ดั่งรักบันดาล - ตอนที่ 61
ร้องให้พอประมาณแล้ว เธอก็เช็ดน้ำตา ทันทีหลังจากนั้น ก็มีเสียงเคาะประตูดังเข้ามา
“เปิดประตู ออกมาเอาเสื้อผ้า”
หร่วนซือซือเปิดประตูออก มองเห็นเฉิงจื่อเซียวส่งชุดราตรีหนึ่งชุดเข้ามา“นี้คือเสื้อผ้าที่หัวหน้าฝั่งนั้นเตรียมไว้ สะอาด คุณดูว่าขนาดพอดีไหม”
หร่วนซือซือมองดู เป็นเบอร์m พอดีกับที่เธอใส่
เธอรับเสื้อผ้ามา ก็มองไปที่เฉิงจื่อเซียว เขาไม่ได้ไม่ถูกชะตาขนาดนั้น
“ขอบคุณ”
เฉิงจื่อเซียวได้ฟัง เลิกคิ้วขึ้น“ระหว่างพวกเรายังต้องใช้คำพูดที่เกรงอกเกรงใจกันเหรอ?”
หร่วนซือซือแปลกใจ หรือพวกเขาคุ้นเคยกัน?
เวลานี้ เธอก็ไม่มีอารมณ์จะสืบเสาะคำพูดของเขา ยื่นมือออกไปปิดประตู และล็อกประตู หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้า
ชุดราตรีสีขาวชุดนี้เป็นสไตล์ที่เรียบง่ายและธรรมดาที่สุด เธอจะสวมใส่ได้ขนาดพอดีตัว ถึงแม้ว่าจะธรรมดา แต่ก็ดีกว่าต้องใส่ชุดที่สกปรกเดินออกไป
เธอนำชุดราตรีของตัวเองพับใส่ถุงเอาไว้ หลังจากนั้นก็ผลักประตูออกมา
หน้าประตู เฉิงจื่อเซียวกำลังเอนตัวพิงประตูอย่างเกียจคร้าน มองเห็นหร่วนซือซือเดินออกมา รอยยิ้มเล็กน้อยปรากฏอยู่บนใบหน้า
หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าลึกๆ ก็ยังอดไม่ได้ที่จะพูดขอบคุณอีกครั้ง“ประธานเสี่ยวเฉิง…”
เฉิงจื่อเซียวได้ยินคำเรียกนี้ก็ขมวดคิ้วขึ้น หยุดคำพูดเธอไว้ด้วยความไม่พอใจ“เมื่อกี้ไม่ใช่เรียกชื่อของผมเหรอ?ทำไมเปลี่ยนคำพูดเร็วขนาดนี้?”
ริมฝีปากของหร่วนซือซือขยับ ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง
“หลังจากวันนี้ เรียกชื่อผม”เฉิงจื่อเซียวพูดพลาง ทันใดนั้นก็เดินมาด้านหน้าสองก้าว เข้ามาประชิดตัวเธอ ยิ้มเบาๆ“ไปกันเถอะ ที่นี่น่าเบื่อ ผมพาคุณไปทานข้าว”
หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าลึกๆ พูดเสียงเบา“ฉันกลับบ้านดีกว่า”
เฉิงจื่อเซียวเลิกคิ้วขึ้น น้ำเสียงหยอกล้อ“หร่วนซือซือ คุณใจแข็งปฏิเสธผมครั้งที่สองเหรอ?”
มองย้อนกลับไปความรักในอดีตของเขา เขายังไม่เคยถูกผู้หญิงปฏิเสธเกินสองครั้ง
หร่วนซือซือพูดชัดถ้อยชัดคำ“ขออภัยด้วย ฉันแต่งงานแล้ว”
ความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดนั้นไม่ได้พูดออกมาโดยตรง เธอมีสามีแล้ว ไม่ยุ่งกับคนอื่น
เฉิงจื่อเซียวได้ฟัง ความขี้เล่นปรากฏขึ้นในสายตา“แต่ว่าสามีคุณก็ไม่ได้เหมาะสมกับตำแหน่ง เห็นคุณถูกรังแก ยังไม่สะทกสะท้าน”
หร่วนซือซือร่างกายแข็งทื่อ เงยหน้ามองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ“คุณ…คุณรู้?”
“เพียงแค่ผมอยากรู้ เรื่องอะไรจะสามารถปิดบังผมได้?”เฉิงจื่อเซียวหยุดไปชั่วขณะ“เพียงแต่ตอนที่ผมรู้ความสัมพันธ์ของคุณกับอวี้อี่มั่ว ก็ประหลาดใจมาก”
ได้ยินเขาพูดออกมาจากปาก“อวี้อี่มั่ว”สามคำนี้ หร่วนซือซือก็ยิ่งตื่นเต้นขึ้นมา
คิดไม่ถึงว่า ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะถูกคนรู้แล้ว
หร่วนซือซือหายใจติดขัดเล็กน้อย พูดและจ้องมองเขาอย่างเคร่งขรึม“เรื่องนี้คุณห้ามบอกคนอื่น”
เฉิงจื่อเซียวกระตุกมุมปาก เปิดปากพูดคล้ายกับจงใจ“ทำไม?เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องน่าอายสักหน่อย”
หร่วนซือซือเป็นกังวลเล็กน้อย“สรุปคือไม่ได้!”
มองเห็นท่าทางของผู้หญิงที่ถูกกวนโมโห เฉิงจื่อเซียวกลับจะรู้สึกสนุกขึ้นมา“งั้นคุณก็ต้องตอบรับข้อเรียกร้องของผม”
หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าลึกๆ“คุณพูดสิ”
“ไปทานข้าวกับผม ไม่ใช่วันนี้ก็ได้ ติดหนี้ไว้ได้ แต่ไม่สามารถปัดหนี้ได้ ไม่อย่างนั้น…”เขาจงใจพูดเสียงลากยาว
หร่วนซือซือสมองร้อนรุ่ม ไม่ได้ไตร่ตรองก็รีบพูดทันที“ได้ ฉันรับปากคุณ!”
เวลานี้ เธอกลัวที่สุดคือเฉิงจื่อเซียวจะนำเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับอวี้อี่มั่วพูดไปทั่ว จากนั้นเธอก็จะเพิ่มปัญหาใหญ่ให้กับอวี้อี่มั่วอีก
เห็นเธอเต็มใจรับปาก เฉิงจื่อเซียวเลิกคิ้วขึ้น“งั้นก็ตกลงตามนี้”
หร่วนซือซือพยักหน้า ตอบรับ“อืม”
เวลานี้ ก็ต้องทำตามใจเขาแล้ว
หลังจากทำให้เฉิงจื่อเซียวไปได้แล้ว หร่วนซือซือจึงกลับเข้ามาในงานนิทรรศการอีกครั้ง บรรยากาศในงานครึกครื้น ทุกคนมารวมตัวกันที่บริเวณนิทรรศการโชว์อัญมณีด้านในสุด
ด้านข้างเป็นตู้โชว์ขนาดใหญ่ มีรูปแกะสลักอัญมณี กิจกรรมของช่วงสุดท้าย ทุกคนก็ถ่ายรูปที่นั่นเก็บไว้เป็นที่ระลึก
หร่วนซือซือยืนอยู่ด้านข้าง มองดูกลุ่มคนที่ไปด้านนั้น ร่องรอยความเหงาแล่นผ่านหัวใจ
เธอตัวคนเดียว จึงคิดจะออกจากที่นี่
เธอหมุนตัวกลับ บังเอิญมีคนกลุ่มหนึ่งปะทะเข้ามา
อวี้อี่มั่วยืนอยู่ด้านหน้าสุด ด้านข้างคือตัวแทนของผู้จัดงาน อีกด้านหนึ่งคือซูหลิงที่เป็นแอมบาสเดอร์ของอัญมณี
ซูหลิงกับอวี้อี่มั่วเดินเคียงข้างกัน เดินไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นก็ยิ้มและเข้าไปใกล้ข้างหูของอวี้อี่มั่วพูดอะไรบางอย่าง อวี้อี่มั่วได้ฟัง ก็กระตุกมุมปาก
มองเห็นท่าทางของทั้งสองคนพูดคุยเฮฮา หร่วนซือซือกำเสื้อผ้าไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว ในใจรู้สึกปวดร้าว
มองเห็นพวกเขาจะต้องเดินผ่านทางนี้ เธอถอยหลังไปหนึ่งก้าว หลีกทางให้พวกเขา
ทันใดนั้น อวี้อี่มั่วเหมือนกับรู้สึกถึงอะไรได้ ฉับพลันนั้นก็หันหน้ากลับมามองที่เธอ
มองเห็นสายตาของผู้ชายหันกลับมา ร่างกายของหร่วนซือซือก็ขึงตึงขึ้นฉับพลัน แต่ใครจะรู้ อวี้อี่มั่วเพียงแค่กวาดสายตามองเธอนิดหน่อย ไม่ถึงครึ่งวินาทีด้วยซ้ำ ก็ถอนสายกลับ
มองดูพวกเขาเดินผ่านสายตาตัวเองไป ร่างกายของหร่วนซือซือจึงผ่อนคลายลง มองดูแผ่นหลังของผู้ชาย เธอกัดริมฝีปาก ในใจมีความรู้สึกมากมาย
เมื่อกี้เขามองเธอเหมือนกับเป็นคนแปลกหน้าคนหนึ่ง เกรงว่าไม่ได้หยุดมองแม้แต่วินาทีเดียว
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร นึกถึงสายตาของผู้ชายแบบนั้น หร่วนซือซือก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่
เธอขยี้จมูก เดินตรงออกไปด้านนอก แต่ใครจะรู้ว่าด้านนอกฝนตกแล้ว สีของท้องฟ้ามืดครึ้มจนน่ากลัว แต่เธออยู่ในงานก็ไม่รู้แม้แต่นิดเดียว
ประตูใหญ่ที่หรูหราและงดงามเต็มไปด้วยผู้คนตอนนี้เปลี่ยนเป็นเยือกเย็นและเงียบเหงา หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าลึกๆ มองดูคนที่ออกมาจากสถานที่จัดงานขึ้นรถและออกไป แต่ตัวเองยืนอยู่ที่หน้าประตูคนเดียว
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เรียกรถ แต่ใครจะรู้ว่าด้านหน้ามีคนต่อคิวรออยู่หลายสิบคน กลัวว่ากว่าจะมาถึงเธอ ก็คงต้องนานมาก
หร่วนซือซือมองฝนที่ตกหนักอยู่ด้านนอก เวลานี้ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ทันใดนั้นพนักงานที่อยู่ด้านข้างก็เข้ามา“คุณผู้หญิง ให้ร่มกับคุณครับ”
หร่วนซือซือมองเห็นร่มสีขาวโปร่งใสที่ส่งเข้ามาด้านหน้า ในใจก็อุ่นใจ ยื่นมือไปรับ“ขอบคุณ”
เมื่อกางร่มออก หร่วนซือซือก้าวลงมาจากชั้นบันได ลมแรงมาก เธอยังไปได้ไม่ไกล ร่างกายก็ถูกฝนสาดจนเปียก แต่เธอก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เพียงแค่อยากเดินไปถึงข้างถนนและเรียกรถแท็กซี่
รอมานานมาก รถแท็กซี่สองสามคันที่ขับผ่าน ทุกคันก็ล้วนมีคน หร่วนซือซือยืนอยู่ตรงนั้น ถึงแม้ว่าจะกางร่ม แต่ร่างกายกับเปียกไปพอประมาณแล้ว
ด้านข้างห่างออกไปไม่ไกล ทางออกจากโรงรถใต้ดิน รถคันหนึ่งค่อยๆเคลื่อนไปข้างหน้า
ตู้เยี่ยนั่งอยู่ที่เบาะคนขับ มองเห็นเงาของร่างกายที่คุ้นเคย เขารีบหันหน้ากลับไป“เปิดปากพูด“ประธานอวี้ คุณนายอยู่ตรงนั้น”
ชำเลืองมองตามทิศทางนิ้วมือของตู้เยี่ย มองเห็นด้านนอกหน้าต่างมีเงาของร่างกายที่อ่อนแอยืนอยู่ท่ามกลางสายฝน อวี้อี่มั่วเลิกคิ้วขึ้น หยุดไปสองวินาทีก็หันหน้ากลับไปมองอีก
“ขับรถของนายไป”
ตู้เยี่ยอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นอีก“ไม่พาคุณนายกับบ้านด้วยกันเหรอครับ?”
อวี้อี่มั่วเงยหน้าขึ้นมามองเขา น้ำเสียงเย็นชา“ขับรถ”
ตู้เยี่ยไม่กล้าพูดอะไรอีก เหยียบคันเร่ง ตั้งใจขับรถ
เห็นรถขับไปที่ถนนใหญ่ ยิ่งห่างจากหร่วนซือซือขึ้นเรื่อยๆ อวี้อี่มั่วในใจก็รู้สึกร้อนรุ่ม เขาโยนแท็บเล็ตทิ้งด้านข้าง ในสมองปรากฏแต่ภาพหร่วนซือซือกับเฉิงจื่อเซียวกลับไปกลับมา
เขารู้สึกอารมณ์เสีย ความรู้สึกนี้สุดที่จะพรรณนา
แต่ตอนนี้ เมื่อนึกถึงเธอกำลังอยู่ท่ามกลางสายฝนเปียกฝนและยืนโบกรถอยู่ ในใจเขาก็ทนไม่ได้
เงียบไปชั่วขณะ ทันใดนั้นอวี้อี่มั่วก็สั่งเสียงหนักแน่น“กลับรถ!”
เขาจะทิ้งเธอไว้ที่นั่นคนเดียวได้ยังไงกันล่ะ?!