ช่วยข้าทีสองสามีของข้าคือท่านอ๋องจอมโหด NC25 3P - ตอนที่ 27 ลุกขึ้นสู้
พระจันทร์ลอยขึ้นสูงหนานอิงยังคงนั่งคุกเข่าอยู่หน้ากระท่อม นางไม่แม้แต่ขยับทั้งที่ขาทั้งสองข้างชาจนทรมานไปหมด นี่คือจุดเริ่มต้นของเส้นทางที่นางเลือก
การแก้แค้น
อย่างที่ลู่หนิงหวังบอกว่านางช่างโง่งม อย่างที่หานเซียวบอกว่านางช่างอ่อนแอแม้แต่จะฆ่าตัวตายยังไม่มีปัญญา หากนางคิดจะแก้แค้น หากนางคิดจะสังหารคนนางต้องแข็งแกร่งกว่านี้ แข็งแกร่งกว่าที่นางเคยคิดเอาไว้
สุดท้ายแล้วเส้นทางนี้จะสิ้นสุดที่ตรงไหนหนานอิงก็ยอมรับแล้ว นางอาจจะตายก่อนได้แก้แค้นด้วยซ้ำ แต่อย่างน้อยนางก็ได้พยายามจนสุดความสามารถแล้ว
เช่นนี้นางก็จะสามารถไปคุกเข่าในปรโลกและมองหน้าท่านแม่ได้อย่างไม่ละอายอีกต่อไป
“ท่านอ๋องนางนั่งอยู่ตรงนั้นมาหลายชั่วยามแล้วนะขอรับ”
อ้ายเจิงเดินไปมาอย่างกระวนกระวายใจ เขาเองเป็นพวกจิตใจอ่อนแอยิ่งเกี่ยวกับสตรีผู้มีใบหน้างดงามด้วยแล้วอ้ายเจิงยิ่งอาการย่ำแย่ แต่ดูเหมือนท่านอ๋องทั้งสองจะไม่สนใจสิ่งใดนอกจากอาหารที่วางอยู่หน้าโต๊ะ
ทั้งสองมีความคิดเห็นที่ตรงกันเป็นอย่างยิ่ง
ไร้รสชาติสิ้นดี
แต่เดิมก่อนที่จะได้ลิ้มรสชาติของอาหารที่หนานอิงทำ ฝีมือของท่านตานายพรานผู้นี้ก็ยังพอที่จะยัดลงท้องได้ แต่หลังจากได้ลิ้มลองรสมือของสตรีผู้นั้นแล้ว อาหารที่อยู่ตรงหน้าในยามนี้ล้วนยากที่จะยัดลงท้องเสียจริง ทั้งรูปร่างหน้าตาของสิ่งนี้ก็ยากเกินที่จะทำใจเรียกว่าอาหารคน
หากเป็นทหารในกองเสบียงลู่หนิงหวังคิดว่าเขาคงคิดจะลากทหารพวกนั้นไปตัดหัวแล้วโทษฐานทำอาหารคนให้กลายเป็นอาหารสุนัข
เมื่อไม่เจริญอาหารคนทั้งสองจึงวางตะเกียบลงอย่างพร้อมกัน และไม่สนใจที่จะพูดคุยกับอ้ายเจิงเรื่องอื่นอีกต่อไป
“ท่านอ๋องท่านจะปล่อยให้นางนั่งอยู่อีกนานเท่าใด”
หานเซียวบ้วนปากพร้อมทั้งเดินไปที่เตียงนอน เขาขยับที่เข้าไปด้านในแน่นอนว่าที่ว่างที่เหลือย่อมแบ่งให้พี่ชาย เขานอนตะแคงเนื่องจากแผลที่หลังยังไม่หายดี ยังกระดิกนิ้วเรียกอ้ายเจิงเข้าไปหาแล้วชี้ไปที่อ่างไม้ที่วางอยู่ด้านข้าง
อ้ายเจิงรู้แล้วว่าเขาต้องทำหน้าที่นี้แทนหนานอิง จึงเดินเข้ามาอย่างว่าง่ายหวังเอาใจอ๋องน้อยผู้นี้เสียหน่อย อ้ายเจิงนั่งลงใช้ผ้าชุบน้ำเย็นยะเยือกบิดจนหมาดแล้วเช็ดหน้าหน้าให้หานเซียว หานเซียวถึงกับสะดุ้งโหยง
“เหตุใดน้ำจึงเย็นเช่นนี้เจ้าคิดจะฆ่าข้าหรือ”
อ้ายเจิงปาผ้าผืนนั้นลงไปในอ่างไม้อย่างไม่พอใจ แม้เขาจะมีตำแหน่งต่ำกว่าแต่หลายครั้งเขาก็ไม่สงวนวาจาและท่าทางที่จะแสดงออกมาว่าไม่พอใจคนทั้งสองอย่างเต็มที่โดยไม่สนใจด้วยซ้ำว่าจะทำให้ผู้เป็นนายมีโทสะ
“นี่เจ้าไม่พอใจข้าหรือ”
หานเซียวถลึงตาใส่เขาแต่อ้ายเจิงผู้นี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหวาดกลัว
“ใช่ข้าไม่พอใจ”
หานเซียวเองก็ประดุจน้องชายของอ้ายเจิง นอกจากลู่หนิงหวังแล้วคงมีเพียงอ้ายเจิงที่หานเซียวเกรงใจอยู่บ้าง น้ำเสียงของเขาจึงอ่อนลงเล็กน้อย
“ข้าทำเรื่องอันใดให้เจ้าไม่พอใจกัน ข้ายังป่วยอยู่นะ”
อ้ายเจิงเบะปาก ครานี้ด่ากราดไปที่ลู่หนิงหวังด้วย
“เห๊อะ ท่านอ๋องพวกท่านทั้งสองจะกลายเป็นเดนคนอยู่แล้ว ท่านอ๋องน้อยท่านคิดว่าข้าจะฆ่าท่านด้วยน้ำเย็นนี่แล้วสตรีตัวเล็กผู้นั้นที่นั่งตากลมอยู่ด้านนอกท่านไม่คิดว่านางจะหนาวตายหรือ”
“อ้อ ที่แท้ก็เป็นเรื่องนี้เองหรือ เจ้าจะเดือดร้อนแทนนางไปไย มีผู้ใดบังคับนางกันเป็นนางที่ต้องการเองไม่ใช่หรือ หากหนาวก็กลับไปนอนที่โรงเก็บฟืนของนางสิ ไม่แน่นางอ่อนแอเพียงนั้นไม่ถึงก้านธูปก็คงกลับไปแล้ว”
หานเซียวส่ายหน้าก่อนจะนอนหันหลังให้เขา อ้ายเจิงเห็นท่านอ๋องน้อยผู้นี้เป็นเช่นนี้จึงหมดหวังแล้วเขาก่นด่าออกมาคำหนึ่ง
“คนเลว ถ้าท่านไม่อนุญาตนางจะกล้าลุกขึ้นหรือ”
คนถูกด่าย่อมไม่สะทกสะท้าน สุดท้ายอ้ายเจิงจึงลุกขึ้นแล้วกลับไปนั่งที่เดิมเก้าอี้ตรงข้ามกับลู่หนิงหวัง
ลู่หนิงหวังมองอ้ายเจิงด้วยใบหน้าไร้คลื่นลมสงบราบเรียบเป็นอย่างยิ่ง เขายังรินสุราลงในจอกให้อ้ายเจิงราวกับจะบอกว่าหุบปากแล้วดื่มเหล้านี่ซะ
อ้ายเจิงมองเขาด้วยดวงตาคล้ายลูกสุนัขขี้อ้อนตัวหนึ่ง
“ท่านอ๋อง”
เสียงลากยาวของอ้ายเจิงทำให้ลู่หนิงหวังรำคาญจึงเอ่ยเสียงเย็นออกมา
“แม้แต่ความอดทนเจ้าก็ไม่คิดให้ข้าทดสอบนางเลยหรือ หรือเห็นสตรีเข้าหน่อยสติของเจ้าก็เลอะเลือนไปแล้ว”
อ้ายเจิงถอนหายใจยาว หากคิดดูแล้วในเมื่อนางเลือกเส้นทางนี้เขาเองก็ต้องให้นางฝ่าฟันทั้งหมดด้วยตนเอง ความจริงก็เป็นดั่งเช่นท่านอ๋องว่าแม้นางจะมีสิ่งนั้นในร่างกายแต่ความอดทนอันเป็นพื้นฐานของทุกสิ่ง หนานอิงก็ย่อมต้องผ่านการพิสูจน์ด้วยตัวของนางเอง
ศัตรูของนาง นางย่อมต้องลงมือด้วยตนเอง และศัตรูตัวฉกาจก็คือสองอ๋องปีศาจที่อ้ายเจิงยังมองไม่เห็นว่านางจะสังหารพวกเขาได้อย่างไร
บางทีที่ลู่หนิงหวังยินยอมรับฟังเขาในครานี้คงเป็นเพราะว่ามันเป็นเรื่องที่ยากจะเป็นไปได้กระมัง
เช้าวันต่อมา
พระอาทิตย์ลอยขึ้นสูงอากาศในวันนี้อบอุ่นเป็นอย่างยิ่ง หานเซียวรู้สึกว่าร่างกายของตนเองภายหลังจากได้รับยามานั้นดีขึ้นมาก ถึงแม้ว่าการที่เขาอยู่ไม่เป็นสุขในหลายวันก่อนจะทำให้เขาไม่อาจถอนพิษออกจากร่างกายไปได้ทั้งหมดก็ตาม
แต่เท่านี้ก็นับว่าดีแล้ว
เมื่อตื่นขึ้นมาเขาก็ไม่พบพี่ชายนอนอยู่ข้างกายอีกทั้งอ้ายเจิงที่นอนอยู่มุมกระท่อมก็หายไปแล้ว หานเซียวได้ยินเสียงดาบปะทะกันอย่างรุนแรง พร้อมทั้งเสียงตะโกนก้องจึงลุกขึ้นมองไปที่ประตูด้วยความเคยชิน
สองคนนั่นคงไปฝึกดาบกระมัง เขาเองก็คันไม้คันมือยิ่ง แต่เขาก็ไม่อาจเอาร่างกายไปเสี่ยงได้จนกว่าจะได้รับอนุญาตจากอ้ายเจิง หลายวันมานี้แม้จะเบื่อหน่ายแต่การมีหนานอิงคอยอยู่ไม่ห่างก็ทำให้เขามีสิ่งให้มอง
เขาชอบมองนางนั่งเย็บเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นให้พวกเขา หรือบางทีก็ไปนั่งมองนางทำอาหารโดยให้เหตุผลว่ากลัวนางจะวางยาพิษ จำต้องจับตาดูทุกขั้นตอน ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะเขาว่างจนไม่มีสิ่งใดให้ทำ
หลังจากตื่นขึ้นมาด้วยความเคยชิน หานเซียวกำลังนั่งรอใครบางคนอย่างใจจรดใจจ่อ แต่เมื่อไม่เห็นว่านางผู้นั้นจะเข้ามาพร้อมกับอาหารเช้าเช่นทุกวันพลันรู้สึกหงุดหงิดใจ
นางไปที่ใดกัน ยังอยากตายอยู่หรืออย่างไรจึงได้ละเลยหน้าที่เช่นนี้
หานเซียวกำลังจะลุกขึ้นท่านตานายพรานพลันเปิดประตูเข้ามาพร้อมด้วยล่วมยาในมือยังถืออ่างไม้เล็กที่มีควันลอยกรุ่นออกมา
หานเซียวนั่งลงดังเดิมเขาย่อมเคยชินแล้วที่ท่านตาผู้นี้จะมาปรนนิบัติทุกเช้า รวมทั้งยังเคยชินที่หนานอิงจะนำข้าวปลาอาหารแสนอร่อยมาให้เขาในทุกเช้าด้วยเช่นกัน
แต่วันนี้เหตุใดไม่เห็นแม้แต่เงากันเล่า
หลังปรนนิบัติหานเซียวล้างหน้าล้างตาทั้งยังทำแผลให้เขาจนเรียบร้อยแล้วท่านตาก็เก็บอ่างน้ำพร้อมจะกลับออกไป
“ข้าน้อยต้มโจ๊กไว้ให้พวกท่าน วันนี้ไม่มีผู้ใดร่วมโต๊ะเพราะท่านอ๋องและท่านเลขาต่างกินเรียบร้อยแล้วก่อนออกไปฝึกดาบ ประเดี๋ยวจะนำมาให้ท่านนะขอรับ”
หานเซียวกระแอมก่อนจะเอ่ยว่า
“แล้วนางผู้นั้นเล่า เหตุใดไม่มาปรนนิบัติข้า”
“ยังนั่งคุกเข่าอยู่ที่เดิมขอรับ ไม่ยอมลุกไปไหนเลย น่าเป็นห่วงยิ่ง”
ชายชราถอนหายใจยาวออกมาเขารู้ว่าอ๋องทั้งสองหาได้บังคับนางแต่เป็นหนานอิงที่ยินยอมคุกเข่าด้วยตนเอง
ท้ายที่สุดแล้วบัดนี้เขายังไม่เข้าใจว่าหนานอิงทำความผิดใดกันแน่ เมื่อวานถูกจับกดน้ำจนเกือบตาย
เมื่อกลับมานางก็เข้ามาสนทนากับท่านอ๋องทั้งสองไม่กี่คำ หลังจากนั้นก็นั่งคุกเข่าอยู่ที่หน้ากระท่อมด้วยสายตามุ่งมั่นอย่างที่ชายชราไม่เคยเห็นนางผู้อ่อนแอเป็นเช่นนี้มาก่อน
จวบจนบัดนี้เวลาล่วงผ่านมาหลายชั่วยามจนกระทั่งล่วงผ่านมาอีกวัน สตรีร่างเล็กบอบบางราวกับกระดาษผู้นั้นยังคงนั่งคุกเข่าอยู่ที่เดิม แม้เขาจะเข้าไปถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงแต่หนานอิงเพียงแต่ยิ้มให้แล้วเอ่ยกับเขาว่าไม่เป็นไรนางทนได้
ชายชราไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางจึงสามารถทนทานได้เช่นนั้น
เมื่อคืนอากาศหนาวจัดท่านตาเวทนานางยิ่งจึงนำผ้าห่มไปให้เขาวางใจแล้วว่าอย่างน้อยนางก็ไม่หนาวตาย แต่แล้วเมื่อกลับมาดูนางอีกครั้งก็พบว่าผ้าห่มผืนนั้นกองอยู่ที่พื้นแล้ว
แม้แต่ความอบอุ่นหนานอิงยังไม่ต้องการ
หานเซียวนิ่งงัน เขาไม่คิดว่านางจะสามารถทานทนฝ่าความหนาวตลอดคืนมาได้ สตรีผู้นี้จะว่าอ่อนแอก็ใช่แต่เหตุใดจึงสามารถเข้มแข็งได้เพียงนี้