ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ (จบบริบูรณ์) - ตอนที่ 62 จิตวิปริต
ตอนที่ 62 จิตวิปริต
ชายหนุ่มปรี่เข้าไปหาอาเฟย คว้าคอเสื้อพร้อมตะเบ็งด้วยเสียงแหบแห้งว่า “มันโกหก มันโกหก!”
ตัวอาเฟยถูกเขย่าราวกับเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวก็ไม่ปาน อาหารที่กินเข้าไปก่อนหน้านี้แทบจะขย้อนออกมา
ชายหนุ่มผู้นั้นค่อยๆ หยุดการเคลื่อนไหวช้าๆ เขานั่งยองลงกับพื้น มือกุมศีรษะไว้แน่นด้วยท่าทางเจ็บปวดแสนสาหัส
อาเฟยเฝ้ามองชายหนุ่มเพียงครู่หนึ่ง และตัดสินใจเดินจากไปในที่สุด
ขณะที่อาเฟยเดินมาถึงริมทุ่ง ชายผู้นั้นก็กระเด้งตัวขึ้นวิ่งตามมา และมาดักอยู่ข้างหน้าอาเฟย
อาเฟยรู้สึกหวั่นใจขึ้นมาชั่วขณะ
“ผู้นั้นบอกอะไรอีก”
“ไม่มีแล้วขอรับ”
“ไม่มีแล้ว?” เห็นได้ชัดว่าเขารับไม่ได้กับคำตอบนั้น
“ไม่มีแล้วจริงๆ ขอรับ ผู้นั้นสั่งให้ข้ามารอท่านอยู่ที่นี่ เมื่อพบแล้วก็ให้แจ้งตามที่บอก เสร็จธุระข้าก็ไปได้” อาเฟยสารภาพอย่างตรงไปตรงมา
เขาเองก็สงสัยอยู่ไม่น้อยว่า คุณหนูเจียงรู้จักชายเสเพลที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงหลายร้อยลี้ได้อย่างไร ทั้งยังกำชับอีกว่าหากมอบจดหมายให้แล้วเขาหนีไป ก็ให้ตนมารออยู่ที่หลุมศพ
จริงอยู่ที่อาเฟยไม่ใช่คนเขลา และพอมีความเฉลียวฉลาดในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อยู่บ้าง เพราะคลุกคลีอยู่ในเมืองตั้งแต่ยังเล็ก แต่สำหรับเรื่องนี้แล้ว ยิ่งคิดเท่าไหร่ก็ยิ่งมีเรื่องให้ตะลึงงันไม่หยุดหย่อน
คุณหนูเจียงให้เขามาเฝ้ารออยู่ที่นี่ เพราะล่วงรู้ว่าชายผู้นี้จะปลิดชีพตัวเองอย่างนั้นหรือ
อาเฟยสมองตื้อไปชั่วขณะ
คุณหนูเจียงล่วงรู้ได้อย่างไร หรือว่านางมองเห็นอนาคต
ครั้นนึกถึงความเจ็บปวดเกินจะทนทานช่วงกลางดึกในวันก่อนๆ บวกกับเหตุการณ์แปลกประหลาดในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ทำให้อาเฟยได้สัมผัสถึงความหวาดกลัวอย่างสุดซึ้ง
ความหวาดกลัวนั้นไม่ใช่เพียงเพราะชายคลั่งตรงหน้าที่พร้อมจะฆ่าคนได้ทุกเมื่อเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงหญิงสาวผู้มีลักยิ้มงดงามดุจบุปผาซึ่งอยู่ในเมืองหลวงที่ห่างไกลออกไปด้วย
ถึงกระนั้น นอกจากความหวาดกลัวแล้ว อาเฟยก็ยังรู้สึกถึงแรงกระตุ้นบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้
เพราะอย่างไรแล้วเขาก็นับว่าเป็นชายชาตรี ถึงแม้ชาติกำเนิดต่ำต้อย ไม่รู้หนังสือ แต่จะมีชายใดปรารถนาเป็นเช่นนั้นไปชั่วชีวิต
คนอย่างเขา ในสายตาของชนชั้นสูงคงเป็นเพียงชาวไร่ต่ำต้อยทั่วไปเท่านั้น การคาดหวังว่าจะมีขุนนางสูงศักดิ์มาให้ความสนใจคงเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝัน
คุณหนูเจียงเปี่ยมไปด้วยพลังมนต์ขลัง การที่เขามีชะตาได้พบพานกับสตรีผู้น่าพิศวงคนนี้ด้วยความบังเอิญ คงเป็นโชคดีของอาเฟยแล้วกระมัง
คว้าโอกาสนี้ไว้ซะ!
จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นภายในใจของอาเฟย
ในเมื่อคุณหนูเจียงเคยบอกจะให้ร้อยตำลึงตามที่ตกลงไว้ แต่เมื่อถึงเวลาจริงกลับให้เพิ่มอีกร้อยตำลึง นั่นก็แปลว่า ถ้าทำงานตามที่คุณหนูเจียงสั่งอย่างดี คงมีแต่ได้กับได้เป็นแน่
เจียงซื่อซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองหลวงที่ห่างออกไปไม่รู้ตัวเลยว่า หลังจากที่อาเฟยได้เห็น ‘พลังวิเศษในการมองเห็นอนาคตราวกับเป็นเทพเจ้า’ ของนางแล้ว จะเป็นการกระตุ้นความปรารถนาอันแรงกล้าตามสัญชาตญาณชายหนุ่มขึ้นมา หนำซ้ำเงินอีกร้อยตำลึงที่นางมอบให้ยังกลายเป็นขุมพลังชั้นดีของอาเฟยด้วย
คงไม่มีใครทนอยู่กับเจ้านายที่ทั้งใจดำทั้งตระหนี่ถี่เหนียวในเวลาเดียวกันได้
“พี่ชาย ข้าไปล่ะ” อาเฟยหัวเราะแห้งพลางขยับตัวไปด้านข้างเพื่อจะเลี่ยงชายที่ยืนขวางตรงหน้าอย่างระมัดระวัง
เขาที่กำลังจะมีอนาคตที่ดี จะมาติดแหง็กอยู่เช่นนี้คงไม่ได้
เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ตอบโต้ อาเฟยแอบโล่งใจ พลันมุ่งหน้าเดินต่อทันที
เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากทางด้านหลัง อาเฟยจึงหันกลับไปมองต้นเสียงนั้น
“พี่ชาย ท่านจะตามข้ามาทำไมกัน” อาเฟยน้ำตาแทบร่วง
“ข้าจะไปเจอผู้นั้น” ชายหนุ่มเก็บปิ่นทองเข้าไปในอกเสื้อ ล้มเลิกความตั้งใจที่จะปลิดชีพตัวเอง
เพราะแม้จะขึ้นสวรรค์หรือลงนรก ในเมื่อไม่อาจอยู่เคียงคู่คู่หมั้นของตนได้ ความตายก็ไม่ใช่สิ่งดึงดูดใจสำหรับเขาอีกต่อไป
อาเฟยทำหน้าสับสนเต็มประดา
“เจอไม่ได้งั้นหรือ”
“ท่านไม่ได้บอกไว้” อาเฟยเองก็ไม่อาจล่วงรู้แผนการของเจียงซื่อ
หากคุณหนูเจียงมิได้แยแสชายผู้นี้ แล้วจะให้เขามาเฝ้าที่หน้าหลุมศพตั้งหลายวันทำไมกัน
แต่หากสนใจความเป็นความตายของชายผู้นี้จริง เหตุใดจึงฝากมาบอกเพียงแค่ประโยคเดียวล่ะ หรืออาจตั้งใจให้เขาโน้มน้าวชายผู้นี้กันนะ
แท้จริงแล้วเป็นอาเฟยที่คิดมากไปเอง
ในมุมของเจียงซื่อ นางทราบอยู่แล้วว่าชายผู้นี้จะสังเวยชีวิตเพื่อความรัก ส่วนเรื่องการอาลัยถึงรักที่จากไปของเขานั้น นางเป็นเพียงผู้ชมที่เต็มใจจะช่วยเหลือเท่านั้น แต่หากคนหนึ่งมุ่งมั่นว่าจะจบชีวิตตัวเองแล้ว นางคงไม่คาดหวังว่าอาเฟยที่ผอมแห้งแรงน้อยนี้จะรั้งชีวิตเขาไว้ได้
เรื่องแบบนี้ ต่อให้พยายามอย่างสุดความสามารถ สุดท้ายแล้วก็ยังต้องฟังฟ้าลิขิตอยู่ดี
ชีวิตเป็นของชายผู้นั้น ใคร่ตัดสินใจอย่างไรก็สุดแท้แต่ตัวเขานั้นจะเลือก
เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มก้มหน้าก้มตาเดินตามมา อาเฟยจึงได้แต่ถอนหายใจพลางกล่าวว่า “ช่างเถอะ ท่านใคร่จะตามก็ตามมาเถิด แต่ข้าบอกไว้ก่อนนะว่า ผู้นั้นอยู่ในเมืองหลวง..”
เขาหรี่ตาพลางถามแทรกขึ้นว่า “ในเมืองหลวง?”
“ก็ใช่น่ะสิ ไกลนะ จะตามข้าไปจริงๆ งั้นหรือ”
นัยน์ตาชายหนุ่มฉายแววมุ่งมั่น “ไป”
แม้เขาเพิ่งจะฆ่าคนในเมืองหลวงไปคนหนึ่ง แต่นาทีนี้กลับไม่มีความรู้สึกขลาดกลัวเลยสักนิด
ถึงแม้ตอนนี้เขาจะล้มเลิกความตั้งใจที่จะปลิดชีพตัวเอง และไม่ได้คิดแยแสชีวิตนี้อยู่แล้ว เขาเพียงแต่อยากเห็นหน้าบุคคลที่มาชี้ทางสว่างให้เขาเท่านั้น
แต่เมื่อพบแล้วจะทำอย่างไรต่อ ตัวชายหนุ่มเองก็ยังไม่ได้คิดไว้
“แม้ว่าท่านจะเข้าไปในเมืองหลวงแล้ว ก็ไม่แน่ว่าท่านผู้นั้นจะยอมให้พบ” อาเฟยกล่าวเตือน
ผู้นั้นเป็นถึงสตรีสูงศักดิ์ มาคบค้าสมาคมกับคนอย่างเขาก็เป็นเรื่องเกินความคาดหมายแล้ว จะยอมพบชายหนุ่มตรงหน้านี้หรือไม่นั้นก็ยากที่จะบอกได้
ชายหนุ่มมิได้เอ่ยวาจาใดอีก เพียงแต่เดินไปยืนอยู่ข้างอาเฟย
“เอาเถอะ ข้าบอกสิ่งที่ต้องบอกไปหมดแล้ว ตามใจท่านเถอะ”
เด็กหนุ่มวัยรุ่นจอมทะเล้นกับชายสุขุมผู้สงวนวาจาจึงเดินร่วมทางกันไปเช่นนั้น
…
ภายในเมืองหลวงที่เริ่มย่างเข้าเดือนห้า แม้อากาศเริ่มร้อนขึ้น แต่อุณหภูมิก็ไม่ได้สูงอย่างช่วงเดือนหกเดือนเจ็ด จึงเหมาะแก่การจัดงานเลี้ยงในรูปแบบต่างๆ ยิ่งนัก
เหล่าสตรีชั้นสูงในจวนเริ่มสังเกตได้ว่า หมู่นี้ฮูหยินของฉังซิงโหวซื่อจื่อไม่ได้มาร่วมงานเลี้ยงหลายครั้งแล้ว
แต่นี่ก็มิใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด ถูกวิญญาณร้ายเข้าสิงถึงขั้นทำร้ายท่านย่าตัวเอง ใครทำเรื่องเช่นนี้ก็คงไม่มีหน้ากลับไปเป็นแน่
แต่ละวันของเจียงเชี่ยนผ่านไปอย่างลำเค็ญเกินกว่าใครจะจินตนาการได้
ภายในห้องนอนของฮูหยินฉังซิงโหวซื่อจื่ออบอวลไปด้วยบรรยากาศชวนเสียขวัญ
เฉาซิงอวี้ ซื่อจื่อแห่งจวนฉังซิงโหวที่สวมเสื้อคลุมและผูกสายรัดเอวแล้ว ใช้เท้าข้างหนึ่งของเขาเหยียบไปบนหน้าอกของเจียงเชี่ยน พลางถามด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “เรื่องที่ข้าสั่งให้เจ้าทำ เมื่อไหร่จะทำสำเร็จเสียที”
เจียงเชี่ยนที่เรือนร่างไร้อาภรณ์ปกปิด สั่นสะท้านไปทั่วทุกรูขุมขน กัดริมฝีปากพลางเอ่ยว่า “ข้า… ข้ายังไม่ควรกลับจวนของท่านพ่อในยามนี้…”
ท่านย่าเป็นคนเช่นไร นางเองรู้อยู่แก่ใจ ผู้คนในบ้านไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องของนาง เพียงแต่เฝ้าดูความเป็นไปของนางเท่านั้น หากนางกลับไปแล้วถูกขับออกจากบ้านเกิดตัวเอง ก็คงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
เมื่อถึงเวลานั้น สตรีที่ปราศจากการสนับสนุนจากครอบครัวของตัวเอง หนำซ้ำยังไร้บุตรสืบสกุล บ้านสามีที่ไหนจะยังเห็นค่า
“ใครสั่งให้กลับไป ข้าให้เจ้าเชิญมาต่างหาก!” เฉาซิงอวี้ชักเท้ากลับไปพลางบีบคางเจียงเชี่ยน
“นาง…” เจียงเชี่ยนนึกถึงแววตาเย็นชาของเจียงซื่อ ลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง
“ทำไม เชิญไม่ได้?”
เจียงเชี่ยนหวาดกลัว ฝืนใจเอ่ยว่า “ข้าจะไปเชิญมา ท่านคอยสักครู่…”
“ดี เรื่องแค่นี้เจ้าอย่าทำเหมือนคนกำลังจะตาย ข้าแค่อยากดูนางใกล้ๆ มิได้วางแผนจะทำอะไรน้องสาวเจ้าเสียหน่อย” เมื่อได้รับคำตอบที่ต้องการ เฉาซิงอวี้จึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ จัดระเบียบเสื้อคลุมเรียบร้อยแล้วจึงก้าวเท้าออกไปจากห้อง
เจียงเชี่ยนจ้องดูแผ่นหลังของเฉาซิงอวี้ที่เดินจากไปด้วยความรู้สึกสับสนยิ่งนัก
ชายผู้นี้เป็นพวกจิตวิปริต และนางกลายมาเป็นภรรยาของคนจิตวิปริตเสียได้ ชีวิตนางคงไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ