ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น - ตอนที่ 36 เล่ม 2 : ทำความเข้าใจภาษาต่างโลก (12)
- Home
- ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น
- ตอนที่ 36 เล่ม 2 : ทำความเข้าใจภาษาต่างโลก (12)
“สถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง” มิโยชิถาม
พอเราไปถึงบันได พวกที่ตามมาก็หลุดไปจากระยะสกิลตรวจจับของผม
“ฉันไม่มั่นใจ เเต่คิดว่าสลัดหลุดเเล้วนะ”
“มีใครในนั้นมีสกิลตรวจจับรึเปล่า”
“น่าจะมี”
ด้วยระยะขนาดนี้ ไม่น่าจะใช้อุปกรณ์ตรวจจับที่มีขนาดเล็กๆได้ เเถมยังอยู่ในเขาวงกตอย่างดันเจี้ยนด้วย ต้องมีคนที่ใช้สกิลที่เป็นการตรวจจับอยู่เเน่ๆ
“ถึงจะอย่างนั้นก็เหอะ…” ผมพูดค้างไว้เเละหันไปมองรอบๆชั้น 11 จากตีนบันได
ที่นี่เป็นบริเวณภูเขาไฟ อุณหภูมินั้นสูงขึ้นมาก มีกลุ่มควันลอยขึ้นไปบนฟ้าอยู่หลายๆที่
“เพิ่งคิดออกอย่างนึง” ผมพูด
“อะไรล่ะ”
“เราต้องมีเวทไฟจริงๆหรอ”
มิโยชิกอดอกเเละมองผมเหมือนจะตำหนิ
“ทะ-ท่าทางนั่นมันอะไรน่ะ!”
“รุ่นพี่ ถ้าทนอากาศร้อนไม่ได้ก็เเค่พูดออกมาเท่านั้นเอง”
“หม่ะ-มิโยชิที่รัก เธอเคยได้ยินคำพูดที่ว่า ‘บริสุทธิ์จนกว่าจะถูกตัดสินให้ผิดไหม’ หมายความว่า ถ้าอยากได้ไฟ ก็ใช้ไฟเเช็คก็ได้นี่นา ใช่มั้ยล่ะ”
“รุ่นพี่ก็ใช้เวทน้ำเยอะอยู่ไม่ใช่หรอ”
“ก็มันสะดวกนี่นา”
“เเล้วถ้าเราเจอศัตรูที่มีความต้านทานเวทน้ำล่ะ รุ่นพี่จะทำยังไง”
“หนีสิ”
มิโยชิทำหน้าเหนื่อยใจหลังจากที่ผมตอบออกไปในทันที ในขณะเดียวกัน ก็มีไฟร์บอล – ขนาดประมาณ 50 เซ็นติเมตร บินเข้ามาหาพวกเรา
“เหวออ”
ผมกดหัวมิโยชิลงนอนราบไปกับพื้นอย่างกระทันหันเเละยิงหอกน้ำหลายอันไปในทิศทางที่ไร์บอลพุ่งมาโดยไม่ได้เล็ง
“กะ-เกิดอะไรขึ้น”
“มีบางอย่างยิงไฟร์บอลใส่เรา เเต่ฉันไม่รู้ว่ามันมาจากที่ไหน”
เฮลฮาวด์สี่ตัวปรากฏขึ้นมาจากเงาของมิโยชิ ตัวหนึ่งวิ่งมาที่ข้างหน้าเราเเละใช้อุ้งเท้าตะปบเข้ากับส่วนยอดของก้อนหินก้อนใหญ่ จากนั้นก็มีเสียงสัตว์ร้องก้องไปทั่วดันเจี้ยน ในตอนนั้น ก้อนหินขนาด 1.5 เมตรก็เริ่มสั่นอย่างรุนเเรง ซาลามันเดอร์ตัวยักษ์โผล่ออกมาจากใต้ก้อนหินนั่น
“ใช่ เลสเซอร์ซาลามันดอร่ารึเปล่า” ผมถาม
“คิดว่านะ เคยเห็นเเค่ในรูปตอนมันพรางตัวอยู่”
เหมือนว่าถ้าไม่ตั้งใจจะตรวจจับ สกิลตรวจจับก็จะไม่สามารถตรวจจับเลสเซอร์ซาลามันดอร่าที่กำลังซ่อนตัวอยู่ได้
ทันใดนั้น ก็มีเสียงเหมือนกับสายอะไรบางอย่างที่ถูกขึงให้ตึงได้ขาดลง หางของเลสเซอร์ซาลามันดอร่า – ที่เมื่อกี้นี้ถูกกดไว้ด้วยเฮลฮาวด์ – ได้ขาดออกจากตัวของมัน มอนสเตอร์ตัวนั้นก็เลยกำลังวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
“โอ้โห เหมือนกิ้งก่าเลยเเหะ”
“รุ่นพี่ หางมันเป็นเเรร์ไอเทมนะ รีบฆ่ามันเร็ว!”
ถ้าปล่อยทิ้งเอาไว้ หางที่ขาดออกสุดท้ายจะกลายเป็นเเสงสีดำ ถ้าอยากจะได้เเรร์ไอเทม คุณต้องจัดการเลสเซอร์ซาลามันดอร่าหลังจากที่มันสลัดหางออกเเละก่อนที่หางจะหายไป
ก่อนที่ผมจะทันได้ปล่อยหอกน้ำ เฮลฮาวด์ก็พุ่งเข้าไปกัดหัวมอนสเตอร์ที่กำลังหนี หลังจากนั้นก็มีหน้าจอปรากฏขึ้นที่หน้ามิโยชิ มันเขียนเอาไว้ว่า ‘“”หาง : เลสเซอร์ซาลามันดอร่า’
“ไชโย! มันเป็นวัตถุดิบชั้นสูงในการสร้างยาจีนเเบบดั้งเดิมเลยนะ”
“เหมือนเขากวางน่ะหรอ”
มิโยชิเดินไปหาเฮลฮาวด์ที่กำจัดมอนสเตอร์ได้เเละลูบหัวมัน “ทำได้ดีมาก ดรัดวิน”
“เธอเเยกพวกมันออกด้วยงั้นเรอะ น่าทึ่งจังเเฮะ”
“เเยกออกสิ ตัวเเรกที่กดมอนสเตอร์เอาไว้คือคาวัล เเล้วก็ตัวที่กัดคือดรัดวิน”
นักอัญเชิญที่สุดยอดจริงๆ ผมเเยกไม่ออกเลย
“เดี๋ยวก่อนนะ ถ้าฉันไม่จัดการเลสเซอร์ซาลามันดอร่าเอง ก็จะไม่ได้ออร์บน่ะสิ”
“ไม่ต้องห่วง เราได้หางมาเเล้ว ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีเเล้วล่ะ เอาล่ะ พวกนายช่วยหาซาลามันดอร่าตัวต่อไปหน่อยสิ อาเธอร์ส”
เหล่าเฮลฮาวด์นั้นเห่าโดยพร้อมเพรียงกัน เเละภายในเวลาไม่นาน พวกเราก็เจอซาลามันดอร่าอีกตัว จมูกของพวกมันดีกว่าสกิลตรวจจับซะอีก รอบนี้น่าจะเป็น เอเธลเลม คิดว่านะ มันจับมอนสเตอร์กดเอาไว้ ตอนนี้ไม่มีไฟร์บอลพุ่งมาหาพวกเรา ผมเลยคิดว่าการโจมตีนั่นอาจจะเป็นลมหายใจของมัน ไม่ใช่เวทมนตร์ก็ได้
คราวนี้ผมกำจัดมอนเสตอร์เองด้วยหอกน้ำ เเละหน้าจอเลือกออร์บก็โผล่ขึ้นมาตรงหน้าผมเหมือนปกติ
สกิลออร์บ : เวทมนตร์ไฟ | 1/40,000,000
สกิลออร์บ : ตัดอวัยวะตนเอง | 1/200,000,000
สกิลออร์บ : ฟื้นฟูตนเอง | 1/200,000,000
สกิลออร์บ : เวทมนตร์เพลิงขั้นสูงสุด | 1/1,700,000,000
ตอนเเรกเป้าหมายของพวกเราคือเวทมนตร์ไฟ เเต่ผมไม่คิดว่าจะมีอะไรน่าสะพรึ่งกลัวมากไปกว่า ตัดอวัยวะตนเองกับฟื้นฟูตนเองเเล้วล่ะ
“ตัดอวัยวะตนเองงั้นหรอ มนุษย์ไม่มีหางนะ”
“เเต่ผู้ชายมีอะไรคล้ายๆกันนี่…”
“อย่าพูดนะ!”
ผมไม่อยากกลายเป็นเหยื่อของ ซาดะ อาเบะหรอกนะ เเล้วต้องมาทำด้วยตัวเองเนี่ย ฝันไปเหอะ
“เเต่ถ้ามีฟื้นฟูตัวเอง มันจะงอกมาใหม่ใช่ไหมล่ะ”
“ฟังนะ”
“อย่าทำตัวขยะเเขยงสิรุ่นพี่ ฉันกำลังพูดถึงผมอยู่ไง นี่เพื่อนที่เเสน เเสนดีไง จำได้ไหม”
“อ๋อใช่ จริงด้วย”
มิโยชินั้นชอบดูโฆษณาเก่าๆตามยูทูปเเละที่อื่นๆ ตอนนี้เธอกำลังพูดถึงโฆษณาคลาสสิคของ คาโรยันแฮร์ รีสโตเรชั่น ‘พอคุณเริ่มผมร่วง คุณก็จะรู้สึกตัว ว่ามันเป็นเพื่อนที่เเสน เเสนดี’ โฆษณาบอกไว้เเบบนี้ เพราะถ้าคุณเอาตัว ‘ขน’ออกไปจากคันจิที่มีความหมายว่า ‘ผม’ มันจะกลายเป็นหมายความว่า ‘เพื่อนที่ดี’
ผมเกือบคิดว่าเธอจะพูดว่า ‘ฉันเห็นเเล้ว ฉันเห็นเเล้ว’ ด้วย มันมาจากโฆษณาของปากกาลูกลื่นตราม้าลาย
เเต่ว่า ฟิ้นฟูตัวเองนั้นอาจจะทำให้อวัยวะที่สูญเสียไปงอกออกมาได้นอกจากผม เเบบนั้นก็จะคล้ายๆกับฟื้นฟูสุดยอดที่มีคูลดาวน์สั้นกว่า
“เเต่ถ้าให้เอา มันน่าจะทำงานเป็นคู่กัน” มิโยชิพูด
“คิดเหมือนกันเลย ฟื้นฟูตัวเองน่าจะทำให้อวัยวะที่สูญเสียไปจากสกิลตัดอวัยวะตัวเองงอกออกมาใหม่”
ดูจากความสามารถของมอนสเตอร์ ผมไม่คิดว่าเลสเซอร์ซาลามันดอร่าจะดรอปออร์บฟื้นฟูที่ทรงพลังมากนัก เเถมอันตราการดรอปก็สูงเกินไป
“ถ้าเราเจอมอนสเตอร์ที่ชื่อว่าพลานาเรียน มันอาจจะดรอปออร์บฟื้นฟูของจริงก็ได้” มิโยชิพูด
“สกิลออร์บที่ดรอปจากพลานาเรียนฟังดูเหมือนจะทำให้ผู้ใช้เเบ่งตัวเองออกเป็นสองคนได้เลย ฉันขอผ่านก็เเล้วกัน”
“มนุษย์ก็ทำเเบบนั้นได้นะ โคลนนิ่งไง”
ก็ใช่อยู่หรอก เเต่ว่า…
ผมไม่ได้พูดอะไรเเล้วเลือกออร์บเวทเพลิงขั้นสูงสุดเเทน
“รุ่นพี่จะใช้หรอ”
“ใช่ ถ้าหลังจากประเมินดูเเล้วมันโอเคล่ะก็นะ”
มิโยชิมองไปที่ออร์บ “ไม่น่าจะเป็นกับดักนะ” เธอพูดเเค่นั้น
ผมโล่งใจเเละชูออร์บขึ้น “งั้นก็ ข้าขอประกาศละทิ้งความเป็นมนุษย์”
ผมพูดประโยคยอดฮิตออกไป เเสงสว่างเข้ามาที่มือขวาของผมเเละเริ่มซึมเข้าไปในร่างกาย
“จะพูดก็พูดเถอะ ฉันคิดว่าชื่อเวทมนตร์เพลิงขั้นสุดยอดมันฟังดูสุดโต่งเกินไปไหม”
“เธอประเมินดูเเล้วนี่”
“ก็ใช่ เเต่ประเมินไม่ได้บอกว่าจะร่ายเวทย์ยังไงนี่นา”
ผมคิดอยู่สักพัก “เวทนี่ไม่มีเลขโรมันอยู่ข้างหลัง เเถมเป็นสกิลที่ยังไม่ได้รับการลงทะเบียนด้วย เราน่าจะคิดคำร่ายมันได้จากชื่อนะ”
มิโยชิหัวเราะ เหมือนเธอกำลังนึกถึงตอนที่ผมพยายามใช้เมคกิ้ง
“เงียบน่า เเถมไม่ใช่ว่าเราไม่มีเบาะเเสเลยสักหน่อย”
“หมายความว่ายังไงนะ”
“ตัวคันจิของคำว่า ชั้นสูงสุด กับ คุก มันอ่านเหมือนกัน ฉันเลยคิดคำร่ายออกอย่างนึงก็คือ – คุกเเห่งเพลิง”
ป้อมปราการวงเเหวนที่ถูกแผดเผาด้วยเปลวเพลิงนิรันดร์สีขาวอันเต็มไปด้วยเหล่าทูตสวรรค์ที่ร่วงหล่นและคนบาปที่ไร้หนทางกลับคืน ทว่าเพลิงสีน้ำเงินขาวนั้นคือเเสงเเห่งความเมตตา จักเผาผลาญทุกสิ่งให้มลายหายในชั่วอึดใจ
ผมยื่นเเขนขวาไปข้างหน้าเเละนึกถึงบทกวีของดันเต้เเละพูดชื่อของมันออกมา
“อินเฟอร์โน!!”
ทันใดนั้น ทุกอย่างตรงหน้าผมก็กลายเป็นสีขาวจ้าเหมือนใครสักคนใช้เเฟลชจากกล้อง จากนั้นก็มีเสียงไอน้ำดังไปทั่วดันเจี้ยน ผมพยายามรั้งร่างกายของตัวเองไม่ให้ทรุดลงกับพื้นหลังจากรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกำลังออกจากร่างกายของผมไป พอผมกลับมามองเห็นอีกครั้ง ก็ต้องอุทานเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับทิวทัศน์รอบๆ
“บ้าอะไรกันเนี่ย!”
“รุ่นพี่ เกิดอะไร…”
ตรงหน้าพวกเราไม่มีอะไรอยู่เลย ไม่มีหิน ไม่มีหญ้า ไม่มีเเมกม่า ไม่มีไอน้ำ ไม่มีควัน ไม่มีเเม้เเต่มอนสเตอร์ที่อาจจะหลบอยู่ มีเเค่ที่ราบสูงที่เเข็งตัวกลายเป็นกระจกสีดำ เเผ่ขยายออกไปทุกทิศทุกทาง มีผงสีขาวละเอียดปกคลุมพื้นที่
เอ่อ เมื่อกี๊ไม่มีคนอื่นอยู่ใช่ไหมนะ ผมไม่คิดว่ามีใครอยู่ เเต่ถ้ามีล่ะก็ น่าจะระเหิดไปในอากาศเรียบร้อยเเล้ว ถ้าเกิดว่ามีหน่วยสอดเเนมที่เก่งสุดๆที่เเม้เเต่สกิลตรวจจับของผมยังตรวจจับไม่ได้ล่ะ ผมไม่มีทางเลือกนอกจากต้องขอโทษ เเต่เอาจริงๆผมก็ไม่คิดว่าจะมีหรอก…
มีไอเทมจำนวนมากปรากฏขึ้นตรงหน้าผม ผมเช็คสเตตัสในระหว่างที่กำลังเก็บพวกมันเข้าไปในวอลท์ MPของผมหายไปประมาณ 100 หน่วย
“เอ่อ..พวกเราควรจะปิดผนึกสกิลนี้ไว้มั้ย” ผมถาม
“ถ้ามีใครมาเห็นที่นี่ ต้องคิดเเน่ๆว่ามีมังกรเกิดบ้าคลั่งขึ้นมา” มิโยชิตอบ
“ชิบหายเเล้ว”
“มีอะไรล่ะ”
“กลุ่มสี่คนนั่นตามพวกเรามาอีกเเล้ว”
จากที่ผมสามารถบอกได้ พวกเขาเพิ่งลงบันไดมาชั้น 11
“รีบไปจากที่นี่เถอะ” มิโยชิร้อง
มิโยชิเริ่มออกวิ่งไปพร้อมกับสุนัขของเธอทั้งสี่ตัวที่โผล่หน้าออกมาอย่างกล้าๆกลัวๆจากเงาของเธอ
***
“พวกเขาอยู่ที่นี่รึเปล่า” เลนถามเเรท
เเรทชี้ไปทางที่ดี-พาวเวอร์สอยู่ “เมื่อกี๊นี้เหมือนพวกเขาจะอยู่ตรงนั้น เเต่อยู่ๆก็หายไป”
“หายไปหรอ หมายความว่ายังไง” เเชปเเมนถาม
“หมายความตามนั้นนั่นเเหละ” เลนตอบเเทน “พวกเขาหายไป ไม่หนีก็ซ่อนตัวอยู่ เราควรจะตามไปไหม”
เเชปเเมนมองไปทางที่เเรทชี้ เขากำลังคิดถึงเรื่องทรัพยากรที่ทั้งทีมเหลืออยู่ พวกเขาใช้กระสุนจำนวนมากไปในชั้นสิบ
“ต้องขอบคุณทางลัดนั่น พวกเรามีของไม่พอ” เเชปเเมนตอบ “ตอนนี้เรายังสามารถตามไปได้ เเต่ถ้าเกิดเริ่มท่าไม่ดีขึ้นมาเมื่อไร พวกเราจะเลิกทันที”
ทั้งทีมเริ่มออกเดินทางตามคำสั่ง พอพวกเขาไปถึงจุดที่เเรทบอก ที่เป้าหมายนั้นหายไป
“นี่มัน….เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” คนที่พูดคือ คอลลิน อเลนบี้ – สมาชิดหน่วยเดลต้าฟอร์ซที่เงียบอยู่จนมาถึงตอนนี้ “ดูคล้ายกับหัวรบนิวเคลียร์ระเบิด ทำให้ทุกอย่างกลายเป็นเเก้วเลย”
เเถมยังมีความร้อนเเผ่ออกมาจากพื้นดินอยู่เลย
“คิดว่าดี-พาวเวอร์เป็นคนทำไหม” เเชปเเมนถาม
อเลนบี้ส่ายหน้า “ไม่น่าจะทำได้ถ้าไม่ได้พกเอาระเบิดไฮโดรเจนมา”
“งั้นมันเกิดอะไ-”
“อาจจะเป็นฝีมือมังกรก็ได้” เลนพูด
ถึงน้ำเสียงเขาอาจจะฟังดูสบายๆ เเต่ตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในพื้นที่ภูเขาไฟ ในที่เเบบนี้อาจจจะมีมังกรเเดงโผล่มาตอนไหนก็ได้ ไม่มีใครหัวเราะออกกับเรื่องนี้
เเชปเเมนทำหน้าจริงจังมองไปที่เเรทเเละถามคำถาม “เป็นไปได้ไหมที่เป้าหมายของเราหายไปเพราะอะไรสักอย่างเผาพวกเขาจนหายไป”
“เป็นไปได้เเน่นอน”
พอเเรทบอกดังนั้น ทั้งทีมจึงตัดสินใจถอย
2-3-1 นากาโตะโจ เขตจิโยดะ โตเกียว, ที่พักนายกรัฐมนตรี
ที่เวลา 16.18 นาฬิกา ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองคณะรัฐมนตรีมุราคิตะได้เข้าพบนายกรัฐมนตรีที่บ้านพัก
“หัวหน้าฝ่ายนั่นพูดจาซะใหญ่โตเชียว เกี่ยวกับ ‘สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับโลกใบนี้’” อิเบะพูด
สิ่งที่ไซกะเสนอนั่นส่งผ่านจากเทราซาวะมาถึงทานากะ เเละในที่สุดก็มาถึงมุราคิตะ
“เเต่ถ้ามาลองคิดดูเเล้ว ความคิดนี้ก็ไม่เเย่เลยนะครับ” มุราคิตะอธิบายสถานการณ์ให้อิเบะฟังพร้อมกับคิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆที่เขาให้ลูกน้องไปคิดมา
“สุดท้ายเเล้วก็จะมีข้อพิพาทกับรัสเซีย ไม่ว่าชาติไหนจะชนะการประมูล เเม้เเต่ชาติEUก็ไม่น่าจะหนีพ้น เพราะยังมีบางประเทศที่ต้องนำเข้าพลังงานจากรัสเซียอยู่ เเถมชาติอื่นๆน่าจะอยากหลีกเลี่ยงปัญหาด้วย”
ไม่รู้ว่าเป็นตอนไหนที่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับดันเจี้ยนได้กลายไปเป็นปัญหาระดับนานาชาติไป ในตอนนี้ถ้ารัสเซียตัดเส้นทางค้าขายกับพวกเขาจะเป็นปัญหาใหญ่กว่าสำหรับหลายๆประเทศ
“เเผนคือเเบบนี้ครับ” มุราคิตะพูดต่อ “ให้เราพยายามเกลี้ยกล่อมให้ชาติEUเเละชาติตะวันตกอื่นๆหยุดเเข่งขันกันเอง เเละให้บริจาคเงินช่วยเหลืออเมริกาภายใต้เงื่อนไขที่ว่า – ถ้าอเมริกาชนะการประมูล พวกเขาจะต้องประกาศข้อมูลที่ได้มาจากการเเปลภาษาให้ทั่วโลกรับรู้ เเบบนี้น่าจะทำให้ชาติอื่นๆไม่ขายหน้าได้”
“เเละเพราะญี่ปุ่นเป็นหัวเรือของเเผนนี้ เราจะต้องได้รับผลประโยชน์สองเท่า” อิเบะพูด “เราจะเสริมสร้างอิทธิพลของญี่ปุ่นเเละทำให้ตำเเหน่งของเราในระดับนานาชาตินั้นสูงขึ้น เเบบนี้ใช่ไหม”
“ถูกต้องครับ”
งบประมาณของชาตินั้นพอท้ายปีเเล้วก็จะเหลือน้อยเต้มที เเต่ถึงเเม้จะเป็นเวลาที่ดีที่สุด ตัวเลขของอเมริกาเองก็ติดเเดงเหมือนกัน ทำให้อเมริกานั้นน่าจะเห็นด้วยกับเเผนนี้ โดยมองซะว่ามันเป็นโล่มากกว่าที่จะเป็นอาวุธ เเถมยังรักษาหน้าเอาไว้ได้ด้วย
“ฉันจะติดต่ออังกฤษ เยอรมันเเล้วก็ฝรั่งเศส หวังว่าพวกเขาจะช่วยคุยกับทางEUให้ หลังจากนั้นก็ต้องติดต่อไปที่คณะกรรมาธิการยุโรปสินะ” อิเบะพูด
ชาติที่ต้องไปหว่านล้อมก็จะเป้นชาติที่มีพลังทางเศรษฐกินสูงเเละเป็นสมาชิกถาวรของยูเอ็น ตอนนี้คณะกรรมาธิการยุโรปนั้นไม่เหมือนเดิมอีกเเล้วเพราะถูกควบคุมด้วยชาติมหาอำนาจ เเต่ถึงกระนั้นก็ยังเหลืออิทธิพลอยู่บ้าง เพราะประธานาธิบดีจั้งเกอร์นั้นเน้นเรื่องการเติบโตเเละการจ้างงาน เขาต้องอยากจะหลีกเลี่ยงการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นเเน่ๆ
“หลังจากนั้นก็จะต้องติดต่ออินเดียเเละโอเชียนเนีย” อิเบะพูดต่อ “ไม่คิดว่าเเอฟริกากับอเมริกาใต้จะมีปัญหาอะไร”
ทวีปนั้นไม่มีเงินหรือเหตุผลเพียงพอที่จะมาเข้าร่วมด้วยหรอก
“เเล้วก็ตะวันออกกลาง…”
ในตอนนี้ การพูดคุยกับตะวันออกกลางนั้นค่อนข้างลำบาก เรื่องเกี่ยวกับอิสลามนั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก
“อเมริกาเพิ่งจะยกเลิกการค้านิวเคลียร์กับอิหร่าน” มุราคิตะพูด “การโน้มน้ามตะวันออกกลางให้ร่วมมือด้วยน่าจะเป็นไปไม่ได้เลย คิดว่ายังไงครับ”
อิเบะพยักหน้าเห็นด้วย “เเต่ถึงอย่างนั้นก็อาจจะเป็นไปได้ที่อิหร่านจะสนับสนุนเเผนนี้ทางอ้อม ผู้นำคาเมไนเพิ่งจะประกาศว่าจะต่อต้านอเมริกา เเต่ว่าจะไม่ถึงกับทำสงคราม ฝรั่งเศสก็น่าจะร่วมมือด้วย”
ฝรั่งเศสนั้นมีความสัมพันธ์อันดีกับอิหร่าน ในการตอบสนองต่อการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจที่มีต่ออิหร่าน ประธานาธิบดีของฝรั่งเศสนั้นพยายามที่จะสร้างเครือข่ายเศรษฐกิจโดยพื้นฐานที่มาจากการจ่ายค่าน้ำมันดิบ
อิเบะคิดอยู่สักพัก “ถ้าเรากล่อมให้อิหร่านช่วยเหลืออเมริกาทางอ้อมได้ อาจจะเป็นการช่วยลดปัญหาระหว่างประเทศของสองชาตินั้นด้วย”
“เเต่ว่าตอนนี้อิสราเอลก็มีส่วนกับจุดยืนของอเมริกาในตะวันออกกลางตอนนี้นะครับ”
“จากมุมมองของญี่ปุ่น การจะให้ทั้งโลกล่มสลายเพียงเพราะข้อขัดเเย้งทางศาสนานี่มันฟังดูโง่เง่าจริงๆ”
“นอกเสียจากให้ชาติต่างๆยอมรับวัฒนธรรมของกันเเละกัน ฉันไม่คิดว่าจะมีทางอื่นเเล้วล่ะ”
“ยังมีคนที่พยายามใช้ประโยชน์จากเรื่่องศาสนาเพื่อ… ไม่ล่ะ ตอนนี้เรื่องนั้นไม่สำคัญ”
“ปัญหาจริงๆก็คือจีน”
ถึงจีนจะมีจำนวนดันเจี้ยนน้อย เเต่พวกเขาเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ อีกทั้งยังมีความภาคภูมิใจในตัวเองสูงด้วย การขอให้จีนร่วมมือกับอเมริกาเพื่อขัดขวางรัสเซียนั้นเเทบจะเป็นไปไม่ได้ เเถมอมเริกาเพิ่งประนามจีนที่เข้ามาเเทรกเเทรงเรื่องภายในประเทศด้วย เรื่องนี้มันทำให้ยากเข้าไปอีก
“ตอนนี้ไม่มีทางเลือกนอกจากสู้กับจีนสินะ” อิเบะพูด
“ใช่ครับ”
“ตอนนี้อะไรที่ทำก็ก็ทำไปก่อน ไปประสานงานกับรัฐมนตรีต่างประเทศจนกว่าการประมูลจะสิ้นสุดลงซะ เเละติดต่อไปที่ประเทศข้างต้นอย่างสุดความสามารถ”
เวลา 16.31 นาฬิกา มุราคิตะก็เดินทางออกจาที่พำนักนายกรัญมนตรี
“รัสเซียจะเปิดเผยสิ่งที่อเมริกาพยายามจะซ่อน เเละอเมริกาก็จะทำเเบบเดียวกันกับรัสเซีย เรื่องนี้จะสมดุลกัน”
อิเบะทวนคำที่ไซกะพูด ตามรายงานเเล้วหัวหน้าฝ่ายคนนั้นได้ตัดสินใจทำตามสิ่งที่เขาคิดว่าจะเกิดขึ้น
กลับสู่ด้านบน / ทั้งหมด / 1- / 50 ล่าสุด
กระดานสนทนา [ของขวัญสู่โลก] ดีพาวเวอร์ 108 [ทำความเข้าใจภาษาต่างโลก]
1 : นักสำรวจนิรนาม ไอดี – P12xx-xxxx-xxxx-3321
อยู่ดีๆ ดี-พาวเวอร์ก็โผล่มาเริ่มทำการประมูลออร์บ จะเป็นนักต้มตุ๋น หรือว่าจะเป็นพระผู้มาโปรด
อ่านต่อที่ 930
143. นักสำรวจนิรนาม – เริ่มมีการเสนอราคาเเล้วนะ พวกนายเห็นยัง
144. นักสำรวจนิรนาม – เห็นเเล้ว ด้วยเงินขนาดนั้น ถ้าอยู่ในอีเบย์คงต้องโดนลบเเน่
145. นักสำรวจนิรนาม – ดีพาวเวอร์สอาจจะเรียกมันว่า ของขวัญสู่โลก เเต่ถ้าลองมองดูดีๆ มันก็เเค่ออร์บอันนึงถูกไหม เเถมมันเเค่หกหมื่นเยนด้วย ถูกกว่าการประมูลสองครั้งที่เเล้วเยอะเลยไม่ใช่หรอ ฉันยังซื้อได้เลย
146. นักสำรวจนิรนาม – โธ่ หรือว่าฉันควรจะเสนอราคาเพื่อเป็นที่ระลึกไว้ดีนะ
147. นักสำรวจนิรนาม – ฉันไม่คิดอย่างนั้นหรอกนะ คนที่จะเสนอราคาได้ต้องรวยกว่าพระเจ้าซะอีก ลองดูที่ตัวคันจิดีๆสิ
148. นักสำรวจนิรนาม – นาย147 นี่คือเงินเยนใช่ไหม
149. นักสำรวจนิรนาม – นั่นไม่ใช่สิ่งที่นาย147พยายามจะบอกหรอกนะ นายดูที่ตัวคันจิดีๆอีกทีสิ
150. นักสำรวจนิรนาม – เดี่ยวนะ พวกเขานับกันด้วยหลักล้านงั้นหรอ หกหมื่นล้านเลยนะ!
151. นักสำรวจนิรนาม – จริงดิ พระเจ้าช่วย
152. นักสำรวจนิรนาม – งั้นราคาเปิดก็คือ 6000ล้านเยนงั้นหรอ
153. นักสำรวจนิรนาม – โธ่เพื่อน ใจเย็นๆเเล้วใช้เครื่องคิดเลขสิ
154. นักสำรวจนิรนาม – หือ หน่วย สิบ ร้อย… บ้าน่า หกหมื่นล้านสำหรับออร์บอันเดียวเนี่ยนะ!
155. นักสำรวจนิรนาม – จะว่าไป ราคามันก็พุ่งทะลุเพดานจริงๆ ทำไมมันถึงเป็นเเบบนี้ไปได้ล่ะเนี่ย
156. นักสำรวจนิรนาม – มันมีบทความนึงที่เกี่ยวข้องกับดันเจี้ยนในเวปไซต์เฉพาะทางเเห่งหนึ่งเขียนเอาไว้ว่า ย้อนกลับไปในเดือนกันยายน มีคนรัสเซียได้ดรอปออร์บเข้าใจภาษาต่างโลก มันทำให้ผู้ใช้สามารถอ่านจารึกที่พบอยู่ในดันเจี้ยนทั่วโลกได้ จารึกทุกชิ้นนั้นถูกเขียนด้วยภาษาที่ว่านี้ อ้อ ตอนนี้ออร์บนี้ถูกค้นพบในโลกเเต่ลูกเดียวเท่านั้น
157. นักสำรวจนิรนาม – จริงหรอ เเสดงว่าตอนนี้มีเเค่บทเเปลเเค่ชุดเดียวน่ะสิ
158. นักสำรวจนิรนาม – ใช่เเล้วล่ะ ไม่มีใครสามารถตรวจสอบได้ว่าคนแปลโกหกหรือแอบซ่อนอะไรเอาไว้ ยิ่งไปกว่านั้นคือจารึกนั่นต้องเขียนเรื่องสำคัญเอาไว้เเน่
159. นักสำรวจนิรนาม – นาย158 – นายรู้ได้ยังไง
160. นักสำรวจนิรนาม – เพราะหลังจากสองเดือนผ่านไป บทเเปลยังไม่ถูกเปิดเผยเเก่สาธารณะชนเลยน่ะสิ เเต่ว่าผู้เเปลนั้นได้เดินทางไปยังองค์กรดันเจี้ยนต่างๆทั่วโลก จากตรงนั้นคนเลยคาดการณ์กันว่าการประมูลครั้งนี้ต้องกลายเป็นสงครามย่อมๆเเน่ เเละก็บังเอิญว่าประเทศที่มีออร์บนี้ไว้ในครอบครองก็คือรัสเซียไงล่ะ
161. นักสำรวจนิรนาม – สรุปเเล้วคือทุกคนอยากจะตรวจสอบวความถูกต้องของบทเเปลนั่น ถ้าเป็นเเบบนั้น น่าจะเป็นรัฐบาลระดับชาติเป็นคนประมูลนั่นเเหละ
162. นักสำรวจนิรนาม – เดี๋ยวสิ ถ้าออร์บนั่นสำคัญจริง ทำไมดี-พาวเวอร์สถึงเอามาประมูลเเทนที่จะขายให้กับญี่ปุ่นโดยตรงล่ะ เอาไปให้รัฐบาลน่าจะสมเหตุสมผลที่สุดใช่ไหม
163. นักสำรวจนิรนาม – ใช่ เเล้วJDAก็จะช่วยเป็นตัวกลางให้ด้วยถ้าออร์บมันสำคัญขนาดนี้ มันจะกลายเป็นไพ่ใบสำคัญใบนึงสำหรับประเทศของเราเลย ฉันคิดว่าการเสนอให้กับประเทศของตัวเองนั้นมีเหตุผลมากกว่า
164. นักสำรวจนิรนาม – อาจจะตกลงราคากันไม่ได้ก็ได้นะ
165. นักสำรวจนิรนาม – ถ้าคนที่ทำการซื้อขายเป็นคนอย่าง 162 ฉันก็คงไม่ขายให้เหมือนกันเเหละ
166. นักสำรวจนิรนาม – ทำไมกันเล่า
167. นักสำรวจนิรนาม – ลองคิดดูถ้าพวกเบื้องบนมีความคิดที่ว่ายังไงก็ต้องขายให้ญี่ปุ่น ความคิดเเบบนั้นคงทำให้พวกดี-พาวเวอร์สหัวเสียน่าดู
168. นักสำรวจนิรนาม – จริง ถ้าพวกเบื้องบนคิดเเบบนั้น พวกเขาน่าจะกดราคาออร์บให้ต่ำๆ เอาจริงๆฉันคิดว่าพวกเขาอาจจะให้ดี-พาวเวอร์สให้ออร์บฟรีๆเลยก็ได้
169. นักสำรวจนิรนาม – เฮ้ ราคาพุ่งไปถึง แปดหมื่นเก้าพันล้านเเล้วนะ
170. นักสำรวจนิรนาม – จริงดิ
171. นักสำรวจนิรนาม – เหวอ เอาจริงเรอะ เร็วชะมัด
172. นักสำรวจนิรนาม – เเม่มเอ๊ย ด้วยเงินมากขนาดนั้น สบายทั้งชาติไม่ต้องทำอะไรเลยยังได้
173. นักสำรวจนิรนาม – จากการประมูลสองครั้งที่เเล้ว ดี-พาวเวอร์สก็ทำเเบบนั้นได้เเล้วนะ น่าจะ
174. นักสำรวจนิรนาม – ไม่มีทาง ดูจากความสามารถในการหาออร์บของพวกเขาเเล้ว ดี-พาวเวอร์สน่าจะมีสมาชิกหลายร้อยคนเลยนะ เเต่ถ้ามีคนเจออออร์บภาษาวันพรุ่งนี้พอดี คนชนะประมูลต้องขาดทุนเเน่
175. นักสำรวจนิรนาม – เราไม่รู้ว่าจะมีใครเจออร์บนี้ในวันนี้ ปีนี้ หรืออีกร้อยปีเลยนะ ถ้ามีประเทศใดประเทศหนึ่งที่สามารถเข้าถึงบทเเปลได้ก่อน จะเป็นปัญหาความมั่นคงระดับชาติเลย
176. นักสำรวจนิรนาม – ใช่ เเถมทุกๆปี อเมริกาใช้เงินราวๆเจ็ดสิบล้านล้านเยนสำหรับความมั่นคงของชาติ
177. นักสำรวจนิรนาม – หมายความว่าราคานี้เเค่ลองเชิงอย่างนั้นหรอ
178. นักสำรวจนิรนาม – คิดว่างั้นนะ EU อาจจะรวม UN เเล้วก็เสนอราคาก็ได้
179. นักสำรวจนิรนาม – ถ้าเป็นเเบบนั้นทั้งโลกน่าจะรวมหัวกันจะได้ซื้ออร์บได้ถูกๆนะ
180. นักสำรวจนิรนาม – จากสถานการณ์ของโลกตอนนี้ มันเป็นไปไม่ได้หรอกนะ
181. นักสำรวจนิรนาม – ว่าเเต่ อะไรคือ ‘ระบบโอคาจิโอะ’ ที่พวกเขาโพสเอาไปในหน้าเสนอราคานะ? คนที่ชื่อโอคาจิโอะเป็นคนคิดค้นงั้นหรอ
182. นักสำรวจนิรนาม – จากการประมูลครั้งที่เเล้ว มีการต่อเวลาสิบนาทีหลังจากหมดเวลา ถ้ามีผู้ร่วมประมูลที่รวยมหาศาลที่ยังไงก็จะซื้อของชิ้นนั้นให้ได้ การประมูลอาจจะไม่มีวันจบได้ไงล่ะ
183. นักสำรวจนิรนาม – ถ้าเสนอราคาให้มันน้อยๆเข้าไว้ ก็จะเป็น 6 ครั้งต่อชั่วโมง ถ้าทำเเบบนั้น 144 ครั้งก็จะสามารถต่อเวลาได้เป็นวันเลยนะ
184. นักสำรวจนิรนาม – ใช่ เเต่สำหรับครั้งนี้ ดี-พาวเวอร์ได้กำหนดวันส่งมอบออร์บเป็นวันที่ 2 ธันวาคม พวกเขาเลยไม่อยากจะใช้วิธีที่เคยใช้มาไงล่ะ พอหมดเวลาเเล้ว ผู้เสนอราคาจะไม่เห็นราคาสุดท้าย จะเห็นเเค่ราคาก่อนถึง 12 วินาทีสุดท้ายเท่านั้น
185. นักสำรวจนิรนาม – สรุปคือ คุณต้องเสนอราคาที่ดีที่สุดใน 12 วินาทีสุดท้าย ไม่งั้นผู้เสนอราคาคนล่าสุดก็จะชนะไปใช่ไหม เเล้วเพราะไม่รู้ว่าคนก่อนหน้าเสนอราคาไปเท่าไร เลยเสนอราคาต่ำที่สุดไปไม่ได้
186. นักสำรวจนิรนาม – ใช่ พอเวลาหมดเเล้ว คนเสนอราคาจะต้องเสนอด้วยเงินทั้งหมดที่มีในทีเดียวเเน่
187. นักสำรวจนิรนาม – ว้าว โอคาจิโอะมาจากตรงนี้นี่เอง มาจากคำว่า โอคาสซิโอ
188. นักสำรวจนิรนาม – อะไรล่ะนั่น
189. นักสำรวจนิรนาม – กูเกิ้ลดูสิ Occasio เป็นภาษาลาติน เเปลว่า โอกาส หรือ จังหวะ
190. นักสำรวจนิรนาม – ถ้าเปลี่ยนภาษาของหน้าเวปให้เป็นภาษาอังกฤษ มันก็จะขึ้นว่่าโอคาสซิโอนะ 555 ว่าเเต่ทำไมต้องเป็น 12 วินาทีด้วยล่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่ามันดีหรือไม่ดำสำหรับการจบการประมูล
191. นักสำรวจนิรนาม – อาจจะอยู่ดีๆก็คิดออกก็ได้
192. นักสำรวจนิรนาม – หรืออาจจะเป็นมุกตลกของเคมีที่เกี่ยวข้องกับ 1 โมเลกุล
193. นักสำรวจนิรนาม – ยังไงนะ
194. นักสำรวจนิรนาม – หนึ่งโมเลกุลของธาตุพื้นฐานนั้นเท่ากับคาร์บอน-12 12กรัม สัญลักษณ์ของธาตุคาร์บอนคือ C และในระบบเลขฐาน 13 หรือสูงกว่า สัญลักษณ์แทนจำนวน 12 ก็คือ C เหมือนกัน
195. นักสำรวจนิรนาม – อ๋อ เข้าใจเเล้ว เเต่ฉันอยากจะบอกว่าพวกนายคิดมากกันเกินไปเเล้วนะ
196. นักสำรวจนิรนาม – เหมาะเจาะชะมัด เมื่อวันก่อน การประชุมทั่วไปประจำปีเรื่องน้ำหนักเเละการวัดที่จัดทีฝรั่งเศส พวกเขาปรับปรุงคำจำกัดความไม่ให้ขึ้นอยู่กับกิโลกรัมเเล้ว
197. นักสำรวจนิรนาม – นาย196 หา จริงหรอ
198. นักสำรวจนิรนาม – ทำไมนายรู้เรื่องพวกนี้ด้วยเนี่ย
199. นักสำรวจนิรนาม – ก้มันเป็นมุกตลกทางคณิตศาสตร์นี่ 12เป็นจำนวนที่น้อยที่สุดที่มีคุณสมบัติเป็นจำนวนเกิน
200. นักสำรวจนิรนาม – ยังไงนะ
201. นักสำรวจนิรนาม – ฉันลองกูเกิ้ลจำนวนเกินดู น่าจะเป็นตลกที่เกี่ยวกับเวลาที่ผ่านไปหลังจากเกินขีดจำกัด
202. นักสำรวจนิรนาม – ถ้างั้นก็โอเคเเล้วนะ
203. นักสำรวจนิรนาม – โอเคเเล้วงั้นเรอะ!