ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย - บทที่ 222 สมาชิกครอบครัวรวมตัวกัน
- Home
- ซาลาเปาตัวน้อย ทะลุมิติมามีระบบทำฟาร์มยุค 70 จนร่ำรวย
- บทที่ 222 สมาชิกครอบครัวรวมตัวกัน
บทที่ 222 สมาชิกครอบครัวรวมตัวกัน
……….
บทที่ 222 สมาชิกครอบครัวรวมตัวกัน
เย่จื้อผิงตั้งใจออกไปข้างนอกบ้าน
เขาเอาของกินไปให้ซุนพ่านตี้จำนวนไม่น้อย และบังเอิญเจอลูกชายของซุนพ่านตี้พอดี ซึ่งก็คือเย่ฝูคัง ลูกพี่ลูกน้องของเขา
เย่ฝูคังกลับบ้านมาคนเดียวด้วยท่าทางอิดโรยโดยที่ภรรยาไม่ได้มาด้วย เขานั่งสบถอยู่ที่หน้าประตู “ยัยผู้หญิงชั้นต่ำคนนี้มันเอาแต่รักสนุก บอกว่าจะไปทำงาน แต่กลับหนีตามผู้ชายไป”
“ฮึ่ม ๆ แถมผู้ชายคนนั้นก็รวยซะด้วย ขี่จักรยานมาเจอฉันตั้งหลายครั้ง”
“แต่ฉันกลับไม่รู้เรื่องชู้สาวของพวกเขาเลย!”
สมัยหนุ่มๆ เย่ฝูคังเป็นคนไม่เอาไหน เอาแต่เล่นการพนัน แต่ปีนี้ภรรยาของเขากลับตั้งครรภ์ เขาทั้งดีใจและตื่นเต้นที่ตนเองจะได้ลูกชาย!
เขามุ่งมั่นที่จะหาเงินทองให้ลูกชาย จะได้ไม่ต้องลำบากเหมือนเขา
แต่ตอนนี้เขาสูญเสียทั้งภรรยาและลูกไปแล้ว
พอนึกถึงเรื่องนี้ น้ำตาก็ไหลอาบแก้ม แล้วแข็งเป็นเกล็ดน้ำแข็ง นึกถึงทีไรก็รู้สึกอับอายและเจ็บใจทุกที
เย่จื้อผิงมองเขาอยู่แบบนั้น “แล้วนายจัดการกับเรื่องนี้ยังไง?”
“ก็หย่าสิ!” เย่ฝูคังขยี้จมูก ตอนนี้เขามีอายุ 35 ปีแล้ว ไม่หลงเหลือเค้าโครงเดิมของวัยหนุ่มอีกต่อไป
แต่เพราะไม่ได้ทำงานหนัก จึงดูอ่อนกว่าวัยต่างจากชาวนาทั่วไป
เขามีรูปร่างผอมบาง สวมเสื้อผ้าตัวใหญ่โคร่ง เหมือนคนที่ทำงานในเมือง
ซุนพ่านตี้มองเย่จื้อผิงด้วยดวงตาฝ้าฟาง ได้แต่ลอบถอนหายใจ
ลูกชายคนนี้คงต้องนอนอยู่บ้านอีกแล้ว นางเลี้ยงดูลูกชายตัวโตๆ แบบนี้ไม่ไหวแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ลูกชายคนนี้ยังอารมณ์ร้อน นางอายุมากแล้ว แค่อยากจะใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบ ไม่ต้องการมีเรื่องให้หงุดหงิด
เย่จื้อผิงมองออกว่าซุนพ่านตี้กำลังกลัดกลุ้มใจ “ในเมื่อตอนนี้นายอยู่คนเดียว ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป ฉันจะช่วยหางานให้นายทำ”
ทันใดนั้น เย่ฝูคังก็ลุกขึ้นจากม้านั่ง เดินเข้าไปจับมือเย่จื้อผิงแล้วเรียกอย่างสนิทสนมว่าพี่ชาย
“พี่ ผมรู้ว่าครอบครัวพี่สบายดี พี่ยังสร้างบ้านหลังใหญ่ให้แม่ผม สภาพแวดล้อมดีขึ้นเยอะเลย ผมซาบซึ้งใจมาก พี่รวยแล้วต้องช่วยเหลือผมด้วยนะ ผมขอแค่ซดน้ำแกงก็พอ”
เย่จื้อผิงเห็นน้องชายพูดจาคล่องแคล่วก็ขมวดคิ้วอย่างจนใจ
น้องชายคนนี้เป็นลูกชายที่พ่อแม่พยายามอย่างยิ่งกว่าจะได้มา
แต่กลับเป็นคนเจ้าเล่ห์
เขาเห็นธาตุแท้ของเย่ฝูคังแล้วว่าถ้ามีเงินหนึ่งส่วนก็จะเอาไปเล่นพนันสองส่วน
เจอคนแบบนี้จริงๆ ต่อให้มีฐานะมากแค่ไหนก็หมดตัวได้
“รอหลังปีใหม่ค่อยว่ากันเถอะ”
เย่ฝูคังดีใจสุดขีด ร้องเชิญญาติผู้พี่กินข้าวเที่ยงด้วยกันอย่างปลื้มปิติ
เย่จื้อผิงรีบกลับบ้านไปฉลองปีใหม่ จึงไม่ได้อยู่ต่อแล้วก็จากไป
เขาหันกลับไปมองแม่ “แม่ ดูแม่สิ แม่นี่แน่จริง ๆ เลยนะ ไปสนิทสนมกับพี่ชายได้อีก”
“บ้านพวกเขาต้องรวยมากแน่ ๆ ไม่งั้นคงไม่มาสร้างบ้านให้แม่โดยไม่มีเหตุผลหรอก”
“คาดว่าเงินในบ้านคงเยอะจนใช้ไม่หมดแน่ ๆ งั้นต้องขอให้เขาช่วยเหลือผมหน่อยแล้ว”
ซุนพ่านตี้ได้ยินคำพูดเนรคุณของเขาก็โกรธจนเจ็บอก “พูดจาเหลวไหลอะไร เย่จวินแค่มาฝึกฝีมือ ถึงได้มาสร้างบ้านที่นี่”
“ไม่เสียแม้แต่เฟินเดียว แค่แลกกันด้วยน้ำใจ”
“แกนี่ไม่มีความรู้สึกสำนึกบุญคุณคนแม้แต่นิดเดียว ยังจะไปจ้องเงินคนอื่นอีก แกนี่มันจริงๆ เลย ฉันสิ้นหวังกับแกแล้ว!”
เย่ฝูคังไม่ได้สนใจคำพูดของแม่ผู้ชราแม้แต่น้อย
ครั้นนึกได้ว่ายังมีเงินไม่กี่หยวนเหลือในกระเป๋า ก็เดินอาดๆ ไปที่ศูนย์กลางหมู่บ้านอันเป็นแหล่งชุมนุมชนเพื่อไปเล่นไพ่
พอเย่จื้อผิงกลับถึงบ้าน ก็ใกล้จะได้เวลาอาหารเย็นแล้ว
“ไปเจอป้าสามมาแล้วเป็นยังไงบ้าง? ลูกชายลูกสะใภ้กลับบ้านหรือยัง?”
เย่จื้อผิงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่นั่นให้หลี่ชุ่ยชุ่ยฟัง “ป้าสามฝากฉันมาบอกกับจิ่นเป่าว่า ที่หมู่บ้านสวีเจียวันบ้านเกิดป้าสาม แต่ก่อนมีแต่คนร่ำรวยอาศัยอยู่ ของดีๆ มีเยอะ”
“ป้าสามเลยบอกว่าถ้าจิ่นเป่าอยากหาของเก่า ให้ลองไปดูที่หมู่บ้านสวีเจียวัน”
เย่เสี่ยวจิ่นรู้เรื่องนี้แล้วก็จดจำไว้ วางแผนว่าหลังพ้นวันที่แปดในเทศกาลปีใหม่ไปแล้วค่อยไปดู
“เฮ้อ…ชีวิตป้าสามนี่เพิ่งจะดีขึ้นมาหน่อย ลูกชายไม่เอาไหนก็กลับมาอีกแล้ว” เย่จื้อผิงถอนหายใจ
หลี่ชุ่ยชุ่ยก็ส่ายหัว “ก็ไม่มีทางเลือกนี่นะ คำโบราณบอกไว้ว่าสันดอนขุดง่ายสันดานขุดยาก คงจะแก้ไม่ได้ไปตลอดชีวิต”
“คุณก็นี่โง่จริงๆ ที่ไปรับปากว่าจะหางานให้เขาทำ”
“คนแบบนี้เหมือนปลิงดูดเลือดในนาข้าว เกาะติดขึ้นมาทีอย่าว่าแต่จะสลัดทิ้งเลย กระทั่งคิดจะสลัดก็ไม่หลุด”
เย่เสี่ยวจิ่นได้ยินดังนั้นก็คิดว่า หากทุกคนล้วนเป็นคนตระกูลเย่ ก็สามารถเรียนรู้ได้เช่นกันไม่ใช่หรือ?
ระบบตอบกลับ [ได้สิ ตราบใดที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับโฮสต์ หรือมีความสัมพันธ์แบบอาจารย์กับศิษย์ ก็สามารถเข้าร่วมโครงการเรียนรู้เพื่อชาติได้!]
เย่เสี่ยวจิ่นยิ้มอย่างมีความสุข
“พ่อเรียกเขามาสิคะ หนูรับประกันว่าจะปรับปรุงเขาให้ดีขึ้นได้”
เย่จื้อผิงขมวดคิ้ว “จิ่นเป่า เขาเป็นนักพนันนะ ลูกอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับคนแบบนี้เชียว”
ด้วยพลังและความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเย่เสี่ยวจิน การสั่งสอนคนเลวเป็นเรื่องง่ายมาก
[ขอแนะนำให้โฮสต์อย่าใช้กำลังในการสั่งสอนนักเรียน เพราะอาจจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่ดี ขอแนะนำให้โฮสต์ใช้วิธีที่อ่อนโยน]
เย่เสี่ยวจิ่นไม่สนใจระบบเลยแม้แต่นิดเดียว
บนโต๊ะอาหารเย็นวันส่งท้ายปีเก่า อาหารรสเลิศมากมายหลายอย่างถูกจัดวางอย่างหรูหราบนโต๊ะ
อย่างที่เย่จื้อผิงเคยพูดไว้ บนโต๊ะอาหารของพวกเขามีหม้อตุ๋นขาหมูด้วย!
ข้างนอกหิมะเริ่มตกหนักแล้ว เกล็ดหิมะร่วงหล่นจากท้องฟ้าราวกับละอองดอกหญ้าที่โปรยปราย
วันนี้เป็นวันแห่งความสุขของครอบครัว หลี่ชุ่ยชุ่ยจึงอุ่นเหล้าด้วยน้ำร้อนเป็นพิเศษ ผู้ใหญ่ในบ้านต่างก็รินเหล้าคนละแก้ว
เย่เสี่ยวจิ่นถือแก้วน้ำผึ้งที่ถูกจัดเตรียมเป็นพิเศษ
ในฐานะหัวหน้าครอบครัว เย่จื้อผิงยกแก้วขึ้น “ปีนี้ครอบครัวของเรามีชีวิตที่ดีขึ้นมาก ก่อนอื่นฐานะทางบ้านของเราก็ดีขึ้น”
“พวกเราไม่ต้องทนหิวอีกต่อไป แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณผลงานของจิ่นเป่า”
“จิ่นเป่าคือดาวนำโชคตัวน้อยของพวกเรา!”
เย่เสี่ยวจิ่นถูกพ่อชม เลยอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
เย่จื้อผิงพูดต่อ “อย่างที่สอง ครอบครัวเรามีหัวหน้าเพิ่มมาสองคน ครอบครัวเราน่ะ สามรุ่นก่อนล้วนเป็นชาวนาธรรมดา นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่เรามีเจ้าหน้าที่รัฐตั้งสองคน”
“แต่ก่อนเจ้าฉางอันคนนี้น่ะไม่เอาไหนเลย พ่อเป็นห่วงมันจะแย่”
“ตอนนี้ดูเหมือนจะเก่งมากเลยนะ ลองไปถามใครดูสิ ใครไม่รู้จักเขาบ้าง เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ดีที่สุดในหมู่บ้านชงเถียนของเรา”
เย่จวินตบบ่าแสดงความดีใจกับน้องชาย แล้วชูนิ้วโป้งให้เขา
เย่ฉางอันหน้าแดงก่ำ “เจ้าหน้าที่รัฐอะไรกันครับ…ผมแค่ทำงานจิปาถะ อย่าชมเกินไปเลย”
เย่จื้อผิงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี มองไปที่เย่จวิน “อย่างที่สาม ในที่สุดเจ้าใหญ่ของบ้านเราก็มีครอบครัวแล้ว แต่งงานกับภรรยาที่ดีและมีความรู้”
“ในที่สุดครอบครัวเราก็มีเรื่องน่ายินดีสักที”
“เสี่ยวเยว่เป็นคนขยันขันแข็ง เจ้าใหญ่ก็ทำเตาเผาอิฐแล้ว ต่อไปนี้ชีวิตของพวกลูกสองคนจะต้องดีขึ้นเรื่อยๆ แน่นอน”
หลิวเยว่และเย่จวินมองหน้ากัน หล่อนจับมือเย่จวินไว้เงียบๆ ใต้โต๊ะ เย่จวินรู้สึกถึงการกระทำของภรรยา มองหล่อนอย่างอ่อนโยน
สุดท้าย เย่จื้อผิงก็มองไปที่เย่หวาย “เรื่องที่สี่ที่น่าดีใจก็คือ ในที่สุดความตั้งใจเรียนรู้ของเสี่ยวหวายก็ไม่สูญเปล่า”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
จิ่นเป่าไม่ต้องเขินหรอก หนูเป็นดาวนำโชคของครอบครัวนี้จริงๆ
ไหหม่า(海馬)
……….