ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ (จบบริบูรณ์) - ตอนที่ 649 ข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธ
มีเหตุผลให้ต้องไปอย่างนั้นหรือ
แววตาสงบนิ่งของเจียงซื่อมองตรงไปที่ผู้อาวุโสฮวา รอให้นางบอกเหตุผลที่ทำให้นางต้องไปที่นั่น
ผู้อาวุโสฮวากลับแบมือ บนฝ่ามือของนางมีเหอเปาธรรมดาใบหนึ่ง
ในวินาทีที่เจียงซื่อเห็นเหอเปานั้น สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง นางไม่อาจข่มใจให้สงบนิ่งได้อีกต่อไป “เจ้าไปได้สิ่งนี้มาจากที่ใด”
นางถามพลางเอื้อมมือไปคว้าเหอเปานั้น
ผู้อาวุโสฮวาไม่ได้เคลื่อนไหว นางปล่อยให้เจียงซื่อหยิบเหอเปานั้นไป
นางคว้าเหอเปาสีเขียวใบไผ่มาพลิกดูอย่างถี่ถ้วน เมื่อเห็นรอยเปื้อนสีน้ำตาลเข้มบนเหอเปาที่เย็บอย่างประณีต นางก็รู้ทันทีว่านั่นคือโลหิตที่แห้งไปแล้ว ดวงตาของหญิงสาวแดงระเรื่อ
เหอเปาใบนี้นางเป็นคนมอบให้พี่รองก่อนที่เขาจะเดินทางไปที่แดนใต้
เจียงจั้นไปออกรบ เจียงซื่อไม่อาจวางใจจึงเตรียมหยูกยาสารพันให้เขาพกติดตัวไปด้วย มีทั้งยาห้ามเลือด ยาถอนพิษ ยารักษาโรคไข้จับสั่น…นางคัดสรรทุกอย่างเองกับมือ ยารักษาโรคเหล่านี้เป็นยาที่มีประสิทธิภาพสูง และไม่มีขายตามท้องตลาด
นางแยกยาเหล่านั้นใส่เหอเปาแต่ละใบ เหอเปาสีเขียวใบไผ่บรรจุยาห้ามเลือด
เจียงซื่อรู้จักเจียงจั้นเป็นอย่างดี
ไม่ว่าพี่ใหญ่จะมอบรองเท้า หรือนางจะให้เหอเปา พี่รองก็คงพกติดต่อตลอด เขาไม่มีทางวางทิ้งไว้ที่ไหนอย่างแน่นอน
แต่บัดนี้ เหอเปาที่พี่รองพกติดต่อกลับมาอยู่ในมือของผู้อาวุโสฮวา
ความคิดนี้ทำให้เจียงซื่อสั่นสะท้าน เป็นความสั่นสะท้านที่ตามมาด้วยความโกรธแค้น
สายตาของเจียงซื่อที่ขับประกายเย็นชาประหนึ่งแผ่นน้ำแข็งจ้องเขม็งไปที่ผู้อาวุโสฮวา
แต่ท่าทีของผู้อาวุโสฮวากลับเบาสบาย นางยกมือลูบปอยผมแผ่วเบา และกล่าวเอ่ยเนิบนาบ “คราวนี้พระชายาอยากจะไปแดนใต้กับข้าหรือยัง”
“ข้าขอถามอีกครั้ง ผู้อาวุโสฮวาไปได้เหอเปานี้มาจากที่ใด”
เมื่อสบตาแน่วแน่ของผู้อาวุโสฮวา หัวใจของเจียงซื่อพลันหยุดนิ่ง ความโกรธที่ปะทุออกมาค่อยๆ สงบลง
ยิ่งร้อนใจก็ยิ่งไม่ควรแสดงออกมา จะได้ไม่ตกหลุมพรางของอีกฝ่าย
นางทราบสัจธรรมข้อนี้เป็นอย่างดี เมื่อเป็นเรื่องของพี่ชาย นางย่อมร้อนใจเป็นธรรมดา
นางไม่อาจวางใจสงบ พี่ชายของนางพลีกายในสนามรบ อีกทั้งตอนนี้ยังหาร่างไม่พบ ฉะนั้นแล้วหากเจอเบาะแสแม้เพียงเศษเสี้ยว นางก็จะไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือ
“ก็แค่เหอเปาใบหนึ่ง คงบอกอะไรมากไม่ได้ หากผู้อาวุโสฮวาไม่อธิบาย แล้วคิดหรือว่าข้าจะเดินทางไปที่นั่น” เจียงซื่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบกว่าที่ตั้งใจไว้
นี่ไม่ใช่ความสงบเรียบอย่างแท้จริง แต่เป็นเหมือนความเงียบสงบในขณะที่คลื่นใต้น้ำกำลังปั่นป่วนสุดฤทธิ์ กระแสคลื่นก่อตัวรวมร่างเป็นคลื่นขนาดใหญ่ที่พร้อมจะซัดทำลายทุกสิ่งอย่างที่เข้ามาในวังวนนี้
ผู้อาวุโสฮวาสัมผัสได้ถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ แต่คิดว่าคงไม่ร้ายแรง เพราะเชื่อว่าตนเองวางแผนมาอย่างรอบคอบ
“ได้ยินมาว่าพี่ชายของพระชายาไปร่วมรบที่แดนใต้ และเมื่อไม่นานมานี้ กองทัพต้าโจวได้ปะทะกับกองทัพหนานหลาน เป็นเหตุให้พี่ชายของพระชายาเสียชีวิต แต่จนบัดนี้ยังหาร่างไม่พบ ข้าว่าถูกหรือไม่”
แววตาของเจียงซื่อยังคงเย็นเยียบ แต่น้ำเสียงกลับเย็นชายิ่งกว่า “ในเมืองหลวง ใครต่างก็ทราบเรื่องนี้ทั้งนั้น”
ผู้อาวุโสฮวาหัวเราะ “ข้ายังได้ยินมาอีกว่าเยี่ยนอ๋องลงใต้เพื่อไปหาร่างพี่ชายของพระชายาด้วยตนเอง”
“เรื่องนี้คิดว่าคนอื่นๆ ก็คงทราบ ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสฮวาใคร่จะพูดอะไรกันแน่” เจียงซื่อเริ่มหมดความอดทน
สภาวะถูกคนจูงจมูกเช่นนี้ชวนให้รู้สึกหงุดหงิดใจยิ่งนัก แม้นางอยากจะแสดงออกว่าใกล้จะหมดความอดทนเต็มที แต่นางกลับแสดงท่าทีเฉยเมยกว่าเก่า
ผู้อาวุโสฮวารับรู้ได้ว่าหญิงสาวที่อายุไล่เลี่ยกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งยังหน้าตาละม้ายคล้ายกันเริ่มจะทนไม่ไหว นางจึงกล่าวอย่างสื่อความหมาย “ที่ข้าอยากจะบอกก็คือ…พระชายาคงไม่มีทางเจอร่างของพี่ชาย”
เจียงซื่อหรี่ตา
ผู้อาวุโสฮวากล่าวอย่างมั่นใจว่าอาจิ่นจะไม่พบร่างของพี่รอง และเหอเปาติดตัวของพี่รองยังมาอยู่กับนาง นี่กำลังจะสื่อว่าร่างของพี่รองอยู่ในมือคนอูเหมียวอย่างนั้นหรือ
ในขณะที่เจียงซื่อคาดคะเน มือของนางก็กำหมัดแน่น
“ผู้อาวุโสฮวาหมายความว่าอย่างไร หรือกำลังจะบอกว่าเจ้าเจอร่างของพี่ชายข้าแล้ว” เจียงซื่อพยายามเก็บอารมณ์อย่างถึงที่สุด
แต่ผู้อาวุโสฮวากลับให้คำตอบที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่า “พระชายาไม่คิดบ้างหรือว่าพี่ชายอาจจะยังมีชีวิตอยู่”
ในมุมของผู้อาวุโสฮวาคิดว่า ร่างศพของใครคนหนึ่งไม่อาจรับประกันได้ว่านางจะยอมไปที่อูเหมียว
รูม่านตาของเจียงซื่อขยายกว้าง มือของนางกำแน่นจนเส้นเลือดสีน้ำเงินที่หลังมือปูดโปนเป็นริ้ว เล็บมือจิกแน่นจนโลหิตไหลซึม
“ผู้อาวุโสฮวา เจ้า…พูดจริงงั้นหรือ เจ้าไม่ได้หลอกข้าใช่หรือไม่”
เจียงซื่อถาม ไม่ว่าจะข่มใจนิ่งเพียงใด แต่ขนตากลับสั่นระริก
แต่เพียงชั่วแล่น ท่าทีของนางก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาจนน่ากลัว
นางคิด หากผู้อาวุโสฮวากล้าหลอกนาง นางสาบานเลยว่า นางจะตีหลานสาวของหญิงตรงหน้าจนผู้เป็นยายจำหน้าหลานสาวตัวเองไม่ได้เลยคอยดู
สำหรับเจียงซื่อ เมื่อความโกรธของนางปะทุถึงขีดสุด ต่อให้ต้องใช้เวลาแก้แค้นนานเป็นสิบปี นางก็จะรอ นางจะเอาคืนอย่างสมน้ำสมเนื้อ
ผู้อาวุโสฮวาตระหนักได้ถึงภยันตราย เท้าของนางเผลอก้าวถอย “ข้าต้องทุ่มเทแรงกายตั้งมากมายเพื่อจะได้พบหน้าพระชายา ข้าไม่มีทางทำเพียงเพราะต้องการล้อเล่น”
เจียงซื่อเม้มปากแน่น ไม่เกริ่นกล่าว
นางกลัวว่าหากนางพูดไป นางจะควบคุมคลื่นพายุในตัวไม่ได้อีกต่อไป
พี่รองยังมีชีวิตอยู่!
พี่รองยังมีชีวิตอยู่…ความคิดนี้วนเวียนอยู่ในหัวเหมือนเป็นคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งระลอกแล้วระลอกเล่าจนนางเกือบจะลืมไปว่าตัวเองกำลังอยู่ในวัดร้าง
หลงต้านและอาหมานที่คอยอยู่ด้านนอกไม่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวใดๆ ก็ร้อนใจ
เจียงซื่อและผู้อาวุโสฮวาโต้ตอบไปมาเป็นภาษาที่คนด้านนอกฟังไม่เข้าใจ
“เข้าไปดูหน่อยดีไหม” อาหมานชี้นิ้วไปข้างในพลางกระซิบถาม
หลงต้านพยักหน้าเล็กน้อย และเตรียมจะเข้าไป แต่แล้วก็ได้ยินเสียงของเจียงซื่อ
“พี่รองอยู่ที่อูเหมียว?”
ผู้อาวุโสฮวาผุดยิ้มพร้อมตอบด้วยน้ำเสียงมั่นคง “พระชายาเดินทางไปที่นั่น แล้วพาพี่ชายที่ยังมีลมหายใจกลับมาที่เมืองหลวง ข้อเสนอนี้คู่ควรพอให้พระชายาตอบรับหรือไม่”
เจียงซื่อแทบจะตอบตกลงในทันที
นางไม่ปฏิเสธข้อเสนอนี้ ไม่มีทางปฏิเสธอย่างแน่นอน
แต่สติยังทำให้นางฉุกคิด นางเม้มปากแผ่วเบา “ผู้อาวุโสฮวาต้องตอบคำถามของข้ามาก่อนว่าพี่ชายของข้าอยู่ที่อูเหมียวใช่หรือไม่”
“ใช่” ผู้อาวุโสฮวาไม่ได้ทำไขสือ นางตอบกระชับ
หมัดของเจียงซื่อกำแน่นกว่าเดิม นางสูดลมเข้าปอดแผ่วเบาพลางถาม “หากข้าตอบตกลง ข้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเมื่อข้าทำตามคำขอของเจ้าแล้ว เจ้าจะยอมปล่อยข้าและพี่ชายกลับมาที่เมืองหลวงอย่างปลอดภัย”
ในเมื่อผู้อาวุโสฮวาขอให้นางไปปรากฏตัวในฐานะสตรีศักดิ์สิทธิ์ต่อหน้าคนในเผ่าเพื่อสร้างขวัญกำลังใจ แต่ผู้ใดจะรู้ว่าความโลภของอีกฝ่ายจะมีมากน้อยเพียงใด หากนางรู้สึกว่าครั้งเดียวอาจไม่เพียงพอ อยากให้นางอยู่เป็นหุ่นเชิดของสตรีศักดิ์สิทธิ์ไปชั่วกัปชั่วกัลป์จะทำอย่างไร
ผู้อาวุโสฮวาไม่ทราบว่าเจียงซื่อรู้ว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์เสียชีวิตไปแล้ว
แต่นางพอจะเดาได้ว่าเจียงซื่ออาจถามคำถามนี้ นางจึงเตรียมคำตอบไว้แล้ว “ข้าขอสาบานในนามเทพที่ข้านับถือ ขอแค่พระชายายอมไปปรากฏตัวต่อหน้าคนในเผ่ากับหัวหน้าผู้อาวุโสเพียงครั้งเดียว ข้าจะยอมปล่อยพระชายาและพี่ชายกลับไป พระชายาอาจไม่ทราบว่า แม้คนในเผ่าของข้าไม่ได้เห็นสตรีมานานจนทำให้ความมั่นใจของพวกเขาเริ่มสั่นคลอนก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์จะต้องออกมาปรากฏตัวตลอดเวลา”
เจียงซื่อคลี่ยิ้ม “เช่นนั้นผู้อาวุโสฮวาก็กล่าวสาบานเสียเถิด”
แม้อีกฝ่ายจะเอ่ยคำสาบาน แต่นางก็มิได้เชื่อจนหมดใจ และถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น เจียงซื่อก็ยังต้องไป เพราะนางต้องพาพี่รองกลับมาให้ได้
หลังจากที่ผู้อาวุโสฮวากล่าวคำสาบานเรียบร้อยแล้ว เจียงซื่อก็ดูสงบนิ่งขึ้นมาก “ข้ายังมีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะถาม”
“พระชายาเชิญถามมาได้เลย”
“ผู้อาวุโสฮวาทราบสถานะของข้าได้อย่างไร”