ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น - ตอนที่ 28 เล่ม 2 : ทำความเข้าใจภาษาต่างโลก (4)
- Home
- ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น
- ตอนที่ 28 เล่ม 2 : ทำความเข้าใจภาษาต่างโลก (4)
23 พฤจิกายน 2018 (วันศุกร์)
โยโยกิ-ฮาจิมัน
ตอนเที่ยงของวันรุ่งขึ้น พวกเราตัดสินใจเลิกสำรวจเเละกลับไปยังโลก เอาจริงๆพวกเราอยู่ในดันเจี้ยนเเค่วันเดียวเท่านั้น เเถมยังลงไปเเค่ถึงชั้น 5 ก้าวข้ามชั้นของมือใหม่ไปได้เเล้ว
“เเต่พวกเราก็ได้ของที่ต้องการเเล้วล่ะนะ เเต่นั้นก็พอเเล้วนี่”
“ใช่”
ผมวิ่งไม่สนใจสิ่งรอบตัว บางทีก็หิ้วมิโยชิไปด้วย ทำให้กลับมาถึงพื้นโลกประมาณบ่ายสองโมง
“ขอบคุณที่เหนื่อยนะ”
“รุ่นพี่ก็เหมือนกัน ขอบคุณที่เหนื่อยนะ เเล้วตอนนี้จะทำอะไรดี”
“ฉันจะติดต่อนารุเสะก็เเล้วกัน”
“อย่าพึ่งบอกเธอว่าเรามีออร์บเเล้วนะ โอเค๊”
“อือ ถ้าบอกก็เหมือนกับเป็นการยอมรับว่ามีเทคโนโลยีเก็บรักษาออร์บเเล้วล่ะ”
“ติ๊งๆ! ถูกต้องนะค้าา ฉันจะกลับบ้านเเล้วไปวิเคราะห์ตัวเลขที่ได้มาต่อ เหมือนว่าอัตราการดรอปมีกฏของมันอยู่ด้วยล่ะ”
“ดีเลย ฮันจะกลับบ้านไปเปลี่ยนชุดก่อน”
“งั้นก็ไปกันเลยไหม”
“อื้อ ไปกันเถอะ”
ชิบูยะ
หลังจากอาบน้ำเเละเปลี่ยนเสื้อผ้าเเล้ว ผมก็ติดต่อหานารุเสะเเละนัดให้เธอมาเจอกันที่รูปปั้นฮาจิโกะหน้าสถานีชิบูยะ เธอรีบมาทันทีเเละทำตาโตหลังจากฟังเรื่องที่ผมเล่าไป
“จริงหรือคะ คุณสามารถหาออร์บภาษาต่างโลกมาให้ได้หรอ!”
“ใช่ ฉันคิดว่าอย่างนั้นนะ”
จากนั้นพวกเราก็ตรงไปยังห้างสรรพสินค้าโตคิวสาขาหลัก พวกเราปะปนไปกับฝูงชนเเละเริ่มคุยกัน วิฑีนี้จะเป็นการป้องกันการถูกดักฟังได้ดีที่สุด ผมนั้นไม่ค่อยเชื่อใจห้องประชุมที่๋๋JDAสักเท่าไรเพราะเรื่อง ผู้บริหารมิซุโฮะในตอนนั้น
“เเต่ฉันไม่คิดว่าจะได้ผลลัพธ์เร็วขนาดนี้นะคะ คุณพึ่งออกเดินทางเมื่อวานเองไม่ใช่หรอ”
“เรื่องความรวดเร็วน่ะไว้ใจฉันกับมิโยชิได้เลย เป็นความพยายามของทีมเราไงล่ะ”
ไฟจราจรที่สี่เเยกชิบูยะนั้นกลายเป็นสีเขียว พวกเราข้ามสี่เเยกเเละเริ่มเดินตรงไปยังถนนอิโนคาชิตะ
“ความพยายามของทีมหรอคะ?” เธอพูดทวน เหมือนกำลังสับสนอย่างหนัก
ในสองเดือนที่ผ่านมา องค์กรที่เกี่ยวกับดันเจี้ยนเเละหน่วยงานต่างๆทั่วโลกพยายามทุ่มทรัพยากรทั้งหมดในการตามหาออร์บนี้ เเต่ไม่มีใครหาเจอเเม้กระทั่งเบาะเเสเล็กน้อย เเต่ทว่าปาร์ตี้นึงที่ประกอบด้วยคนเเค่สองคนกลับรายงานมาว่าสามารถหาออร์บนี้ได้ เเถมพึ่งผ่านไปเเค่สิบวันเท่านั้นเองหลังจากมีคำขอจากJDA เเล้วปาร์ตี้ที่ว่าก็ใช้เวลาเเค่สองวันด้วย
ในสถานการณ์ปกติ คนอย่างนารุเสะจะต้องคิดว่าผมสติไม่ปกติเเน่ๆ
“เเล้ว มอนสเตอร์ตัวไหนคะที่ดรอปออร์บนี้ เป็นเผ่าชาเเมนที่เคยพูดถึงใช่ไหม”
“ที่จริงพวกเรายังไม่ได้ไปสำรวจชาเเมนพวกนั้นหรอกนะ”
“อะไรนะคะ เเล้วที่ว่าสามารถหาเจอได้หมายความว่ายังไง”
“อืมม…ถ้าจะให้บอกก็คือ เราเดิมพันกับโชคละกัน”
ระหว่างที่มองดูหน้าจอบนตุกเซบุชิบูยะ ผมก็ให้คำตอบที่คลุมเครือออกไป เพราะว่าอนาคตนั้นไม่เเน่นอน เเละก็ไม่สามารถมีข้อพิสูจน์อะไรเกี่ยวกับโชคได้ โชคเลยเป็นข้ออ้างที่เเข็งเเเกร่งที่สุด เเถมมันก้พิศูจน์ยากอีกด้วย
นารุเสะถอนหายใจเเทนคำตอบ
“สมมุติว่าเราหาออร์บได้เเล้ว จะต้องทำยังไงกับมันล่ะ เอาไปประมูลหรอ”
นารุเสะทำสีหน้าลำบากใจ ไม่สามารถตอบออกมาได้ทันที
ผมกับมิโยชิไม่รู้ว่าใครที่เป็นคนนำเรื่องนี้มาให้JDA เเล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าทำไมเรื่องนี้มาตกถึงมือเรา พูดตรงๆผมรู้เเค่อย่างเดียวว่าทั้งโลกกำลังต้องการออร์บนี้
พอเราเลี้ยงซ้ายที่ตึกเซบุ ผมก็เจอหน้าจอที่กำลังฉายภาพปู น่าจะเป็นป้ายของคานิ โดรากุ ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยปฏิเสธการกินปูกัน มิโยชิต้องล้อผมว่า หลงกลโฆษณาชวนเชื่ออีกเเน่
ผมเกาหัวเเละลองเชิงนารุเสะด้วยการบอกว่า “ตามที่มิโยชิบอก ออร์บนี้น่าจะชายได้มากกว่าหนึ่งพันล้านดอลลาร์ซะอีก”
“เรื่องนี้ฉันตัดสินใจเองไม่ได้ จะเป็นไปได้ไหมคะถ้าอยากจะขอไปปรึกษากับผู้บังคับบัญชาก่อน”
“ฉันไม่ติดอะไรหรอก เเต่เรายังไม่ได้ออร์บไว้ในครอบครองนะ เเค่ถามเผื่อไว้ว่าถ้าหาเจอเเล้วเเล้ว ฉันอยากจะรู้ว่าJDAคิดว่าเราควรจะทำยังไง”
“เข้าใจเเล้วค่ะ”
เราเดินผ่านป้ายมูจิ ผมหยุดยืนที่หน้าร้านแอปเปิ้ลสโตร์เเละหันมาหานารุเสะที่เดินอยู่ข้างหลังผม
“เธอลองขอพรกับชายที่อยู่ข้างบนนี่สิ ขอให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เเล้วก็ขอให้พวกเราหาออร์บเจอ”
ข้างบนหัวของผมมีไม้กางเขนของโบสถ์โตเกียวยามาเตะที่เหมือนกำลังมองพวกเราอยู่อย่างเงียบๆ ข้างใต้กางเขนนั่น มีภาษาฮิบรูเขียนประกาศถึงความสงบของพระเจ้า
สะพานอิจิกายะ
“รายงานทั้งหมดเป็นไปตามนี้ค่ะ” มิฮารุพูด “เราจะทำยังไงกันดีคะ”
หลังจากที่กลับไปที่JDA เธอลากหัวหน้าแผนกไซกะออกมาที่ในเมือง ทั้งคู่เดินผ่านถนนยาสุคุนิอย่างรวดเร็ว พอเริ่มเดินข้ามสะพานอิจิกายะ เธอก็พูดถึงดี-พาวเวอร์ส
“พึ่งผ่านไปได้เเค่สิบวันหลังจากที่เธอบอกดี-พาวเวอร์สให้ไปหาออร์บเข้าใจภาษาต่างโลก” ไซกะตอบ เขาพิงหลังเข้ากับขอบรั้วของสะพาน “หลังจากนั้นพวกเขาก็ไปสำรวจวันนึงกลับมาบอกข่าวดี น่าเหลือเชื่อจริงๆ”
ปกติเเล้วมิฮารุคงคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล เเต่นี่เรากำลังพูดถึงดี-พาวเวอร์สอยู่
“เเล้ว ทำไมต้องลากฉันมาที่นี่ด้วยล่ะ” ไซกะถาม
“โยชิมูระดูจะไม่เชื่อใจJDAหรือSDFในเรื่องนี้น่ะค่ะ”
ไซกะพยักหน้าหลังจากได้ฟังคำตอบ โยชิมูระเป็นเพียงนักสำรวจเเรงค์Gอันต่ำต้อยที่อยู่ปาร์ตี้เดียวกับมิโยชิ เเถมเขายังเป็นมือใหม่เเกะกล่องอีกด้วย พึ่งได้ไอดีของWDAเมื่อสองเดือนก่อน จากการสืบค้นของไซกะ โยชิมูระกับมิโยชิเป็นเพื่อนร่วมงานในบริษัทเดียวกันจนถึงเมื่อไม่นานมานี้ เรื่องนี้เป็นจุดเชื่อมต่อของพวกเขาเพียงเรื่องเดียว เเละจากรายงานทั้งหมดทั้งมวล โยชิูระก็ไมไ่ด้เป็นนักสำรวจที่เก่งหรือเเย่อะไรเป็นพิเศษ
เเต่ทว่า ไซกะสงสัยว่าโยชิมูระจะต้องมีความลับอะไรบางอย่าง
“อืมมม พอมีคนรู้ว่าออร์บภาษาต่างโลกมาจากไหน ทั้งโลกต้องพยายามหามันเองเเน่ๆ”
“เราควรจะอนุญาตให้พวกเขานำออร์บไปประมูลไหมคะ”
“ถ้าเราตกลงไป ดี-พาวเวอร์สจะเปิดประมูลจริงๆหรือ”
การนำออร์บทำำความเข้าใจภาษาต่างโลกไปประมูลจะเป็นการสร้างปัญหาหลายๆอย่าง จากรายงานที่ผ่านตามา ดี-พาวเวอร์สนั้นไม่มีวิธีที่จะขัดขวางความขัดเเข้งพวกนั้น
หลังจากที่เงียบไปสักพัก มิฮารุหันไปหาไซกะที่ยังพิงอยู่กับรั้วสะพาน
“หลังจากที่ฉันคุยกับโยชิมูระเเล้ว ฉันก็คิดขึ้นมาได้ค่ะ” เธอพูด
“คุณเลือกฉันให้เป็นผู้ดูเเลปาร์ตี้ดี-พาวเวอร์สเต็มเวลาเพื่อที่จะให้พวกเขาตามหาออร์บนี้ ไม่ว่าคุณจะทำตามคำสั่งของใครก้ตาม ถ้าออร์บนี้ถูกนำไปประมูลจริง ราคาจะต้องถึงหนึ่งพันล้านดอลลาร์อย่างเเน่นอน เเล้วถ้ารัสเซียมีข้อมุลที่พวกเขาซ่อนเอาไว้ด้วยเหตุผลบางอย่าง บางทีราคาอาจจะถึงหนึ่งหมื่นล้านดอลลาร์ก็ได้ สำหรับJDAเเล้ว…ไม่สิ สำหรับญี่ปุ่นเเล้ว การทำให้การซื้อขายนั่นเกิดขึ้นในประเทศของเราเองจะเป็นการดีกว่า”
มิฮารุหยุดพูดเเละมองขึ้นไปบนฟ้า
“เเต่ทว่า…ถ้าเราพยายามซื้อออร์บโดยตรงมาจากดี-พาวเวอร์สซะเอง เราอาจจะต้องเสียถึงหนึ่งหมื่นล้านดอลลาร์ได้ ถ้าไม่มีคำสั่งอย่างชัดเจน คนระดับล่างอย่างพวกเราก็ทำอะไรไม่ได้”
ทุกอย่างที่มิฮารุพูดนั้นถูกต้องทั้งหมด ไซกะนั้นได้สั่งให้เธอไปโน้มน้าวให้พวกเขาหาออร์บภาษาต่างโลก เเต่ว่าที่จริงเขาเองก็ไมไ่ด้หวังผลอะไรมากนัก มันเป็นหนึ่งในหลายๆทางที่เขาทำเพื่อหาเบาะเเสเท่านั้น ถ้าเจอก็ถือว่าโชคดี
สองเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลทั้วโลกได้ทุ่มเทกำลังทั้งหมดในเรื่องนี้เเต่ก็ไม่มีความก้าวหน้าใดๆ เเต่ในสิบวัน ปาร์ตี้ที่ประกอบไปด้วยมือใหม่สองคนกลับสามารถหาทางได้ คงไม่มีคาดคิด
“ฉันรู้ เเต่ฉันก็ไม่สามารถตัดสินใจได้เหมือนกัน ต้องไปรายงานเรื่องนี้กับเบื้องบน”
เเต่ต้องไปคุยกับใครกันนะ ถ้าผิดคนล่ะก็ ทุกอย่างต้องพังพินาศเเน่ๆ
“ฉันอยากจะเตือนเผื่อเอาไว้ก่อนว่าอย่าพูดถึงเรื่องที่ดี-พาวเวอร์สเป็นคนหามาจะดีกว่า” มิฮารุเสริม
“ฉันเข้าใจ ถ้าเราทำให้พวกเขาไม่พอใจ โอกาสครั้งนึงในชีวิตนี้อาจจะหายวับไปก็ได้”
“เเล้วฉันก็ไม่อยากจะเห็นความเป็นเสรีนิยมของญี่ปุ่นถูกเหยียบย่ำภายใต้คำว่า ‘ผลประโยชน์ของประเทศ’ ด้วย”
“ถูกต้อง ฉันจะปิดปากเงียบไว้เพื่อไม่ให้เรื่องพวกนั้นเกิดขึ้น”
“ขอบคุณค่ะ อีกอย่างคืออยากจะให้ตัดสินใจเรื่องระยะเวลา น่าจะเป็นเรื่องเเรกที่จะไปติดต่อพวกเบื้องบนใช่ไหมคะ”
“ใช่ เเต่ว่าวันนี้ก็เป็นวันศุกร์เเล้ว”
“ในสหรัฐ พวกเอเจนต์จำเริ่มงานภายในสองชั่วโมง ไม่เว้นวันหยุดนะคะ”
ไซกะหัวเราะเเห้งๆ “เถียงไม่ออกเลย ฮันจะให้คำตอบเธอต้นสัปดาห์หน้าวันที่ 26 ขอโทษด้วย เเต่เรื่อองนี้ต้องขอให้รอจนถึงตอนนั้นก็เเล้วกัน”
“ขอบคุณค่ะ”
ไซกะมองตรงไปข้างหน้าเเละถอนหายใจยาว ภายใต้ตะวันตกดิน คูน้ำรอบปราสาทเอโดะนั้นเปล่งประกายเป็นสีเเดงฉาน ถึงวันหยุดกำลังใกล้เข้ามาเเต่เหมือนเขายังต้องยุ่งไปอีกสักพัก
โยโยกิ-ฮาจิมัน
เนื่องจากการเดินทางสำรวจครั้งเเรกของดี-พาวเวอร์สนั้นจบลงเร็วกว่าที่คิด ผมจึงโทรไปหาใครบางคนตามที่สัญญาเอาไว้
“ใช้เเล้วล่ะ ฉันทงานเสร็จภายในสองวัน ถ้าเสาร์อาทิตย์นี้เธอไม่ติดอะไร เราไปด้วยกันได้”
“ดีเลยค่ะ กำลังรออยู่เลย”
“วันไหนดี”
“ฉันหยุดทั้งวันเสาร์เเล้วก็อาทิตย์ เราไปด้วยกันทั้งสองวันได้ไหมคะ”
“ฉันได้ เราไปล่าGTBกันสักวันไหม”
“มันคืออะไรคะ”
“หีบสมบัติของก๊อบลินน่ะ ถ้าเธอไม่ติดอะไรกับการกำจัดก๊อบลินล่ะก็นะ”
“ถ้าอย่างนั้น เราไปฝึกพิเศษด้วยกันวันเสาร์ เเล้วไปล่าGTBกันวันอาทิตย์นะคะ”
“เข้าใจเเล้ว งั้นวันเสาร์เจอกันที่โยโยกิพร้อมอุปกรณ์เเบบเดิม สัก9โมงเช้าได้ไหม”
“9โมงเช้าได้ค่ะ ฉันจะรอนะคะ เเล้วเจอกัน” มิตสึรุกิพูด
หลังจากรอให้เธอวางสาย ผมก็กดวาง
“มิตสึรุกิหรอ” มิโยชิถาม
ผมพยักหน้า “ใช่ ไปฝึกพิเศษกับเธอตามที่สัญญาเอาไว้น่ะ”
“เดทสุดสัปดาห์งั้นหรอ พวกเรียจู ไปให้ไกลๆสายตาเลยนะ!”
“ไม่ใช่เดทสักหน่อย ว่าเเต่เธอล่ะ เสาร์อาทิตย์นี้จะทำอะไร”
มิโยชิถอนหายใจ “ฉันจะอยู่ที่นี่คนเดียวเหงาๆ นั่งเล่นกับตัวเลขเพื่อนรัก ถ้าไปได้สวยอาจจะรู้อะไรดีๆก็ได้”
“ดีเลยนี่”
“หืมมม”
“เเล้ว เธอรู้อะไรบ้างเเล้วล่ะ”
“ฉันคำนวนอัตราการดรอปของมอนเสตอร์ที่รุ่นพี่กำจัดเเล้วล่ะ”
“เยี่ยม รู้อะไรเพิ่มเติมบ้างไหม”
“เพราะขนาดตัวอย่างมันมีไม่เยอะ ฉันเลยบอกอะไรเเน่นอนไมไ่ด้ เเต่สำหรับมอนเสตอร์ธรรมดา อันตราการดรอปจะอยู่ที่ 25-50 เปอร์เซ็น ถ้ารุ่นพี่เป็นคนกำจัดมมอนเสตอร์นะ”
มิโยชิก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเลขนี้มันมากหรือน้อยเพราะไม่มีสถิติให้เปรียบเทียบ
“ดรอปเรทของหินเวทย์จะอยู่ที่ 25 เปอร์เซ็น มอนสเตอร์เเต่ละชนิดก็จะมีอัตราเเตกต่างกันออกไป ฉันไม่รู้ด้วยว่าคาLUCส่งผลกับอัตรานี้ขนาดไหน”
ก็นะ เพราะไม่มีข้อมูลให้เอามาเปรียบเทียบ คงต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้ก่อน
“เเถมเรามีเเค่เฮลฮาวด์ประมาณ30ตัวที่มาเป็นขนาดตัวอย่างเท่านั้นเอง”
“เอาเเม่นๆคือ 34 ตัว เเค่นี้เราบอกอะไรไมไ่ด้เเน่ๆ”
ถ้าเราคอยจดบันทึกเรื่อยๆ ก็น่าจะรู้อะไรมากขึ้นในอนาคตล่ะนะ
“ขอบคุณที่ทำงานหนักนะ เราไปฉลองกันที่โมเรลออีกไหมล่ะ”
“เย้ รุ่นพี่เลี้ยงใช่ไหม”
“ฟังนะมิโยชิ ถึงฉันจะไม่เลี้ยง เธอก็มีเงินพอที่จะกินโมเรลทุกวันสามเวลาอยู่เเล้ว ถึงเขาจะไม่เปิดตอบเช้าก็เถอะ”
หลังๆมานี้ผมใช้บัตรของบริษัทรูทอย่างเดียว พอมาใช้บัตรส่วนตัวเมื่อวันก่อน จำนวนเงินในนั้นมีอยู่ถึง200ล้านเยนเลยทีเดียว
มิโยชิเคยบอกว่าหนึ่งเปอร์เซ็นของรายได้ของปาร์ตี้จะถูกโอนเข้าบัญชีส่วนตัวทุกเดือน เพราะฉะนั้นเธอน่าจะมีเงินเท่าๆกัน นี่ยังไม่ถึงสองเดือนเลยด้วยซ้ำที่เราออกจากงานเก่า…
“ถ้ากินที่เดิมทุกครั้งมันก็น่าเบื่อน่ะสิ เเถมร้านก็ต้องคิดหนักด้วย พวกเขาต้องเปลี่ยนเมนูไปเรื่อยๆ”
“นั่นเป็นปัญหาของเธอเรอะ”
“เเถมปัญหาสำคัญก็คือ..”
“คือ…”
“น้ำหนักจะต้องเพิ่มเเน่ๆ”
“จริง เธอยังอยากจะไปอยู่ไหมล่ะ”
“เเน่นอน วันไหนล่ะ”
“อืมม วันอาทิตย์ร้านเปิดใช่ไหม”
“เปิด เขาปิดวันจันทร์ถ้าจำไม่ผิด เเต่ว่ารุ่นพี่มีเดทวันอาทิตย์ไม่ใช่หรอ”
“ฉันบอกเเล้วไงว่าไม่ใช่เดท เราสามคนไม่ได้เจอกันสักพักเเล้ว เดี๋ยวฉันจะชวนมิตสึรุกิมาด้วยก็เเล้วกัน”
“รุ่นพี่จะให้ฉัน – ที่เป็นผู้หญิงคนอื่น – มาโผล่ในดินเนอร์เดทด้วยหรอ เเย่ที่สุด”
“บอกกี่ครั้งเเล้ว มันไม่ใช่เดทไงล่ะ”
“นี่เเหละที่ทำให้รุ่นพี่ยังโสทอยู่”
ถึงมิโยชิจะพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ เเต่ผมกับมิตสึรุกิไม่ได้มีความสัมพันธ์กันเเบบนั้น เราสามคนไปทานข้าวเย็นด้วยกันก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร
ผมเลยจองโต๊ะเอาไว้สามที่
24 พฤจิกายน 2018 (วันเสาร์)
โยโยกิดันเจี้ยน
ในวันเสาร์ ผมตรงไปที่จุดนัดพบของเรา – โยโยกิดันเจี้ยน มิตสึรุกิโบกมือให้ผมจากมุมนึงที่ไม่เป็นที่สะดุดตาคนในโยโยกิคาเฟ่ พอเห็นสาวสวยกำลังทำท่าทางน่ารัก ผมก้พยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติเเละเดินตรงไปหาเธอ
“ขอโทษที่ให้รอนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันพึ่งมาถึงนี่เอง อยากจะดื่มอะไรก่อนไหม”
มิตสึรุกิดื่มคาเฟ่โอเล่เกือบจะหมดเเก้วเเล้ว
“ถ้าเธอพร้อมเเล้วเราไปกันเลยดีกว่า” ผมพูด
“ได้ค่ะ”
ผมใช้ออร์บตรวจจับไปเเล้ว ถึงมันไม่จำเป็นสำหรับวันนี้ก็เถอะ ถ้าพูดตรงๆเเล้ว ความสามารถนี้เป็นเเบบพาสซีฟ เเต่พอลงไปในดันเจี้ยนจริงๆผมกลับรู้สึกตัวได้ว่าตรวจจับสิ่งมีชีวิตกำลังทำงานอยู่ ผมสามารรู้ถึงเค้าลางของคนเเละมอนสเตอร์ที่อยู่ใกล้ๆได้
“ทางนี้” ผมพูดเเละเดินนำเเละเจอสไลม์เร็วกว่าปกติ “เพราะนี่เป็นการฝึกพิเศษ เรามาลองทำสถิติใหม่กันเถอะ”
“ฟังดูน่าสนุกนะคะ”
“ความคิดบวกของมิตสึรุกิอาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้เธอน่าเหลือเชื่อก้ได้ หลังจากนั้นพวกเราก็เดินเข้าๆออกๆดันเจี้ยนอย่างเงียบๆเเละใช้ตรวจจับตามหาสไลม์ ด้วยจังหวะนี้ เเค่ผมตามไปด้วยก็รู้สึกเหมือนบรรลุอะไรบางอย่างเเล้ว”
พวกเราล่าสไลม์จนไม่ได้ทานข้าวเที่ยง ผลคือมิตสึรุกิสามารถกำจัดสไลม์ได้เฉลี่ยชั่วโมงละ 50 ตัว หลังจากหกชัวโมงผ่านไป เธอก็กำจัดไปประมาณ300ตัว จากที่ฆ่าไปขนาดนี้วันนี้เธอน่าจะได้ค่าสเตตัสมาหกหน่วย
ผมที่เเค่เดินไปด้วยกันก็ได้สถิติใหม่อยู่ที่ 150 ตัว เเต่ว่าเพราะถ้าเราเข้าๆออกๆดันเจี้ยนด้วยกันอาจจะทำให้เด่นเกินไปได้ ผมเลยรออยู่ในดันเจี้ยนตลอด ทำให้ผมไม่ได้ประโยชน์ของการรีเซ็ตตรงนี้
“เข้าๆออกๆก็เหนื่อยเหมือนกันนะคะ” มิตสึรุกิพูดพร้อมถอนหายใจ
“สามร้อยตัวน่าจะเป็นสถิติโลกเลยล่ะ”
“ใช่ค่ะ เพราะเราไม่ต้องคอยเสียเวลาตามหาเจ้าตัวเล็กๆเลย โยชิมูระสุดยอดมากเลยนะคะ คุณหามันได้ยังไงเร็วขนาดนั้น”
“อ๋ออ เเค่บังเอิญน่ะ”
“พอผมพูด ท้องของมิตสึรุกิก็ส่งเสียงร้องอย่างน่าเอ็นดู เธอหน้าเเดงเเละก้มหน้า ตอนนี้เวลาสี่โมงเย็น ผ่านเวลาข้าวกลางวันมานานเเล้ว เเต่ก็ยังเร็วไปสำหรับอาหารเย็น ผมคิดออกอยู่ที่นึงนี่จะช่วยลดความหิวได้”
“จะว่าไปพวกเราไมไ่ด้กินข้าวกลางวันกันนี่ อยากไปหาอะไรกินที่โยโยกิคาเฟ่ก่อนกลับไหม”
“เเน่นอนค่ะ”
หลังจากนั้นพวกเราก้ทานพาสต้ากันที่คาเฟ่ ยืนยันเเผนสำหรับวันพรุ่งนี้เเละเเยกย้ายกันกลับ
โยโยกิ-ฮาจิมัน
“กลับมาเเล้ว”
“โอ้ ท่านราชาเรียจูได้ปรากฏตัวให้เห็นเเล้ว”
“พอเถอะน่า จะว่าไปวันนี้ได้ประสบการณ์สุดๆเลย”
“เกิดอะไรขึ้นล่ะ ถ้ารุ่นพี่จูบกับมิตสึรุกิในดันเจี้ยนล่ะก็ ฉันไม่สนใจเลยสักนิดนะ”
“เธอคิดว่าฉันเป็นใครเนี่ย ต้องขอบคุณสกิลตรวจจับ ฉันล่ามอนสเตอร์ได้เยอะมาก วันนี้จัดการไป 155 ตัว”
“เเล้ว…”
“เเน่นอนว่าต้องมีหน้าจอเลือกออร์บให้เลือกใช่ไหม ฉันก็เลือกไปโดยไม่ให้มิตสึรุกิรู้ตัว เเต่พอกำจัดไปอีกร้อยตัว ออร์บทั้งหมดนั้นยังติดคูลดาวน์อยู่ ก็เลย…”
มิโยชิงับเหยื่อทันที ตาของเธอกลายเป็นรูปเงินเยน “มีฟังชั่นลับเกิดขึ้นงั้นหรอ?!”
“เปล่า หน้าจอเลือกออร์บมันไม่โผล่ออกมาน่ะ ฉันไม่ทันได้รู้ตัวตอนผ่านมาสักพักเเล้ว”
“ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่ไม่เป็นประโยชนืเเล้วก็น่าเบื่อนะ สรุปคือรุ่นพี่เอาเงินเราโยนทิ้งถังขยะไปถูกไหม”
“เอาน่า มันเป็นประสบการณ์ใหม่ไม่ใช่หรอ เเล้วก็พาสต้าที่โยโยกิคาเฟ่มันไม่มีอะไรให้พูดถึง ประมาณว่ากลางๆน่ะ”
“เเบบนี้ค่อยเป็นข้อมูลที่มีประโยชนืหน่อย”
“จริงดิ”
มิโยชิเอียงคอสงสัย “เเต่หน้าจอให้เลือกไม่โผล่ขึ้นมางั้นหรอ ฉันเกือบจะนึกว่าเมคกิ้งจะมีคำเตือนประมาณว่า ‘ผู้เล่นที่ฉลาดจะต้องรู้ว่าตัวเองมีที่เหลือพอที่จะเก็บของอีกหรือไม่ก่อนที่จะหยิบไอเทมซะอีก’” (1)
“ว้าว เกมนั่นเก่ามากเลยนะ เธออายุเท่าไรกันเเน่เนี่ย”
25 พฤจิกายน 2018 (วันอาทิตย์)
โยโยกิดันเจี้ยน
พอผมไปที่โยโยกิคาเฟ่ในวันรุ่งขึ้น ก็เจอมิตสึรุกินั่งอยู่ตรงที่ประจำ โบกมือมาให้ผม เเต่ว่าครั้งนี้ มีไซโต้นั่งอยู่ข้างเธอด้วย
“ดีที่ได้เจอเธออีกนะ” ผมบอกไซโต้
“ใช่ นานมากเลย ฉันได้ยินเรื่องปาร์ตี้ซูชิเมื่อวันก่อนด้วย อยากมาด้วยสุดๆเลย”
“เธอมีถ่ายละครใช่ไหม ได้ยินว่ายุ่งสุดๆเลยนี่”
“ใช่ ได้เล่นหลายบทเลยล่ะ เเต่ไม่มีบทตัวหลักเลย”
เธอยกมือขึ้นเเละทุบลงไปที่โต๊ะด้วยความโกรธ เเต่เพราะเธอเเค่ทำท่าเฉยๆ ก็เลยไม่มีเสียง
พอเครื่องดื่มมาเสริ์ฟ ไซโต้ก้จิบชาดำที่เธอสั่งเเละพูดต่อ “ดันเจี้ยนนี่สุดยอดจริงๆนะ ตอนเเรกฮันไม่มีทางเลือกก็เลยต้องตามฮารุไปด้วย เเต่ว่าเธอจริงจังกับทุกๆเรื่องเลยรู้ไหม เธอจะล่าสไลม์ไปเรื่อยๆเงียบๆ จะให้ฉันยืนดูเฉยๆก็ยังไงๆอยู่เเถมอันตรายด้วย ฉันก็เลยต้องตามเธอไปเเละกำจัดสไลมืไปด้วยกัน หลังจากนั้น…”
ไซโต้มองไปที่มิตสึรุกิ เธอกำลังเกาเเก้มเเบบอายๆ
“พอสองอาทิตย์ให้หลัง ก็มีออดิชั่นสำหรับบทรอง พอไปถึง ร่างกายก็ขยับไปตามที่ฉันต้องการเลย ไม่อยากจะเชื่อ หลังจากนั้นฉันก็ใช้เวลาล่าสไลม์ในดันเจี้ยนไปพร้อมกับฮารุล่ะ”
ถึงจะเป็นบทรองก็เถอะ การออดิชันน่าจะต้องเเข่งขันกันสูงเเน่ พอไซโต้ได้ถูกรับเลือก ข่าวลือของเธอก็ถูกพูดถึงในกลุ่มของผู้กำกับ ทำให้เธอมีงานเข้ามาไม่ขาดสาย
“ฉันสามารถจำบทได้หลังจากอ่านเเค่ครั้งเดียว หรือว่าที่ลงดันเจี้ยนจะทำให้ฉันฉลาดขึ้นด้วย”
ที่INTเธอเพิ่มขึ้นด้วยก็อาจจะเป็นเพราะเธอล่าสไลม์ไปพร้อมๆกับคอยมองระวังให้มิตสึรุกิอยู่ตลอด
“ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็เถอะ…”
“หือ”
“ฉันยังไม่เคยได้เล่นบทหลักเลย บางทีอาจจะเป็นเพราะยังมีชื่อเสียงไม่มากพอก็ได้”
“เดี่ยวก็ต้องได้สักวันนึงจริงไหม”
“ถ้าเป็นเเบบนั้นก็ดีนะ..เเต่ว่าถ้าอายุเยอะเเล้วก็เป็นได้เเค่นักเเสดงสมทบ บทหลักมันสำหรับคนอายุน้อยๆ ฉันอยากจะดังตอนนี้เลยนี่นา!”
เธอลากเก้าอี้เสียงดังเเละมานั่งข้างๆผม เธอดึงเเขนขวาผมไปเเละกดหน้าอกของเธอเข้ามาหาผม
เธอพยายามจะหว่านสเน่ห์ผมงั้นหรอ?
“โยชิมูระ ฉันอยากให้นายเป็นแองเจิ้ลของฉัน”
“แองเจิ้ลนี่หมายความว่ายังไงนะ”
“ประมาณว่าเป็นผู้สนับสนุนหรือลงทุนในภาพยนต์อะไรพวกนี้น่ะ”
มิตสึรุกิตอบเเทนพลางเเกะตัวไซโต้ออกจากผม
“ฉันไม่มีเงินขนาดนั้นหรอก ฉันเป็นเเค่คนทำงานธรรมดาๆนะ”
ไซโต้วางศอกบนโต๊ะเเละเอามือเท้าคางจ้องมาที่ผม “เเล้วนายไปหาของกำนัลที่เป็นต่างหูไข่มุกสุดวิเศษนั่นมาให้ผู้หญิงที่นายพึ่งเจอได้ยังไง”
“เอ่ออ ของกำนัลหรอ ฟังนะ ต่างหูนั่นเป็นของขวัญฉลองความสำเร็จของลูกศิษย์กำจัดสไลม์ของฉันต่างหาก”
“นายคิดว่าต่างหูคอเลคชันMมันราคาเท่าไรกันห่ะ จำนวนเลขศูนย์มันทำให้ตาลายเลย ฉันก็พยายามอย่างหนักเหมือนกันนะ เเต่ไม่เห็นจะได้อะไรเลย”
ตอนนั้นผมรีบๆอยู่ก็เลยไม่ไได้ดูราคาอย่างจริงจัง ผมเเค่สั่ง ยืนยันเเล้วก็จ่ายด้วยบัตรเครดิต เเละเซ็นใบเสร็จเท่านั้นเอง
“ก็ได้ๆ ถ้าเธอได้รับบทหลักเมื่อไร ฉันจะให้ ‘ของกำนัล’กับลูกศิษย์ที่น่ารักก็เเล้วกัน”
“จริงๆนะ! สัญญานะ!”
เธอยิ้มอย่างน่ารักเพราะกำลังดีใจ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่านี่เป็นการเเสดงของเธอรึเปล่า ทำให้ผมก็กลัวๆอยู่บ้าง เเต่เเน่นอนว่ามันอาจจะไม่ใช่การเเสดงก้ได้
“เธอนี่ซื่อตรงกับสิ่งที่ตัวเองต้องการจังนะ”
เธอหัวเราะหึๆ
“การซื่อตรงต่อความต้องการของตัวเองไม่ใช่เรื่องไม่ดีสักหน่อย ยิ่งเป็นในวงการบันเทิงด้วย ถ้าเริ่มประณีประนอม เธอจะไม่ได้รับยทอะไรเลยเเน่ๆ คนกล้าจะมีโชคเสมอนะ”
หลังจากที่เธอพูดออกมาเเบบนั้นอย่างไม่อาย เธอก็หัวเราะอย่างดูดีเเละโพสท่าอย่างมีสเน่ห์
“เเน่นอนว่า ฉันปกติเเล้วจะให้ความรู้สึกอีกเเบบนึงนะ”
ผมรู้สึกประทับใจมากกว่าเหนื่อยใจกับไซโต้ที่เป็นเเบบนี้
“เธอดูมีพลังเหลือเฟือเลย”
“เรียวโกะก็ดูเหมือนอดกลั้นอยู่นะช่วงนี้ เธอยุ่งๆอยู่” มิตสึรุกิพูด
“ฉันกำลังอดกลั้นอะไรอยู่กันหรออ เธอดีนี่ฮารุกะ เขาดีกับเธอนี่นา ใช่ไหม”
มิตสึรุกิหน้าเเดง เธอเอามือมาไว้ที่เเก้ม “เธอพูดถึงอะไรอยู่เนี่ย”
อย่าน่า มาทำเขิลตอนนี้จะได้ตรงกันข้ามนะรู้มั้ย
“เธอพยายามจะสื่ออะไรเนี่ย” ผมถาม
“ก็นายช่วยให้เธออดกลั้นน้อยลงไง” ไซโต้ตอบเเละหัวเราะอย่างยียวน เธอทำสีหน้าที่จะสื่อว่า “ก็ชัดเจนอยู่เเล้วนี่”
เห้อ ผู้หญิงที่กำลังจะเป็นดาราดังมาเล่นมุกเเบบนี้ให้ที่เเบบนี้จะไม่เป็นไรหรอ
“เปลี่ยนเรื่องหน่อยนะ หลังจากสำรวจวันนี้เสร็จเเล้ว ฉันคิดว่าจะชวนมิตสึรุกิไปทานข้าวเย็นด้วยกัน เธอจะไปด้วยไหมไซโต้”
“ตอนเย็นหรอ ฉันไม่ติดอะไรนะ เเต่จะไม่ไปเกะกะหรอ”
“ไม่หรอก มิโยชิก็ไปด้วย”
ไซโต้ดูผิดหวัง เธอมองสลับกันระหว่างผมกับมิตสึรุกิ
“อ๋อ มิโยชิไปด้วยงั้นหรอ”
“มีอะไรรึเปล่า”
“ไม่หรอก เเต่นายจะเลี้ยงใช่ไหม” ไซโต้เกาะเเขนผมอีกครั้งเเล้วก็ดันตัวเธอเข้ามา “ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันไปด้วยนะ!”
ผมไม่อยากให้มีปาปารัสซี่อยู่เเถวนี้เลย พวกเราน่าจะดูเหมือนคู่รักกันตอนนี้
ผมติดต่อไปที่ร้านอาหาร ถามว่าสามารถเพิ่มคนได้อีกคนรึเปล่า โชคดีที่ทางร้านโอเค
“ว่าเเต่โยชิมูระเนี่ย คุณสมบัติดีเลยนี่นา”
“หมายความว่ายังไงนะ”
“ก็ นายดูเป็นประเภทกินพืชที่จะไม่นอกใจ รวย เเล้วก็ดูดีใช้ได้ด้วย นักวิจัยเนี่ยดูถูกไมไ่ด้เลยนะ”
นี่เธอกำลังประเมินผมอยู่หรอเนี่ย เเล้วผมก็ไม่ใช่พวกกินพืชอย่างที่ว่าด้วย ถ้าเกิดตรงสเปคเเล้วก็มีโอกาสล่ะก็ ผมไม่ยอมอยู่ในเฟรนโซนเเน่! เเต่ตอนนี้ผมขอขดตัวร้องไห้ก่อนก็เเล้วกัน
“พวกหนุ่มๆสายวิทย์อย่างพวกเราขอเเค่ได้ขัดเกลาหน่อย ก็สามารถเปล่งประกายได้เลยนะ เเต่ปัญหาคือไม่ค่อยมีคนให้โอกาสนี่เเหละ”
“เป็นอย่างนั้นหรอ ถ้างั้นนายน่าจะเเนะนำคนที่พอมีเเววให้ฉันรู้สักทีสิ เดี๋ยวฉันจะช่วยขัดเกลาให้เอง”
โว้วๆ ผู้หญิงคนนี้พูดอะไรเนี่ย
ถ้าปล่อยให้ไซโต้พูดโดยไไม่ขัดจังหวะ เธออาจจะพูดบางอย่างที่น่ากลัวออกมาก็ได้ ผมเลยดื่มกาแฟที่เหลือจนหมดเเก้วเเละลุกขึ้นยืน
“เราไปกันเถอะ”
***
พวกเราเดินทางลงไปในดันเจี้ยน เเต่ไม่เหมือนทั่วๆไป ปลายทางในคราวนี้คือชั้นสอง
“พวกเรามาทางนี้กันเป็นครั้งเเรกเลย” มิตสึรุกิพูด
“ใช่ ปกติจะไปอีกทางตลอด” ไซโต้เสริม
หญิงสาวทั้งสองคนมองไปรอบๆ เเต่ว่าทิวทัศน์ชั้นหนึ่งก็ไม่มีความต่างอะไรกันมากมาย เเถมถึงเธอจะยังไม่เคยมีประสบการณ์ในชั้นล่างๆมาก่อน เเต่มิตสึรุกิก็มีเเรงค์อยู่ที่เลขสามหลัก ไซโต้เองก็เป็นอันดับต้นๆของเเรงค์สี่หลักเเล้ว ทั้งสองคนน่าจะรับมือกับก๊อบลินได้สบายๆ
“นี่เป็นครั้งเเรกที่เธอจะล่าก๊อบลินใช่ไหม บอกไว้ก่อนว่ามันรูปร่างคล้ายมนุษย์ ถ้ามันทำให้รู้สึกไม่สบายใจก็ไม่ต้องบังคับตัวเองให้ฆ่ามันนะ”
“ฉันอาจจะลองดูก่อน” ไซโต้ตอบเเละเหวี่ยงเเขนเป็นวง “เราต้องต่อยมันหรอ”
เอ่อ…เธอจะต่อยมันด้วยมือเปล่าเรอะ
ผมรู้สึกเหนื่อยใจจึงเอาธนูคอมพาวด์ออกมาสองคันออกมาจากกระเป๋า ตามหลักของเกมRPGเเล้ว ตัวละครที่มีDEXเยอะส่วนมากเเล้วจะใช้ธนู เธอเเรกผมเอาธนูมาสำหรับผมเเละมิตสึรุกิ เเต่พอมีไซโต้มาร่วมด้วย ผมก็เลยจะเฝ้าระวังอยู่รอบๆ เตรียมพร้อมจะใช้เวทมนตร์เเทน
“เอ ธนูหรอ ฉันไม่เคยยิงธนูมาก่อนเลย” ไซโต้พูด
“ฉันมีประสบการณ์กับคิวโด(2)มาบ้าง เเต่นี่เป็นครั้งเเรกเลยที่ใช้ธนูปกติ” มิตสึรุกิพูด
“พวกเธอเเข็งเเกร่งขึ้นเยอะมากจากการกำจัดสไลม์มหาศาลในชั้นหนึ่งเเล้ว ถ้ารู้วิธีใช้ธนูสักหน่อยก็น่าจะยิงตรงเป้าได้ ถึงจะเป็นวันเเรกก็เถอะ”
ก็สเตตัสมันทำงานอย่างนั้นล่ะเนอะ
“จริงหรอ” ไซโต้ถาม
“จริงๆ งั้นฉันจะสอนวิฑียิงธนูนะ”
“อื้อ”
ลูกธนูจะต้องอยู่ทางซ้ายไม่ใช่ทางขวาเหมือนธนูญี่ปุ่น หลังจากนั้นก็ดึงสายธนูมาที่คาง ไม่ต้องดึงจนสุด จากนั้นผมก็อธิบายวิธีการใช้รีลีส เพราะพวกเธอมีDEXที่สูง ผมจึงเพิ่มตัวคลิกที่ไม่มีไกไปเเล้ว
“ให้ดึงสายธนูจนรู้สึกตึงๆ จากนั้นก็เล็งเป้าเเละเพิ่มความตึงอีกเล็กน้อย ลูกธนูก็จะถูกปล่อยออกไปเอง”
ผมสรู้สึกสนใจตอนเห็นมิชิโระใช้ธนูก็เลยลองค้นคว้าดูบ้าง มีประโยชน์เหมือนกัน
“เอาล่ะ พวกเธอลองดูสิ”
สกิลตรวจจับสิ่งมีชีวิตสามารถเเยกได้ชัดเจนระหว่างมนุษย์กับก๊อบลิน ผมเลยพาพวกเธอเดินออกจากกลุ่มคนเเละไปยังที่ๆมีก๊อบลินหลงฝูง
“อ๊ะ เจอเเล้วตัวนึง ฉันยิงเลยได้ไหม” ไซโต้ถาม
“เอาเลย”
“เอาล่ะนะ”
ตอนไซโต้ดึงสายธนู เธอดูเหมือนนักธนูมืออาชีพมากๆ ลูกธนูของเธอพุ่งผ่านอากาศเสียงดังวิ้ววเเละเจาะเข้าที่ก๊อบลินข้างหน้า มอนสเตอร์ที่ถูกยิงกลายเป็นเเสงสีดำในทันทีเเละจางหายไป
“ทำได้ดีมาก ยังรู้สึกโอเคไหมที่จัดการก๊อบลินไป”
“น่าจะนะ เพราะเรายืนอยู่ห่างๆเเล้วก็มันไม่มีศพโผล่มาให้เห็นด้วย เลยไม่ค่อยรู้สึกเหมือนจริงเท่าไร”
หลังจากนั้นมิตสึรุกิก็ลองยิงดูบ้าง เธอก็สามารถจัดการกับก๊อบลินได้เลยเหมือนกัน ดูเเค่นี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครมีDEXมากกว่ากัน
“เยี่ยม พวกเธอสองคนดูไม่มีปัญหาอะไร เรามาเริ่มหา GTBs กันเถอะ” จะว่าไปปมก็ไม่เคยหาหีบสมบัติของก๊อบลินเหมือนกัน
“อ๊ะ ฉันไปหาข้อมูลมาเเล้วล่ะ” มิตสึรุกิพูดขึ้นมา
“ดีเลย งั้นเรามามองหาอะไรที่ดูคล้ายๆกับรังของมันกัน”
ผมใช้สกิลตรวจจับเเละเดินตรงไปยังที่ๆเหมือนจะเป็นรัง
“นายเดินเร็วมากเลยนะ” ไซโต้พูดพร้อมศอกเข้าที่สีข้างผม “นายรู้จักที่เเถวนี้ดีหรอ หรือว่ามาสำรวจล่วงหน้าสำหรับวันนี้เเล้ว”
“อย่าประมาทนะ พอผ่านหัวมุมนี้ไปเราจะเจอกลุ่มก๊อบลินประมาณ 25 ตัว ถ้ามันเข้ามาในระยะต่ำกว่าห้าเมตร ฉันจะจัดการเอง พวกเธอทำใจสบายๆเเล้วค่อยๆยิงไป”
“เข้าใจเเล้วค่ะ” มิตสึรุกิตอบ
“ฝากด้วยนะ” ไซโต้เสริม
“เเล้วก็อย่ายิงฉันล่ะ ฉันไม่อยากฟังตลกโง่ๆประมาณว่า ‘อุ๊ย นึกว่านายเป็นก๊อบลิน’ หรอกนะ”
“ค่าา ค่าา” ไซโต้หัวเราะ
ทำไมผมรู้สึกไม่สบายใจเลยล่ะเนี่ย
พอเราผ่านหัวมุมไป ลูกธนูของมิตสึรุกิกับไซโต้ก็พุ่งเข้าใส่ฝูงก๊อบลินอย่างไม่มีเสียง มีหลายตัวเหมือนกันที่พุ่งเข้าใส่พวกเรา เเต่ผมจัดการพวกมันด้วยหอกน้ำ พวกเธอทั้งสองคนดูตกใจที่ได้เห็นเวทมนตร์ครั้งเเรก เเต่ก็ยิงปล่อยลูกธนูออกไปเรื่อยๆ
“ขอบคุณที่เหนื่อยนะ” ผมพูด
ผมทำเป็นเดินเก็บลูกธนูที่ใช้เเล้ว เเละเเอบนำลูกธนูชุดใหม่ออกมาจากวอลท์เเล้วเติมเอาไปเติมให้กับทั้งสองคน
“เรายิงโดนเยอะเหมือนกันนะ ถ้าครั้งหน้ามีใครมาถามว่ามีงานอดิเรกคืออะไร บางทีฉันอาจจะบอกว่ายิงธนูก็ได้” ไซโต้พูด
มิตสึรุกิส่ายหน้า “อย่าอวดกันสิ เรียวโกะ”
“นี่จริงจังนะ ยิงธนูดูเป็นงานอดิเรกที่เท่ดีออก ไม่ใช่ว่าบางคนก็ไปล่าสัตว์ด้วยธนูหรอ”
“ล่าสัตว์หรอ อืม น่าจะเป็นฝั่งตะวันตกมากกว่า ในญี่ปุ่นมันผิดกฏหมาย” ผมตอบ
“หรอ เเล้วมันต่างกับการใช้ปืนไรเฟิลล่ายังไงล่ะ”
“เพราะธนูมันอ่อนแอกว่าปืนเยอะมากก้เลยทำให้มีปัญหาไงล่ะ”
การที่จะจัดการเหยื่อด้วยลูกธนูนั้นยากพอสมควร เเล้วถ้าเกิดไม่สามารถฆ่ามันได้ มันก็จะหนีไปพร้อมอาการบาดเจ็บ ถ้าเป็นเเบบนั้นผู้ล่าก็จะไปหาเหยื่อตัวใหม่ ฟังดูเเล้วเหมือนจะไม่ผิดกฏหมายล่าสัตว์ เเต่ว่าถ้าสัตว์ที่บาดเจ็บนั้นไปตายที่ไหนสักเเห่ง ผลลัพธ์มันก็จะเหมือนกับการล่าวัตว์มากเกินไปอยู่ดี ทางฝั่งตะวันตกเอกก็มีความกังเวลเกี่ยวกับการทรมานสัตว์ด้วยเหมือนกัน
“เเต่ว่าในญี่ปุ่นคิวโดมันเป็นกีฬาอย่างเดียว ฉันก็เข้าใจนะว่าการล่าวัตว์ด้วยธนูมันรู้สึกเท่ดี” ผมตอบ
“ใช่ไหมล่ะ”
หลังจากที่คุยกันสักพัก พวกเราก็เจอสถานที่ๆถูกรายล้อมไปด้วยก้อนหิน น่าจะเป็นที่ๆก๊อบลินเคยอยู่
“น่าจะเป็นรังของมันนะ ว่าเเต่จะหา GTB เจอได้ยังไง”
“ปกติเเล้วมันจะอยู่ในกล่อง” มิตสึรุกิตอบ “หรือถูกซ่อนไว้ในที่ๆใช้หินเป็นฝาปิด”
“น่าสนใจดีนี่”
“เอ๊ะ ฮารุ ใช่ไอนี่รึเปล่า” ไซโต้พูดขึ้น
เธอหาอะไรบางอย่างอยู่ทางด้านหลัง เอานิ้วเคาะอะไรบางอย่างกลวงๆ
มิตสึรุกิเอียงคอ “เปิดยังไงล่ะเนี่ย”
“ตอนนี้เรามีผู้ชายมาช่วยเวลาต้องใช้เเรงเเล้วนะ”
ไซโต้เป็นคนพูดจาอะไรตรงๆสนผมอดที่จะชอบเธอไม่ได้ เธอคงเป็นคนเเบบนี้ล่ะนะ
“ก็ได้ๆ ฉันจะช่วยก็เเล้วกัน”
ตอนนี้ผมยังไม่ได้ปรับสเตตัสให้เต็มเเม็กซ์ เเต่ผมก็ปรับให้มันมากพอที่จะรับมือกับอันตรายสำหรับมือใหม่ได้ เเน่นอนว่าผมยังเหลือค่าLUCไว้ที่หนึ่งร้อย น่าจะโชคดีขึ้นมาบ้าง
ผมใช้มือเคาะหินจนเจอส่วนที่เป็นโพรง ผมเอามือไปวางที่ขอบเเละเปิดฝาออกในครั้งเดียว
“ว้าวว นายดูผอมอย่างกับไม้จิ้มฟัน เเต่เเรงเยอะเหมือนกันนะ” ไซโต้พูด
“เงียบเลย เมื่อกี้หยาบคายเลยนะ” ผมตอบ
“ดูสิ มีอะไรอยู่ข้างในด้วย” มิตสึรุกิพูดเเทรก
เธอหยิบโพชันระดับหนึ่งออกมาสองขวด ขวดมันมีขนาดเล็กกว่าที่คิด หนากว่าดินสอนิดเดียว มันมีรูปทรงกรวยยาวประมาณ 5 เซ็นติเมตร ถ้าบิดส่วนที่ยื่นออกมาเล็กๆด้านบน ของเหลวที่อยู่ข้างในก็จะไหลออกมา
“โอ้โห เราเจอเเจ็กพ๊อตเเล้วใช่มั้ยเนี่ย” ไซโต้พูด
“ใช่ โพชันนั้นไม่ค่อยจะเจอจากการล่าGTBหรอกนะ เพราะโพชันระดับหนึ่งพวกนี้ขวดละหนึ่งล้านเยนน่ะ”
“จริงหรอ”
ผมเริ่มอธิบาย “ถึงมันจะเป็นเเค่ระดับหนึ่ง เเต่ก็สามารถรักษาอาการกระดูกเเตกร้าวง่ายๆหรือพวกเส้นเอ็นฉีกขาดได้ทันที ตราบเท่าที่อาการบาดเจ็บไม่ได้ร้ายเเรง โพชั่นนั้นสามารถรักษาบาดเเผลได้โดยไม่หลงเหลือรอยเเผลเป็น ดูจากอาชีพของพวกเธอเเล้ว ควรจะเก็บเอาไว้เป็นเครื่องรางกันนะ”
“อะไรนะ ให้พวกเราหรอ”
“เเน่นอน ฉันขอประทานสิ่งบูชาทั้งหลายเหล่านี้ให้กับเทพธิดาเเห่งโชคลาภ ไว้ฉันจะเอาไปทำเป็นจี้ได้ใส่ได้วันหลังนะ”
“ขอบคุณมากๆเลย!”
หลังจากนั้นพวกเราก็เจอเหรียญหนึ่งเยนจำนวนหนึ่งเเละดาบขึ้นสนิมเก่าๆ
“เราจะล่าGTBกันจนถึงเที่ยงเลยไหม” ผมถาม
“หนึ่งล้านเยนหรอ เราจะหาได้อีกสักสิบขวดไหมนะ” ไซโต้หัวเราะ
“ถ้าหาเจอง่ายขนาดนั้น ทุกคนก็คงมาล่าก๊อบลินเเล้วเเหละ”
“นั่นสินะ”
“หลังจากนั้น พวกเราสามคนก็ตามหารังต่อไป”
(1) Wizardry IV : The return of Werdna, วางจำหน่ายในปี 1987
(2) คิวโด : การยิงธนูเเบบญี่ปุ่น