ซุปเปอร์มหาเศรษฐีหน้าใหม่ - ตอนที่ 1067 ไม่ชอบเธอแล้ว
ทว่าไป๋ยี่เฟยกลับยิ้มบางๆ ให้กับทุกคน กล่าวว่า “ช่วยหลิงหลิง”
กล่าวจบ ตัวเขาก็ล้มลงบนพื้นเสียงดัง “ตึ้ง”
ไป๋ยี่เฟยรู้สึกเหนื่อยยิ่ง เหนื่อยเสียจนแม้แต่กะพริบตาก็ยังรู้สึกเหนื่อย
ซึ่งพริบตาที่เขาล้มลงไปนั้น เขามองเห็นคนรอบตัว แต่ละคนล้วนเป็นใบหน้าที่คุ้นเคย โดยใบหน้าของแต่ละคนต่างเผยความร้อนใจกับความกังวลออกมา พร้อมกับพุ่งเข้ามาหาเขา
เข้าล้มลงกับพื้น
ดูเหมือนสลบไปแล้ว แต่เขายังรู้สึกตัว
เขารู้ว่าเขาถูกคนส่งไปรถพยาบาล แล้วส่งไปโรงพยาบาล
เขายังรู้ว่าตนเองถูกพาเข้าห้องผ่าตัด จากนั้นหมอก็ฉีดยาสลบให้เขาเข็มหนึ่ง ภายหลังเขาถึงสูญเสียการรู้สึกตัวไปในที่สุด
……
หมอของโรงพยาบาลโว่หลงที่ทำหน้าที่รักษาไป๋ยี่เฟย เขากล่าวขึ้นด้วยความร้อนใจเต็มใบหน้า “ตอนนี้อวัยวะทั่วร่างของเถ้าแก่กำลังเสื่อมสภาพ หาไม่เจอวิธีที่จะยับยั้งได้ นี่เป็นสภาวะที่พวกเราไม่เคยพบเจอมาก่อน”
ไป๋หยุนเผิงได้ยินคำพูดเหล่านี้ ก็กำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว กำลังพยายามสกัดกั้นอารมณ์ของตัวเองไว้
หมอกล่าวอีกว่า “สภาวะเช่นนี้พบเห็นได้น้อยมาก โรคอื่นๆ ขั้นตอนในการเสื่อมสภาพของอวัยวะเกิดขึ้นรวดเร็วมาก แต่ขั้นตอนของเขาเชื่องช้ามาก ช้าจนถึงขนาดที่ว่าค้นพบไม่ง่าย”
“แต่ว่า……ช้าแค่ไหนก็เป็นการเสื่อมสภาพเช่นกัน”
ไป๋หยุนเผิงขอบตาแดง ถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “งั้นเขา……ยังอยู่ได้อีกนานแค่ไหน?”
“นี่……ผมเองก็ไม่แน่ใจ” หมอส่ายหน้าอย่างจนปัญญา
ไป๋หยุนเผิงไม่สงสัยในคำพูดของหมอเลยสักนิด เพราะเขารู้ชัดเจนดี
นี่คือความพิเศษของสายเลือดตระกูลไป๋ แม้จะเข้าสู่สภาวะระเบิดพลัง สามารถกระตุ้นศักยภาพในร่างกายออกมาได้ในเวลาสั้นๆ จากนั้นความสามารถจะสูงเกินกว่าปกติ
แต่ในความเป็นจริง นี่เป็นการใช้งานร่างกายมากเกินไปรูปแบบหนึ่ง
ไป๋ยี่เฟยเดิมทีควรจะเข้าสู่สภาวะแปรสภาพแล้ว จากนั้นก็ระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง เท่ากับเกินขีดจำกัดมาสองครั้งแล้ว
ไป๋หยุนเผิงไม่กล้าคิดต่อ ไป๋ยี่เฟยฆ่าผู้แข็งแกร่งแห่งแดนเทพยุทธ์คนหนึ่งตาย ท้ายที่สุดแล้วเกินขีดจำกัดไปเท่าไหร่กันแน่?
แต่เขายังคงถามขึ้นมาประโยคหนึ่งอย่างไม่เต็มใจ “ไม่มีหนทางสักนิดแล้วจริงๆ เหรอ?”
“ขอโทษด้วย คุณไป๋” หมอส่ายหน้า มีความโศกเศร้าเต็มใบหน้า “หมอรักษาโรคได้ แต่ยับยั้งการแก่ชราไม่ได้”
“ร่างกายของเถ้าแก่เหมือนร่างกายของคนวัยชราคนหนึ่ง เขากำลังแก่ลงอย่างช้าๆ”
……
นอกห้องคนไข้ของไป๋ยี่เฟย บนระเบียงทางเดินเต็มไปด้วยผู้คน พวกเขาล้วนอยากมาดูว่าไป๋ยี่เฟยเป็นอย่างไรบ้าง แต่ยังคงไม่มีใครเข้าไป แล้วก็ไม่มีใครคิดจะจากไป
เห็นช่นนี้ เฝิงจั๋วก็ออกมาไกล่เกลี่ยว่า “ผมรู้ว่าตอนนี้ทุกคนกังวลกันมาก แต่พวกเราคนมากขนาดนี้มาออกันอยู่ที่นี่ พี่ใหญ่เองก็ไม่แน่ว่าจะฟื้นได้ทันที กลับยังจะกระทบถึงเขาแทน”
“ทุกคนกลับไปกันก่อนเถอะ รอพี่ใหญ่ฟื้นแล้ว อยากมาเยี่ยมพี่ใหญ่ก็สามารถแบ่งกลุ่มมาเยี่ยมได้ จะได้ไม่กระทบการพักฟื้นของพี่ใหญ่”
ได้ยินคำพูดนี้ ทุกคนก็ค่อยๆ แยกย้ายกันไปในที่สุด
……
ไป๋ยี่เฟยฟื้นแล้ว
ตอนเขาฟื้นคนผู้หนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องคนไข้ คนที่ทำให้ไป๋ยี่เฟยคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง
คนนั้นก็คือพ่อของหลิวเสี่ยวอิง หลิวโก๋จง
หลิวโก๋จงนั่งลงข้างเตียงผู้ป่วย เขานั่งหลังเหยียดตรง สีหน้าเองก็เคร่งขรึมมาก
หลังเห็นไป๋ยี่เฟยฟื้นแล้วก็กล่าวขึ้นอย่างราบเรียบว่า “ฟื้นแล้ว?”
ไป๋ยี่เฟยเห็นเช่นนี้ก็คิดจะลุกขึ้นนั่ง แต่พอแขนเขาขยับนิดเดียว ก็เจ็บจนเหงื่อผุดตรงขมับ
หลิวโก๋จงรีบกดเขาไว้พลางพูดว่า “บาดเจ็บหนักขนาดนี้ นอนลงเถอะ”
ไป๋ยี่เฟยเห็นเรื่องราวในใจซับซ้อนเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแปลกใจที่หลิวโก๋จงมาเยี่ยมเขา ที่มากกว่านั้นคือความละอายใจ
“ผมขอโทษ”
หลิวโก๋จงกลัวชะงักไปเล็กน้อย “คุณขอโทษฉันทำไม?”
ไป๋ยี่เฟยมองเขาอย่างละอายใจไม่เอ่ยวาจา
หลิวโก๋จงกลับเข้าใจขึ้นมา จากนั้นก็ถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ฉันต่างหากที่ควรพูดขอโทษ”
“ถ้าไม่ใช่เพราะฉันบีบเธอตอนนั้น ให้เธอไปแก้แค้นให้หลิวเสี่ยวอิง เธอก็คงไม่บาดเจ็บหนักขนาดนี้”
“คุณไม่ผิด” ไป๋ยี่เฟยส่ายหน้าน้อยๆ จากนั้นก็คิดอะไรขึ้นมาได้ รีบถามขึ้นว่า “เสี่ยวอิงกับหลิงหลิงล่ะ? พวกเธอเป็นยังไงบ้าง?”
หลิวโก๋จงบนใบหน้าแสดงออกว่าผ่อนคลายลงบ้างแล้ว “พวกเขาสบายดี แค่ได้รับบาดแผลภายนอกนิดหน่อยเท่านั้น”
ไป๋ยี่เฟยพลันวางใจลงได้
จากนั้นหลิวโก๋จงก็ถอนหายใจออกมาอีก ส่ายหน้ายิ้มขื่นพลางกล่าวว่า “แก่แล้วอย่างที่คิดไว้จริงๆ คนวัยหนุ่มสาวอย่างพวกเธอช่างทำให้คนยิ่งมองก็ยิ่งไม่เข้าใจจริงๆ”
ไป๋ยี่เฟยมองหลิวโก๋จงอย่างประหลาดใจอยู่บ้าง
จู่ๆ หลิวโก๋จงก็แย้มยิ้ม กล่าวกับไป๋ยี่เฟยว่า “ตอนนี้ฉันคิดตกแล้ว”
“ฉันกับแม่ของเสี่ยวอิงเป็นคนค่อนข้างหัวโบราณ รับแนวคิดเหล่านี้ของพวกเธอไม่ได้โดยสิ้นเชิง แต่นานขนาดนี้ มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ฉันเองก็มองเข้าใจแล้วเช่นกัน”
“เธอยอมสู้สุดชีวิตเพื่อเสี่ยวอิง จะว่าไปนี่คือความโชคดีของเสี่ยวอิง”
“ผู้หญิงคนหนึ่งได้พบชายที่ทุ่มเทชีวิตเพื่อเธอ นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีและหาได้ยากมากเพียงใด”
“ฉินคิดว่าเสี่ยวอิงอยู่ด้วยกับเธอ คงจะทำให้พวกเราวางใจมากขึ้น”
ไป๋ยี่เฟยนิ่งไป ถึงกับยากจะเชื่ออยู่บ้าง “คุณลุงหมายความว่า……”
หลิวโก๋จงพูดยิ้มๆ อีกว่า “แม้จะยังไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่มีอะไรให้น่าขัดขวาง เขาบอกแล้ว และขวางไม่ไหว พวกเราก็ไม่ขวาง”
ไป๋ยี่เฟยยืนยันความคิดของหลิวโก๋จงได้เสียที แต่ในใจเขายิ่งไม่สบายใจ
เพราะเขาชัดเจนสภาพร่างกายของตัวเองดี
เขารับรู้ได้ว่าร่างกายตนเองเกินขีดจำกัดแล้ว ไม่รู้ว่ายังจะมีชีวิตได้อีกนานแค่ไหน?
ด้วยเหตุนี้ไป๋ยี่เฟยจึงยิ้มขื่นแล้วส่ายหน้ากล่าวว่า “คุณลุง ขอโทษด้วย ผมคงต้องทำให้คุณผิดหวังแล้ว”
“หมายความว่าอะไร?” หลิวโก๋จงชะงักไป
ไป๋ยี่เฟยปิดบังความกลัดกลุ้มต่อไป จากนั้นก็ยิ้มกล่าวว่า “คุณเข้าใจผิดแล้ว เหตุผลที่ผมไปฆ่าคนตระกูลหวัง เป็นเพราะหลงหลิงหลิง ไม่ใช่เพราะเสี่ยวอิง”
“เธอหมายความว่ายังไงกันแน่?” หลิวโก๋จงสีหน้าพลันขรึมลง
ไป๋ยี่เฟยยิ้มกล่าวอีกว่า “ผู้หญิงของตัวเองถูกคนอื่นแย่งไปเป็นเมีย เรื่องนี้คนเป็นผู้ชายคงทนไม่ได้หรอกมั้ง? ดังนั้นผมจึงต้องแย่งเธอกลับคืนมา”
“ตอนนั้นที่ผมเห็นหวังเจียจุ้นกำลังตีหลิงหลิง ทำใจผมเจ็บปวดเหลือแสน”
“เวลานั้นจู่ๆ ผมถึงรู้ตัวขึ้นมาว่า อันที่จริงผมก็ชอบหลงหลิงหลิง แต่ที่ผมชอบที่สุดคือเมียผมหลี่เสว่”
พูดไปพลาง ไป๋ยี่เฟยก็ยกมือซ้ายของตัวเองออกมา มอบห้านิ้วให้หลิวโก๋จง “เสี่ยวอิงในในผม อยู่ประมาณลำดับที่ห้าล่ะมั้ง”
“แก!” หลิวโก๋จงพลันเดือดดาล เขายืนขึ้นมาตรงไป๋ยี่เฟย “ไอ้สารเลว!”
ไป๋ยี่เฟยสีหน้าเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ “ผมรู้สึกว่าผมดีมาก ผมบอกความจริงคุณให้ คุณไม่ได้บอกว่าทุกอย่างนี้เพื่อเสี่ยวอิง จากนั้นก็ทำให้คุณเกิดความละอายใจต่อผม ไม่ใช่หรือ?”
“ผมยอมรับว่าผมมันเลวมาก ชอบผู้หญิงหลายคน แต่คนอย่างผมเป็นคนจริงใจมาก ผมไม่ได้รังแกคุณ”
“แก!”
หลิวโก๋จงโกรธจนสีหน้าเขียวคล้ำ เขาทนไม่ไหวคว้าปกเสื้อของไป๋ยี่เฟยไว้ ตะคอกด้วยความโกรธว่า “ไอ้สารเลว แกเก่งนักก็พูดอีกครั้งสิ?”
เสียงตะคอกนี้ ทำเอาคนที่อยู่นอกประตูตกใจ
พวกเขารีบผลักห้องคนไข้เปิดอย่างรวดเร็ว เห็นหลิวโก๋จงจับปกเสื้อของไป๋ยี่เฟยไว้ ก็เดินขึ้นหน้ามาลากคนออกไป
“คุณลุง รีบหยุดมือ นี่คุณจะทำอะไร?”
“ตอนนี้ไป๋ยี่เฟยขยับตัวไม่ได้ มีอะไรก็พูดจากันดีๆ”
ทว่าหลิวโก๋จงถูกความโกรธทำให้สูญเสียเหตุผลไป ต่อให้ถูกคนสองคนลากไปข้างหลัง ก็ยังคงยื่นสองมือของเขาออกมา คิดจะไปจับไป๋ยี่เฟย
“ไป๋ยี่เฟย! แกมันไอ้เดรัจฉาน! ไอ้สารเลว! ไอ้หน้าตัวเมีย!”
ไป๋ยี่เฟยกลับยิ้มกล่าวอย่างไม่สนใจว่า “คุณลุง ที่ผมพูดล้วนเป็นความจริง และเป็นคำพูดที่อยู่ในใจของผม ผมเองก็ไม่กลัวคนอื่นรู้เช่นกัน”
“ผมฝากคำพูดไปบอกหลิวเสี่ยวอิงหน่อย บอกกับเธอว่า ผมเบื่อเธอแล้ว ไม่ชอบเธอแล้ว”
หลิวโก๋จงโกรธจนตัวสั่น ถึงขนาดที่ว่าโกรธจนร้องไห้ เขาร้องไห้ไปพลางด่าไปพลาง “ได้เดรัจฉาน! ไอ้หน้าตัวเมียสมควรตาย! กูจะสู้กับมึง!”
เขาดิ้นรนสุดชีวิต สองมือไขว่คว้าอยากจะพุ่งเข้าไป แต่ถูกเฉินห้าวกับจางหัวปินสองคนขวางไว้