ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 36 เครื่องมือทำงานแบบพกพา (รีไรต์)
- Home
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 36 เครื่องมือทำงานแบบพกพา (รีไรต์)
บทที่ 36 เครื่องมือทำงานแบบพกพา (รีไรต์)
บทที่ 36 เครื่องมือทำงานแบบพกพา (รีไรต์)
“บ้านสั่งทำหนึ่งหลัง เป็นรุ่นครอบครัวหรูหราด้วยเหรอ?” เย่เสี่ยวจิ่นลูบคางพลางดูคู่มือ
บ้านหลังนี้จะปรับเปลี่ยนรูปแบบโดยอัตโนมัติตามสไตล์ท้องถิ่น
ในประเภทสไตล์เดียวกัน จะมีความหรูหราและสบายถึงขีดสุด
เย่เสี่ยวจิ่นพยักหน้าอย่างพอใจ “นี่ก็ดีนะ ถึงยังไงก็ไม่ควรทำให้บ้านของเราดูแปลกแยกจากบ้านคนอื่น ๆ”
การสุ่มห้าครั้งนี้ เย่เสี่ยวจิ่นรู้สึกว่าตัวเองโชคดีสุด ๆ เลย
ตอนนี้แดดยังสดใส
เธอนำเครื่องมือทำงานแบบพกพาทั้งชุดออกมา
หลังบ้านเป็นพื้นที่รกร้างที่มีกอกล้วยอยู่
เธอเตรียมจะบุกเบิกพื้นที่ตรงนั้นเพื่อปลูกต้นบวบ เมื่อต้นบวบเติบโตดีแล้ว ก็สามารถเก็บผลผลิตได้
เย่เสี่ยวจิ่นเริ่มลงมือตัดฟันหญ้ารกด้วยเคียว ก่อนจะเก็บกวาดเศษขยะ
“เคียวเล่มนี้ดูไม่ค่อยคมเท่าไหร่ แต่พอใช้ตัดหญ้าแล้วกลับคมกริบ”
ไม่นานนัก หญ้ารกที่ขึ้นรกรุงรังก็ถูกกำจัดจนราบเรียบ
เย่เสี่ยวจิ่นยืนเท้าเอว หยิบจอบขนาดเล็กขึ้นมา
“จอบอันนี้จับถนัดมือ ยกขึ้นก็เบา”
เธอไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะค่าพลังของเธอเพิ่มขึ้น หรือเพราะจอบอันนี้มันใช้งานได้ดีเป็นพิเศษ
เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง เธอก็พรวนดินผืนเล็ก ๆ เสร็จ
แสงแดดแผดเผาทำให้เธอเหงื่อไหลซึม แต่ร่างกายของเธอยังคงเต็มไปด้วยเรี่ยวแรง
“ใช้ได้เลย เครื่องมือชิ้นนี้ใช้งานสะดวกจริง ๆ” เย่เสี่ยวจิ่นมองจอบเล่มน้อยในมือด้วยความรู้สึกชื่นชม
ระบบตอบกลับเบา ๆ [แน่นอนอยู่แล้ว ก็เครื่องมือยุคนี้มันทั้งหนักทั้งใช้งานยาก เครื่องมือของเราน่ะออกแบบตามหลักกลศาสตร์ ใช้งานง่ายสบายกว่าเยอะ]
เธอสนใจแค่ว่ามันใช้งานได้ดีหรือเปล่าก็พอ
แปลงปลูกบวบก็ใกล้เสร็จแล้ว ปลูกบวบแค่นี้ก็คงกินได้ทั้งฤดูร้อนแล้วละ
เย่จื้อผิงกำลังตากผ้าอยู่ที่บ้าน “จิ่นเป่า ไปเล่นอะไรมา ขาลูกเลอะโคลนไปหมดแล้ว ไปขุดไส้เดือนมาเหรอ”
“ไม่ใช่นะคะ” เย่เสี่ยวจินส่ายหัว “หนูไปบุกเบิกที่ดินมาค่ะ”
“พ่อคะ นี่เครื่องมือทำสวนอันใหม่ของหนู หนูเก็บไว้ตรงนี้นะคะ”
“ถ้าพ่อกับแม่อยากใช้ก็หยิบไปใช้ได้เลย มันทั้งเบาและใช้สะดวกมาก” เย่เสี่ยวจินอดชมไม่ได้
เย่จื้อผิงบิดผ้าผืนสุดท้ายจนแห้งแล้วนำไปแขวนไว้บนราวไม้ไผ่ “จอบเล็ก ๆ กับเคียวเล็ก ๆ พวกนี้ ดูบอบบางจังนะ”
“อย่าว่าแต่ใช้ทำงานเลย คงจะฟันต้นกล้วยให้ขาดยังไม่ได้เลยมั้ง”
เขาเองก็ไม่ได้ถามอะไรต่อว่าของสิ่งนั้นมันได้มาจากที่ไหน เพียงแต่รู้สึกว่ามันเป็นของที่เด็ก ๆ เท่านั้นที่เล่นกันได้
“ไม่ใช่นะคะ พ่อลองใช้ดูสิ แล้วจะรู้ว่ามันดีแค่ไหน”
“ฮ่า ๆๆ จิ่นเป่า ไปดูถั่วลิสงที่ตากแดดไว้หน่อยสิ ว่ามีลูกเจี๊ยบวิ่งไปยุ่มย่ามหรือเปล่า”
เย่เสี่ยวจิ่นกระโดดโลดเต้นออกไป
ลูกเจี๊ยบตัวน้อย ๆ ของเธอนั้นเติบโตแข็งแรงขึ้นมาก หนักกว่าครึ่งชั่งต่อตัวแล้ว
เพียงแต่ช่วงนี้ชอบสร้างความวุ่นวาย พอฟ้ามืดก็ไม่อยากกลับเข้าเล้า
ดื้อจริง ๆ เลย
ส่วนเย่จื้อผิง หลังจากตากผ้าเสร็จ ก็เดินกลับเข้าบ้านโดยใช้ไม้เท้าค้ำ
พอเห็นจอบของเย่เสี่ยวจิ่น เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจขึ้นมา
“ใครกันนะ ทำจอบสวย ๆ แบบนี้มาได้ ดูท่าใช้ทีเดียวก็พังแล้ว”
เย่จื้อผิงพูดพลางหยิบจอบขึ้นมา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามันเบาอย่างประหลาด
แปลกมาก จับถนัดมือดีเสียจริง
เขารู้สึกแปลกใจ ก่อนจะลองใช้มันขุดหญ้าข้างทางดู
เมื่อได้ลองใช้ดูแล้ว เขาก็รู้สึกพอใจขึ้นมาทันที
เย่เสี่ยวจิ่นกำลังจะไปใส่ปุ๋ยบำรุงดินให้กับแปลงบวบของตน
แต่เมื่อวิ่งมาถึงข้างหลัง เธอก็ต้องตกใจสุดขีด
เพราะข้าง ๆ แปลงบวบเล็ก ๆ ของเธอ ถูกใครบางคนมาไถดินจนกว้างกว่าแปลงของเธอเสียอีก!
แม้แต่ต้นกล้วยก็ถูกขุดรากถอนโคนไปจนหมด!
พื้นดินถูกไถอย่างละเอียดละออ มองปราดเดียวก็รู้ว่าถูกพรวนดินอย่างดี
เมื่อเทียบกันแล้ว หลุมที่เย่เสี่ยวจิ่นขุดดูค่อนข้างหยาบ
เย่เสี่ยวจิ่นเกาหัวอย่างงุนงง “นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมแปลกจัง”
เธอแอบขี้เกียจ จึงไม่ได้ไถพรวนที่นี่ทั้งหมด
ทำไมอยู่ดี ๆ มันถึงถูกขุดทั้งหมดแล้วล่ะ?
เธอเห็นเย่จื้อผิงกำลังตัดต้นกล้วยอยู่
มันคือต้นกล้วยป่าไม่กี่ต้นที่อยู่หลังบ้าน
มีดในมือของเขาก็เป็นเครื่องมือเบา ๆ อันหนึ่ง คล้าย ๆ มีดทำครัว
“พ่อคะ…”
เย่จื้อผิงไม่รู้สึกอายแม้แต่น้อย เขาหันกลับมาและพูดด้วยความดีใจ “จิ่นเป่า ชุดเครื่องมือของหนูใช้งานได้ดีจริง ๆ”
“ลูกดูจูเฉ่านี่สิ ตัดเร็ว ตัดง่ายจริง ๆ”
“พ่อถือว่าเบาสบาย ไม่เปลืองแรงเลย ตัดกล้วยไปตั้งสามต้นแล้ว ยังไม่รู้สึกเหนื่อยเลย”
เย่เสี่ยวจิ่นเอียงคอถาม “พ่อบอกว่ามันดูบอบบางไม่ใช่เหรอคะ”
“ดูบอบบางแต่อัดแน่นไปด้วยประสิทธิภาพนะ”
ตอนนี้เย่จื้อผิงก็ตัดต้นกล้วยจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้กองใหญ่แล้ว
ฝ่ายเย่เสี่ยวจิ่นก็เตรียมทำอาหารไก่พอดี
เธอจะเอาต้นกล้วยพวกนี้ไปผสมกับจูเฉ่าริมลำธาร และอาหารไก่แบบเข้มข้น
ในสูตรอาหารไก่ของเธอตอนนี้ อาหารไก่แบบเข้มข้นจะมีสัดส่วนแค่หนึ่งในสี่เท่านั้น
เพราะแบบนี้ ไก่ของเธอถึงออกไข่ได้วันละสองฟองอย่างสม่ำเสมอ
แบบนี้จะสะดวกต่อแม่ไก่เวลาเลี้ยงลูกเจี๊ยบด้วย จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ ‘เหยียบกันตาย’ ขึ้น
เย่เสี่ยวจิ่นเทอาหารไก่ที่เพิ่งทำเสร็จลงในกระบอกไม้ไผ่สำหรับให้อาหารไก่
“จิ๊บ ๆๆ”
ลูกเจี๊ยบจิกกินต้นหญ้าเล็ก ๆ ทั่วบริเวณ จนแถวนั้นไม่มีต้นหญ้าเหลืออยู่เลย
เมื่อเห็นอาหารไก่ พวกมันก็รีบวิ่งมาจิกกิน
“ยี่สิบแปด ยี่สิบเก้า สามสิบ…” เย่เสี่ยวจิ่นนับพลางพยักหน้าด้วยความพอใจ “ไม่มีปัญหา วันนี้ไม่มีลูกเจี๊ยบหายไป”
รวมกับแม่ไก่สองตัว รวมเป็นไก่ทั้งหมดสามสิบสองตัว
ตอนนี้เธอเป็นเหมือนเจ้าของฟาร์มไก่รายใหญ่ของหมู่บ้านไปแล้ว
เสียงจิ๊บ ๆ ของไก่ดังจอแจไปทั่ว
เย่เสี่ยวจิ่นกลับเข้าไปในบ้าน และหาผ้าผืนหนึ่ง
เธอเอาผ้าแช่ในน้ำจนชุ่มโชก จากนั้นหยิบเมล็ดบวบกว่ายี่สิบเมล็ดออกมาจากระบบ
เย่เสี่ยวจิ่นห่อเมล็ดพันธุ์ด้วยผ้า นำไปวางไว้ในที่อุ่น
ความอบอุ่นและชื้นจะช่วยให้เมล็ดงอกได้อย่างรวดเร็ว
เย่จื้อผิงเข้ามาใกล้แล้วถามว่า “จิ่นเป่า นี่เมล็ดอะไรล่ะ”
“เมล็ดบวบ” เย่เสี่ยวจิ่นบอกพลางเม้มปากครุ่นคิด “หนูต้องทำค้างบวบด้วย!”
“ไม่ยากหรอก เดี๋ยวพ่อทำให้เอง” เย่จื้อผิงพูด “จะทำตรงนั้นด้านหลังใช่ไหม”
เย่เสี่ยวจิ่นพยักหน้า
เย่จื้อผิงเดินไปที่ด้านหลังพร้อมกับอุปกรณ์ช่าง
ที่บ้านมีไม้ไผ่มากมาย สามารถใช้ไม้ไผ่เก่าได้
เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรให้ทำแล้ว เย่เสี่ยวจิ่นก็ไปเรียกโจวเหวินรุ่ยให้ไปเก็บลอบดักปลาหนีชิวด้วยกัน
ช่วงนี้พวกเขากำลังประสบแต่เรื่องดี ๆ
โจวเหวินรุ่ยยืนมองบ่อเลี้ยงปลาที่บ้าน
ภายในบ่อมีปลาหนีชิวและปลาไหลอยู่เต็มไปหมด
น่าเสียดายที่พี่ชายของเขามีฝีมือทำอาหารไม่ค่อยดี ทำครั้งล่าสุดรสชาติแปลกประหลาด ตอนนี้ก็ยังคงพยายามฝึกฝนฝีมืออยู่
“รุ่ยเป่า ปลาหนีชิวพวกนี้ต้องรีบกินนะ ไม่อย่างนั้นเลี้ยงไปเลี้ยงมาจะผอมหมด” โจวเซียวอดพูดไม่ได้ “เชื่อพี่เถอะ คืนนี้พี่จะทำให้ดี”
“พี่…” โจวเหวินรุ่ยมองพี่ชายด้วยแววตาเคลือบแคลง “หรือไม่ก็ผมเอาปลาพวกนี้ไปให้จิ่นเป่าดีกว่า แบบนี้ผมจะได้ไปกินข้าวบ้านจิ่นเป่าด้วย”
“พ่อของจิ่นเป่าทำอาหารอร่อยมาก แถมแม่ของเธอก็ใจดีอีกด้วย”
“ผมชอบไปบ้านพวกเขามากกว่า”
โจวเซียวได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนใจ “นี่นายกำลังรังเกียจฝีมือพี่ชายตัวเองงั้นเหรอ พี่ไปขอให้พ่อของจิ่นเป่าสอนทำอาหารก็ได้นี่”
โจวเหวินรุ่ยแสร้งถอนหายใจเหมือนผู้ใหญ่ “พี่ไม่เหมาะกับการทำอาหารหรอก”
ทันทีที่เย่เสี่ยวจิ่นเดินเข้าไปในลานบ้าน ก็ได้ยินเสียงพวกเขากำลังพูดคุยกัน “รุ่ยเป่า ไปหยิบลอบดักปลาหนีชิวกัน!”
“พี่ เราไปกันเถอะ!” โจวเหวินรุ่ยรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที
แต่โจวเซียวกลับเรียกพวกเขาไว้ “พวกเธอสองคนแน่ใจแล้วเหรอว่าจะไปกันเอง?”
“เมื่อคืนฉันไปดูระดับน้ำ เห็นงูเลื้อยเข้าไปในลอบดักปลาหนีชิวอันหนึ่ง ไม่รู้ของใคร”
ทันใดนั้น สีหน้าของเย่เสี่ยวจิ่นและโจวเหวินรุ่ยก็เปลี่ยนไป เหมือนต้นถั่วงอกที่ถูกแรงลมพัด
“จิ่นเป่า ต้องเป็นของเธอแน่ ๆ เธอเอาไปวางไว้ในพุ่มหญ้าเมื่อวาน”