ดั่งรักบันดาล - ตอนที่ 138
หร่วนซือซือขยับเข้าไปใกล้ๆ พอเห็นรูปนั้นเธอก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย
จริงๆแล้วถ้าซ่งอวิ้นอันจะถ่ายรูปก็คงไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่ว่าตอนนี้เขาและซ่งเย้อันเป็นเพียงเพื่อนกันเท่านั้น แต่ในรูปเขากำลังใส่สร้อยให้เธอและดูสนิทสนมกันมาก อาจจะทำให้คนเข้าใจผิดได้
เธอมองหน้าซ่งอวิ้นอันและพูดขึ้นว่า " อันอัน ไม่เอาหน่า ลบเถอะ "
ซ่งอวิ้นอันจับโทรศัพท์ไว้แน่น เธอไม่ยอมลบเด็ดขาด" ภาพนี้มันสวยมากเลยนะ ฉันทำใจไม่ได้ถ้าจะลบมันไป! "
ซ่งเย้อันที่อยู่ข้างๆสังเกตเห็นสีหน้าของหร่วนซือซือไม่ปกติ เขาเองก็สีหน้าจริงจังขึ้น และยื่นมือไปทางซ่งอวิ้นอัน
ซ่งอวิ้นอันเบะปาก ถึงเธอจะไม่ค่อยเต็มใจแต่ก็ต้องยอมส่งโทรศัพท์ให้เขาแต่โดยดี
ซ่งเย้อันรับโทรศัพท์มาและมองดูรูปในจอโทรศัพท์ มือที่กำลังจะกดลบก็ชะงัก
รูปนี้ถ่ายออกมาได้ดีมากจริงๆ แสงที่นุ่มนวล เป็นธรรมชาติ และสวยงานมาก
ลังเลอยู่พักหนึ่ง ซ่งอวิ้นอันก็กดไปที่ปุ่มแชร์ และแชร์รูปนั้นให้ตัวเองผ่านวีแชท จากนั้นก็ค่อยลบภาพนั้นออกไป
พอทำทุกอย่างเสร็จ เขาก็ยื่นโทรศัพท์คืนซ่งอวิ้นอันโดยไม่ได้พูดอะไร
หร่วนซือซือที่ดูอยู่ข้างๆก็คิดว่ารูปภาพถูกลบไปเรียบร้อยแล้วเลยไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน
ทันใดนั้นซ่งเย้อันก็เหมือนนึกบางอย่างขึ้นได้ เลยถามเธอออกไปว่า " จริงด้วย ซือซือ วันนี้จะให้ฉันไปส่งเธอที่ Furong Garden ไหม "
หร่วนซือซือยิ้มให้เขา แล้วปฏิเสธด้วยเสียงนุ่มนวล " ไม่เป็นไร งานเลี้ยงเริ่มค่อนข้างดึก ฉันไปเองได้ "
ซ่งอวิ้นอันเดินไปหยุดที่ข้างๆหร่วนซือซือและดึงเธอเอาไว้ " ซือซือ เดิมทีฉันเองก็อยากจะไปนะ แต่ใครจะไปรู้ว่าที่บ้านจะเกิดเรื่องขึ้นสะก่อน ฉันและพี่ชายเลยอดไปเลย "
หร่วนซือซือจับมือเธอ ยิ้มแล้วพูดว่า " เธอจัดการธุระของเธอก่อนเถอะ ไม่แน่อาจจะมีโอกาสหน้าก็ได้ "
จริงๆแล้วพวกเขาไม่ไปก็ดีนะ ไม่อยากนั้นเธอทำอะไรลงไปแล้วยังต้องมานั่งอธิบายให้พวกเขาฟังอีกรอบ และอีกทั้งวันนี้เธอไม่ใช่แค่ไปร่วมงานวันเกิดของนายใหญ่ตระกูลไป๋อย่างเดียว
หลังจากออกจากบ้านตระกูลซ่งแล้ว หร่วนซือซือก็เรียกรถกลับบ้านโดยตรง พอกลับแต่บ้านและแต่งหน้าทำผมเสร็จ ก็ได้เวลาไปงานพอดี
งานเลี้ยงวันเกิดของนายท่านตระกูลไป๋จัดขึ้นที่ Furong Garden โดยได้เช่าทั้งสามชั้นของโรงแรมให้เป็นสถานที่ของงานวันเกิดในครั้งนี้ โดยชั้นแรกเป็นห้องโถงใหญ่ และชั้นสองสำหรับแขกวีไปพี ส่วนชั้นสามเป็นห้องส่วนตัว ห้องโถงใหญ่สว่างไสว มีแสงไฟส่องระยิบระยับ และทั้งสองด้านก็เต็มไปด้วยอาหารบุฟเฟต์ระดับหรู ดูแล้วช่างเหมือนเป็นงานเลี้ยงสรรค์สรร ส่วนชั้นสองบรรยากาศของงานเป็นเหมือนงานเลี้ยงอาหารค่ำที่เป็นส่วนตัวขึ้น และชั้นสามเป็นเหมือนห้องที่สบายๆ ผ่อนคลาย
หร่วนซือซือเข้ามาในงานพร้อมกับการ์ดเชิญ หลังจากฟังคำแนะนำจากพนักงานแล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
โลกของคนมีตังช่างยากที่จะจินตนาการจริงๆ ใครจะไปรู้ว่าแค่คืนนี้คืนเดียวจะเสียค่าใช้จ่ายมากมายมหาศาลแค่ไหน
ในห้องโถงใหญ่ ผู้คนเริ่มทยอยมากันมากขึ้น ผู้คนแออัดกันมาก และบรรยากาศในงานก็ครึกครื้นมาก
หร่วนซือซือไม่ได้อยู่เฉยๆ เธอเดินรอบๆ เพื่อจะสังเกตบันไดและทางเดินต่างๆ และเธอก็ได้รู้ในสิ่งที่เธออยากรู้
น่าจะใกล้เข้าช่วงเวลาสำคัญแล้ว ถ้าเทียบกับเมื่อกี้ จำนวนผู้คนก็เพิ่มขึ้นไม่น้อย นายท่านตระกูลไป๋ก็ปรากฏตัวแล้ว และท่านกำลังรับคำอวยพรจากทุกคนที่มางานในห้องโถงอยู่
พอคนเยอะ จะหาคนคนหนึ่งก็ลำบาก หร่วนซือซือมองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของอวี้อี่มั่ว
เธอและเขาคุยกันไว้ล่วงหน้าแล้ว ว่าต้องอยู่ในสายตาของกันและกันตลอดเวลา รวมถึงการกระทำของเธอด้วย ต้องได้รับอนุญาตจากเขาก่อนถึงจะลงมือได้เพื่อให้แน่ใจได้มากที่สุดว่าเธอจะปลอดภัย
ในที่เสียงก็มีเสียงดังดังมาจากทางเข้าของห้องโถงและอวี้อี่มั่วก็ปรากฏตัวขึ้นในชุดสูทสีเทาเข้มซึงมีเสน่ห์และดึงดูดสายตาผู้คนได้เป็นจำนวนมาก ด้วยลักษณะรูปร่างของเขาเขามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีออร่าบางอย่างทำให้ผู้คนรอบข้างหลีกทางให้เขาอย่างไม่ได้นัดหมาย
หร่วนซือซือมองชายหนุ่มในฝูงผู้คน เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ คิดไม่ถึงเลยว่าในกลุ่มฝูงคนเยอะแยะมากมายขนาดนี้เขาก็ยังเปล่งประกายและเต็มไปด้วยออร่า ราวกับว่าทุกคนในห้องโถงถูกเขาดึงดูดอย่างไม่รู้ตัว ทำให้เธอไม่ได้มองใครอีกนอกจากเขา
อวี้อี่มั่วพาตู้เยี่ยมาด้วย ทั้งคู่เดินตรงไปหานายท่านตระกูลไป๋ที่อยู่ตรงกลางงาน เมื่อนายท่าตระกูลไป๋สังเกตเห็นผู้มาเยือน ก็ยิ้มขึ้นทันที
อวี้อี่มั่วเดินเข้าไปข้างหน้าและโค้งตัวลงเล็กน้อย และพูดทักทายนายท่านตระกูลไป๋ " คุณลุง ขอให้ท่านอายุยืนยาว และมีชีวิตที่มีความสุขครับ "
ใบหน้าของนายท่านตระกูลไป๋เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขารีบพยักหน้า " ดี ดี นายมาหาลุงได้ ลุงก็มีความสุขแล้ว "
" ผมรู้ว่าคุณลุงมีทุกอยากที่อยากได้อยู่แล้ว ผมเลยหาของขวัญสุดพิเศษมามอบให้คุณลุงครับ "
อวี้อี่มั่วพูดขึ้นพลางมองไปที่ตู้เยี่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ
ตู้เยี่ยเข้าใจ และรีบส่งกล่องในมือให้ท่านทันที
เมื่อสักครูทุกคนก็ต่างมอบของขวัญให้เขาไปบ้างแล้ว พวกหยก ทอง เพชร ต่างๆ สำหรับนายท่านตระกูบไป๋แล้วก็ถือเป็นสิ่งของธรรมดามันไม่ใช่ของหายากสำหรับเขา
ตอนนี้ ทุกคนต่างก็อยากเห็นว่าอวี้อี่มั่วจะมอบของขวัญอะไรให้ท่านกันแน่
นายท่านตระกูลไป๋เปิดกล่องตรงหน้าดู เขามองเพียงแวบเดียว แววตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
ผู้คนที่อยู่รอบข้างคนหนึ่งไม่รู้ว่าเป็นใครพูดขึ้นประโยคหนึ่งว่า " ที่แท้ก็คือเครื่องปั่นดินเผ่ากาน้ำชาโบราณที่ปรมาจารย์จูเมินทำขึ้นเองกับมือนี่เอง! "
พอทุกคนได้ยินแบบนั้น ก็ตะลึง
ทุกคนต่างก็รู้ว่านายท่านตระกูลไป๋ชื่นชอบเครื่องปั้นดินกาน้ำชาเผาโบราณมากๆ และชอบสะสมผลงานของปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียง แต่ผลงานที่ปรมาจารย์จูเมินทำเองกับมือหามาครอบครองได้ยากมาก แค่มีตังอย่างเดียวคงหาซื้อมาได้
เป็นไปตามคาด ใบหน้าของนายท่านตระกูลไป๋เต็มไปด้วยรอยยิ้ม บอกให้ลุกน้องเอากาน้ำชาโบราณไปเก็บไว้อย่างดีที่สุด จากนั้นก็ยิ้มหวานให้อวี้อี่มั่ว " อี่มั่ว ของขวัญที่นายเตรียมให้ฉันฉันชอบมาก "
ด้วยคำพูดไม่กี่คำนั้น ก็ทำให้อวี้อี่มั่วเป็นศูนย์กลางของสายตาผู้คน นายท่านตระกูลไป๋ตึงตัวเขาให้พูดด้วยอย่างไม่ยอมหยุด
หร่วนซือซือที่อยู่นอกฝูงชนทั้งหลาย ก็มองพวกเขาพูดคุยกันอยู่ในระยะไกลๆ แต่ในใจกลับคิดถึงเรื่องการลงมือ
นี่เวลาก็ล่วงเลยมานานมากแล้ว เธอก็ยังไม่เห็นเฉิงลู่เลย แน่นอนว่ามันทำให้เธอไม่สบายใจ
หร่วนซือซือใช้สายตามองหาเฉิงลู่รอบๆ แต่ก็ยังไม่เห็นเธอเหมือนเดิม แต่กลับเจอกับคนสำคัญอีกคนหนึ่ง สวี่เฟิงหมิง
เฉินอวี้เดินอยู่ข้างเขา ทั้งสองเหมือนเป็นคู่สามีภรรยาที่รักกันมาก เขายิ้มทักทายคนข้างๆไปทั่วและดูแล้วเหมือนจะมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันด้วย
แต่เธอได้ยินอวี้อี่มั่วพูดว่า การแต่งงานระหว่างสวี่เฟิงหมิงและเฉินอวี้เหลือเพียงแค่การแต่งงานในนามเท่านั้น หลายปีมานี้ที่สวี่เฟิงหมิงมีชู้ เฉินอวี้ก็จะออกอาละวาดเขาเหมือนคนบ้า
ถ้าคนที่ไม่รู้มาก่อน แค่ดูจากวันนี้ตอนนี้ก็คงคิดไม่ถึงว่าชีวิตส่วนตัวของทั้งคู่จะเป็นแบบนั้น
หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าลึกๆ หันหน้าไปอีกด้านหนึ่ง เดิมทีอยากจะหาตัวเฉิงลู่สักหน่อย แต่ใครจะไปรู้ว่าจู่ๆจะมีเสียงผู้หญิงดังขึ้นจากด้านหลังเธอ
" หร่วนซือซือ เธอเองก็มาหรอ? "
พอเธอหันไปมองก็เห็นเฉิงลู่ที่กำลังเดินตรงเข้ามาหาเธอ เธอใส่ชุดเดรสสีดำ เว้าอก หน้าแกของเธอสั่นไปมาในตอนที่เธอเดินเข้ามา และเธอก็แต่งหน้าหนากว่าปกติมาก
ไม่น่าล่ะเธอหาตัวเฉิงลู่อยู่ตั้งนานก็หาไม่เจอสักที ทีแท้ก็เพราะการแต่งตัวของเธอในวันนี้มันแตกต่างกับวันอื่นจนแทบจะจำเธอไปได้เลยด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นเฉิงลู่ทำท่าทีแปลกใจ หร่วนซือซือก็ยิ้มให้เธอ และพูดขึ้นว่า " สวัสดีค่ะเลขาเฉิงลู่"
เฉิงลู่เดินเข้ามาหาเธอ และกวาดสายตาไปรอบๆตัวเธอ เธอตั้งใจพูดขึ้นว่า " ทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่คนเดียว? "
" ไม่มีใครให้มาด้วยน่ะสิ "หร่วนซือซือหยิบน้ำผลไม้ขึ้นมาและมองไปที่เฉิงลู่ด้วยรอยยิ้ม " เลขาเฉิงลู่เองก็มาคนเดียวไม่ใช่หรอ? "
เฉิงลู่ยิ้มมุมปาก ยิ้มอย่างไม่จริงใจและเธอก็พูดขึ้นว่า " เพื่อนฉันรออยู่ทางด้านนั้น ฉันขอตัวก่อนนะ "
พอพูดจบ เธอก็เดินตรงไปทางด้านนั้นทันที
หร่วนซือซือมองเธอที่เดินออกไป รอยยิ้มของเธอก็ค่อยๆหายไป
ในเวลานี้ ทั้งสองคนต่างก็เล่นละคนตบตากันทั้งนั้น แต่ใครจะเป็นผู้ชนะในตอนท้ายนั้นก็ไม่มีใครอาจรู้ได้