ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ (จบบริบูรณ์) - ตอนที่ 656 ขู่ขวัญ
หลงต้านค่อนข้างมีประสบการณ์ในการจัดการสถานการณ์เช่นนี้
เขาฟาดบุรุษสองนายจนสลบไปก่อน จากนั้นถึงเอ่ยถามเจียงซื่อ “นายหญิง ควรจัดการกับพวกเขาอย่างไรดีขอรับ”
ถึงแม้ว่าเจ้าสารเลวสองคนนี้จะน่ารังเกียจมากที่แย่งขากระต่ายย่างของเขาไป แต่ก็ไม่ถึงขนาดต้องลงมือฆ่าอีกฝ่าย เขาไม่ใช่มือสังหารอันโหดเหี้ยมที่ฆ่าคนไม่เลือกหน้าสักหน่อย
เจียงซื่อเดินเข้าไป สังเกตมองชายทั้งสองที่สลบไสล
เมื่อมองดูอย่างละเอียด บุรุษทั้งสองรูปร่างสูงใหญ่ ผิวหยาบเล็กน้อย
“สองคนนี้เป็นคนต่างถิ่น” เจียงซื่อพูดขึ้น
ผู้อาวุโสฮวาไม่ได้เดินตามมา ยืนอยู่ที่เดิม ทว่าเมื่อได้ยินหางคิ้วก็กระตุกเล็กน้อย
หลงต้านก็รู้สึกประหลาดใจ ชี้ไปที่สองคนนั้นแล้วพูดขึ้น “พวกเขาไม่ใช่คนต้าโจวหรือขอรับ”
ไม่เห็นจะแตกต่างกันเลยนี่นา แถมยังพูดภาษาต้าโจวได้อย่างคล่องแคล่วอีกด้วย
พอคิดถึงตรงนี้ หลงต้านก็หันไปมองผู้อาวุโสฮวาอย่างอดไม่ได้
แม่เฒ่าท่านนี้ก็ไม่ใช่คนต้าโจว แต่ถ้าหากไม่รู้ตัวตนนางแต่แรก เขาก็ดูไม่ออกอยู่ดี
เหล่าฉินที่นิ่งเงียบอยู่นานจู่ๆ ก็เอ่ยปากพูดขึ้น “เมื่อครู่ที่เขาตะโกนออกมา ดูเหมือนจะเป็นสำเนียงการพูดของคนเป่ยฉีดินแดนทางเหนือ”
เหล่าฉินชี้ไปยังชายที่ดูมีอายุ
เมื่อครู่ถูกเหล่าฉินสาดข้าวต้มร้อนๆ ใส่ไปชามหนึ่ง ชายผู้นั้นโมโหเป็นอย่างมากจึงพูดโพล่งออกมา
“เป่ยฉีดินแดนทางเหนืองั้นหรือ” หลงต้านลูบคาง นัยน์ตาฉายแววนักฆ่า “ที่นี่คือดินแดนทางใต้ของเมืองหลวง อยู่ดีๆ คนจากอาณาจักรเหนือมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน”
ต้าโจวและเป่ยฉีไม่ได้มีการสู้รบกันอย่างเป็นทางการมานานหลายปีแล้ว จะมีก็แค่ต่อสู้กันเล็กๆ น้อยๆ ในเขตชายแดนเป็นครั้งคราวเท่านั้น
หรืออาจจะพูดได้ว่า คนเป่ยฉีฝ่ายเดียวต่างหากที่มาปล้นชิงชาวบ้านต้าโจวในเขตชายแดน
เป่ยฉีนั้นเป็นชนเผ่าใช้ชีวิตบนหลังม้า ชีวิตยากลำบาก ขาดแคลนทรัพยากร การปล้นชิงอาหาร เสื้อผ้า สิ่งของของคนต้าโจวจึงกลายเป็นทางลัดที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้น
แน่นอนว่ามีการโต้ตอบจากกองกำลังทหารของต้าโจวที่รักษาป้องกันอยู่ทางเหนือ เพียงแต่ว่าคนเป่ยฉีเป็นพวกที่ปล้นแล้วหนี ทำให้รับมือได้ยากและไม่มีวิธีจัดการกับการก่อกวน
หลายปีมานี้ เพียงแค่ไม่เกิดเหตุการณ์ปะทะกันขนาดใหญ่ หรือเกิดขึ้นให้เห็นในสายตา ทหารรักษาการณ์เหล่านี้ล้วนทำเป็นปิดตาข้างหนึ่งกันทั้งนั้น
ในแง่ของการต่อสู้ แต่ไหนแต่ไรมาคนต้าโจวนั้นไม่ได้เก่งเท่ากับคนเป่ยฉี คนเป่ยฉีที่โตมาจากกินเนื้อวัวเนื้อแกะ ดื่มนมวัวนมแพะ แต่ละคนสูงใหญ่แข็งแรง ทักษะการขี่ม้าเยี่ยมยอด
“ร่างกายของเจ้าสองคนนี้ก็ดูสูงใหญ่กว่าบุรุษของต้าโจวจริงๆ เพียงแต่แค่ชายผู้นี้ตะโกนออกมาหนึ่งประโยค ข้ายังไม่ทันฟังรู้เรื่องเลยว่าเขาพูดอะไร เหล่าฉิน เจ้ามั่นใจได้จริงหรือว่าเจ้าสองคนนี้เป็นคนเป่ยฉี” หลงต้านเดินวนรอบชายทั้งสองที่นอนอยู่บนพื้นด้วยความสงสัยและระแวดระวัง
เขาเคยเจรจากับคนหนานหลานมามากมาย ถ้าหากว่าเจ้าสองคนนี้เป็นคนเป่ยฉี เช่นนั้นนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจรจาด้วย
เหล่าฉินนั่งยองๆ ฉีกเสื้อผ้าของชายที่ดูมีอายุออกพร้อมกับเอ่ยขึ้น “ตอนที่ข้ายังหนุ่ม ข้าเคยผลัดเวรรักษาการณ์อยู่ที่ดินแดนทางเหนือ”
หลงต้านนึกถึงความเป็นมาของเหล่าฉินออกทันที ยิ้มพูดขึ้น “ข้าเกือบลืมไปแล้ว เมื่อก่อนเจ้าเป็นถึงแม่ทัพฉินนี่นา”
“แม่ทัพฉินอะไรกัน” เห็นได้ชัดว่าเหล่าฉินไม่อยากจะยกเรื่องในอดีตขึ้นมาพูด ก็เลยจะรีบลงมือ
หลงต้านเห็นท่าจึงรีบเอ่ยห้ามออกไป “เหล่าฉิน นายหญิงอยู่ด้วย เจ้าคิดจะทำอะไรน่ะ”
เหล่าฉินเงยหน้ามองเจียงซื่อแวบหนึ่ง
เขารู้สึกมาโดยตลอดว่าพระชายาอ๋องไม่ได้สนใจคนพวกนี้ เพียงแต่เมื่อได้ยินหลงต้านเอ่ยเตือนเช่นนี้ การถอดเสื้อบุรุษต่อหน้าพระชายาก็ดูไม่ควรจริงๆ
“ต้องการหาอะไรรึเปล่า ไม่ต้องกังวลไป หาได้ตามสบายเลย” เจียงซื่อพูดหน้าตาเฉย
นางดูเป็นพวกที่เห็นชายถูกถอดเสื้อแล้วเขินอายงั้นหรือ อย่ามาล้อเล่นน่า หากมีเวลาเหลือก็รีบทำให้แน่ชัดเสียทีเถอะว่าคนต่างถิ่นสองคนที่ปรากฏตัวอยู่ที่นี่มีจุดประสงค์อะไร
เมื่อได้ยินเจียงซื่อพูดเช่นนี้ เหล่าฉินก็ปล่อยไปตามมือ ไม่นานเสื้อนวมบุฝ้ายของชายผู้นั้นก็ถูกฉีกออก เผยให้เห็นแผงอก
แผงอกที่เปลือยเปล่าของชายผู้นั้นมีขนหนาแน่น ตรงกลางมีรอยสักสีเขียว
เมื่อเหล่าฉินเห็นรอยสักสีเขียวก็พูดออกมาอย่างมั่นใจ “ชายผู้นี้เป็นคนเป่ยฉีอย่างไม่ต้องสงสัย”
เขาพูดไปพลางฉีกเสื้อของชายหนุ่มอีกคนออก ชายอีกคนก็มีรอยสักสีเขียวตรงกลางอกเช่นเดียวกัน
หลงต้านเดินเข้ามาใกล้ด้วยความสงสัย เอ่ยขึ้น “รูปบนหน้าอกชายผู้นี้เป็นรูปหัวหมาป่าสินะ”
เหล่าฉินพยักหน้า “ชายผู้นั้นสักรูปหัวหมาป่า ส่วนคนนี้สักรูปเหยี่ยว หมาป่ากับเหยี่ยวเป็นสัตว์ที่คนเป่ยฉีบูชา เป็นสัญลักษณ์ของกำลังการต่อสู้และเกียรติศักดิ์ บุรุษเป่ยฉีมักจะสักที่หน้าอกเป็นรูปหมาป่าหรือไม่ก็เหยี่ยว นี่นับว่าเป็นสัญลักษณ์ยืนยันตัวตนของพวกเขาได้แล้ว”
เจียงซื่อมองสำรวจอยู่พักหนึ่ง พูดพึมพำออกมา “ทั้งสองปลอมตัวเป็นคนต้าโจว พูดภาษาต้าโจวได้อย่างคล่องแคล่ว มาที่นี่เพื่อจุดประสงค์ใด หลงต้าน เจ้าถามได้หรือไม่”
หลงต้านยิ้ม “นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจรจากับคนเป่ยฉี กระหม่อมจะพยายามให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ว่าทุกคนต้องร่วมมือด้วย”
“ร่วมมืออย่างไร”
หลงต้านกระซิบพูดออกมาสองสามประโยค ทั้งเจียงซื่อและอีกสามคมต่างทำสีหน้าประหลาดใจขึ้นมา
นึกไม่ถึงเลยว่าหลงต้านจะเป็นคนเช่นนี้
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เปลือกตาของชายหนุ่มขยับเล็กน้อย แล้วลืมตาตื่นขึ้นมา
สิ่งที่เห็นก็คือพระพุทธรูปหัก กำแพงในความมืด และมีกลิ่นหอมของเนื้อย่างลอยเข้ามาเตะจมูก
หลังจากงงงวยอยู่ชั่วขณะ ชายหนุ่มรีบหลับตาลงใหม่อีกครั้ง แล้วแอบขยับมือและเท้าเงียบๆ
มือและเท้าไม่ได้ถูกมัดไว้นี่นา!
เจ้าหน้าอ่อนคนนั้นจู่โจมพวกเขาจนสลบไป จากนั้นก็ไม่สนใจแล้วงั้นหรือ
ชายหนุ่มหรี่ตามอง ปรับสายตามองไปที่แสงไฟและกลิ่นหอมที่โชยมา
มีหญิงชรา สตรีนางหนึ่ง ชายมอมแมมและเจ้าหน้าอ่อน
แสงไฟสาดส่องเผยให้เห็นใบหน้าของพวกเขา ทำให้ชายหนุ่มมองเห็นได้อย่างชัดเจน
คนพวกนี้ยังไม่ไปไหน…พวกเขากำลังย่างเนื้อกิน!
เมื่อคิดได้ ความรู้สึกแรกของชายหนุ่มก็คือโมโห
ทำเขากับพี่ใหญ่สลบเหมือดไป ไม่นึกเลยว่าคนเหล่านี้จะทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนนั่งกินเนื้อย่างต่อได้อีก ไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเกินไปแล้วนะ ดูถูกกันเกินไปแล้ว!
เมื่อชายหนุ่มขยับนิ้วมือ กำลังคิดว่าจะลงมือ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงจากทางนั้นสะท้อนมา
เจ้าหน้าอ่อนคนนั้นกำลังพูด “หึ บอกแล้วว่าย่างกระต่ายตัวเดียวมันไม่พอกินสำหรับสี่คน ขนาดจะเอาไปอุดซอกฟันยังไม่พอเลย วันที่หิมะตกหนักเช่นนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าภายในวัดจะมีคนมาส่งให้ถึงหน้าประตู”
ชายหนุ่มตกใจ เมื่อได้ยินก็รู้สึกเย็นวาบในใจ
จากนั้นก็เป็นเสียงของชายมอมแมม “ช่วยตัดหน่อย เนื้อที่ขามันหนา รสชาติแย่”
“ได้สิ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงหยดน้ำมันลงไปในกองไฟดังซู่ซ่า
ชายหนุ่มรู้สึกกังวลขึ้นมาแปลกๆ มองไปทางกองไฟ
บนกองไฟมีเนื้อส่วนขาวางพาดไว้ ขาข้างนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นเนื้อที่ถูกดึงมาจากตรงกลาง เนื้อหนาเตอะที่กำลังถูกย่างโดยชายมอมแมม ผิวเนื้อถูกย่างจนกลายเป็นสีทอง กลิ่นหอมที่รุนแรงลอยโชยมาจากทางนั้น
เจ้าหน้าอ่อนหยิบกริชขึ้นมาจิ้มไปที่เนื้อขาอันหนาเตอะ เอ่ยพูดด้วยความกังวลเล็กน้อย “เสียดายจัง เนื้อขาของชายที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วมันหนาไปหน่อย รสชาติจึงแย่เล็กน้อย”
ชายมอมแมนพลิกเนื้อย่างไปมาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก เอ่ยขึ้น “วันที่หิมะตกหนักขนาดนี้ มีให้กินก็ไม่เลวแล้ว”
เจ้าหน้าอ่อนลูบคาง “ก็จริง อีกทั้งครั้งนี้มาตั้งสองคน หากพวกเราค่อยๆ ย่างกันไปทุกคืนจนกลายเป็นเนื้อแห้ง น่าจะกินได้อีกนาน แต่ว่าข้าจะบอกเจ้าไว้ เนื้อของสตรีและเด็กนั้นอร่อย…”
สีหน้าของชายหนุ่มแข็งทื่อ พอเหลือบมองไปข้างๆ ก็เห็นเพียงรองเท้าข้างหนึ่ง
นั่นเป็นรองเท้าของชายที่มีอายุ
ชายหนุ่มสะดุ้งโหยง เตรียมชักเท้าวิ่ง