ช่วยข้าทีสองสามีของข้าคือท่านอ๋องจอมโหด NC25 3P - ตอนที่ 30 ทิ้งนางเอาไว้
เมื่อหนานอิงฟื้นขึ้นมาก็ผ่านพ้นไปจนถึงช่วงเวลาดึกสงัดของอีกวัน
หนานอิงลืมตาขึ้นทั้งยังกลอกตาไปมา รู้สึกว่าเหงื่อของตนเองซึมออกมาที่ช่วงลำคอและไรผม นางขยับกายแต่กลับขยับไม่ได้
เกิดอะไรขึ้น
ร่างกายของนางบัดนี้หนักอึ้ง นางรู้สึกราวกับว่าตนเองกำลังถูกหินสองก้อนใหญ่ทาบทับเอาไว้ แม้ว่าจะพยายามเพียงใดก็ไม่อาจขยับกายได้สำเร็จ
สถานที่แห่งนี้มืดมากแต่กลับไม่หนาวเย็น ยังมีความอบอุ่นที่อยู่รอบร่างกายของนางและดูเหมือนว่ามันจะอบอุ่นเกินไปจนนางรู้สึกร้อน
เอ๊ะ หรือว่า ที่นี่คือ….นรก?
หนานอิงตกใจเป็นอย่างยิ่ง หัวใจเต้นแรงรัว นางตายได้อย่างไร ทั้งยังมีเสียงที่ไม่หนักไม่เบาอยู่ข้างหูทั้งสองข้างของนางอีก
เหมือนจะเป็นเสียงหายใจ หรือจะเป็นเสียงหายใจของภูตผีปีศาจที่อยู่ในนรกแห่งนี้ หนานอิงคิดเตลิดไปไกลแล้ว เสียงที่อยู่ข้างหูของนางหากไม่ตั้งใจฟังก็คล้ายจะไม่มี แต่หากตั้งใจฟังดี ๆ แล้วกลับสัมผัสและยังได้ยินอย่างชัดเจน
แขนของนางไม่อาจขยับเพราะถูกหินก้อนใหญ่ทับอยู่ มันชาไปหมดแล้ว และนิ้วมือของนางทั้งสองข้างบัดนี้กลับเหมือนถูกบางสิ่งบางอย่างรวบรัดเอาไว้แน่นหนา อีกทั้งขาของนางเล่าก็ถูกทาบทับเอาไว้เช่นกัน
หรือว่านางตายแล้วยังถูกลงทัณฑ์ในนรกหรือ?
หนานอิงใคร่ครวญอย่างจริงจัง เมื่อคิดถึงความตายในใจพลันหวาดกลัวอย่างประหลาด หนานอิงกลืนน้ำลายลงคอกลับมีความรู้สึกฝาดขมอยู่ในนั้น หนานอิงลองกลืนน้ำลายอีกครั้งหรือนางถูกจับให้ดื่มน้ำแกงยายเมิ่งจึงจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ได้ว่าตนเองตายเช่นไร
หรือจะหนาวตายใช่หรือไม่ ช่างเป็นสาเหตุการตายที่หนานอิงคิดว่าน่าอนาถโดยแท้ แม้ว่านางเคยคิดอยากจะฆ่าตัวตายแต่ในเมื่อนางตั้งใจจะแก้แค้นแล้วเหตุใดสวรรค์จึงไม่เห็นอกเห็นใจนางเสียบ้าง
หนานอิงขยับกายอีกครั้ง อาการชาไปทั้งตัวทวีความรุนแรงขึ้น ในที่สุดนางก็ไม่อาจทนได้แล้ว
“ข้าทำเรื่องผิดอันใดกันจึงได้ลงโทษข้าเช่นนี้ ท่านยมบาลได้โปรดปล่อยข้าเถิดเจ้าค่ะ แม้ข้าจะตัดขาดจากท่านพ่อของข้าแต่เป็นเขาที่ไม่รับข้าเป็นลูกก่อน ข้าจึงเฉือนเลือดคืนเขา ไม่คิดว่าจะมีความผิดบาปถึงเพียงนี้”
แต่แล้วเสียงเย็นของคนผู้หนึ่งพลันเอ่ยขึ้น
“หากเจ้าไม่หุบปากและไม่เลิกดิ้นไปมาเช่นนี้ เจ้าได้ไปพบยมบาลจริง ๆ เป็นแน่”
หัวใจของหนานอิงแทบจะหลุดออกจากอกด้วยความตกใจ แน่นอนว่านางหุบปากทันใด ภายใต้ความมืดมิดนี้ดูเหมือนว่าเหงื่อร้อนของนางจะเริ่มซึมออกมาจนชื้นหลัง เสียงเมื่อสักครู่ที่ดังขึ้นเป็นเสียงของยมทูตใช่หรือไม่
นรกแห่งนี้ช่างร้อนเหลือเกิน ร้อนจนเหงื่อซึมเต็มหลังนางไปหมดแล้ว
หนานอิงนิ่งเงียบพยายามไม่ส่งเสียงจนกระทั่งผ่านมาราวก้านธูป นางในตอนนี้เริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่กำลังเกิดขึ้น
นางปวดปัสสาวะ!!!
บ้าจริงไยตายแล้วต้องปวดปัสสาวะอีก แล้วนางจะทำเช่นไร ในแดนนรกมีที่ปลดปล่อยหรือไม่ หรือนางสามารถปลดทุกข์ตรงนี้ได้เลย
นางครุ่นคิดไปมาอยู่เช่นนั้น จวบจนกระทั่งรู้สึกว่าไม่ไหวแล้วเมื่อหินก้อนใหญ่ก้อนนั้นยังทาบทับลงมาช่วงหน้าท้องของนางอีก
หนานอิงเริ่มขยับตัวและข่มใจให้สงบ เอ่ยออกมาด้วยเสียงขลาดเขลา
“ท่านยมทูตที่นรกแห่งนี้มีห้องปลดทุกข์หรือไม่”
เมื่อหนานอิงทำใจกล้าเอ่ยคำนี้ออกมาดูเหมือนว่าหินก้อนใหญ่ที่กำลังทับร่างของนางอยู่นั้นพลันขยับออกราวปาฏิหาริย์ หรือว่านี่คือสัญญาณลับในการปลดปล่อยคนจากขุมนรก หนานอิงจึงลองพูดคำนี้อีกครั้ง
“ข้าปวดปัสสาวะมีที่ให้ปลดทุกข์หรือไม่”
ครานี้นอกจากหินสองก้อนจะเคลื่อนห่างนางแล้ว หนานอิงยังได้ยินวาจาที่แสนจะน่ากลัวดังขึ้น
“หากเจ้าพูดอีกคำเดียว ข้าได้จับเจ้าโยนให้สุนัขป่ากินแน่”
หนานอิงในใจตระหนกวาบ แย่แล้วที่นี่หาใช่ปรโลกแต่มันเลวร้ายยิ่งกว่าเสียอีก นางยังนิ่งงันลืมว่าตนเองนั้นปวดปัสสาวะจนทนไม่ไหวเพียงใด
หัวใจของหนานอิงบัดนี้คล้ายกับกำลังถูกจับแขวนเอาไว้บนขื่อขึ้นมาทันใด เมื่อเริ่มตระหนักได้ว่าน้ำเสียงนั้นเป็นของผู้ใด นางอยู่กับพวกเขามานานเพียงนี้พบเจอหน้ากันทุกวัน เหตุใดนางจึงได้ลืมน้ำเสียงชั่วร้ายนี้ไปได้
กระทั่งหานเซียวเอ่ยด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวเพราะโดนปลุกกลางดึกด้วยสาเหตุที่ไร้สาระที่สุด ทั้งที่เขากำลังหลับอย่างมีความสุขโดยมีร่างนุ่มนิ่มของนางให้กอดอยู่แท้ ๆ
“จะไปไหนก็รีบไปเสีย แล้วให้รีบกลับมาอย่าชักช้า”
ลู่หนิงหวังที่นอนอยู่ด้านนอกขยับกายหลีกทางนางแม้ว่าหนานอิงจะมองไม่เห็นพวกเขา ในยามที่สติกลับมาก็ย่อมจำเสียงคนทั้งสองได้เป็นอย่างดี
นางสัมผัสได้ถึงสายตาที่เย็นเยียบของพวกเขา หัวใจของหนานอิงคล้ายถูกแช่แข็งไปแล้ว นางหวาดกลัวจนไม่กล้าขยับ
และด้วยความกรุณาอย่างล้นเหลือหรือความรำคาญอย่างที่สุดของลู่หนิงหวัง หนานอิงพลันถูกเขาผลักให้ลงจากเตียง เพียงขาของนางก้าวลงไปก็ทรุดลงตรงนั้น
แน่นอนว่าด้วยสาเหตุอีกประการหนึ่งที่เพิ่มขึ้นมา นางถูกคนทั้งสองทาบทับร่างกายนานจนเกินไปและอากาศที่เย็นเหลือแสนหลังจากไร้ไออุ่นของพวกเขาแล้วก็ทำให้นางเกิดอาการตะคริวกินขาขึ้นมาอย่างฉับพลัน
หานเซียวพ่นลมออกจากปากเมื่อเห็นนางยังนั่งอยู่เช่นนั้น
“เหตุใดยังไม่ไปอีก”
หนานอิงกัดปากทั้งข่มความอายของตนเองทั้งไม่รู้ต้องทำเช่นใด เมื่อร่างกายต้องการปลดทุกข์ในยามนี้จริง ๆ และสิ่งที่ทำให้หนานอิงอยากจะไปพบยมบาลจริง ๆ ในครานี้คือนางเพิ่งรู้ว่าตนเองไม่ได้สวมสิ่งใดติดกายเลย
“ข้าเป็นตะคริวเจ้าค่ะ และข้า ๆ ไม่มี”
“ตัวปัญหา”
หานเซียวบ่นเสียงดัง แต่กลับขยับตัวด้วยความคล่องแคล่วเดินไปจุดตะเกียงเพลิง เสียงลมข้างนอกพัดแรงยิ่งหิมะกำลังตกลงมาอย่างหนัก
แสงสว่างที่เกิดขึ้นทำให้มองเห็นร่างของหนานอิงที่ไร้อาภรณ์กองอยู่ตรงนั้น ผิวขาวดุจหิมะแต่ละเอียดเกลี้ยงเกลาทั้งยังอ่อนนุ่ม ใบหน้าแดงก่ำผมยาวดำขลับกำลังไต่ไล้เรือนร่างงดงามของนางอย่างน่าอิจฉา
หนานอิงอับอายจนอยากตายอีกครั้ง เพียงแต่ว่าในตอนนี้นางไม่อาจตายได้ ทั้งคิดได้ว่าในยามที่นางสลบไปนั้นพวกเขาทั้งสองคนได้เห็นนางจนไม่เหลือส่วนใดให้อับอายแล้ว
นางยังถูกพวกเขาทั้งคู่กกกอดอยู่บนเตียงเดียวกัน จะให้นางคิดสิ่งใดได้อีก นางจะร้องขอสิ่งใดจากสวรรค์ได้อีก ทั้งศักดิ์ศรีที่ของนางก็ย่อยยับไปตั้งแต่นางถูกโจรร้ายจับตัวไปแล้ว
ความบริสุทธิ์ของนางก็ถูกโจรย่ำยีไปแล้ว นางยังจะหวังให้ผู้ใดเห็นค่าอีก
ลู่หนิงหวังและหานเซียวจ้องนางนิ่งงัน ยิ่งเห็นก็ยิ่งรู้สึกว่านางงดงามทั้งนุ่มนวล ดวงตากลมโตดำสนิทงดงามยิ่งจ้องมองก็ยิ่งให้ความรู้สึกคล้ายจะถูกนางดูดเข้าไปในนั้น
และแล้วสิ่งที่คนทั้งสองทำเกือบจะพร้อมกันคือ รีบเบนสายตาออกไปทางอื่นเสียลู่หนิงหวังลุกขึ้นจากเตียงว่องไวกว่าเขาคว้าเสื้อคลุมของเขาที่พาดอยู่บนราวไม้คลุมเข้าไปที่ร่างของหนานอิง ไม่ปล่อยให้นางผู้นี้ล่อลวงเขาได้อีกต่อไป
หนานอิงยังลุกไม่ขึ้น อาการตะคริวยังมีอยู่แต่นางก็เกินจะทนไหวแล้วสุดท้ายจึงได้ตะโกนออกมา
“หากพวกท่านไม่พาข้าออกไป ข้าคงต้องปลดทุกข์ตรงนี้แล้ว ขอเสื้อผ้าของข้าได้โปรดเถิด”
นี่คือความอัปยศครั้งใหญ่ในชีวิตคุณหนูในห้องหอของนาง หนานอิงคิดว่าจบแล้ว จบสิ้นกันที่นี่คงเป็นสัญญาณการเริ่มต้นชีวิตที่สองของนางกระมัง
ไม่มีแล้วคุณหนูหนานอิงผู้เก่งกาจเชี่ยวชาญเรื่องเครื่องหอมอันดับหนึ่งจากสกุลหนาน
ต่อไปนี้มีเพียงหนานอิงคนไร้ชื่อที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อแก้แค้นให้มารดา ถึงจะอับอายเพียงใดนางก็ต้องข่มกลั้นเอาไว้ เป็นครั้งแรกที่นางกล้าตะโกนต่อหน้าพวกเขา
“หากพวกท่านชักช้าข้าจะปลดทุกข์ตรงนี้ให้พวกท่านดู”
ว่องไวดั่งคำพูด เมื่อหานเซียวบัดนี้ถือตะเกียงเดินนำออกมาจากกระท่อมโดยมีลู่หนิงหวังอุ้มหนานอิงออกมาทั้งยังมีเสื้อคลุมของเขาคลุมร่างที่เปล่าเปลือยของนางเอาไว้ เขายังมีน้ำใจอันประเสริฐช่วยใส่รองเท้าให้นางอีกด้วย
หนานอิงต้องอ้าปากค้างอีกครั้ง เมื่อพบว่าด้านนอกหิมะกำลังตกลงมาอย่างหนักอีกทั้งพื้นดินยังเต็มไปด้วยหิมะถมสูง นางยิ่งรู้สึกปวดเกร็งที่ช่วงท้อง ทั้งยังพูดออกมาด้วยความอับอาย
“ท่านทั้งสองเช่นนี้จะฝ่าไปได้อย่างไร ข้าปวดปัสสาวะมากจนทนไม่ไหวแล้ว”
ลู่หนิงหวังมองหนานอิงอย่างเย็นชา เขายกมุมปากขึ้นแล้วเอ่ยว่า
“เจ้าจะกลัวไปไย ไม่รู้หรอกหรือว่าข้าสองคนเป็นผู้ใด”
หานเซียวหันหน้ามาพร้อมทั้งตะเกียงในมือ แสงสว่างนั้นดูอ่อนนุ่มเมื่อกระทบใบหน้าหล่อเหลาของเขาช่วยทำให้ใบหน้าที่แสนเย็นชาอยู่เสมอดูอ่อนโยนลงไม่น้อย
“สตรีหน้าโง่เช่นเจ้าไม่รู้เลยหรือว่าเจ้าโชคดีเพียงใดที่ได้อยู่กับยอดฝีมือเช่นข้าทั้งสอง คอยดูเถิดแล้วอย่าเลื่อมใสจนตกหลุมรักข้าเข้า ข้าขอเตือนเอาไว้ด้วยกลัวว่าเจ้าจะพบความผิดหวังเอาได้”
ไม่รอให้นางได้พูดต่อหานเซียวที่ดูภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งก็โฉบขึ้นเหนือท้องฟ้า ตามด้วยลู่หนิงหวังที่อุ้มนางอยู่ บุรุษทั้งคู่ยังกระโดดลงบนพื้นหิมะโดยไม่ทิ้งรอยเท้าเอาไว้
พลังภายในของลู่หนิงหวังและหานเซียวเก่งกล้าจนหนานอิงตกตะลึง สมแล้วที่เป็นยอดฝีมือดั่งที่หานเซียวคุยโวเอาไว้
หนานอิงอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกเหมือนตนเองบินได้เหมือนนก และเป็นการบินโดยมียอดฝีมือทั้งสองช่วยเหลือ
ผู้หนึ่งถือตะเกียงนำทางอีกผู้หนึ่งอุ้มนางเหินบินจวบจนกระทั่งมาถึงห้องปลดทุกข์ที่พรานป่าทำเอาไว้อย่างง่าย ๆ ด้านหลังลานฝึกดาบของเขา
เมื่อมาถึงลู่หนิงหวังวางนางลงกับพื้นใบหน้าของเขายังเชิดขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง ในขณะที่หานเซียวยืดอกองอาจคล้ายจะถามนางว่าเจ้าเห็นพวกข้าหรือไม่ว่าเก่งกาจเพียงใด
หนานอิงเหยียบที่พื้นเป็นเพราะว่าปวดจนเกินทนไม่ไหวแล้ว นางจึงไม่ได้กล่าวขอบคุณเมื่อรับตะเกียงจากหานเซียว ก็ก้าวเท้าว่องไว ด้วยความต้องการปลดปล่อยหนานอิงในบัดนี้ลืมแม้กระทั่งอาการชาที่ขาของตนเอง
หนานอิงได้ยินเสียงของหานเซียวล่องลอยมาตามลม
“แม้แต่คำขอบคุณนางยังไม่มีให้ สตรีผู้นี้สมควรถูกปล่อยทิ้งนัก”
หนานอิงตกใจยิ่งกลัวจะถูกทิ้งให้อยู่ลำพัง บริเวณนี้มืดมากและหิมะยังตกอีกด้วยหากนางเดินฝ่าหิมะกลับไปเองจนถึงเรือนเก็บฟืนของนางด้วยเรี่ยวแรงในตอนนี้คิดว่านางอาจจะไม่รอดแล้ว
หนานอิงทำธุระเสร็จจึงรีบออกมาทันใด แต่แล้วนางต้องน้ำตาตกในเมื่อไม่เห็นร่างของหานเซียวและลู่หนิงหวังรอนางอยู่ข้างนอก พวกเขาหายไปแล้วและทิ้งนางเอาไว้จริง ๆ
หนานอิงแทบเข่าทรุดคิดในใจว่า
คนเลว อย่างไรก็ยังเป็นคนเลวไม่มีทางเป็นคนดีได้เป็นอันขาด ลู่หนิงหวัง หานเซียว ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะเอาชนะพวกเจ้าไม่ได้ คอยดูเถิด