลสักพัก สุดท้ายก็เจอ ยานพาหนะนี้เป็นของ มีเดีย24 – สถานีโทรทัศน์ในเมืองมินาโตะ
“เหมือนเป็นสื่อมวลชนนะ” นอร์ดพูด
“หาข้อมูลไวดีนี่”
พอชายคนนั้นหายตัวไปที่ด้านหลังของบ้าน นอร์ดกับคายามะก็สงสัยโดยปราศจากอารมณ์มาเกี่ยวข้อง ว่าพวกเขาคงจะไม่เห็นชายคนนั้นอีกเเล้วในวันนี้ สิ่งก่อสร้างด้านหน้าพวกเขานั้นเป็นบ้านผีสิง มีอะไรบางอย่างกินใครก็ตามที่เข้ามาใกล้
***