ดั่งรักบันดาล - ตอนที่ 306
หร่วนซือซือชะงักไป เมื่อดึงสติได้จึงรีบตอบกลับ : "ใช่ค่ะ"
เจียงฮ่วนเฉินขมวดคิ้ว : "งั้นบอกมาหน่อยสิ ว่าทำไมคุณถึงต้องการให้เรารับรองซีรีส์ล่าสุดนี้ให้ได้"
หร่วนซือซือถอนหายใจเบาๆ คำตอบของคำถามนี้ เธอได้เตรียมตัวมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้ รอจนแทบจะไม่ไหวด้วยซ้ำไป
เธอเริ่มอธิบายจุดขาย ดีเทลและดีไซน์ของซีรีส์ใหม่รวมถึงผู้ออกสินค้าแบบตัวนี้ขึ้นมาอย่างคล่องแคล่ว ปิดท้ายด้วยการพูดถึงความเหมาะและความลงตัวระหว่างซีรีส์ตัวใหม่กับเจียงฮ่วนเฉิน
ระหว่างนั้นยังหยิบยกเรื่องเจียงฮ่วนเฉินที่เคยเป็นเด็กฝึกงานหลายปีในประเทศเคขึ้นมาพูดด้วย หร่วนซือซือไม่ค่อยคุ้นเคยกับคอนเสิร์ตเขาสักเท่าไหร่ แต่เกี่ยวกับเรื่องราวของเขานั้นเธอรู้เป็นอย่างดีเชียว เธอพูดจบไปชุดใหญ่ ในนั้นเธอย่อมได้พูดถึงสิ่งที่เจียงฮ่วนเฉินให้ความสำคัญเป็นที่สุด
"……เพราะฉะนั้น นี่จึงเป็นสาเหตุที่เราต้องการให้อาจารย์เจียงเป็นผู้รับรองค่ะ ถ้ามีข้ออื่นๆที่ต้องการทำความเข้าใจ ฉันจะส่งคนมาหาคุณ เพื่อคุยและลงรายละเอียดลึกกว่านี้ค่ะ
เจียงฮ่วนเฉินยิ้มขึ้นที่มุมปาก เห็นคุณฉยงที่ช่วยหร่วนซือซือติดปลาสเตอร์ปิดแผลเรียบร้อยแล้ว พูดขึ้นเสียงเรียบเฉย : "ที่พูดมาก็……งั้นๆ"
หร่วนซือซือหยุดนิ่งไป รู้สึกค่อนข้างแปลกใจ
ที่เธอพูดมาทั้งหมด รู้สึกเหมือนจะค่อนข้างน่าประทับใจด้วยซ้ำไป ไม่นึกเลยว่าเขาจะพูดออกมาว่างั้นๆ?
"งั้น……อาจารย์เจียงมีความประสงค์จะคุยกับดีไซเนอร์ของReduerรึเปล่าคะ?"
เจียงฮ่วนเฉินยิ้มขึ้น เขาบิดขี้เกียจยืดเส้นยืดสาย แล้วพูดขึ้นว่า : "ผมจะเก็บไปพิจารณาดู"
พูดจบ ก็หันไปข้างหน้าพูดกับคนขับรถว่า : "คุนฉยง จอดรถข้างทางที ให้เธอลงรถได้แล้ว"
หร่วนซือซือนิ่งไปชั่วครู่ มองไปทางเจียงฮ่วนเฉินด้วยความประหลาดใจ
คนขับรถก็จอดรถเทียบข้างทาง ผู้ช่วยเปิดประตูรถ คุณฉยงหยิบป้ายเมื่อสักครู่นี้ยื่นมา
หร่วนซือซือตะลึงตาค้างเล็กน้อย
เหมือนเธอกำลังจะโดนไล่ลงจากรถแล้ว
เธอรับป้ายแผ่นใหญ่แล้วลงจากรถ พอหันกลับมาก็เจอเจียงฮ่วนเฉินที่กำลังยิ้มให้เธออยู่ ยกมือขึ้นมาโบกให้เธอเบาๆ : "แล้วเจอกันใหม่นะ "แฟนตัวยง" ของฉัน"
พูดจบ ประตูถูกปิดลง รถแล่นก็ออกไป
หร่วนซือซือไม่คิดว่าจะจบลงแบบนี้ เธอรีบหันไปมองรอบๆ ตรงนี้ไม่ใช่แหล่งชุมชน ไม่ใช่จุดขึ้นรถ ห่างออกมาไกลมาก แม้แต่ทางเข้ารถไฟใต้ดินก็ยังมองไม่เห็น
เธอที่ถือป้ายแผ่นใหญ่ขนาดนี้ ไม่ต่างอะไรกับคนบ้าคนหนึ่ง แล้วยังโดนเจียงฮ่วนเฉินทิ้งลงกลางทางแบบนี้!
เธอรู้สึกฉุนขึ้นมาทันที ไม่นึกเลยว่าเรื่องจะยากเย็นขนาดนี้ เข้าหาเจียงฮ่วนเฉินจะยากเย็นขนาดนี้เชียวเหรอ
เธอหอบป้ายเดินมาครึ่งค่อนวัน ก็เริ่มเห็นผู้คนมากขึ้น แต่ทุกคนต่างมองเธอด้วยสายตาสงสัย เธอจึงรีบเดินหาทางเข้ารถไฟใต้ดิน
ในตอนแรกเธอยังจะนึกว่าเจียงฮ่วนเฉินจะพูดง่ายหน่อย แต่ใครจะไปนึกว่าจะเป็นคนหยิ่งและอีโก้สูงขนาดนี้ ยิ่งนึกเธอก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาตั้งใจปล่อยเธอลงข้างทางในที่แบบนี้แน่นอน
เดินมาครึ่งวันในที่สุดก็มาถึงปากทางเข้ารถไฟใต้ดิน เหลือบตามองป้ายแผ่นใหญ่ที่อยู่ในมือ แล้วก็หันไปดูถังขยะที่อยู่ข้างๆ เธอตัดสินใจทิ้งลงไปอย่างไม่ลังเล
เมื่อเดินไปสองก้าว นึกๆแล้วเธอใช้เงินไปตั้งหนึ่งพันบาทในการทำป้ายแผ่นนี้ ในใจก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมา หยิบมือถือมาถ่ายรูปลงสตอรี่ : "บ๊ายบายนะคุณ!"
ปกติหร่วนซือซือแทบไม่ค่อยจะลงอะไรในสตอรี่ แต่วันนี้เธอรู้สึกฉุนจนอดไม่ได้ เลยลงสตอรี่ไป
เมื่อลงเรียบร้อยแล้ว ก็เก็บมือถือ ไปนั่งรถไฟใต้ดิน
เวลานั้นเอง ณ ที่โรงจอดรถใต้ดินของอวี้กรุ๊ป อวี้อี่มั่วที่นั่งอยู่ในรถ หยิบมือถือขึ้นมาเลื่อนดูสตอรี่ ก็เจอเข้ากับสตอรี่ของหร่วนซือซือ
เขากดรูปภาพขึ้นมาดู เห็นป้ายที่มีรูปของเจียงฮ่วนเฉินพิมพ์อยู่ ทิ้งอยู่ในขยะ จู่ๆเขาก็ยิ้มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
ไม่ต้องเดาก็รู้เลยว่าเธอไปหาเจียงฮ่วนเฉินมาแล้ว ดูจากคำพูดแล้ว งานคงจะไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่สินะ
เขาเก็บมือถือ อยู่ๆก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงพูดกับตู้เยี่ยว่า : "ห้องอาหารส่วนตัวร้านนั้นย้ายมาที่สะพานทองแล้วใช่ไหม?"
ตู้เยี่ยรีบตอบกลับ : "ใช่ครับ จะไปไหมครับ?"
"รอเดี๋ยว ฉันโทรศัพท์ก่อน"
อวี้อี่มั่วพูดพลางหยิบมือถือมาโทรออกหาหร่วนซือซือ : "อยู่ไหน?"
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป หร่วนซือซือมาหาอวี้อี่มั่วที่ห้องอาหารส่วนตัวอย่างรีบร้อน เดินอ้อมทั้งสวน จึงพึ่งหาร้านเจอ
สะพานมีน้ำไหล บรรยากาศและกลิ่นอายโบราณ เปรียบเปรยแบบนี้ไม่ได้เกินจริงเลย
เธอเข้าไปแจ้งชื่ออวี้อี่มั่ว มีพนักงานพาขึ้นไปห้องVIPที่ชั้นสอง เมื่อเปิดประตูเข้าไปแล้ว ด้านในตกแต่งสวยงามสะดุดตา
เมื่อเข้าไปแล้ว ก็เห็นอวี้อี่มั่วนั่งอยู่ด้านในคนเดียว หร่วนซือซือแปลกใจเล็กน้อย นั่งลงแล้วถามขึ้นว่า : "ท่านประธานอวี้ ไหนว่าจะให้ฉันมาพบคนๆหนึ่งไม่ใช่เหรอคะ?"
อวี้อี่มั่วได้ยินแล้ว เขาก็รินน้ำชาให้เธออย่างใจเย็นพร้อมพูดขึ้นว่า : "ฉันไม่ใช่คนเหรอ?"
หร่วนซือซืออึ้งไปเล็กน้อย ผ่านไปหลายวินาทีเธอจึงพึ่งเข้าใจในความหมายที่เขาจะสื่อ เธอยิ้มขึ้นอย่าเคอะเขิน : "คือ……"
อวี้อี่มั่วสีหน้าจริงจังขึ้นมา เงยหน้ามองเธอ : "ที่เรียกเธอมา ก็เพื่อจะถามว่าทางฝั่งของเธอไปถึงไหนแล้ว?"
"ฉัน……" หร่วนซือซือนึกถึงเรื่องที่เกิดวันนี้ ก็อ้ำอึ้ง พูดอะไรไม่ออก
อวี้อี่มั่วยกแก้วน้ำชาขึ้นมาพร้อมกับเงยหน้ามองเธอ : "ทำไม? มีใครมารังแกเธอรึไง?"
หร่วนซือซือสูดลมหายใจเข้า : "ไม่มีหรอกค่ะ แต่เรื่องมันยากกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะเลย"
เธอเริ่มพูดถึงบุคลิกนิสัยของเจียงฮ่วนเฉินได้สักพัก พูดยังไม่ทันจบ อาหารก็ถูกเสิร์ฟมายังโต๊ะ
อวี้อี่มั่วมองไปยังผู้หญิงตัวเล็กๆที่อยู่ตรงหน้าเขา มุมปากค่อยๆปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา พูดเสียงเบาว่า : "กินข้าวก่อน"
หร่วนซือซือตอบรับ หยิบตะเกียบขึ้น ในใจยังรู้สึกเคืองกับเหตุการณ์ที่เกิด แต่เมื่อเห็นอาหารตรงหน้า ก็รู้สึกเบาบางลงไปเลย
เห็นสายตาแวววับของเธอแล้ว อวี้อี่มั่วก็พูดขึ้นว่า : "กินสิ ถือว่าเป็นรางวัลของวันนี้แล้วกัน"
หร่วนซือซือก็รู้สึกดีใจขึ้นมา ตั้งหน้าตั้งตาทานข้าวอย่างตั้งใจ
เมื่อทานเสร็จ หร่วนซือซือที่อิ่มแล้ว ความเคืองที่ติดอยู่ในใจก็หายไปด้วย
คุยกันสักพัก อวี้อี่มั่วก็ลุกขึ้นยืน : "ฉันส่งเธอกลับบ้าน"
หร่วนซือซือที่กำลังคิดจะปฏิเสธ แต่พอนึกถึงระยะทางที่ค่อนข้างไกลกว่าจะถึงคอนโด เธอจึงตอบตกลงอย่างง่ายดายไป
เมื่อออกจากห้องVIPแล้ว ขณะที่ลงบันได เข่างอลงแผลก็ตึงขึ้น เธอขมวดคิ้วรู้สึกเจ็บขึ้นมา จึงเดินช้าลง
อวี้อี่มั่วที่ไวต่อความรู้สึก หันมามองแผลที่ขาของเธอ เขาผงะไปเล็กน้อย : "เกิดอะไรขึ้น?"
หร่วนซือซืออึ้งไปชั่วครู่ แล้วรีบพูดขึ้นว่า : "ไม่เป็นไรค่ะ……"
พูดจบก็รีบเดินลงบันไดเร็วขึ้น จู่ๆอวี้อี่มั่วก็ยื่นแขนออกมาคว้าเธอไว้
ชั่วอึดใจ เขาก้มลงเล็กน้อย แล้วอุ้มเธอตัวลอยขึ้นมา
เขาอุ้มเธอค่อนข้างกะทันหัน หร่วนซือซือตกใจอุทานออกมา มองไปยังด้านล่างบันได ก็ยกมือขึ้นโอบคอของเขาอย่างอัตโนมัติ
เมื่อถึงด้านล่าง ลูกค้าที่นั่งอยู่ชั้นล่างต่างพากันมองมายังเธอ หร่วนซือซือรู้สึกอายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก จึงรีบหลบหน้าไปทางอื่น
เมื่อขึ้นมาบนรถแล้ว จึงปล่อยหร่วนซือซือลง
ประตูรถถูกปิดลง ในรถค่อนข้างมืด อวี้อี่มั่วก้มเอียงตัวมาทางเธอ : "หร่วนซือซือ แผลนี้ไปได้มายังไง จะไม่ยอมพูดออกมาจริงๆเหรอ?"
พื้นที่แคบที่ถูกปิดมิดชิด หร่วนซือซือรู้สึกถึงความขุ่นเคืองในตัวผู้ชายคนนี้ เธอสูดลมหายใจเข้า กัดฟันแน่น : "ฉันไม่ทันระวังเลยสะดุดล้มค่ะ"
"เหรอ?" อวี้อี่มั่วแสดงสีหน้าไม่เชื่ออย่างชัดเจน แล้วเชยคางของเธอขึ้น : "จะไม่ยอมพูดความจริงใช่ไหม?"
เขาเองรู้ว่าเธอเป็นคนซุ่มซ่าม แต่ไม่เห็นหน้าแค่ครึ่งวัน ก็ได้แผลที่ขามาทั้งสองข้างแบบนี้
หร่วนซือซือขยับปากนิดหน่อย พยักหน้าเบาๆ มองหน้าผู้ชายที่อยู่ใกล้กันนิดเดียว ได้กลิ่นตัวหอมอ่อนๆของเขา หัวใจก็เต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ
บรรยากาศในรถที่กำลังเหมาะ ทั้งสองเข้าใกล้ทีละนิด ทีละนิด……
ชั่วอึดใจเดียว ก็มีเสียงดังขึ้นมา ทำลายบรรยากาศทั้งหมดลงอย่างสิ้นเชิง