ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น - ตอนที่ 38 เล่ม 2 : ทำความเข้าใจภาษาต่างโลก (14)
- Home
- ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น
- ตอนที่ 38 เล่ม 2 : ทำความเข้าใจภาษาต่างโลก (14)
โยโยกิ-ฮาจิมัน, ลาฟอนเทน, ชั้นห้า
หลังจากได้รับการติดต่อจากฐานทัพอากาศโยโคตะ ทีมจากอเมริกาก็ได้ประจำการอยู่ที่ชั้นห้าในอพาร์ตเมนต์เดียวกันนี้ พวกเขานั้นเริ่มสอดเเนมที่พักเก่าของมิโยชิตั้งเเต่ต้นเดือนพฤจิกายน เเละพอเธอย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ พวกเขาก็ย้ายตามมาที่นี่ด้วย
พวกเขายังคอยจับตามองทีม DSFของไซมอนว่าได้ไปทำอะไรบ้าๆไหม เเต่ทว่าก็ไม่มีใครคาดหวังให้พวกเขาต่อกรกับทีมไซมอนได้อยู่เเล้ว วิธีเดียวที่จะทำให้พวกเหนือมนุษย์พวกนั้นอยู่กับร่องกับรอยคือต้องพึ่งพาคำสั่งจากเบื้องบน
เเลรี่ที่รับหน้าที่เฝ้ายามตอนกลางคืนพูดกับเพื่อนของเขาที่ชื่อคายามะ
“ดูนี่สิ พวกที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่เริ่มทำงานเเล้ว”
คายามะที่กำลังกินชีสเบอร์เกอร์อยู่นั้นรีบมาที่มอนิเตอร์ของกล้องมองกลางคืน
“ไม่มีใครชอบคนที่เริ่มงานไวเกินไปหรอกนะ” เขาพูด
“เเต่ว่าดูพวกเขาฝึกมาดีใช้ได้เลยนี่นา ว่าไหม”
เงาสองร่างเคลื่อนที่ไปรอบๆรั้วอย่างชำนาญ ซ่อนตามต้นไม้เเละมุ่งไปยังทางเข้าบ้าน
“ดูจากทิศทางเเล้ว พวกเขาน่าจะไปติดตั้งไมโครโฟนที่ฝั่งห้องนั่งเล่น” คายามะพูด
“สุดท้ายเเล้ว เดี๋ยวพวกเราก็ต้องลอบเข้าไปเหมือนกัน ตอนนี้เรามาดูเเละ- หา?”
หลังจากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในหน้าจอ เเลรี่ก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา “เห้ย หมอนั่นอยู่ดีๆก็หายไปหรอ มอนิเตอร์อื่นเป็นยังไงบ้าง”
คายามะตรวจสอบหน้าจออื่นๆ เเต่ทว่าก็ไม่เห็นเลยว่าเงานั่นขยับไปไหน มีอีกเงานึงที่เหมือนกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ตำเเหน่งเดียวกันกับคู่หูของเขา เเต่ทว่า…
“ฉันไม่เห็นอะไรเหมือนกัน” คายามะพูด
“จริงดิ อย่าบอกนะว่าพวกนั้นคือหน่วยพิเศษของญี่ปุ่นที่กำลังใช้เทคโนโลยีพรางตาอยู่น่ะ”
ถ้าจะใช้การพรางตาจริง ก็น่าจะเป็นตอนปล้นมหาเศรษฐีซะมากกว่า คายามะคิด
“ก็เป็นไปได้” เขาตอบพลางกดกรอวีดีโอกลับเพื่อดูฉากนั้นอีกครั้ง
ถึงเขาจะดูภาพทีละเฟรม เเต่ก็ไม่มีอะไรเเตกต่างกันระหว่างก่อนเเละหลังที่เงานั่นจะหายไป
“สามสิบเฟรมต่อวินาทีจับอะไรไม่ได้เลย เราอาจจะต้องการอุปกรณ์ที่ดีกว่านี้หน่อย” คายามะพูดต่อ
เเต่ทว่าอุปกรณ์ที่ดีขาดนั้นคงไม่ตกมาถึงมือหน่วยสอบเเนม
“ถ้าพวกเขาใช้เทคโนโลยีขนาดนั้นจริงๆ อเมริกาอาจจะมีปัญหาเเล้วก็ได้” เเลรี่พูด
“ไม่ล่ะ ทหารคนที่เหลือรีบกลับมาที่ฐานเเล้ว ดูเเล้วการหายตัวไปนั่นคงไม่ใช่เหตุจงใจเเน่”
“นายดักฟังที่พวกเขาคุยกันได้ไหม”
“นายคิดว่าอุปกรณ์เเบบนี้สามารถดักฟังการสื่อสารของอุปกรณ์ทหารสมัยใหม่ได้หรอ ถ้ามีอุปกรณ์ของ NSA หรือเอชชาลอนก็อาจจะทำอะไรได้บ้าง”
คายามะหยิบชีสเบอร์เกอร์ที่เขากินค้างไว้ขึ้นมากัดเเละทำหน้าเหยเก จากนั้นก็ดื่มกาแฟเย็นตาม
“เอาล่ะ พวกเราทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้จากอุปกรณ์พวกนี้เเล้ว เดี๋ยวพวกเบื้องบนก็จะตัดสินใจว่าจะต้องทำอะไรต่อเองตอนเราส่งรายงานไป”
คายามะขยำกระดาษห่อเบอร์เกอร์เป็นก้อนกลมเเละพยายามชู๊ตสามเเต้มไปยังถังขยะที่ตั้งอยู่ที่มุมห้อง กระดาษห่อนั้นพุ่งผ่านอากาศเด้งไปโดนขอบถังขยะครั้งนึงเเละตกลงไปในถัง
โยโยกิ-ฮาจิมัน, ออฟฟิศ
“รุ่นพี่” มิโยชิกระซิบกับผม “พอเราปิดผ้าม่าน อาเธอร์สก็จับคนได้”
“อืม พวกสปายคงอยากรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นในนี้จนตัวสั่นเเล้ว เเต่ว้าว พวกเราเปลี่ยนที่นี่ให้กลายเป็นบ้านดักเเมลงสาบซะเเล้ว”
“เราต้องหาหินเวทย์มาให้เด็กๆเพิ่มเเล้วล่ะ”
“ถ้าฉันไม่ต้องไปล่าอะไรที่เก่งกว่าสเกลเลตันล่ะก็นะ อ้อ เธอเอากล่องใส่ออร์บแปลภาษาลูกที่สองมาหน่อยสิ”
มิโยชิมองไปทางนารุเสะที่กำลังจ้องเขม็งอยู่ที่ทีวี “รุ่นพี่จะให้เธอใช้งั้นหรอ”
“ก็เหมาะดีใช่ไหมล่ะ” ผมถามในขณะที่ยังกระซิบกันอยู่
“ก็คงงั้นเเหละมั้ง”
“หรือจะให้เธอใช้ดี”
“นารุเสะเหมาะที่สุดเเล้วล่ะ เดี๋ยวฉันจะไปเอากล่องนะ!”
มิโยชิรีบหันหน้าหนีไปทางครัว
เธอจะไปเอากล่องที่ไหนน่ะ มันอยู่ในสโตเรจไม่ใช่หรอ?
โยโยกิ-ฮาจิมัน, ลา ฟอนเทน
“ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นข้างล่างนั่นกันเเน่” เคอร์ทิสถามบีทส์ที่รีบกลับมาที่ฐานด้วยท่าทางวิตก
“…ฉันไม่รู้เหมือนกัน พออดัมวิ่งไปทางบ้านนั่น เขาก็หายไปเลย”
“หมายความว่าไง”
“อยู่ๆก็หายไปกับตาเลย!” บีทส์ร้อง “อันตธานไป นายจะให้ฉันพูดยังไงอีกล่ะ!”
“ใจเย็นๆก่อน!”
“วิทยุสื่อสารก็ใช้งานไม่ได้ใช่ไหม”
“ไม่ได้ เขาไม่ตอบเลย”
ไม่ว่าจะเป็นวีดีโอย้อนหลังหรือฟังที่บีทส์เล่า เคอร์ทิสก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มขึ้นเลย อดัมอยู่ๆก็หายไปต่อหน้าต่อตาบีทส์โดยไม่มีความร้อนหรือเเสงอะไรเลย ตอนนี้เคอร์ทิสรู้เเค่นี้
“ดีพาวเวอร์สอาจจะเกินกำลังพวกเราเเล้วก็ได้” เคอร์ทิสพูด
เขาจึงเริ่มติดต่อประเทศเเม่โดยทันที
โยโยกิ-ฮาจิมัน, ออฟฟิศ
ไม่นานหลังจากนารุเสะดูวีดีโอเสร็จ เธอก็มานั่งที่โซฟา ถอนหายใจเสียงดังเเละมองไปที่เพดาน การดูวีดีโอนั่นอย่างจริงจังคงทำให้เธอเหนื่อยไม่น้อย มิโยชิที่เห็นดังนั้นจึงเริ่มชงกาแฟ
“มีอะไรรึเปล่า” ผมถาม
“ยังต้องถามอีกหรอคะ ทั้งหมดนั่นมันอะไรกันเนี่ย”
“อ๋อ พวกลูกตาตอนท้ายน่ะหรอ น่าขยะเเขยงมากเลยเนอะ”
“ไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้นสักหน่อยค่ะ! เเต่ก็จริง น่าขยะเเขยงมากๆ” นารุเสะหลับตาเหมือนกับพยายามจะคิดอะไรบางอย่าง
ผ่านไปสักพักเธอก็ลืมตาขึ้นเเละถามคำถามผม “เเล้วคุณวางเเผนจะรายงานเรื่องนี้สักเท่าไรคะ”
“เท่าไรงั้นหรอ เราเพิ่งรายงานให้ผู้ดูเเลเต็มเวลาของเราไป เธออยากจะรู้อะไรเพิ่มงั้นหรอ”
“หือ อ๋อ เข้าใจเเล้วค่ะ ถ้างั้นฉันขอรายงานทั้งหมดนี่กับหัวหน้าเลยนะคะ”
“เอาสิ”
ระหว่างที่ผมยิ้มอย่างชั่วร้าย มิโยชิก็เอากาแฟมาให้นารุเสะ
“เอ้านี่”
“ขอบคุณมากค่ะ”
ผมรอให้เธอจิบกาแฟก่อนเเละปรบมือเข้าหากัน
“เอาล่ะ ทีนี้งานของเธอวันนี้ในฐานะผู้ดูเเลก็จบลงเเล้วสินะ” ผมพูด
นารุเสะสะดุ้งเล็กน้อยตอนผมปรบมือ
“เอาล่ะ ฉันมีคำถาม” ผมพูดต่อ
“คะ?” นารุเสะตอบอย่างระมัดระวังตัว
“พนักงานของJDAจะถูกตรวจสอบดี-การ์ดบ้างไหม”
“อ๋อ ไม่ค่ะ ที่สำนักงานใหญ่ของWDAจะมีของที่มาจากเดอะริงคล้ายๆกับเเทปเลตที่เอาไว้ตรวจสอบ เเรงค์กิ้งของโลก นอกเหนือจากอุปกรณ์นั้นเเล้วก็ไม่มีใครมาตรวจสอบลำดับของเราค่ะ เพราะเราไม่สามารถจัดการอะไรกับดีการ์ดได้อยู่เเล้ว เราเลยใช้WDAการ์ดในการจัดการเเทน ดีการ์ดจะมีไว้เเค่ยืนยันสกิลตอนจะเข้าปาร์ตี้เท่านั้นเอง”
ดีล่ะ เหมือนที่เราฟังมาตอนอบรมเลย
“ถ้างั้น นารุเสะ”
“คะ?”
“เธออยากใช้ไอนี่ไหม”
ผมยิ้มอย่างชั่วร้ายเเละยื่นหีบไทเทเนียมที่มีออร์บเข้าใจภาษาต่างโลกมาให้นารุเสะ
“นี่เป็นหีบเเบบที่พวกคุณเอาไว้เก็บออร์บใช่ไหมคะ ที่บอกว่าใช้นี่คือ…” นารุเสะถาม
ผมใช้สายตาบอกให้นารุเสะเปิดหีบ เธอทำตามอย่างกล้าๆกลัวๆเเละเเตะออร์บเพื่อยืนยันชื่อออร์บ จังหวะนั้น ตัวเธอก็เเข็งเหมือนกับหิน
มิโยชิเอานิ้วไปวางที่ริมฝีปาก ส่งสัญญาณใช้นารุเสะอย่าตะโกนออกมา ถึงมิโยชิจะตั้งใจที่จะใช้มาตรการต่างๆเพื่อป้องกันพวกเลเซอร์ดักฟังหรืออื่นๆ เเต่ว่าถ้าเสียงดังจริงๆก็อาจจะเล็ดลอดไปได้
“หยะ-หยะ-อย่าบอกนะว่า…” นารุเสะพูดตะกุกตะกัก
ผมพยักหน้าช้าๆ
“คุณอยากให้ฉัน…”
ผมพยักหน้าอีกครั้ง
“…ใช้ออร์บนี้”
ผมพยักหน้าครั้งสุดท้าย
“ดะ-เดี๋ยวนะคะ ทำไมถึงเป็นฉันล่ะ!”
“ก็ ออร์บนี้จะอยู่ไม่ถึงเวลาส่งมอบออร์บนี่นา”
ถ้าดูจากคอมมอนเซนส์ คงไม่มีใครเถียงเรื่องนี้ได้ เพราะการส่งมอบออร์บจะเกิดขึ้นหลังจากดวงอาทิตย์ขึ้นในวันที่ 2 ธันวาคม ตอนนี้ยังไม่ถึงวันที่หนึ่งด้วยซ้ำ
“ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมคุณหรือมิโยชิไม่ใช้มันเองล่ะคะ”
ผมส่ายหัวเงียบๆ “ฉันคิดขึ้นมาได้ตอนได้ยินคำแปลของตัวอักษรฟินิเชีย เราต้องรู้เนื้อหาของจารึกกับคัมภีร์ให้เร็วที่สุด” นารุเสะพยักหน้า ผมจึงพูดต่อ “ในบรรดาพวกเราสามคน เธออยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดที่จะสามารถเข้าถึงจารึกต่างๆที่มีอยู่เเละข้อมูลที่คล้ายๆกัน”
นารุเสะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ JDA ที่ทำงานอยู่ที่ภาคสนาม เเน่นอนว่าเธอสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆได้มากกว่านักสำรวจธรรมดา เเน่นอนว่าWDAนั้นเผยเเพร่ตัวจารึกให้สาธารณะชนรับรู้ เเต่การเข้าถึงตัวต้นฉบับเป็นสิทธิพิเศษเฉพาะเจ้าหน้าที่ ผมกับมิโยชิไม่รู้ว่าเมื่อไรจะมีการเปิดเผยตัวจารึกหรือเมื่อไรเราถึงจะเข้าถึงมันได้ ผมมั่นใจว่าทางนี้ดีที่สุดเเล้ว
“ก็จริงอยู่นะ เเต่ว่า…” นารุเสะพูด
“เราไม่ได้ขอให้เธอไปสืบข้อมูลที่เป็นความลับนะ จุดหมายของพวกเราคือเข้าถึงข้อมูลต้นฉบับที่เปิดเผยเเก่สาธารณะชนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เเละสร้างบทแปลที่ถูกต้องเเละเเม่นยำ เเต่ฉันเเนะนำว่าให้เธอไม่บอกใครเรื่องที่สามารถเข้าใจภาษาต่างโลกได้นะ”
ถ้ามีคนรู้ว่านารุเสะมีสกิลนี้ล่ะก็ อาจจะมีคนมาลักพาตัวเธอก็ได้
“ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะค่ะ เเต่ก็ยังมีบางคนเหมาะสมกว่าในการทำวิจัย”
ผมส่ายหัว “ถ้าเป็นคนอื่นจะต้องมีกฏระเบียบคอยควบคุมอีกเยอะเเยะ สำหรับโปรเจคนี้ เราอยากได้คนที่สามารถเเปลได้อย่างอิสระเเละเป็นความลับ”
“โปรเจคหรอคะ?”
ผมหยิบเเผนร่างคร่าวๆที่มิโยชิกับผมคิดขึ้นมาตอนอยู่ในดันเจี้ยนเเละยื่นให้นารุเสะ
“บริการ…แปลจารึก…หรอคะ?”
ใช่ พวกเราวางแผนที่จะเปิดเวปไซต์เเบบไม่เปิดเผยตัวตนเพื่อแปลเเละเผยเเพร่บทแปลที่เเปลเรียบร้อยเเล้ว เพราะว่าจารึกนั้นไม่มีลิขสิทธิ์ เราเลยไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร เเน่นอนว่าคนอาจจะมองว่าที่บทแปลนั้นเป็นเรื่องไร้สาระก็ได้
หลังจากที่อ่านเอกสารจนจบเเล้ว นารุเสะก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “ชื่อเวปไซต์นี่มันอะไรกันคะ”
“ไม่เลวเลยใช่ไหมล่ะ” ผมถาม
เวปนั้นจะมีชื่อว่า ‘ฮิบุนลีคส์’ ซึ่งลอกมาจากก วิกิลีคส์ เเละในภาษาอังกฤษก็จะเป็น ‘เฮเว่นลีคส์’
ฮิบุนภาษาญี่ปุ่นนั้นเเปลว่า จารึก เเถมคำอ่านของมันยังเหมือนกับคำว่า สวรรค์ ในภาษาญี่ปุ่น ถ้าคุณไม่รู้ภาษาญีปุ่นอาจจะไม่เข้าใจมุกนี้เท่าไร เเต่ว่าความลับที่รั่วไหลจากอาณาเขตของพระเจ้าก็ฟังดูไม่เลวเลย เเถมพวกตะวันตกก็ชอบภาษาญี่ปุ่นที่ฟังดูลึกลับอยู่เเล้ว เเค่นี้ก็น่าจะเพียงพอ ถึงคนญี่ปุ่นอาจจะคิดว่ามุกนี้เป็นมุกคุณปู่ก็เหอะ
“ไม่ว่าจะฟังชื่อนี้กี่ครั้งก็ยังฟังดูเหมือนหลุดออกมาจากอนิเมะเลย” มิโยชิพูด
“ดีสิ ฉันอยากให้เป็นอย่างนั้นเเหละ”
นารุเสะเอียงคอสงสัยอีกครั้ง “มันก็น่าสนใจอยู่นะคะ เเต่ถ้าเราสร้างเวปนี้ขึ้นมา คนอื่นไม่น่าจะเชื่อว่าข้อมูลในนี้เป็นเรื่องจริงหรอกนะคะ”
“ตอนนี้ก็มีเวปของพวกลัทธิต่างๆหลายเวปที่ยังอยู่ดีไม่ถูกปิดเพราะว่าให้ข้อมูลเท็จใช่ไหมล่ะ”
“ใช่ค่ะ”
“เเล้วก็ถึงเราจะเป็นคนโฮสเซอเวอร์กับโดเมน เเต่ถ้าเราอ้างว่าเราไม่มีความเกี่ยวข้องกับบทเเปลก็ยังได้ ตอนปี 1948 สำนักพิมพ์หนังสือพิมพ์กับสมาคมนักเขียนได้ออกคำชี้เเจงเกี่ยวกับสิทธิของผู้เขียนมา เราสามารถใช้ประโยชน์จากตรงนั้นได้” ผมหัวเราะ “เเต่ก็คงหลอกใครไม่ได้หรอกมั้ง”
นารุเสะขมวดคิ้วเเละถอนหายใจ
“เเล้วก็เรื่องบทเเปลน่ะ”
“คะ?”
“เดี๋ยวก็จะมีสององค์กรที่สามารถยืนยันความถูกต้องของมันได้เเล้วนะ”
พอวันที่ 2 ธันวาคม อเมริกากับรัสเซียจะมีสกิลเข้าใจภาษาต่างโลก
“เรื่องนี้น่าจะช่วยไม่ให้ทั้งสองประเทศโกหกหรือปิดบังคำแปลใดๆได้”
หลังจากนั้น ทั่วโลกจะรู้ว่าอะไรโกหกเเละอะไรที่ถูกปิดบัง
“เเล้วก็อีกอย่าง”
“อะไรหรอคะ”
“ตอนนี้ส่วนมาก จารึกจะถูกส่งไปที่ WDA เเละทำการเผยเเพร่ใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
“เเต่จากนี้ไปถ้ามีประเทศที่เริ่มมีสกิลภาษาเเล้ว จารึกที่เจอในประเทศเหล่านั้นจะไม่ถูกเผยเเพร่”
ไม่ช้าก็เร็ว คนที่มีสกิลนี้จะเพิ่มขึ้นเพราะนั่นเป็นสิ่งที่ดันเจี้ยนต้องการ ยิ่งการรู้คำแปลนั้นมีประโยชน์มากเท่าไร เเต่ละประเทศก็จะยิ่งซ่อนจารึกไว้มากเท่านั้น สุดท้ายเเล้ว โอกาศที่จารึกจะไม่ถูกเผยเเพร่ก็จะมีสูงขึ้น
“ฉันเข้าใจส่วนนั้นนะคะ เเต่ฉันจินตนาการไม่ออกเลยว่าจะมีออร์บเข้าใจภาษาต่างโลกเพิ่มมากขึ้นได้ยังไง” นารุเสะพูด
“ยังไงก็เถอะ นี่เเหละเป็นสิ่งที่ฉันคิดถ้าเราเผยเเพร่บทเเปลตอนที่ออร์บนี้ยังมีไม่มากนัก เเทนที่จะเก็บบทแปลไว้ในประเทศตัวเอง เเต่ละประเทศก็จะเผยเเพร่มันเพื่อหาข้อมูล”
“เพื่อพิสูจน์ความถูกต้องของบทเเปลของพวกเรา เราสามารถใช้บทเเปลที่มีข้อมูลที่ใครก็ได้สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ ข้อมูลพวกนั้นน่าจะมีอยู่ในจารึกกับคัมภีร์”
ไม่ว่าใครที่เป็นคนสร้างดันเจี้ยนขึ้นมา พวกเขากำลังสร้างเวทีให้พวกเราอยู่ ถ้าเป็นเเบบนั้น ข้อมูลที่ผมบอกไปต้องมีอยู่เเน่ๆ สมมุติฐานของผมมาจากไหนน่ะหรอ ก็เพราะดันเจี้ยนนั้นถูกสร้างมาจากเกมRPGน่ะสิ
เเถมผู้สร้างก็ยังใช้ องค์ประกอบของRPGในการทำให้ดันเจี้ยนน่าสนใจด้วย ตอนนี้พวกเราติดกับผลประโยชน์ที่ได้รับจากดันเจี้ยนเรียบร้อยเเล้ว ตอนนี้ผู้สร้างก็จะพยายามให้เราพึ่งพาดันเจี้ยนมากขึ้น อาจจะฟังดูเกินจริง เเต่ผมนึกคำอธิบายอย่างอื่นไม่ออกเเล้ว
“ก็ตามนี้เเหละ ออร์บนี้เป็นของเธอนะ” ผมพูดกับนารุเสะ
จนถึงตอนนี้ เธอนั้นจ้องเขม็งไปที่ออร์บ เเต่ตอนนี้เธอหลับตาเหมือนปลงเเล้ว เเละเเตะมันด้วยมือขวา มีเเสงพุ่งออกมาล้อมรอบเเขนของเธอเเละหายไปในร่างกาย
ด้วยเหตุนี้ ผู้มีสกิลแปลภาษาต่างโลกคนที่สองก็ได้ถือกำเนิดขึ้น
“เธอลืมพูดคำว่า ฉันะเลิกเป็นมนุษย์เเล้ว นะ” มิโยชิพูดขึ้นมา
ทุกคนหัวเราะ
1 ธันวาคม 2018 (วันเสาร์)
โยโยกิ-ฮาจิมัน, ออฟฟิศ
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
ผมลงบันไดมาด้วยความง่วง นารุเสะทักผมจากห้องทานข้าวของออฟฟิศ
“อ๊ะ อรุณสวัสดิ์”
สุดท้ายเเล้วนารุเสะก็ค้างที่ห้องของมิโยชิ ทั้งสองคนกำลังอยู่ระหว่างการทานข้าวเช้า กำลังกัดขนมปังปิ้งกันอยู่
“เธอตื่นเร็วจังนะ” ผมพูดกับนารุเสะ
“เดี่ยวฉันจะต้องออกจากที่นี่เเต่เช้าเเล้วไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่โยโยกิน่ะค่ะ”
เหมือนว่าเธอจะมีเสื้อผ้าเอาไว้เปลี่ยนเก็บไว้ที่ล็อคเกอร์ของJDAเผื่อเอาไว้ ถ้าเธอไปทำงานด้วยชุดเดิมเหมือนเมื่อวาน เพื่อนร่วมงานเธออาจจะล้อว่าไปเดทค้างคืนมารึปล่าว ไม่ใช่ว่ามันเป็นการคุกคามทางเพศหรอ
“เดี๋ยวสิ วันนี้เป็นวันเสาร์นะ เธอต้องไปออฟฟิศด้วยหรอ”
นารุเสะดื่นกาเเฟตามขนมปังปิ้งที่เพิ่งกินเข้าไป “ต้องขอบคุณปาร์ตี้ที่ชื่อว่าดี-พาวเวอร์สที่ทำให้ฉันต้องทำงานสุดสัปดาห์ค่ะ” เธอตอบด้วยรอยยิ้ม
อ๊ะ เรื่องนั้นขอโทษที
“เเล้วทั้งสองคนวันนี้จะทำอะไรคะ”
“หมายความว่าไง เราก็จะไปหาออร์บสำหรับวันพรุ่งนี้น่ะสิ”
พอผมนั่งลงที่โต๊ะกินข้าว มิโยชิก็เอาเครื่องดื่มกับขนมปังปิ้งมาให้
“จะว่าไป ช่วงนี้คนเริ่มเรียกดี-พาวเวอร์สว่า ‘ออร์บฮันเตอร์’ เเล้วค่ะ ตอนนี้ทุกๆวันจะมีคำขอส่งมาที่JDAมาขอพบพวกคุณ”
“หือ ฉันไม่อยากจะมารับมือเรื่องพวกนั้นหรอกนะ ไม่เลยสักนิด!” ผมตอบ
“ปกติเเล้ว ถ้านักสำรวจไม่ต้องการ JDAก็จะไม่ช่วยให้คนนอกติดต่อพวกเขาได้ค่ะ”
“ก็นะ ถ้าเราไม่ใช้บริการคนกลางของJDAเเล้ว พวกเขาก็จะเสียรายได้จากเราไป”
“ใช่ค่ะ นั่นก็เป็นสาเหตุนึง”
นารุเสะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ กัดขนมปังที่ทาด้วยเนยเเละมามาเลด
เหมือนจะเดาถูกเผงเลยนะ
เเต่ที่เธอบอกว่า ‘ปกติเเล้ว’ นั้นทำให้ผมกลัวอยู่เหมือนกัน เเสดงว่ามันก็จะเป็นไปได้ที่เป็นกรณีที่’ไม่ปกติ’ เเถมช่วงหลังมิโยชิก็เริ่มเป็นที่รู้จักด้วย
ยังไงก็ตาม พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องซ่อนตัว ตั้งเเต่ตอนที่พวกเราประกาศการประมูลครั้งเเรก โทรศัพท์ของออฟฟิศก็ดังขึ้นไม่หยุดหย่อน เเต่ว่าตอนนี้…
เดี๋ยวนะ สายโทรศัพท์ยังถูกถอดออกอยู่รึเปล่า
“ไม่ต้องห่วงเรื่องโทรศัพท์หรอกนะ” มิโยชิพูด “ฉันใส่ไว้เพื่อลงทะเบียนเท่านั้นเเหละ การติดต่อสำคัญๆก็ผ่านมือถือทั้งนั้นใช่ไหมล่ะ ถ้ามีใครก็ไม่รู้มาโทรเข้ามือถือ ฉันต้องบล็อคทุกคนเเน่ๆ”
“ไม่ปล่ยยให้เข้าว๊อยซ์เมลล์ล่ะ”
“ฉันไม่คิดจะฟังอยู่เเล้วน่ะสิ เเค่บล็อคไปจะประหยัดเวลามากกว่า สายเข้าที่สำคัญจะจะผ่านมือถือ เเต่ถ้าเป็นคนที่เราไม่รู้จัก เดี๋ยวพวกเขาก็จะมาพบเราเองนั่นเเหละ มานั่งฟังข้อความทั้งวันก็ยังไม่หมดหรอก”
อืม คงเป็นอย่างนั้นเเหละ
ผมหันไปนารุเสะเพื่อเตือน “เกี่ยวกับเรื่องเมื่อวาน ถ้าเธอเอาข้อมูลจารึกกับเอกสารออกจากJDAได้ ก็ให้เธอมานั่งเเปลที่นี่จะดีกว่านะ ที่นี่เรามีคนคุ้มกันด้วย”
“คนคุ้มกันหรอคะ”
“ไว้จะเล่าให้ฟังอย่างละเอียดทีหลัง มีอะไรที่อยากจะถามเธอเกี่ยวกับเรื่องนั้นด้วยเเหละ”
ผมอยากจะถามเธอว่าเราจะเอายังไงกับเรื่องอาเธอร์สดี เเต่ว่าตอนนี้เรากำลังยุ่งอยู่ ก็เลยค่อยเอาไว้ค่อยคุยกันหลังจากส่งมอบออร์บแปลภาษา
เธอยังดูงงอยู่เเต่ก็พยักหน้า “เข้าใจเเล้วค่ะ ตัวรูปถ่ายเองนั้นไม่ได้เป็นความลับอะไร ไม่น่าจะมีปัญหา”
“เเล้วก็ เรามีของที่คิดว่าเป็นอีเวนท์หลักเเล้วด้วย ถ้าไม่ติดอะไร ฉันอยากให้เธอเริ่มแปลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่คืนนี้เลยก็พรุ่งนี้”
“อีเวนท์หลักหรอคะ หรือว่ากำลังพูดถึงที่เห็นในวีดีโอนั่น”
“ใช่ คัมภีร์จากคฤหาสน์พเนจร ที่เป็นส่วนหนึ่งจากหนังสือของนักพเนจรน่ะ”
บอกชื่อจริงๆกับนารุเสะไปก้ไม่น่าจะมีปัญหา คัมภีร์ก็เหมือนไอเทมอื่นๆที่พอเเตะเเล้วก็จะมีชื่อโผล่ขึ้นมา เเล้วก็มันเรียกว่า หนังสือเเห่งนักพเนจร (ชิ้นส่วนที่หนึ่ง)
เเต่ถ้ามันเป็นเเค่ส่วนบทนำก็น่าเสียดายน่าดู
พอนารุเสะกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เสียงออดก็ดังขึ้น
“อ้อ” มิโยชิพูด “ฉันเรียกเอเย่นทานากะมาตอนเช้าวันนี้ อาจจะเป็นเขาก็ได้ เเต่มาถึงไวจัง”
เเต่พอเธอไปดูหน้าจอมินิเตอร์ เธอก็ต้องตกใจ “ทานากะกับ…ไซมอนนี่นา”
“เป็นคู่ที่ประหลาดชะมัด”
หลังจากที่มิโยชิเปิดประตูรั้ว ผมก็ยืนขึ้นเเละเดินไปทางประตูบ้าน
“อรุณสวัสดิ์ครับ” ทานากะทักทาย “ต้องขอโทษด้วยที่มาเวลาเช้าขนาดนี้”
“สวัสดี ทำไมถึงมาด้วยกันล่ะ”
“ไม่ได้มาด้วยกันครับ เเค่เจอกันโดนบังเอิญที่ทางเข้า”
“อ้อ”
“ว่าไง โยชิมูระ” ไซมอนพูดเป็นภาษาอังกฤษ “พวกเราเป็นคนได้รับรางวัลน่ะ บอสของเราก็เลยขอให้มาช่วยหน่อย”
“ฉันไม่รู้นะว่ารางวัลที่นายพูดหมายถึงอะไร เเต่ถ้าหมายถึงการประมูลล่ะก็ วันส่งมอบคือพรุ่งนี้นะ”
“นั่นก็จริง เเต่ว่า…”
“ขอโทษทีนะครับ” ทานากะเเทรกขึ้นมาเป็นภาษาอังกฤษ “ผมมีธุระเร่งด่วนที่นี่ การพูดคุยของคุณขอไว้ทีหลังนะครับ”
“ดะ-ได้ โทษที” ไซมอนตอบ
ถึงภายนอกจะดูเป็นชายวัยกลางคนธรรมดา เเต่บางทีเขาก็เเผ่รังสีความกดดันออกมาน่าดูทีเดียว
“มิโยชิ เอาพวกนั้นให้ทานากะข้างหลังบ้านทีนะ”
“เข้าใจเเล้ว”
“งั้นก็เลี้ยวอ้อมไปข้างหลังทางนั้น ไปคนเดียวได้ใช่ไหม”
ทานากะมองไปที่รถบรรทุกที่จอดอยู่ที่ประตูรั้ว “ถ้าเป็นเเบบนั้น จะว่าอะไรไหมถ้าผมจะเอารถของผมไปไว้ที่ข้างหลังเลย”
“ไม่มีปัญหา”
หลังจากที่ส่งสัญญาณให้รถบรรทุกเเล้ว ทานากะก็เดินไปด้านหลังบ้าน
“หมอนั่นจริงจังชะมัด” ไซมอนพูดเเละมองไปที่สายลับทานากะ “เขาเป็นใครกันนะ”
“ไม่รู้สิ”
“หา?”
“น่าจะเป็นคนสำคัญจากรัฐบาลสักคนที่คอยมาจับตาดูพวกเรา…เเต่ฉันก็ไม่รู้ละเอียดหรอก”
“จับตาดูงั้นหรอ พวกนายนี่ชิลเหมือนเคยเลย”
“ไม่ว่าจะมีหลักฐานมากขนาดไหน พวกเราคนญี่ปุ่นก็ยังคงเชื่อว่าโลกนี้สงบสุขดีนะ”
ไซมอนมองไปที่ต้นไม้รอบๆบ้าน “แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าที่นี่อันตรายล่ะ”
สมกับที่เป็นนักสำรวจมือหนึ่ง สัญชาตญาณเฉียบแหลมชะมัด เเถวนั้นเป็นอาณาเขตของพวกอาเธอร์ส
“คิดไปเองน่า เเล้ววันนี้เเค่มาดูพวกเรางั้นหรอ”
“ไม่ล่ะ ฉันมาทำหน้าที่เป็นคนคุ้มกันจนถึงพรุ่งนี้ บอสกระวนกระวายมากเลยล่ะ”
หน่วยจู่โจมดันเจี้ยนนั้นขึ้นตรงกับประธานาธิบดี ที่ว่าบอสเนี่ย หมายถึงผู้บังคับบัญชาโดยตรงรึเปล่า
“นายพูดถึงประธานาธิบดีงั้นหรอ”
“ใช่ เขาต้องโกรธมากเเน่ๆถ้าออร์บถูกขโมยไปตอนจะนำส่ง”
“นำส่งหรอ จนกว่าเราจะเห็นรหัส เราจะไม่รู้ว่าใครกันเเน่ที่เป็นคนชนะการประมูลนะ เเถมกว่าจะถึงเวลาส่งมอบก็อีกตั้งเกิน 24 ชั่วโมง ตอนนี้ที่นี่ไม่มีอะไรหรอก”
ไซมอนจ้องผมเขม็ง เเต่เอาจริงๆเเล้วเขาตัวสูงจนกลายเป็นต้องมองลงมาหาผมเเทน
“เอางั้นก็ได้” เขาพูดพร้อมกับยักไหล่ “เเต่ว่ายังไงฉันก็จะอยู่ที่นี่ทั้งวันนะ อย่ารำคาญซะล่ะ”
“จริงดิ เเต่ฉันกับมิโยชิจะออกไปข้างนอกนะ”
“คิดซะว่าฉันเป็นบอดี้การ์ดเเล้วก็ทำเป็นไม่เห็นฉันซะก็เเล้วกัน”
“บอดี้การ์ดที่ว่าจะไม่มาโจมตีฉันใช่ไหม”
ไซมอนหัวเราะเสียงดังเเละตบเข้าที่บ่าของผม “มุกใช้ได้นี่ นายเป็นตลกรึไง”
โอ๊ย มันเจ็บนะเนี่ย สเตตัสนายสูงที่สุดในโลกนะ เบาหน่อยๆ
“โอเค เข้าใจเเล้ว เเต่ว่าพวกเราสองคนใช้ชีวิตปกตินะ”
“เเน่นอน” ไซมอนตอบเเละหันหลังกลับ “ไว้เจอกัน”
นี่คงเป็นปัญหาเเน่เลย
“นั่นใช่ไซมอน เกิชวินใช่ไหมครับ”
“เหวออ!!”
ทานากะโผล่ขึ้นมาข้างๆผม
“อย่าทำให้ตกใจเเบบนั้นสิ เเต่ว่าใช่ นั่นเป็นนักสำรวจมือหนึ่งของDSF”
“ต้องขอโทษด้วยครับ เเต่ว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่ล่ะ คุณสองคนรู้จักกันหรือ”
“ถ้าลองเอาIDเขาไปค้นหาดู เดี๋ยวก็รู้เองเเหละ เขาชนะการประมูลมาหลายครั้งเเล้ว เรารู้จักกันตอนส่งมอบออร์บน่ะ”
“น่าสนใจนะครับ ผมนึกว่าเขามาที่นี่เพื่อซื้อออร์บโดยตรงซะอีก”
“ไม่มีทาง นั่นจะกลายเป็นเราส่งมอบออร์บให้DSFโดยตรง ถึงพยายามปกปิดสักเท่าไร WDAที่คอยจับตาดูอยู่ก็จะรู้ถึงกระเเสเงินที่เกี่ยวข้องกับดันเจี้ยนอยู่ดี”
“ใช่ครับ ถ้าดี-พาวเวอร์สโอนเงินให้ใครสักคนที่อยู่รอบตัวไซมอน WDAจะรู้ทันที”
“ก็งั้นเเหละ เเล้ว ที่เราจับได้เป็นใครกัน”
“น่าจะมาจากหน่วยข่าวกรอง เเต่คุณทำยังไงถึงจับเขาได้กันครับเนี่ย”
“ก็โจมตีเขาตอนที่เขาไม่ทันระวังล่ะมั้ง”
ทานากะดูผิดหวังเล็กน้อย “โจมตีเขาหรอครับ ในฐานะนักสำรวจเเรงค์ G นี่มันกล้าหาญมากเลยนะครับ”
“อ๋อ เเค่บังเอิญน่ะ จะว่าไปฉันนึกว่ามีคนเฝ้าบ้านของเราซะอีก ไม่ใช่หรอ”
คิ้วของทานากะกระตุกเล็กน้อย “อืมมม” เอาส่งเสียงออกมาเเต่ไม่พูดอะไรไปมากกว่านั้น
เอ่อ อะไรเนี่ย หน่วยงานความมั่นคงมาเฝ้าระวังพวกเราจริงๆงั้นหรอ เเต่พวกนี้หนีรอดมาได้เนี่ยนะ เเย่ละ ไม่น่าพูดไปเลย
จากนั้นนารุเสะก็เปิดประตูออกมาเพื่อจะกลับ
“ฉันไปก่อนนะคะ โยชิมูระ ไว้จะกลับมาใหม่”
“เข้าใจเเล้ว ไว้เจอกัน”
หลังจากพยักหน้าให้ทานากะ นารุเสะก็เดินไปที่ประตูรั้ว
“พนักงานJDAมาทำอะไรที่นี่เเต่เช้าหรือครับ”
“นารุเสะเป็นผู้ดูเเลเต็มเวลาของเราน่ะ เธอมาจัดการข้อมูลการสำรวจของเราตั้งเเต่เมื่อคืนเเล้ว”
“เธอขยันดีนะครับ เอาล่ะ พวกเราเองก็ต้องขอตัวเหมือนกัน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ติดต่อผมมาได้เลยนะครับ”
“โอ้ เข้าใจเเล้ว ขอบคุณมาก”
ผมยืนอยู่ที่ประตูมองรถบรรทุกขับจากไป
“ทุกคนที่เราทำงานด้วยเนี่ยใช้ได้เลยเนอะ” มิโยชิโผล่หน้าออกมาพูด
“เห็นด้วยเลย พนันว่าเเถวนี้น่าจะเต็มไปด้วยสายลับจากทั่วโลกเลยมั้ง”
“ขาฉันสั่นเลยล่ะ ถ้ามีมือสไนเปอร์พยายามจะยิงเราจะเป็นยังไงเนี่ย” มิโยชิพูดด้วยรอยยิ้ม ท่าทางไม่กลัวสิ่งที่ตัวเองพูดออกมาเลย
“พวกอาเธอร์สป้องกันเราจากลูกธนูได้ เเต่ว่ากระสุนมันเร็วกว่ามาก เธอคิดว่าพวกมันจะจัดการได้ไหม”
ผมรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเห่าจากที่ไหนสักที่
มิโยชิหัวเราะ “เหมือนได้ยินว่า ‘วางใจได้เลย’”
“เเบบนั้นก็สบายใจเเล้วล่ะ”
“มันยังบอกอีกว่า ‘ค่าจ้างเป็นหินเวทย์นะ’”
“ขาฉันสั่นเเล้วล่ะ”
ถ้าผมไม่ไปหาอาหารโปรดให้พวกมันเร็วๆนี้ ผมคงต้องไปเก็บกินเวทย์ด้วยตัวเองจริงๆ ถ้าเป็นอย่างนั้นบทบาทมาสเตอร์กับเซอร์เเวนท์คงจะสลับกัน อีกไม่นานผมคงต้องสู้กับอาเธอร์สเพื่อที่จะเเย่งชิงจอกศักดิ์สิทธิ์เเล้วล่ะ บางทีผมอาจจะต้องพึ่งพลังเงินตราเพื่อป้องกันซะเเล้ว
“มิโยชิ หินเวทย์นี่มีขายหรือมีรับซื้อไหม”
“มีสิ สำหรับการวิจัย”
โชคดีไป
“หินเวทย์ถูกตั้งชื่อว่า ‘พลูโตเนียมสะอาด’ เเต่ว่าตอนนี้ยังไม่มีใครสร้างพลังงานจากมันได้เลย”
เหมือนว่าจะยังไม่สามารถควบคุความเร็วของการดึงพลังงานออกมาได้ พอเริ่มขั้นตอนเเล้ว รีแอคชั่นนั้นจะถูกเร่งในพริบตา เเละพลังงานทั้งหมดจะถูกปล่อยออกมาในทีเดียว
“ฟังดูเหมือนจะเกิดระเบิดครั้งใหญ่เลย”
“ใช่ เเต่การปลดปล่อยพลังงานนั่นไม่ได้ออกมาในรูปเเบบความร้อนหรือเเสงนะ ฉันได้ยินมาว่าเป็นอย่างอื่น”
“อย่างอื่นหรอ หมายความว่าที่ออกมาไม่ใช่พลังงานงั้นหรอ”
ฟิสิกซ์ในดันเจี้ยนนี่มันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย
“น่าจะกลายเป็น ‘ดี-เเฟคเตอร์’ เป็นสมมุติฐานของพลังงานดันเจี้ยนน่ะ ก็จุดเริ่มต้นของจักรวาลของเรามาจากซับอตอมมิคที่ถูกสร้างมาจากพลังงานใช่ไหมล่ะ”
“หินเวทย์พวกนี้สร้างพลังงานได้ขนาดไหนกันเเน่ ถ้าเป็นเเบบนั้น มันไม่ได้เป็นที่ต้องการอะไรมากมายหรอกมั้ง ฝากเธอดูราคาซื้อขายให้ทีสิ”
“ไม่มีปัญหา” มิโยชิยิ้มเหมือนนึกอะไรออก “เเต่คงไม่มีใครคิดว่าเราจะซื้อเอาไปเป็นอาหารสัตว์เลี้ยงหรอก”
ผมก็ยิ้มออกมาเช่นกัน “เธอพูดถูก”
จากนั้นผมก็เดินกลับไปที่ออฟฟิศ วันที่ 1 ธันวาคมกำลังเริ่มต้นขึ้น เป็นวันเดียวที่เราจะไปตามหาออร์บ อย่างน้อยทุกคนก็คิดเเบบนั้น
กลับสู่ด้านบน / ทั้งหมด / 1- / 50 ล่าสุด
กระดานสนทนา [กว้างเกินไป] โยโยกิ-ดี 1356 [อาจจะหลงทางได้]
182. นักสำรวจนิรนาม – เฮ้ มีใครได้ดูหน่วยข่าวสารของโยโยกิดันเจี้ยนรึยัง
183. นักสำรวจนิรนาม – หมายถึงหน้าเวปข้อมุลดันเจี้ยนหรอ เเต่ก่อนเคยเข้าไปดูอยู่ เเต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเเล้ว ในนั้นมีเเต่ข่าวน่าเบื้อเเล้วก็ซำ้ซากไม่ใช่หรอ
184. นักสำรวจนิรนาม – เอาจริงๆนะ วีดีโอนั่นมันอะไรกันเเน่ เป็นเทรลเลอร์ของหนังสักเรื่องรึไง มีใครเห็นว่าเค้าเขียนว่า “สำหรับโฆษณา” ไว้สักที่รึเปล่า
185. นักสำรวจนิรนาม – หา วีดีโออะไรหรอ น่าสนใจหรอ
186. นักสำรวจนิรนาม – ไปดูซะเเล้วค่อยนกลับมาใหม่ ต้องดูเลยนะ
187. นักสำรวจนิรนาม – นาย182 ฉันดูเเล้วล่ะ โคตรสุด! ที่ไหนนะ ชั้นสิบใช่ไหม
188. นักสำรวจนิรนาม – มันดีขนาดนั้นเลยหรอ เดี๋ยวฉันไปดูบ้าง
189. นักสำรวจนิรนาม – นาย 187 ฉันคิดว่าชั้น 10 เเหละ ในฉากเเรกที่กำลังเข้าไปในคฤหาสน์น่ะ ตรงนั้นมีเเต่สุสาน เเต่ว่าร้อยโทคิมิตสึกับนักสำรวจระดับสูงคนอื่นๆจากทั่วโลกก้มาอยู่ที่โยโยกิตั้งเเต่กลางเดือนที่เเล้ว อาจจจะเป็นชั้นใหม่ถัดจากชั้น21ก็ได้
190. นักสำรวจนิรนาม – ตัวเลขตรงป้ายทางเข้าตอนที่มีซับไดเติ้ลขึ้นว่า ‘คฤหาสน์พเนจร’ มันโคตรเท่เลย อย่างกับนิยายที่สร้างจากดันเจี้ยนอย่างนั้นเเหละ
191. นักสำรวจนิรนาม – นาย190 ถูก ตอนที่พวกเขาเดินเข้าไปเเล้วการ์กอยหันมาหานี่อย่างกับหลุดมาจากในหนัง หยุดมองได้เเล้ว!
192. นักสำรวจนิรนาม – พวกนั้นต้องกล้ามากที่เดินเข้าไปต่อ
193. นักสำรวจนิรนาม – พวกที่มีเป้าหมายที่ชั้นล่างๆก็สติไม่สมประกอบกันทุกคนนั่นเเหละ
194. นักสำรวจนิรนาม – นายก็หนึ่งในนั้นใช่ไหมล่ะ
195. นักสำรวจนิรนาม – กาตัวใหญ่นั่นดูน่าเกรงขามชะมัด
196. นักสำรวจนิรนาม – ตอนเปิดประตูเเล้วคนถือกล้องหันกลับไปอย่างตกใจเเล้วเห็นกานั่นเล็มขนตัวเองอยู่บนรั้ว กล้องมันซูมเข้าไปจนฉันหลุดหัวเราะเลย
197. นักสำรวจนิรนาม – 555 เเล้วทำไมวีดีโอมันถึงมัวเเบบนั้นล่ะ
198. นักสำรวจนิรนาม – ฉันก็ดูวีดีโอนั่นเเล้วเหมือนกัน โคตรเท่ เเต่น่าเสียดายที่ไม่มีเสียง
199. นักสำรวจนิรนาม – น่าจะเพราะคนถ่ายคงร้องสุดเสียงตลอด โดยเฉพาะตอนจบ
200. นักสำรวจนิรนาม – นาย189 มอนสเตอร์ที่ออกมาจากห้องนั่นคือ สเกเลตัน เอกซิคิวชั่นเนอร์ถูกไหม ไม่เคยปรากฏขึ้นที่ชั้นสิบมาก่อนเลยนะ
201. นักสำรวจนิรนาม – คฤหาสน์นั่นก็ไม่เคยปรากฏมาก่อนจนถึงตอนนี้เหมือนกัน
202. นักสำรวจนิรนาม – ฟังนี่ก่อน ตอนเที่ยงคืนของวันที่ 27 เมื่เดือนก่อน คนรู้จักฉันได้ยินเสียงระฆังในชั้น 10 พวกเราล้อเขาที่หูเเว่วไปเอง บางทีมันอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็ได้นะ
203. นักสำรวจนิรนาม – จริงดิ
204. นักสำรวจนิรนาม – ตอนห้องสุดท้าย ตากล้องอยู่ดีๆก้มองขึ้นไปข้างบน ถ้าจินตนาการว่าระฆังดังตอนนั้นพอดี ทุกอย่างก็ลงล็อค
205. นักสำรวจนิรนาม – ตอนที่ห้องเริ่มบิดเบี้ยวถูกไหม
206. นักสำรวจนิรนาม – คนรู้จักนายไปทำอะไรที่ชั้นสิบตอนกลางคืนเนี่ย มีเเต่คนสติไม่ดีที่จะทำงั้นนะ
207. นักสำรวจนิรนาม – เหมือนว่าเค้ากลับไปที่ชั้น 9 กันไม่ทัน เลยไปตั้งเเคมป์กันที่บันไดระหว่างชั้น 9 กับชั้น 10
208. นักสำรวจนิรนาม – เหมือนกับเป็นทีมที่ไม่ค่อยได้เรื่องเลยนะ
209. นักสำรวจนิรนาม – เฮ้ อย่าใจร้ายนักสิ เเล้วพวกเขาเล่าอะไรเกี่ยวกับระฆังอีกไหม ได้ไปดูชัดๆรึเปล่า
210. นักสำรวจนิรนาม – ฉันก็ถามไปเเบบนั้นเหมือนกัน เเต่เขาโกรธเเละตอบกลับมาว่า “ใครมันจะไปเดินในชั้นสิบตอนกลางคืนกันเล่า”
211. นักสำรวจนิรนาม – ก็จริง…
212. นักสำรวจนิรนาม – เห็นด้วย
213. นักสำรวจนิรนาม – ตอนสุดท้ายน่ะ การ์กอยที่กำลังโจมตีเข้ามาถูกซัดกระเด็นไป มันเกิดอะไรขึ้นกัน
214. นักสำรวจนิรนาม – เพื่อนขอตากล้องยิงปืนใส่รึเปล่า
215. นักสำรวจนิรนาม – ถ้าเป็นอย่างนั้น พวกเขาน่าจะเป็นทีมของ SDF เเน่ๆ
216. นักสำรวจนิรนาม – อิโอริเป็นที่หนึ่งในใจของพวกเรา!
217. นักสำรวจนิรนาม – ตอนจบโคตรน่าสยอง ลูกตาพวกนั้นอย่างกับเป็นฮิโยะตัวเป็นๆจาก ล่าอสูรกาย เลย ฉันคงนอนไม่หลับเเน่ๆ
218. นักสำรวจนิรนาม – เป็นวีดีโอน่าขยะเเขยงเลือดสาดงั้นหรอ
219. นักสำรวจนิรนาม – ประมาณนั้น เเต่มันน่ากลัวมากกว่าที่จะเลือดสาดนะ
220. นักสำรวจนิรนาม – สงสัยจังว่าเเท่นกลางห้องนั่นคืออะไร
221. นักสำรวจนิรนาม – อ๋อ ที่นักพเนจร จงดูปัญญาของคัมภีร์นั่นอะนะ
222. นักสำรวจนิรนาม – รู้สึกว่าที่เขียนเบนเเท่นจะยาวกว่านั้นนะ…
223. นักสำรวจนิรนาม – พวกเขาอาจจะย่อมันเพราะว่าเป็นซับไตเติ้ล มันเป็นภาษาของโลกเราไม่เหมือนกับในจารึก เดี๋ยวก็มีคนมาเเปลทั้งหมดนั่นเองล่ะ
224. นักสำรวจนิรนาม – นักพเนจรที่หว่าหมายถึงพวกเรรารึเปล่านะ
225. นักสำรวจพเนจร ID : P12xx-xxxx-xxxx-0192 – เปลี่ยนชื่อพวกเราเป็น นักสำรวจพเนจร
226. นักสำรวจพเนจร – หน้าเวปเพจข้อมูลของคฤหาสน์พเนจรถูกเผยเเพร่เเล้วนะ!
227. นักสำรวจพเนจร – หา จริงดิ
228. นักสำรวจพเนจร – เดี๋ยวนะ ถ้าจัดการมอนสเตอร์ชนิดเดียวกัน 373 ตัวในหนึ่งวัน คฤหาสน์นั่นจะโผล่ออกมางั้นหรอ เป็นไปได้ด้วยเรอะ
229. นักสำรวจพเนจร – ถ้าเป็นสไลม์ชั้นหนึ่งก็อาจจะ…
230. นักสำรวจพเนจร – นาย229 สไลม์มันฆ่ายากมากเลยนะ ถึงจะมีจำนวนพอก็เหอะ เผลอๆสไลม์ตัวนึงใช้เวลา 5 นาทีได้เลย งั้นชั่วโมงนึงก็จะได้ 12 ตัว 24ชั่วโมงจะได้เเค่ 240ตัวเอง ขอให้โชคดี
231. นักสำรวจพเนจร – จากในเวป พวกเขาจัดการซอมบี้ไป 373 ตัว คฤหาสน์เลยโผล่มา
232. นักสำรวจพเนจร – บ้าไปเเล้ว นี่มันหนังสยองขวัญของจริงชัดๆ
233. นักสำรวจพเนจร – อะไร เป็นเกมอาเคดงั้นหรอ ทีม I ที่สุดยอดจริงๆเลยนะ
234. นักสำรวจพเนจร – ตกลงเราเชื่อกันเเล้วหรอว่าเป็นทีมของอิโอริ
235. นักสำรวจพเนจร – คิดอย่างอื่นไม่ออกเเล้วนี่ หรือจะเป็น ชิบุ ที
236. นักสำรวจพเนจร – พวกเขาไปทำอะไรที่ชั้น 10 กัน…
237. นักสำรวจพเนจร – เเล้วพวกเขา ‘คิด’ ว่าคฤหาสน์จะหายไปตอนหมดหวัดหรอ 555555 อย่างกับออกมาจาก โตเกียวสปอร์ต
238. นักสำรวจพเนจร – อาจจะไม่ใช่ชั้น 10 ก็ได้ไง
239. นักสำรวจพเนจร – พวกเขาบอกว่าไม่รู้อะไรมากเหมือนกัน ถ้าให้เดาก็คงไม่มีใครไปตรวจสอบหรอก
240. นักสำรวจพเนจร – ถึงอยากก็ไม่มีใครทำได้ นาย237 มีซอมบี้ก็หมายความว่าเป็นชั้น 10 นี่
241. นักสำรวจพเนจร – ฉันจะรอให้หวานใจอิโอริมาประกาศครั้งต่อไปนะ
242. นักสำรวจพเนจร – ฉันด้วยๆ