ดั่งรักบันดาล - ตอนที่ 139
คนส่วนใหญ่เริ่มมาถึงในงานกันแล้ว ภายในห้องโถงเสียงดังครึกครื้นมาก นายท่านแห่งตระกูลไป๋ก็เห็นว่าน่าจะได้เวลาที่เหมาะสมแล้ว จึงเชิญทุกคนให้ขึ้นไปร่วมรับประทานอาหารค่ำกันที่ห้องวีไอพีชั้นสอง
ที่นั่งได้ถูกจัดเอาไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว หลังจากที่หร่วนซือซือนั่งลง เธอก็สังเกตเห็นว่าเฉิงลู่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆเธอ เธอกำลังคุยกับผู้หญิงอีกสองคนในโต๊ะเธออย่างสนุกสนาน ส่วนอวี้อี่มั่วนั่นเขานั่งอยู่ในโต๊ะหลักตรงศูนย์กลางของห้อง และสวี่เฟิงหมิงกับเฉินอวี้ก็นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ
ก่อนที่งานเลี้ยงจะเริ่มขึ้น นายท่านตระกูลไป๋ก็ได้ขึ้นกล่าวเปิดงานให้พอเป็นพิธี หลังจากนั้นอาหารก็มาเสิร์ฟ
อาหารถูกวางลงบนโต๊ะ ทุกคนชนแก้วกัน หร่วนซือซือกินอาหารลองท้องไปบ้างเล็กน้อย แต่จิตใจเธอลอยไปจดจ่ออยู่ที่โต๊ะสวี่เฟิงหมิงตั้งนานแล้ว
ทันใดนั้น อวี้อี่มั่วก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สายตาของเขามองมาทางนี้ และหร่วนซือซือก็บังเอิญมองไปทางนั้นอยู่พอดี ทั้งคู่สบตากันผ่านระยะไกลๆ
ในช่วงเวลาที่พวกเขาสบตากัน หร่วนซือซือเขินอย่างควบคุมตัวเองไม่ถูก แต่ในทางกลับกัน อวี้อี่มั่วกลับนิ่งเฉยมาก เขากวาดสายตามองเธอนิ่งๆ การแสดงออกทางสีหน้าของเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
หร่วนซือซือละสายตาจากเขา ผ่านไปสักพัก โทรศัพท์เธอก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมาดู เป็นข้อความที่ส่งมา
จากอวี้อี่มั่ว
" รอให้เขาเมาก่อน อย่ารีบร้อน "
หร่วนซือซือรู้ดี คำว่า " เขา " ในที่นี่ หมายถึง สวี่เฟิงหมิง พอได้รับข้อความจากอวี้อี่มั่ว เธอที่เดิมทีไม่ค่อยสบายใจก็ค่อยๆใจเย็นและสบายใจขึ้น
ในเวลาแบบนี้จะรีบร้อนไม่ได้ ถ้าผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว แผนทั้งหมดที่พวกเขาวางแผนไว้ก็จะพังและแพ้อย่างราบคาบ
ผ่านไปสักพัก ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินตรงมาข้างๆหร่วนซือซือ เขายกแก้วไวน์ขึ้นแล้วยิ้มให้เธอ " คุณผู้หญิง ดื่มไวน์กันหน่อยไหมครับ? "
หร่วนซือซือเงยหน้ามองเหล่มองเขาเล็กน้อย รู้สึกว่าคุ้นหน้าเขามาก เหมือนว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน เธอหันไปรอบๆ และเหลือบไปเห็นเฉิงลู่ที่นั่งอยู่โต๊ะข้างกำลังจ้องมาทางเธอ เธอก็เข้าใจอย่างชัดเจนทันที
ผู้ชายคนนี้ เขานั่งอยู่โต๊ะข้างๆนั้นตลอด เป็นคนรู้จักของเฉิงลู่สินะ ตอนนี้ที่เขามาขอขนแก้วกับเธอก็คงเป็นคำสั่งของเฉิงลู่อีกเช่นกัน
หร่วนซือซือเข้าใจเจตนาของเธอ เหลือบไปมองผู้ชายคนนั้นแล้วยิ้มให้เขา จากนั้นก็พูดขึ้นว่า " เราเหมือนไม่รู้จักกันนะคะ? "
ชายคนนั้นยักคิ้ว เหมอนไม่อยากปลีกตัวออกไป " ดื่มหมดแก้วนี้ ก็ถือว่าเรารู้จักกันแล้ว "
หร่วนซือซือชำเลืองตามองไวน์ในมือเขา เธอก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เธอยกแก้วไวน์บนโต๊ะตัวเองขึ้น เธอตั้งใจทำต่อหน้าเฉิงลู่เพื่อให้เธอเห็น เธอยิ้มให้ชายคนนั้นแล้วชนแก้วกับเขาและดื่มหมดแก้ว
สำหรับแผนการของเฉิงลู่ เธอรู้และเข้าใจอย่างชัดเจน ในเวลานี้ที่เธอให้ผู้ชายคนนี้มาขอชนแก้วกับเธอก็เพราะว่าอยากจะมอมให้เธอเมา เธอจะได้ลงมือทำแผนการขั้นต่อไปง่ายขึ้น
ชายคนนั้นก็ดื่มหมดแก้วเช่นกัน พอเขาเห็นว่าข้างๆหร่วนซือซือมีที่ว่างอยู่ เขาก็นั่งลงอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า " ดื่มเก่งจัง คุณผู้หญิง ผมนามสกุลจาง คุณผู้หญิงนามสกุลอะไรครับ? "
หร่วนซือซือตอบไปตามมารยาม " ฉันชื่อหร่วนซือซือค่ะ "
" คุณหร่วน ที่เรารู้จักกันถือเป็นพรหมลิขิต เรามาดื่มกันอีกแก้วดีกว่าไหมครับ? "
แววตาของหร่วนซือซือมีประกายบางอย่างเปล่งออกมา เธอชะงักไปชั่วครู่ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ " ได้สิ ถ้าอย่างนั้นดื่มอีกแก้วก็ได้ "
ในขณะที่พูด เธอก็รินไวน์ขาวข้างๆลงบนแก้วของเธอ เธอยกแก้วไวน์ขึ้นมาชนกับชายคนนั้นและดื่มหมดแก้ว
ชายคนนั้นคิดไม่ถึงว่าหร่วนซือซือจะเป็นคนตรงไปตรงมาขนาดนี้ เขายิ้ม และหยิบแก้วไวน์อีกแก้วขึ้นมาดื่มหมดแก้วเช่นกัน
พอชนแก้วกันหลายๆรอบเข้า สีหน้าของหร่วนซือซือยังคงดูปกติ แต่สีหน้าของชายคนนั้นเหมือนจะเริ่มเมาเล็กน้อย
หร่วนซือซือแสร้งเป็นทำเป็นวิงเวียนศีรษะและเอามือกุมขมับแล้วยิ้มให้เขา " ขอโทษนะคะ คุณจาง ฉันคิดว่าฉันดื่มมากไปแล้ว ถ้ามีโอกาสไว้คราวหน้าเรามาดื่มกันใหม่นะคะ "
ชายคนนั้นดื่มติดต่อกันไปหลายแก้ว เขาก็รู้สึกไม่ค่อยสบายท้อง เลยพยักหน้าตอบเธอไป " ได้ ไว้ครั้งหน้าถ้ามีโอกาสค่อยนัดกันใหม่นะครับ "
พอเห็นว่าเขากลับไปยังโต๊ะข้างๆแล้ว หร่วนซือซือก็รู้สึกโล่งอก และหันหน้าไปทางอื่น เธอใช้มือกับขมับ และหรี่ตาลงเล็กน้อย แสร้งทำเป็นเหมือนคนเมา
เธอว่าแล้วเชียวว่าเฉิงลู่ต้องใช้วิธีนี้ในการจัดการเธอ ดังนั้นเธอเลยตั้งใจเตรียมไวน์ขาวขวดพิเศษไวใกล้มือเธอ ของเหลวสีขาวใสๆนั้นที่ดูเหมือนไวน์ขาวแต่แท้จริงแล้วนั่นคือน้ำแร่
ไม่ว่ายังไง ขอแค่เฉิงลู่เห็นและเข้าใจผิดว่าเธอดื่มไวน์มากไปแล้วเมา เพียงเท่านี้จุดประสงค์ของเธอก็สำเร็จแล้ว
" หร่วนซือซือ? "
จู่ๆก็มีเสียงผู้ชายลอยมาจากข้างๆเธอ หร่วนซือซือตกใจ และหันไปมองด้วยความสงสัย
ฉินเสียนหลี่ยืนอยู่ข้างหลังเธอ สายตาของเขามีความแปลกใจแฝกอยู่ จนกระทั่งเห็นหน้าหร่วนซือซือ สีหน้าของเขาจึงค่อยๆกลับมาเป็นปกติ
ฉินเสียนหลี่ลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะถามขึ้นว่า " เธอ เธอทำไมถึงมาอยู่ที่นี่? "
ตอนนี้ที่กำลังเห็นแฟนเก่าตัวเองอยู่ตรงหน้า หร่วนซือซือนิ่งมาก ใบหน้าของเธอไม่มีการแสดงออกใดๆ " มาร่วมงานวันเกิดของนายท่านตระกูลไป๋ไง นายเองก็เหมือนกันไม่ใช่หรอ? "
เธอเงยหน้ามองไปรอบๆ แต่เธอไม่เห็นแม้แต่เงาของหยางเย่ เธอก็ประหลาดใจเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้หยางเย่และฉินเสียนหลี่ตัวติดกันอย่างกับฝาแฝด ไม่ว่ายังไงก็ไม่แยกจากกัน คาดไม่ถึงว่าวันนี้เธอจะเจอฉินเสียนหลี่ตัวคนเดียว
ฉินเสียนหลี่รู้สึกได้ถึงสายตาที่เธอมองมา เขายิ้มออกมา " เย่เย่อยู่อีกด้านหนึ่ง ฉันทะเลาะกับเธอมา กะว่าจะออกมามาสูดอากาศสักหน่อย คิดไม่ได้ว่าจะเจอเธอ "
หร่วนซือซือได้ยินแบบนั้น การแสดงออกทางสีหน้าของเธอก็ยังคงไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ เธอตอบรับเบาๆ และหันหน้าไปทางอื่นโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ
แต่ใครจะไปรู้ว่าฉินเสียนหลี่ไม่มีทีท่าว่าจะไปไหนเลย พอเขาเห็นว่ามีที่ว่างข้างๆหร่วนซือซือ เขากลับนั่งลงตรงนั้น
ปากฉินเสียนหลี่ขยับเล็กน้อย ดูเหมือนเขาจะลังเล แต่สุดท้ายเขาก็พูดขึ้น " ซือซือ เรื่องเมื่อก่อนฉันขอโทษนะ ฉัน……ฉันไม่ควรทำกับเธอแบบนั้น "
พอได้ยินเขาเอ่ยถึงเรื่องเมื่อก่อน หร่วนซือซือไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรมากมาย เธอเพียงพยักหน้า และตอบว่า " อือ "
พอเห็นท่าทีที่เย็นชาของเธอ ปากก็ฉินเสียนหลี่ก็ขยับอีกครั้ง แต่เขาก็ลังเล และสูดหายใจเข้าลึกๆ " จริงๆแล้วหลังจากที่เลิกกับเธอไป ฉันและเย่เย่ก็ไม่มีความสุขเลย หลังจากแต่งงานกันก็เอาแต่ทะเลาะกันเป็นประจำ ในบ้านฉันก็ไม่ได้มีความสำคัญใดๆเลย บางครั้งฉันเองก็คิดถึงช่วงเวลาเก่าๆที่เราอยู่ด้วยกันมากเลยนะ……"
หร่วนซือซือมองเขาที่พูดไปด้วยและพลางถอนหายใจ เธอก็เงียบไม่ได้มีการตอบกลับใดๆ
เธอและฉินเสียนหลี่ในตอนนี้อยู่กันคนละโลกแล้ว ถึงจะพูดถึงเรื่องเก่าๆมันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรขึ้นมา
" ซือซือ ตอนนั้นเป็นเพราะฉันไม่รู้จักรักษาเธอไว้เอง ถ้าสามารถย้อนเวลากลับไปได้ แน่นอนว่าฉันต้องเลือกเธอ….."
ไม่รอให้ฉินเสียนหลี่พูดจบ หร่วนซือซือก็รีบพูดแทรกเขาขึ้นทันทีว่า " ฉินเสียนหลี่ นายกับหยางเย่เป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก ทุกวันนี้อยากได้อะไรก็ได้ ไม่มีอุปสรรคใดๆในชีวิต ทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดีไม่ใช่หรอ? "
เธอไม่อยากส่วนเกี่ยวข้องกับเขา ถ้าหยางเย่มาเห็นเข้า เธอจะเข้าใจผิดอย่างแน่นอน
ฉินเสียนหลี่อึ้งไป ไม่คาดคิดว่าหร่วนซือซือจะเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ แต่ก่อนไม่ว่าเขาพูดอะไร เธอก็ไม่เคยจะเถียงกลับมา แต่ว่าตอนนี้เธอเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
แต่พอยิ่งเธอเป็นแบบนี้ เขาก็ยิ่งรู้สึกเสียใจมากขึ้น ผู้หญิงที่มีเสน่ห์มากขนาดนี้แต่เขากลับไม่รู้จักรักษาไว้ให้ดี ทุกวันนี้ที่อยู่กับหยางเย่ เขาไม่เหลือแม้แต่ศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย และไม่เหลือความอิสระใดๆในชีวิตเลย
แต่บนโลกนี้ไม่มียาย้อนเวลา ต่อให้เขาจะเสียใจมากเพียงใด แต่เขาก็ไม่สามารถย้อนกลับไปได้
ฉินเสียนหลี่ถอนหายใจยาวๆ และมองหน้าหร่วนซือซืออย่างลึกซึ้ง เขาลุกขึ้นและพูดขึ้นว่า " ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่ขออยู่รบกวนเธอแล้ว ไปก่อนนะ "
พอพูดจบ เขาก็เดินออกไป
เมื่อฉินเสียนหลี่เดินออกไปไกลแล้ว หร่วนซือซือค่อยรู้สึกโล่งอกขึ้นมาหน่อย เมื่อกี้ที่เขาอยู่ข้างๆเธอก็เอาแต่รบกวนเธออยู่ได้ รู้ไว้ด้วยก็ดีนะว่าวันนี้เธอมีภารกิจสำคัญที่ต้องทำ
เวลาล่วงเลยไปมากกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้วถ้านับจากที่อวี้อี่มั่วส่งข้อความมาหาเธอ เธอจับโทรศัพท์ไว้แน่น และมีความรู้สึกกังวลเล็กน้อย ถ้าพูดตามหลักเหตุผลแล้วก็น่าจะถึงเวลาที่ต้องลงมือแล้วนะ