ซวยจริง กลายเป็นสาวน้อยไม่พอยังเจอเหล่าเจ้าหญิงของโรงเรียนมาจีบอีก - ตอนที่ 12
เอาแล้วไง เอาแล้ว ๆ
ตามหลักการของการป้องกันความลับแตกลำดับที่หนึ่ง…. อย่าทำตัวให้เด่นเกินไป
หากเราทำตัวเด่นมากเกินไป คนจะสนใจเราเยอะและมันก็เพิ่มโอกาสที่จะมีคนมาสังเกตความผิดปกติของเรา เพราะฉะนั้นแล้วจงอย่าทำตัวเด่น….. มันได้ซะที่ไหนกันล่ะ
ผมค่อย ๆ เดินอย่างช้า ๆ ด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความกังวลเมื่อทุกสายตาของทั้งโรงเรียนบัดนี้กำลังจดจ้องมาที่ผมอย่างไม่วางตาราวกับมีดาราดังมาปรากฏอยู่ตรงหน้า… ซึ่งอันที่จริงมันก็ใช่ แต่คนที่เป็นดารามันไม่ใช่ผมแต่เป็นสองคนที่อยู่ข้าง ๆ ต่างหาก
ผมเหลือบตามองเด็กสาวทั้งสองที่บัดนี้กำลังเดินขนาบข้างของผมด้วยออร่าอันเจิดจรัสผิดกัยตัวเองที่ตอนนี้กำลังถูกความมืดแห่งความหวาดกลัวเข้าครอบงำ….
แย่แล้ว ๆ นี่ตามกันมาทั้งสองคนเลยเหรอ… แค่คนเดียวก็รับมือยากแล้ว นี่เล่นมาแบบแพคคู่ ผมชักจะเริ่มเห็นความวายวอดที่รออยู่ในอนาคตข้างหน้าแล้วสิ
“เอ่อ… ทั้งสองคนไม่ต้องตามเราก็ได้นะ นี่มันก็เริ่มคาบชมรมแล้วเดี๋ยวจะไปสายเอานะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อย่างที่บอกไปว่าชมรมศิลปะเราเป็นชมรมสบาย ๆ ไม่คิดมาก กับเรื่องสำคัญน่ะ…พวกเขาเข้าใจอยู่แล้วค่ะ”
เด็กสาวผมทองพูดขึ้นมาพลางยิ้มอย่างมั่นอกมั่นใจ ในขณะที่ผมก็ได้แต่ภาวนาว่าไอ้ที่เข้าใจนั้นจะเป็นไปในทางสันติวิธี
“แต่คุณบีมต้องซ้อมไม่ใช่เหรอคะ ไม่รีบไปเข้าชมรมเดี๋ยวก็ขาดซ้อมหรอกนะคะ”
คุณน้ำเหลือบตาไปมองเด็กสาวผมสั้นที่อยู่อีกข้างหนึ่งของผมซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้มีทีท่าอะไรนอกจากยักไหล่แล้วตอบกลับมาแบบยิ้ม ๆ สบาย ๆ
“โทรบอกคนในชมรมแล้วล่ะว่ามีเหตุจำเป็น เพราะฉะนั้นหายห่วง”
เดี๋ยวววว นี่ขาดซ้อมเลยเหรอ ไม่ได้นะคุณบีม นักกีฬามือหนึ่งของโรงเรียนไม่ควรขาดซ้อมนะ
“เอ่อแบบนั้นมันออกจะ….”
ตอนแรกผมก็กำลังจะบอกว่าเกรงใจไป แต่ก็ต้องหยุดลงเมื่อมือของเด็กสาวนักกีฬาเข้ามาคว้ามือเอาไว้
“ไม่ต้องห่วงหรอกฟ้า สำหรับฉัน… การดูแลคนที่เราแคร์น่ะคือเรื่องสำคัญนะ”
อึยยยยยยย
จู่ ๆ คุณเจ้าชายก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนผสมความหล่อกระชากใจพร้อมด้วยประโยคสุดหวานจนทำเอาใจผมเต้นตึกตัก พร้อมกันใบหน้าก็เริ่มรู้สึกร้อนผ่าวแบบเก็บอาการไว้ไม่ได้
“เรื่องนั้นเราเองก็ไม่ต่างกันหรอกนะคะคุณฟ้า… คุณฟ้าน่ะคือคนสำคัญของเรา เพราะฉะนั้นปัญหาของคุณก็คือปัญหาของเราค่ะ”
ไม่ใช่แค่คุณเจ้าชายแต่คุณเจ้าหญิงคนดังของโรงเรียนก็คว้ามือของผมที่ยังว่างอยู่อีกข้างขึ้นมากุมไว้อย่างอ่อนโยน พร้อมกับยิ้มออกมาอย่างอบอุ่นดั่งสายลมยามฤดูใบไม้ผลิจนทำเอาใจที่ว้าวุ่นนั้นสงบลงได้
เมื่อเจอความปรารถนาดีบวกกับคำพูดที่ยากจะปฏิเสธ สุดท้ายผมก็ได้แต่พยักหน้ายินยอมทั้งสองคนไป นั่นยิ่งทำให้ทั้งสองคลี่ยิ้มกว้างออกมา ส่วนผมก็ได้แต่ก้มหน้างุด ๆ พยายามหลบสายตาคนอื่น ๆ ที่จ้องมา
ให้ตายสิ… แบบนี้มันไม่ค่อยจะชินเลย…
“ฟ้ามาโรงเรียนเพิ่งจะอาทิตย์เดียวอาจหลงทางได้ง่าย เดี๋ยวพวกเราเดินนำให้เอง”
เป็นอย่างที่คุณบีมว่า เพราะถึงแม้ผมจะเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้มาเป็นเวลากว่าหนึ่งอาทิตย์ แต่ด้วยความใหญ่ของโรงเรียนที่มีตึกและสนามเรียงรายอยู่มากมายแล้วนั้น มันไม่แปลกเลยที่เราจะหลงทางได้
ก็ต้องขอบคุณที่ทางเจ้าของโรงเรียนนี้เอาตึกเรียนหลัก ๆ มาตั้งไว้อยู่ด้านหน้า ไม่งั้นกว่าจะไปถึงห้องเรียนก็อาจขาลากเข้าเรียนไม่ทันได้
“ว่าแต่คุณฟ้าสนใจชมรมอะไรงั้นเหรอคะ”
นั่นสินะ.. ชมรมมันก็มีอยู่มากแต่ก็น่าเศร้า ไอ้ชมรมที่น่าอยู่ที่สุดอย่างชมรมกลับบ้านดันไม่มีตัวตนอยู่ซะนี่ แบบนี้มันก็เหมือนผมกำลังเดินไปแบบไร้จุดหมาย ซึ่งอันที่จริงแล้วแรกเริ่มที่เดินออกมาก็เพื่อหลบไฟสงครามของทั้งสองคนนี่ล่ะ แต่ใครจะไปคิดว่าจะเล่นเดินตามมาไม่ปล่อยแบบนี้
“เอ่อ…เอาเป็นอะไรที่สงบ ๆ แล้วกัน”
“สงบ ๆ งั้นเหรอคะ งั้นก็คงต้อง…ชมรมวรรณกรรมแล้วกันค่ะ ใกล้ด้วยนะ”
ด้วยความที่เราอยู่บนตึกใหญ่ของโรงเรียนมันจึงอยู่ใกล้ห้องสมุดพอสมควร และข้าง ๆ ห้องสมุดที่ว่าก็มีชมรมวรรณกรรมตั้งอยู่ ก็นับว่าโรงเรียนนี้ใจดีมากที่สร้างห้องชมรมให้นักเรียน เพราะอย่างโรงเรียนเก่าผมนี่ส่วนใหญ่แทบไม่มีที่ให้อยู่ ได้ไปหานั่งม้าหินอ่อนกันเอาดาบหน้า
เมื่อเดินมาถึงห้องของชมรมวรรณกรรม บรรยากาศภายในห้องก็ดูเงียบสงบ มีสมาชิกนั่งอ่านหนังสือหรือเขียนบทกวีอยู่ที่มุมต่าง ๆ ของห้อง บางคนก็กำลังจัดเรียงหนังสือบนชั้นอย่างเป็นระเบียบ ทำให้รู้สึกได้ถึงความผ่อนคลาย
ชมรมวรรณกรรมงั้นเหรอ… เอ มันก็น่าสนใจอยู่นะ ดูทรงแล้วน่าจะแค่นั่งอ่านหนังสือเฉย ๆ ก็น่าจะได้ แถมคนก็ไม่เยอะอีกต่างหาก นี่มันสวรรค์ชัด ๆ
“เอ่อ… ดูสงบดีนะ”
“ก็ใช่ค่ะ เป็นที่ ๆ สงบเพราะอยู่ใกล้ห้องสมุดน่ะค่ะ ขืนเสียงดังขึ้นมาได้โดนคุณบรรณารักษ์ต่อว่าพอดี”
“สนใจเข้าชมรมวรรณกรรมหรือเปล่าจ๊ะ?ถ้าชอบการอ่านล่ะก็ ที่นี่อาจจะเหมาะกับเธอมากเลยล่ะ”
ในตอนนั้นเองก็มีเด็กสาวคนหนึ่งเดินมา เธอนั้นรวบหางม้าอย่างเป็นระเบียบ ใบหน้านั้นดูใจดีและเป็นมิตร ซึ่งดูจากออร่าแล้วนั้น น่าจะเป็นรุ่นพี่มอหก ไม่ก็ประธานชมรมอย่างแน่นอน
“อ๊ะ… เจ้าหญิงแล้วก็เจ้าชาย ถ้างั้นนี่คงเป็นฟ้านักเรียนใหม่สินะ ชมรมวรรณกรรมยินดีต้อนรับนะ”
ขนาดรุ่นพี่มอหกยังรู้จักผมแบบนี้ นี่คงเป็นผลจากการที่มีคุณเจ้าชายและก็เจ้าหญิงของโรงเรียนมาตามติดอย่างแน่นอน ซึ่งนี่นับว่าเป็นเรื่องที่…..ยุ่งยากสุด ๆ
“ว่าไงล่ะ สนใจไหมล่ะจ๊ะ”
“แต่เราไม่ค่อยถนัดวรรณกรรมหรือบทกวีเท่าไหร่นะ”
“วรรณกรรมน่ะ ไม่ได้หมายถึงแค่พวกบทกวีหรือวรรณกรรมคลาสสิคนะ พวกนิยายยุคใหม่หรือหนังสือการ์ตูนก็นับอยู่รวมเหมือนกันนะ”
หนังสือการ์ตูนก็ได้งั้นเหรอ.. ชักน่าสนใจแล้วสิ
“หนังสือการ์ตูนก็ได้งั้นเหรอ”
เพียงแค่ชั่วครู่ที่ผมเริ่มแสดงความสนใจชมรมตรงหน้า ตอนนั้นเองก็ราวกับได้ยินเสียงประกายไฟฟ้าที่ปะทุขึ้นมาจากทั้งสองฝั่ง พร้อมกันออร่าอันน่าหวาดกลัวก็แผ่ออกมาจากทั้งสองคน
“รุ่นพี่ พูดแบบนั้นจะเป็นการโฆษณาเกินจริงไปหน่อยนะ”
“เอ๋ โฆษณาเกินจริง? หมายถึงอะไรเหรอจ๊ะ?”
“ได้ข่าวว่าอาจารย์ที่ปรึกษาน่ะคือครูปกครองสุดโหดไม่ใช่เหรอ รู้ไหมฟ้าว่าครูอภิชนาถที่เป็นที่ปรึกษาของชมรมนี้น่ะ เคร่งสุด ๆ ไปเลยนะ จริงอยู่ที่ชมรมอาจให้ทำได้แต่ว่าถ้าฟ้าจะพักผ่อนแล้วอ่านหนังสือการ์ตูนบ่อย ๆ อาจถูกครูจับตามองเอาได้นะ”
อูยยย ฟังแล้วก็เสียวสันหลังวาบ ๆ ถ้าให้อ่านหนังสือท่ามกลางบรรยากาศแบบนั้นก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ
“แหม อาจารย์ก็ไม่ได้มาบ่อยขนาดนั้นหรอก”
“ถึงจะมาไม่บ่อยแต่ว่ามาทีคนในชมรมก็หนีหายไปกันหลายคนไม่ใช่เหรอคะ”
คุณบีมพูดขึ้นมาทำเอารุ่นพี่ประธานชมรมคิ้วกระตุกหน่อย ๆ ก่อนที่คุณน้ำจะยิ้มออกมาแล้วเสริมต่อ
“อีกอย่าง จะบอกว่าอ่านหนังสือสบาย ๆ ก็ไม่ได้นะคะ เพราะครูอภิชนาถกำหนดให้มีการส่งเรียงความทุกสองอาทิตย์ไม่ใช่เหรอคะ”
“เรื่องนั้น…..”
หา มีงานให้ทำด้วยเหรอ?แบบนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่แล้วสิ
“ไม่ใช่แค่นั้น ได้ข่าวว่าทุกเดือนจะต้องมีไปอ่านเรียงความหน้าเสาธงด้วย แบบนี้คุณฟ้าอาจจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ จริงไหมคะ”
ราวกับรู้ความในใจของผม คุณน้ำกล่าวถูกทุกจุดที่ทำให้ผมไม่อยากเข้าชมรม แต่ว่านี่มันก็ออกจะน่าสงสารรุ่นพี่ที่มาโฆษณาไปหน่อย ตอนนี้แกเริ่มหน้าเสียแล้วดูสิ
ตอนนี้คุณรุ่นพี่เริ่มจะเหงื่อตกเมื่อเจอทั้งสองคนดังของโรงเรียนเริ่มกดดันขึ้นมา ก่อนที่จะถอนหายใจออกมา
“เห้อ… อย่างที่เขาลือกันจริง ๆ สินะเนี่ย…”
ดูเหมือนว่าคุณรุ่นพี่จะเริ่มสัมผัสได้กลิ่นอายของอ่าวไทยและทะเลอันดามันจึงเริ่มถอยหลังทีล่ะนิด ๆ จากนั้นก็ค่อย ๆ เดินกลับเข้าไป
“เอาเถอะ ดูเหมือนว่าน้องอาจจะไม่เหมาะกับที่นี่เท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ขอให้โชคดีนะจ๊ะ น้องฟ้า”
ประตูปิดลงพร้อมกับที่ทั้งสองคนได้ทำการลากผมไปยังเป้าหมายถัดไปทันที แน่นอนว่าแต่ละชมรมที่ไปนั้นก็มีสภาพไม่ค่อยต่างกันกับชมรมวรรณกรรมเท่าไหร่
ชมรมหมากกระดาน
“น้องสนใจเข้าชมรมหมากกระดานไหมจ๊ะ? มีทั้งหมากรุก หมากฮอส โกะ รับรองว่ามีทุกอย่างพร้อมให้น้องเล่นเลย”
“ฟ้า ถ้าเข้าชมรมนี้นะ เธอต้องนั่งอยู่นิ่ง ๆ นาน ๆ เลยนะ บางทีนั่งไปเป็นชั่วโมง ๆ แบบนี้หลังแข็งหมดเลย ฟ้าได้สติแตกก่อนแน่ ๆ”
“เรื่องนั้นมันก็จริง…..”
“ไม่ได้ขนาดนั้นหรอกค่ะ การเล่นหมากกระดานมันก็สนุกนะ แถมยังฝึกสมาธิได้ดีด้วย คนที่เล่นเก่ง ๆ ยังใช้เวลาน้อยมากอีกต่างหาก”
รุ่นพี่พยายามเถียง ทว่าไม่ทันที่จะเถียงอะไรก็เจอคุณน้ำที่รอตบท้ายมาปิดฉากต่อ
“คุณฟ้าเคยบอกว่าไม่ชอบการแข่งขันที่กดดันนี่คะ ได้ข่าวที่นี่จัดแข่งกันตลอด แถมบรรยากาศก็อึดอัดจนมีคนร้องไห้ออกมาด้วย แบบนี้คุณฟ้าที่บอบบางได้เจ็บปวดทางจิตใจอย่างหนักแน่ ๆ ค่ะ”
“เอ่อ…ขนาดนั้นเลยเหรอ”
หมากกระดานมันขนาดนั้นเลยเหรอ
“ค่ะ ขนาดนั้นแหละค่ะ ใช่ไหมล่ะคะ รุ่นพี่”
“เอ่อ ก็มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นอยู่บ้างแต่ก็….อืม เอาเป็นว่าเธออาจไม่เหมาะก็ได้”
จบที่รุ่นพี่ถอยหลังกลับประตูหนีอ่าวไทยไปอีกคน
ชมรมการแสดง
“อ๊ะ นี่ใช่ฟ้ารึเปล่านะ?”
เด็กสาวผู้มีผมยาวตรง รวบไว้ด้านหลังด้วยริบบิ้นสีชมพูเดินเข้ามาหาผม เธอยิ้มอย่างเป็นมิตรและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“เรากำลังหาเพื่อนร่วมชมรมอยู่น่ะ ฟ้าสนใจการแสดงบ้างไหม?ลองมาร่วมสนุกกันได้นะ!”
“การแสดงก็สนุกนะ แต่สำหรับฟ้าที่ไม่ชอบตกเป็นจุดสนใจ คนเยอะ ๆ แบบนี้ ฟ้าอาจจะรู้สึกอึดอัดได้… ใช่ไหมล่ะ?”
คุณบีมทักขึ้นมาก่อนที่มองมาที่ผมด้วยสายตาที่หวงใยนั่นทำเอาผมชะงักไปชั่วขณะพร้อมกันก็เริ่มสวดส่งให้กับ
“นอกจากนี้การแสดงมันต้องมีการฝึกซ้อมบทและทำงานเป็นกลุ่ม ซึ่งถ้าคุณฟ้าพลาดแค่ครั้งเดียว อาจทำให้ทุกคนในกลุ่มต้องเริ่มซ้อมใหม่หมด เราไม่อยากให้คุณฟ้าต้องไปเจอเรื่องแบบนั้นเลยค่ะ”
“เดี๋ยว ๆ อย่าเพิ่งรีบสรุปสิ” รุ่นพี่จากชมรมการแสดงพูดแทรกขึ้น
“ไม่ได้ด่วนสรุปนะ ฟ้าลองคิดดูว่าถ้าได้แสดงฉากรักแล้วต้องจูบกับคนอื่นมันจะเป็นอย่างไร แบบนั้นไม่ไหวใช่ไหมล่ะ”
“แบบนั้นไม่ไหวจริง ๆ ค่ะ มีหมาป่าที่หวังชิงจูบคุณฟ้าหลายคนแน่นอน บางทีอาจเอาการแสดงมาเป็นข้ออ้างในการชิงจูบคุณฟ้าก็ได้นะคะ”
เดี๋ยว ๆ นี่พวกคุณพี่หลอนอะไรมา แล้วนี่มันเหตุผลส่วนตัวชัด ๆ เลยคุณน้ำ ผมเห็นเลย เห็นออร่าของภัยสังคมที่ออกมาจากคุณน้ำน่ะ
ผมคิดพลางมองมือของคุณน้ำที่ตอนนี้เริ่มกุมมือของผมเรื่อย ๆ พร้อมกันก็ลูบไปมาอย่างหวงแหนจนผมถึงกับร้อนวูบวาบไปทั่วตัวชั่วขณะ
“การแสดงไม่ได้มีแค่บทบาทที่ต้องขึ้นเวทีนะ ฟ้าสามารถช่วยงานเบื้องหลังได้ อย่างการจัดแสง จัดฉาก หรือดูแลอุปกรณ์ต่าง ๆ แบบนี้ก็ไม่ต้องเจอความกดดันจากการแสดงตรง ๆ”
“แต่อย่างนั้นคุณฟ้าก็ต้องอยู่ท่ามกลางเสียงที่ดังตลอดเวลา แถมยังต้องวิ่งจัดของหรือทำงานเบื้องหลังจนแทบไม่ได้หยุดพัก คุณฟ้าที่บอบบางน่ะไม่ควรจะต้องทำอะไรแบบนั้นเลยค่ะ”
คุณบีมพยักหน้าเสริมทันที “ใช่เลย ยิ่งช่วงที่ใกล้วันแสดง งานหนักและความเครียดจะยิ่งมากขึ้นอีก เธออาจจะต้องอยู่ดึก ๆ บ่อย ๆ ฟ้าคงจะไม่ชอบเรื่องแบบนี้ใช่ไหมล่ะ? ไม่สิได้ยินมาว่ามีพวกชอบรับน้องให้ทำงานหนักแทนอยู่เหมือนกันนี่”
และรุ่นพี่ก็ถอยหนีอ่าวไทยไปอีกราย
ชมรมดนตรี หรือวงโย
“คุณฟ้าเดินผ่านเถอะค่ะ เข้าทีนี่ไม่ต้องหวังว่าจะมีคาบพักเที่ยงเลยให้พักผ่อนเลยนะคะ เรายังอยากทานข้าวกับคุณฟ้าทุกวันนะคะ”
“ช่วงเทศกาลดนตรีหรือการแข่งขัน ฟ้าต้องฝึกหนักจนบางทีต้องอยู่ซ้อมถึงค่ำมืด แบบนี้เวลาส่วนตัวจะหายไปหมดเลย เราน่ะยังอยากมีเวลากับฟ้านะ”
พูดกันซะขนาดนี้ใครมันจะกล้ามาขัด รุ่นพี่วงโยไม่ทันได้เข้ามาถึงตัวก็เจอสายตาพิฆาตของทั้งสองดันให้หลบกลับไปยังฐานที่มั่นอันปลอดภัยหลังประตูเป็นการหนีทะเลอันดามันไปอีกคน
ชมรมเย็บปักถักร้อย
“ฟ้าจ๊ะ… ชมรมเราไม่อยากมีอันเป็นไปเพราะฉะนั้น..เอ้ย ไม่เหมาะกับฟ้าหรอก เพราะฉะนั้นไปชมรมถัดไปดีกว่านะ”
พลอยที่กลับมาที่ชมรมตัวเองแทบผายมือเชิญผมหลบไปที่อื่นทันทีที่เห็นหน้าผม
และจากนั้นสารพัดชมรมที่เข้ามาชักชวนก็โดนทั้งสองคนยิง..เอ่อ หมายถึงพูดดักหมดซะจนไม่มีใครกล้าจะมาโฆษณาชมรมอะไรต่อ และพวกเราก็มาจบลงที่เดิมนั่นคือการชิงตัวผมกันระหว่างคุณน้ำกับคุณบีม
“อย่างที่บอกแหละค่ะ คุณฟ้าเหมาะกับชมรมศิลปะเราที่สุด รับรองได้ว่าไม่มีปัญหาอะไรให้ฟ้าต้องกังวลแน่นอน”
“ชมรมบาสของเราต่างหาก มีทั้งแชมป์ ทั้งถ้วยอยู่ในมือ จบไปนี่ฟ้าได้ประวัติดี ๆ ตอนสอบเข้ามหาลัยเลยนะ”
“คุณฟ้าไปดูที่ห้องชมรมกับเราเถอะค่ะ รับรองฟ้าต้องถูกใจบรรยากาศแน่”
“ไม่ ฟ้าไปกับฉันที่โรงยิมเถอะ เดี๋ยวพาแนะนำตัวกับโค๊ชให้”
“ไปกับเรานะคะ”
“ไปกับฉันเถอะ”
ทั้งสองคนยังคงเยื่อแย้งกันไปมาจนทำเอาผมเริ่มรู้สึกเวียนหัว ดูท่าหากยืนต่อไปคงได้แขนขาดเพราะแรงดึงของทั้งสองคนแน่… ให้ตายสิ ร่างของฟ้าตัวน้อย ๆ ยิ่งบอบบางอยู่นะ!!!
พออคิดได้แบบนั้นผมก็เลยสลัดทั้งคู่ก่อนวิ่งเข้าไปหลบในห้องตรงหน้าซึ่งมันถูกเขียนไว้ว่า…..
ชมรมข่าวสารบ้านเมือง
ที่ตรงหน้าผมมีเด็กสาวมัดหางม้าสั้น ๆ หน้าตาเต็มไปด้วยความมั่นใจผสมกับความขี้เล่น ดวงตาสีดำของเธอหรี่ลงมาจ้องมองผมจากนั้นปากของเธอได้แสยะยิ้มออกกว้างก่อนที่เธอจะพูดออกมา
“อ้าว ๆ ดูสิใครมา…. แม่ตุ๊กตาคนดังจากห้องสามนี่เอง ชมรมข่าวสารบ้านเมืองยินดีต้อนรับ มาที่นี่เพราะอยากได้ข่าวหรืออยากเข้าร่วมกับเรากันล่ะ”