ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น - ตอนที่ 5 เล่ม 1 : ดังนั้น พวกเราจึงลาออก(5)
- Home
- ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น
- ตอนที่ 5 เล่ม 1 : ดังนั้น พวกเราจึงลาออก(5)
สำนักงานใหญ่ของ JDA, อิจิกายะ
“เมย์คิง งั้นหรอ?”
คนพูดนั้นเป็นชายร่างผอม สวมกางเกงหนังที่ฟิตเกินเเละสวมเสื้อสเวตเตอร์สีเขียวคอสูง เขาดันเเว่นด้วยนิ้วกลางขวาระหว่างพูด
“ใช่ครับ” ลูกน้องของเขาตอบ
ทีมงานจัดการของฐานข้อสูลสกิลของJDAนั้นมีการเก็บคีย์เวิร์ดคำค้นหาอยู่ตลอด เพราะว่าเมื่อไรก็ตามที่มีใครในญี่ปุ่นได้รับสกิลออร์บมา ส่วนมากก็จะมาค้นหาในฐานข้อมูลนี้
“หรือว่าจะเป็นเเค่มีคนค้นหาเเบบสุ่มๆอีกเเล้ว” ชายในเสื้อสีเขียวถาม
“ผมก็คิดแบบนั้นครับ เเต่ว่าคนๆนั้นค้นหาด้วยคำๆนี้เเค่คำเดียว ส่วนมากเเล้วเวลาที่คนค้นหาเพราะความสงสัยอะไร พวกเขามักจะค้นหาอยู่หลายๆคำ”
“ใช่”
“หรือเราควรเปลี่ยนฐานข้อมูลให้ใช้เป็นระบบสมาชิก บังคับให้ผู้ใช้ล็อคอินด้วยหมายเลขนักสำรวจดีครับ ดูเเค่จากไอพีแอดเดรสมันยากจะที่รู้ว่าใครเป็นใคร”
“ฟังดูน่ากลัว ตามกฏหมายเเล้ว การระบุตัวตนมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน”
“ก็จริงครับ”
“เเต่เผื่อเอาไว้ก่อน นายเพิ่มสกิลนี้เข้าไปในรายชื่อสกิลที่มีการจับตาดูที ถ้ามีใครที่ครอบครองสกิลเมย์คิงนี่ เราจะรู้ได้โดยการตรวจสอบดี-การ์ด พวกเราต้องรวบรวมข้อมูลของสกิลที่ไม่รู้จักให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้”
“รับทราบครับ”
ฉะนั้น สกิลเมย์คิงก็ได้ถูกเพิ่มไปในรายชื่อสกิลเฝ้าระวัง – ซึ่งไม่ได้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะชน
สวนสาธารณะเเห่งหนึ่ง, โตเกียว
ผมเลิกงานเร็วกว่าปกติหลังจากทานข้าวเที่ยงกับมิโยชิเสร็จ นั่งอยู่บนเก้าอี้ในสวน ผมพูดชื่อสกิลไปเรื่อยๆเหมือนกับกำลังร่ายคาถา
“เมย์คิง”
ทุกๆครั้งที่ผมพูดชื่อสกิลออกมา ผมรู้สึกเหมือนว่าผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมามองเเละหัวเราะคิกคักใส่ผม บางทีผมอาจจะระเเวงเกินไป แต่ความอายที่ทำตัวเหมือนจูนิเบียวก็ยังไม่หายไป
“ปั๊ดถ่อเว๊ย เมย์คิง”
ผมจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นอาชญากรมั้ยเนี่ย
ถ้ามีเด็กกำลังเล่นอยู่ที่สวนนี่ ผมต้องถูกสงสัยว่ากำลังทำอะไรแปลกๆเเน่ โชคดีที่ฟ้ามืดเเล้ว เลยไม่มีคนอยู่บริเวณนี้
“หมะ-เมย์คิง”
คืนนี้อากาศหนาว อย่างน้อยก็ทำให้ไม่มีคู่รักโรคจิตมาแอบทำอะไรเเถวนี้ หวังว่านะ
ผมพยายามจะนึกถึงการร่ายเวทย์ในวีดีโอเกม ขอเสียงรบกวนจงถูกขจัดสิ้น ขอให้มันบริสุทธิ์…
“เมย์คิง”
พยายามปิดกั้นเสียงรบกวนทั้งหมด ผมท่องชื่อสกิลไปเรื่อยๆ ประโยคค่อยๆสูญเสียความหมาย โลกค่อยๆสูญเสียรูปร่าง สุดท้ายในตอนที่คำพูดรู้สึกเหมือนมีเเค่เสียงรบกวน เเทปเล็ตโปร่งใสก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าผม
“เหวอออ”
ผมสะดุ้งขึ้นพร้อมตะโกน ผู้หญิงที่กำลังเดินอยู่ใกล้ๆมองมาที่ผมเเละรีบจ้ำหนีไป ใช่เลย ผมต้องดูน่าสงสัยมากแน่ๆตอนนี้
“เฮ้ ไม่เอาน่า อย่าทำเเบบนั้น ผมไม่ได้จะทำอะไรสักหน่อย” ผมพูดออกมา “ช่างเถอะ นี่มัน…”
ผมออกจากสวนสาธารณะ มุ่งหน้าไปยังย่านการค้าที่อยู่บล็อคถัดไป เเม้ระหว่างที่ผมเดินอยู่ ตัวเเทปเล็ตก็ยังเปิดอยู่ตรงหน้าผม แต่ก็ไม่มีใครสังเกตเห็น ในทางกลับกัน ตัวเเทปเล็ตก็ดูเหมือนจะทะลุผ่านตัวคนที่เดินผ่านด้วย คนอื่นน่าจะมองไม่เห็น เเละก็ดูเหมือนจะไม่ได้กินพื้นที่จริงๆในอากาศ ผมจึงกลับมาที่ม้านั่งในสวนเเละตรวจสอบดูหน้าจอแทปเล็ตอย่างละเอียด ซึ่งมันดูคล้ายกับหน้าจอสร้างตัวละครในเกมRPG
ชื่อ : โยชิมูระ เคโกะ
เเรงค์ : 1
SP : 1200.03
HP : 23.80
MP : 23.80
STR : 9 [+]
VIT : 10 [+]
INT : 13 [+]
AGI : 8 [+]
DEX : 11 [+]
LUC : 9 [+]
เดี๋ยวนะ หรือว่า “เมย์คิง” มันคือ “เมคกิ้ง”มาตลอดเลยเนี่ย
ถ้าเขียนด้วยคาตาคานะ “เมย์คิง” กับ “เมคกิ้ง” นั้นจะสะกดเหมือนกันเด๊ะ(1) ใครมันไม่ยอมใช้ตัวโรมันจิสำหรับหน้าจอเเสดงผลเนี่ย เเค่คำยืมก็สับสนจะเเย่อยู่เเล้ว ถ้าเกิดสกิลของผมมันชื่อ “คันนิ่ง” ล่ะ ถ้าเป็นภาษาอังกฤษจะเเปลว่าฉลาดแกมโกง เเต่ถ้าเป็นภาษาญี่ปุ่นจะแปลว่าทุจริตเลยนะ! (2)
เอาล่ะ กลับมาที่รายการหลักของเรากันดีกว่า
หน้าจอUIนั้นดูเข้าใจไม่ยาก ที่จริงก็ดูเหมือนเกมทั่วๆไป เพื่อเป็นการทดสอบ ผมลองกดปุ่ม [+] ข้างๆ STR หนึ่งครั้ง
ชื่อ : โยชิมูระ เคโกะ
เเรงค์ : 1
SP : 1199.03 (-1.0)
HP : 24.80 (+1.0)
MP : 23.80
STR : 10 (+1) [+]
VIT : 10 [+]
INT : 13 [+]
AGI : 8 [+]
DEX : 11 [+]
LUC : 9 [+]
“ดีล่ะ เหมือนที่คิดเอาไว้”
สั้นๆคือ ผมสามารถเเบ่งสเตตัสพ๊อย – SP – ไปที่เเต่ละหมวดได้ ซึ่งจะทำให้ ฮิตพ๊อย กับ เมจิคพ๊อย – HP เเละ MP – เพิ่มขึ้นตามสูตรคำนวน คิดว่าSPนั้นจะได้รับเมื่อกำจัดมอนสเตอร์ เเละค่าของมันจะเป็นตัวกำหนดเเรงค์ เเละด้วยเพราะว่ามันมีเเค่ปุ่ม [+] ผมเลยสามารถใช้เเต่ละSPพ๊อยได้เเค่ครั้งเดียว ไม่มีการเอาคืน
เพราะสกิลนี้ ผมเลยสามารถที่จะเเข็งเเกร่งขึ้นได้ เเน่นอน ผมเข้าใจเเล้วว่าสเตตัสมันทำงานยังไง เเต่ถ้าเป็นนักสำรวจคนอื่นๆที่ไม่มีสกิลนี้ล่ะ ผมไม่เชื่อว่าจะมีใครรู้เรื่องสเตตัสนี้ ถ้ารู้จริง เรื่องนี้ต้องเป็นความรู้ทั่วไปเเล้ว ซึ่งนั่นหมายถึงจะคนทั่วไปจะสามารถยืนยันสเตตัสของตัวเองได้
ผมเก็บคำถามที่ไม่สามารถตอบได้นี้ไว้ก่อนในตอนนี้ ผมตัดสินใจที่จะตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างสเตตัสพวกนี้ เเละเพราะดูเหมือนสกิลนี้จะไม่ใช่สกิลที่ส่งผลอันตราย ผมเลยคิดว่าจะเริ่มทดสอบทันทีเมื่อถึงบ้าน
เริ่มน่าสนใจขึ้นมาเเล้วสิ
โยโยกิ-ฮาจิมัน
เวลาคิดอะไร ผมชอบเขียนมันลงไปด้วยมือ หลังจากกลับบ้านเเละอาบน้ำเรียบร้อยเเล้ว ผมก็เริ่มทำการตรวจสอบไปด้วยระหว่างเคี้ยวข้าวปั้นไส้ไข่ปลาเมนไทโกะที่เเวะซื้อมาตอนขากลับ ผมหมุนดินสอกดในมือเเละมองไปที่ตารางที่ผมวาดขึ้น
ถึงผมจะตื่นเต้นตอนที่ตรวจสอบ เเต่ผลที่ออกมากลับเรียบง่ายมา สำหรับทุกค่าสเตตัส จะมีค่าคงตัวที่นำไปคำนวนเพื่อที่จะไปเพิ่มให้ HPเเละMP ถ้าอยากจะคำนวนหาค่า HP หรือ MP ก็เเค่นำค่าคงตัวนี้ไปคูณกับเเต่ละค่าสเตตัสเเล้วนำมาบวกกัน ค่าคงตัวที่ผมคำนวนหามานั้นจะเป็นตามนี้ ค่าคงตัวด้านซ้ายจะเป็นHP เเละด้านขวาเป็นMP
STR / HP: 1.0 / MP : 0.0
VIT/ HP: 1.4 / MP : 0.0
INT / HP: 0.0 / MP : 1.6
AGI / HP: 0.1 / MP : 0.1
DEX / HP: 0.0 / MP : 0.2
LUC / HP: 0.0 / MP : 0.0
หลังจากที่ทดลอง สเตตัสของผมจะเป็นตามนี้
ชื่อ : โยชิมูระ เคโกะ
เเรงค์ : 1
SP : 1173.03
HP : 36.00
MP : 33.00
STR : 14 [+]
VIT : 15 [+]
INT : 18 [+]
AGI : 10 [+]
DEX : 16 [+]
LUC : 14 [+]
ถึงAGIจะมีค่าคงตัวต่ำมาก เเต่ค่าสเตตัวอื่นนั้นมี0ทั้งหมด ผมเลยกดเพิ่มค่าพวกนั้นไปอย่างละ 5
“ว่าเเต่ ค่าพวกนี้น่าจะเป็นค่าความสามารถของมนุษย์…” ผมพึมพำ
ถ้าผมเพิ่มค่าSTRจาก 9 ให้กลายเป็น 90 จะหมายความว่าผมเเข็งเเกร่งขึ้น 10 เท่า รึปล่าว
โธ่เว๊ย อยากจะวัดความเเรงหมัดทุกครั้งที่เพิ่มค่าSTRชะมัดเลย เพราะผมเองก็เป็นนักวิจัย จะพลาดได้ยังไง
สมมุติว่า มีใครบางคนได้ทำการวัดสรรมถภาพทางร่างกายระหว่างก่อนเเละหลังลงดันเจี้ยนเเล้วนำตัวเลขทั้งสองมาเปรียบเทียบกัน ก็จะสามารถวัดได้ว่าการสำรวจดันเจี้ยนนั้นเพิ่มความสามารถร่างกายได้เท่าไร เเต่เเบบนั้นก็ต้องรู้จักสถาบันพวกนั้นอยู่ดี
เดี๋ยวก่อน ไม่ใช่ว่ามิโยชิเคยพูดอะไรทำนองนี้หรอ
“มีรุ่นพี่สมัยมหาวิทยาลัยมาชวนไปทำงานด้วยหลายครั้งแล้ว เป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่สร้างเครื่องมือการวัดทางยา”
ตอนนี้ยังไม่สี่ทุ่มเเถมพรุ่งนี้ก็เป็นวันเสาร์ด้วย ผมจึงโทรหามิโยชิเเล้วเล่าเรื่องสกิลให้เธอฟัง
29 กันยายน 2018 (วันเสาร์)
โยโยกิ-ฮาจิมัน
“สวัสดี” มิโยชิพูด
“โย่ ขอบคุณที่มานะ”
มิโยชิเคาะประตูห้องผมตอนเก้าโมงเช้า ใส่เสื้อผ้าสไตล์น่ารักที่ไม่ค่อยเห็นใส่ไปทำงาน
“นายอยู่ในย่านที่ดีเลยนี่นา เคย์”
“ถ้าดูเเค่ที่ตั้งล่ะก็ใช่ อพาร์ตเมนโกโรโกโสนี่อายุเกินห้าสิบปีไปเเล้ว”
“ใช่ ไม่อยากจะเชื่อว่ายังมีตึกพวกนี้หลงเหลืออยู่อีก”
อพาร์ตเมนของผมตั้งอยู่ที่ โมโตโยโยกิ ใกล้กับ สถานีโยโยกิ-ฮาจิมัน จริงๆเเล้วถ้าดูเเค่ที่ตั้งก็ไม่เเย่เลย
“เเล้วเกิดอะไรขึ้น” ผมถาม “เเต่งตัวซะดีเชียว”
“หืม ก็นายจะพาฉันไปที่โมรีย์นี่”
“ฉันพูดไว้งั้นหรอ”
“ฉันบอกว่าจะมาหานายถ้านายพาฉันไปร้านโมรีย์ เเล้วนายก็บอกว่า ที่ไหนก็ได้ รีบๆมาเถอะ เเละเพราะว่าเป็นร้านอาหารมิชลินติดดาว ฉันเลยต้องเเต่งตัวดีมาไงล่ะ”
“จริงด้วย คิดอะไรอยู่นะฉันในตอนนั้น”
เชฟที่เป็นเจ้าของร้านนั้นเคยไปทำงานที่ฝรั่งเศส ร้านโมรีย์เป็นร้านอาหารปารีสที่อยู่ในฮาจิมันสำหรับคนรักเห็ด จะว่าไป ช่วงนี้เป็นช่วงของซุปเห็ดบุยง ถึงผมจะไม่ได้เกลียดรสชาติของเห็ดตากเเห้งก็เถอะ เเต่ว่าเห็ดสดๆนี่มันอีกขั้นหนึ่งเลย เเน่นอนว่าผมก็ไม่ได้ไปร้านโมรีย์บ่อยขนาดนั้นหรอกนะ
“ไปก็ได้…” ผมถอนหายใจ
เมื่อไม่มีทางเลือก ผมจึงส่งเมลล์เพื่อจองโต๊ะ เเละภาวนาให้ร้านเต็ม
“เย้” มิโยชิดีใจ “เเล้วนายไขปริศนาของเมคกิ้งได้เเล้วใช่มั้ย”
“ใช่ ประมาณนั้น ดูนี่สิ”
ผมรวมโน๊ตที่กระจัดกระจายอยู่เต็มโต๊ะโคทัตสึเเล้วส่งให้มิโยชิ ที่นั่งอ่านอย่างเคร่งเครียด
ถ้าเธอนั่งบนพื้นอย่างนั้น เดี๋ยวกระโปรงก็ยับหมดหรอก…
“คือเป็นการวัดความสามารถของมนุษย์ให้เป็นตัวเลขหรอ” เธอถาม
“ใช่ ฉันคิดเเบบนั้น ส่วนนี่เป็นค่าที่เพิ่มขึ้นจากดันเจี้ยน”
“อะไรนะ เมคกิ้งเป็นสกิลที่ทำให้เห็นค่าสเตตัสเป็นตัวเลข?”
มิโยชิเงยหน้ามองผมอย่างตกใจเเละเค้นเอาคำตอบ ยัยนี่ตื่นเต้นอะไรกัน
“เอ่อ ก็ ที่จริงนั่นก็ไม่ใช่ประโยชน์หลักของมันนะ เเต่ก็น่าสนใจใช่มั้ยล่ะ” ผมถาม
“น่าสนใจหรอ.. นี่มันระดับความลับของประเทศเลยนะ“
“อย่าน่า เธอก็พูดเกินไป สูตรคำนวนมันง่ายจะตาย เด็กมัธยมต้นยังคิดได้เลย”
“เคย์” มิโยชิพูดพร้อมทำท่าถอนหายใจเวอร์เกินจริง “นั่นมันเป็นเพราะสกิลของนายทำให้นายสามารถวัดค่าพวกนี้ได้ต่างหาก”
เธอพูดถูก ถ้าผมพยายามจะสำรวจเรื่องนี้โดยไม่มีค่าตัวเลข ผมคงไม่เข้าใจอะไรสักอย่างเเน่ เรื่องนี้ผมมั่นใจ
“อีกอย่าง” มิโยชิพูดต่อ “ค่าคงตัวนี่จะปฏิวัติโลกของสกิลออร์บเลยนะ”
“ยังไงล่ะ?”
“หลังจากที่นายโทรมาเมื่อวาน ฉันก็ลองหาข้อมูลอย่างละเอียดเกี่ยวกับค่าสเตตัสดู”
จากกระเป๋าที่เธอนำมาด้วย เธอหยิบโน๊ตบุคขนาดพกพามาด้วยเเละเปิดฐานข้อมูลของJDA ถึงเเม้ในสมัยนี้เเทปเล็ตจะเป็นที่นิยมมาก เเต่โน๊ตบุคนั้นมีประสิทธิภาพมากกว่าในสายงานของพวกเรา ถึงเเม้ผมกับมิโยชิจะเป็นแฟนพันธ์เเท้ของโน๊ตบุคพกพา ผมก็เคยเห็นเธอใช้เเทปเล็ตอยู่
ดูเหมือนว่าจะมีสกิลออร์บบางชนิดที่ไม่มีใครรู้ว่ามีผลอะไร ถึงจะมีคนลองใช้ คนๆนั้นก็ไม่ได้รับสกิลใหม่หรือรู้สึกว่ามีอะไรเกิดขึ้น ออร์บพวกนั้นถูกเรียกว่า ออร์บไร้ประโยชน์ เเละในจำนวนนั้นก็มีกลุ่มที่เรียกว่า ชนิด xH+
“จากข้อมุลของนาย เรื่องพวกนี้ก็เข้าล็อคทันที” มิโยชิพูดเเละชี้ไปที่ผลลัพธ์การค้นหาจากฐานข้อมูล “ยกตัวอย่างนะ พวกออร์บ AGxH+1 กับ AGxH+2 นี่จะต้อง…”
“เอาไว้เพิ่มค่าคงตัวของ AGI ที่มีต่อ HP” ผมต่อ
“ฉันไม่รู้เเน่จนกว่าจะได้ทดสอบ เเต่ถ้า +1 นี่เพิ่มค่าคงตัวที่นายพูดถึงไป 0.1…”
“ด้วยจำนวนAGIของคนทั้วไป การที่ค่าHPเพิ่มขึ้นหนึ่งหรือสองก็ไม่น่าจะรู้สึกอะไร”
“ใช่เลย การวัดเป็นตัวเลขสุดยอดเลยใช่ไหมล่ะ”
เเต่ถ้าสเตตัสเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็จะยิ่งส่งผลมากขึ้น
“เเต่ข้อสำคัญคือ” มิโยชิพูดต่อ “ออร์บไร้ประโยชน์พวกนี้ถูกมาก”
ผมดูที่หน้าจอ ส่วนมากเเล้วราคาจะอยู่ประมาณหนึ่งแสนเยน เพราะออร์บนั้นหายากอยู่เเล้ว ราคาก็เลยยังเเพงอยู่ ถ้าจะเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตเเล้วละก็ ตุนออร์บพวกนี้ไว้คนเดียวจะเป็นทางเลือกที่ดีมาก ถ้ามีเงินล่ะก็นะ
มิโยชิออกจากฐานข้อมูลเเละชี้ไปที่โน๊ตของผม “เเน่นอนว่าออร์บพวกนี้ไม่สามารถเก็บไว้ได้นาน เลยไม่มีทางกักตุนไว้ได้เลย ถ้าข้อมูลพวกนี้เเดงออกไป ราคาของออร์บไร้ประโยชน์ต้องพุ่งสูงขึ้น เเต่ถ้าเราหาทางวัดค่าสเตตัสพวกนี้ได้ล่ะก็ ต้องทำเงินได้มหาศาลเเน่ๆ”
ผมก็คิดเเบบนั้น ต้องมีคนไม่น้อยเเน่ที่สนใจ หน่วยงานรัฐหรือบริษัทจากนานาประเทศ หรือเเม้เเต่นักสำรวจอิสระก็ด้วย
“สมกับเป็นราชินีทางการค้า” ผมพูด “เพราะเเบบนี้ก็เลยเรียกเธอมายังไงล่ะ”
“จริงหรอ ยังไงล่ะๆ”
“เมื่อวานเธอพูดถึงที่รู้จักกับคนจากบริษัทการวัดทางยาใช่ไหม ที่เป็นสตาร์ทอัพจากมหาวิทยาลัย”
“ใช่ นารุเสะ มิโดริ – เธอเป็นผู้ก่อตั้ง เป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย เเล้วก็เธอเอ็นดูฉันมากเลยล่ะ”
“คืองี้นะ ความสามารถหลักของเมคกิ้งก็คือการเเบ่งค่าต่างๆลงไปที่สเตตัสเเต่ละตัว”
“ว่าไงนะ” มิโยชิตะโกน “นายเป็นเครื่องสร้างตัวละครใหม่ตัวเป็นๆรึไง!”
“ก็ประมาณนั้น”
“ไม่อยากจะเชื่อเลย…ถึงจะมีขนาดตัวอย่างเเค่คนเดียว เเต่นายก็เป็นมาตรวัดที่สมบูรณ์เเบบเลย เเค่เลือกเซ็นเซอร์เพื่อวัดค่าต่างๆเเล้วให้นายเปลี่ยนค่าสเตตัว เเค่นี้เราก็จะได้มาตรวัดพื้นฐานเเล้ว”
“ประมาณนั้น เต่ฉันไม่รู้ว่าเราควรวัดอะไร เลยต้องพึ่งเพื่อนของเธอนี่เเหละ”
“นายเลยวางแผนที่จะทำการวัดทั่วร่างกายโดยใช้อุปกรณ์ในห้องทดลองของมิโดริว่างั้น ด้วยข้อมูลทั้งหมดนี้ เราน่าจะสรุปวิธีวัดค่าสเตตัสโดยไม่ใช้สกิลเมคกิ้งได้”
“ฟังดูเป็นไงล่ะ”
“ก็ฟังดูน่าสนใจอยู่หรอก เเต่ค่าทางกายภาพมันเเตกต่างกันไปตามเเต่ละคน”
“แต่ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับเธอไม่ใช่หรอ”
เพราะมิโยชิเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ตัวเลขไงล่ะ
“ใช่เเหละ” เธอตอบ “สรุปแล้ว เราต้องทำการทดสอบสมรรถภาพร่างกายทุกครั้งที่นายเพิ่มค่าสเตตัสทีละหนึ่งใช่ไหม จากนั้นก็นำค่าพวกนั้นมาเปรียบเทียบกัน เเล้วเราก็จะสามารถหาค่าความเเตกต่างของสมรรถภาพร่างกายได้”
“ตามนั้น”
“โอเค สมมุติว่าถ้าเพิ่มสเตตัสเเล้วร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงไปจริงๆ ถ้าการเพิ่มSTRนั้นจะเปลี่ยนความหนาเเน่นของอะไรบางอย่างในเลือด ถ้างั้นการเพิ่มไปหนึ่งร้อยจุดจะไม่ทำให้ระบบอะไรในร่างกายพังเเล้วทำให้เสียชีวิตหรอ”
จริงด้วย ทหารชั้นเเนวหน้าที่สำรวจดันเจี้ยนนั้นไม่ได้ตัวใหญ่กล้ามโตอย่างผิดปกติ ถ้าเกิดการเเข็งแกร่งขึ้นนั้นไม่ได้ทำให้ความหนาเเน่นหรือมวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น อาจจะเป็นเพราะมีอะไรทางกายภาพเปลี่ยนแปลงไป ที่มิโยชิห่วงน่าจะมีโอกาสเป็นไปได้
“ฉันจะเพิ่มสเตตัสทีละน้อยๆ ถ้าเกิดว่าความเปลี่ยนเเปลงนั้นมีมากเกินค่อยหยุดตอนนั้น”
“ถ้าเอาแบบนั้น เดี๋ยวฉันจะติดต่อมิโดริ เเต่นายอยากจะเก็บเรื่องสกิลไว้เป็นความลับใช่ไหม”
“ถ้าเป็นไปได้”
“เเล้วฉันจะอธิบายยังไงว่าทำไมนายต้องมาทำการทดสอบร่างกาย”
“อืมม ลองบอกไปว่าเรากำลังทดสอบยาตัวใหม่อยู่เป็นไง”
“การทำการทดลองกับร่างกายโดยไม่ได้รับอนุญาติอาจจะทำให้ถูกจับได้นะ”
“ถ้างั้นเป็น เราอยากทดสอบประสิทธิภาพของไอเทมบางอย่างว่ามีผลกับร่างกายมนุษย์ไหม เป็นไง”
“ถ้าเป็นเเบบนั้น เราต้องจ่ายค่าตรวจเอง แต่ถ้าเราเริ่มทำการพัฒนาเครื่องวัดคู่กันกับบริษัทนั้นเลยก็เป็นอีกเรื่อง”
“เเต่ถ้าเป็นเเบบนั้น ฉันก็ต้องเปิดเผยเรื่องสกิลน่ะสิ”
อย่างเเรกเลยผมไม่รู้ด้วยกว่าการเปลี่ยนแปลงพวกนี้มันวัดได้จริงไหม ตอนนี้การวิจัยร่วมก็เลยยังไม่น่าสนใจเท่าไร
“งั้นเราไว้ค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลัง ผลอาจจะเป็นไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็ได้”
“ก็จริง แต่เดี๋ยวฉันจะติดต่อมิโดริไว้ก่อนนะ”
มิโยชิร่างอีเมลล์เเละกดส่งอย่างรวดเร็วเหมือนเคย
“ถ้าเรื่องพวกนี้ได้ผลล่ะก็…”
“ทำไมหรอ”
“ถ้าเกิดเครื่องวัดทำการวัดได้ เราน่าจะทำขาย ถ้าจดสิทธิบัตรเเล้วน่าจะขายได้ดีเลยทีเดียว”
“ไอเดียเยี่ยมเลย ถ้าถึงตอนนั้น เดี๋ยวฉันจะจดสิทธิบัตรกับนาย เเต่ชั้นคิดว่าจะผลการวัดของเราน่าจะต้องถูกสงสัยมากเเน่ๆ เพราะเราไม่สามารถเปิดเผยวิธีการคำนวนได้”
“ใช่ มองจากมุมมองคนนอก ผลมันจะเหมือนมาจากการเดาหรือการคิดเชิงอุปนัยเฉยๆ”
“เทอโมมิเตอร์ก็เป็นเเบบนั้นในตอนเเรกนะ” มิโยชิเสริม “เเต่ส่วนมากเเล้ววิทยาศาสตร์ก็มาจากการสังเกตเเละการคิดเชิงอุปนัยทั้งนั้น ฉันคิดว่าสุดท้ายเเล้วมันก็จะถูกยอมรับเอง“
“ขอให้เป็นอย่างนั้น”
“ที่สำคัญ ถึงเวลาทานข้าวเที่ยงเเล้วนะ เคย์ ไปกันเถอะ”
“ฉันขอล่ะ เพลาๆหน่อยนะ ที่จองร้านโมรีย์ไว้ ได้โต๊ะเเล้วด้วย”
อีเมลล์ยืนยันการจองนั้นส่งมาถึงคอมิวเตอร์ของผม มันกระพริบเป็นสีแดง อย่างกับเเสดงสถานะวิกฤตของกระเป๋าเงินผม
(1) ทั้งสองคำจะเขียนเหมือนกันคือ メイキング
(2) หมายถึง cunning และ カンニング