ช่วยข้าทีสองสามีของข้าคือท่านอ๋องจอมโหด NC25 3P - ตอนที่ 25 ไม่ช่วยนางแล้ว
หานเซียวถูกพิษในครานี้นับว่ารุนแรงที่สุดแล้ว ถึงเขาจะแข็งแรงมากเพียงใดร่างกายก็ยังฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่เคยเป็น ลู่หนิงหวังและหานเซียวนั่งอยู่บนโขดหินใหญ่ดวงตาของทั้งสองคนต่างเหม่อมองจับต้องไปที่ร่างอรชรของหนานอิง
นางกำลังตั้งใจซักผ้าให้พวกเขา ทั้งใช้ไม้ทุบและใช้เท้าเหยียบไปที่ผ้านั้น ข้อเท้าขาวเนียนนุ่มที่โผล่พ้นกางเกงออกมายามต้องแสงพระอาทิตย์ช่างชวนมองเป็นอย่างยิ่ง
ใบหน้าของนางเป็นสีแดงระเรื่อ ปากอิ่มยั่วยวนสีแดงสดตามธรรมชาติ ผิวขาวดุจเต้าหู้นุ่มนิ่มยิ่งเห็นก็ยิ่งดึงดูด หนานอิงหาใช่สตรีที่งามล่มเมืองแต่ความงามของนางกลับเป็นสิ่งที่ยิ่งมองยิ่งงาม ยิ่งมองยิ่งไม่เบื่อหน่าย
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความคิดของอ้ายเจิงที่กำลังยืนมองนางอยู่เช่นกัน แต่ครั้นหันไปเห็นสายตาของบุรุษทั้งสองทำให้เขาถึงกับสะดุ้ง
นายท่านทั้งสองบัดนี้กลับกำลังมองหนานอิงด้วยดวงตาของหมาป่าที่กำลังซุ่มจะโจมตีกวางอ้วนพีตัวหนึ่ง ความคิดของอ้ายเจิงแล่นเตลิดไปไกลถึงภาพที่หนานอิงนอนจมกองเลือดอยู่ริมทะเลสาบด้วยซ้ำ
ช่างน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง
ไม่ได้อ้ายเจิงต้องทำลายภาพพจน์นี้ของพวกเขาเสียก่อนที่หนานอิงจะหันมาเห็นเข้า
หนานอิงซักผ้าใกล้จะเสร็จแล้วนางเพิ่งรู้สึกตัวว่ามีคนกำลังจ้องมองตนเองอยู่ ด้วยใจมัวล่องลอยไปถึงท่านแม่ โชคดีที่เมื่อนางหันไปเห็นคนทั้งสามก็ไม่ได้สบตากับสายตาของสองอ๋องเข้า เป็นเพราะอ้ายเจิงกำลังดึงความสนใจจากพวกเขาให้ละสายตาไปจากหนานอิงเสียก่อน
ลู่หนิงหวังเห็นแล้วว่าในมือของอ้ายเจิงมีนกพิราบสื่อสารของตำหนักอ๋องอยู่ในมือ เขาแกะสารนั้นออกจากข้อเท้าของนกแล้วปล่อยให้มันบินกลับไป
“ท่านอ๋องได้ข่าวแล้วขอรับ”
ลู่หนิงหวังมองกระดาษม้วนเล็กในมือของอ้ายเจิงคล้ายไม่สนใจ อ้ายเจิงรู้อยู่แล้วว่าเป็นเช่นนี้จึงเป็นฝ่ายแกะออกแล้วดูด้วยตนเอง ในขณะที่หานเซียวขยับเข้ามาใกล้เขายิ่งขึ้นเพื่ออ่านสารในมือของอ้ายเจิงด้วยตนเอง
ใบหน้าของอ้ายเจิงซีดเผือดเมื่ออ่านข้อความนั้น เขามองหนานอิงอย่างเวทนา
“ท่านอ๋องมารดาของนางสิ้นใจตายแล้ว ข่าวว่าตรอมใจตายขอรับแต่คนของเราบอกว่าคล้ายนางจะถูกทำให้บาดเจ็บจนตายมากกว่าตรอมใจตาย อาจจะถูกคนสังหาร”
สายตาของลู่หนิงหวังกลับยังนิ่งสงบ ข่าวการตายของคนผู้หนึ่งนั้นเป็นเพียงเรื่องเล็กสำหรับคนที่ไม่กลัวความตายเช่นเขา แต่สำหรับนางผู้นั้นเล่า….
ถึงแม้ว่าลู่หนิงหวังจะก่นด่าเขาแต่ก็ไม่ได้มีคำใดห้ามปรามไม่ให้อ้ายเจิงสืบข่าวมารดาของหนานอิง เป็นครั้งแรกที่ท่านอ๋องของเขายอมให้ใช้นกพิราบสื่อสารของกองทัพในเรื่องส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวอันใดกับการทหาร อ้ายเจิงไม่รอช้าจึงให้คนสืบข่าวทันใด
การสืบข่าวคนธรรมดาผู้หนึ่งหาได้ยากเย็นไม่นานก็ได้รู้แล้วว่ามารดาของหนานอิงเป็นเช่นไรบ้าง แต่ว่า ข่าวนี่กลับเป็นข่าวร้ายหนานอิงผู้นั้นมีเพียงมารดาเป็นที่ตั้ง
นางเคยคิดฆ่าตัวตายมาแล้วหากรู้ว่ามารดาอันเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของนางเพียงอย่างเดียวในโลกนี้ไม่มีชีวิตอยู่แล้วหนานอิงจะทำเช่นไร
“ในเมื่อนางต้องการรู้ก็บอกนางเสีย”
หานเซียวเอ่ยเสียงเบา เป็นครั้งแรกที่อ้ายเจิงลังเลที่จะส่งข่าวที่ได้รับให้ใครสักคน และในบรรดาสามคนนี้คนที่ต้องทำหน้าที่นี้ย่อมเป็นเขาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
ในที่สุดหนานอิงก็ถือตะกร้าหวายใส่เสื้อผ้าที่ซักอย่างสะอาดแล้วขึ้นมาจากทะเลสาบ นางเห็นอ้ายเจิงโบกมือให้จึงจำใจเดินมาหาพวกเขา
อ้ายเจิงมีสีหน้าซีดเซียวเล็กน้อย ในขณะที่ลู่หนิงหวังและหานเซียวยังมีใบหน้าราบเรียบดุจผิวน้ำที่ไม่ต้องลม น่าหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย
หนานอิงเดินเข้ามาใกล้พวกเขานางวางตะกร้าผ้าลงบนพื้น ยังไม่ลืมทำความเคารพนายท่านทั้งสองก่อนที่จะมองอ้ายเจิง
“มีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ”
อ้ายเจิงกล้ำกลืนความไม่สบายใจเอาไว้ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างไม่อ้อมค้อม
“ข่าวของท่านแม่ของเจ้าข้าให้คนสืบความแล้ว”
หนานอิงครานี้ดีใจยิ่ง นางยังกล้ามองหน้าลู่หนิงหวังถึงเขาจะทำเป็นไม่สนใจแต่บัดนี้เหตุใดจึงมีน้ำใจสืบข่าวให้นางอีก หรือคนผู้นี้จะเริ่มรู้สึกสำนึกในข้าวแดงแกงร้อนของนางอยู่บ้าง
หนานอิงตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง นางหวังว่าท่านแม่ของนางจะสบายดีและนางจะต้องหาทางพาท่านแม่ออกมาให้ได้ อ้ายเจิงสูดลมหายใจเข้าลึก หนานอิงกลับรู้สึกถึงบางสิ่งที่ทำให้นางกลัว จู่ ๆ นางก็กลัวจนตัวสั่น
“ท่านแม่ของเจ้าสิ้นแล้ว คนชันสูตรบอกว่าตรอมใจตายแต่ข่าวของข้าคาดว่าอาจมีคนสังหารนาง”
อ้ายเจิงส่งกระดาษแผ่นเล็กให้หนานอิง มือของนางสั่นเทาเมื่อเอื้อมไปจับกระดาษใบนั้น หนานอิงปากสั่นนางอ่านข้อความซ้ำไปซ้ำมา
“ท่านเลขาไม่จริงใช่หรือไม่ เป็นข่าวลวงใช่หรือไม่ท่านแม่ของข้ายังสบายดี นางยังอยู่ที่สกุลหนานข้าต้องไปช่วยนาง ข้าต้องไปช่วยนาง”
หนานอิงเหมือนคนไร้สติจนกระทั่งทรุดลงตรงนั้น น้ำตารินไหลออกมาเป็นสาย ได้แต่ส่ายหน้าบอกว่ามันไม่จริง
บุรุษทั้งสามต่างมองนางและไม่เอ่ยคำใด ลู่หนิงหวังเงยหน้าขึ้นมองฟ้า เขาเคยผ่านเรื่องพวกนี้มานับครั้งไม่ถ้วนเมื่อทหารคนสนิทของเขาต้องตายจากและเขาต้องไปส่งข่าวนี้กับญาติของทหารด้วยตนเอง
“หนานอิง…”
อ้ายเจิงเอ่ยได้เพียงชื่อนาง เขาเองก็ไม่รู้ต้องปลอบใจคนเช่นไร หนานอิงร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด ทุกอย่างสิ้นแล้ว ทุกอย่างหมดหวังแล้วบัดนี้ท่านแม่ไม่อยู่แล้วนางจะมีชีวิตต่อไปได้อย่างไร
ในเมื่อท่านแม่ไม่อยู่หนานอิงก็ไม่คิดจะมีชีวิตอยู่เช่นกัน
จู่ ๆ นางก็ลุกขึ้น หนานอิงไม่เห็นคนทั้งสามหรือผู้ใดทั้งนั้น นางเห็นเพียงท่านแม่ของนาง ใบหน้าอันเจ็บปวดของท่านแม่ที่ไม่อาจช่วยนางได้ และหนานอิงรู้ดีว่าที่ท่านแม่ต้องตายก็เป็นเพราะนาง
หนานอิงเดินลงไปในทะเลสาบ เท้าของนางเปลือยเปล่าไม่ได้ใส่แม้กระทั่งรองเท้า ก้อนหินคมบาดเท้านางจนโลหิตไหลซึม แต่ในยามนี้หนานอิงหาได้รู้สึกอันใด นางอยากตายเป็นอย่างยิ่ง
หนานอิงปล่อยโฮเจียนใจสลาย ปากพร่ำประโยคหนึ่งไม่หยุด ในขณะที่เดินลงไปในทะเลสาบเรื่อย ๆ จนกระทั่งน้ำเกือบจะถึงอกของนางแล้ว
“ท่านแม่ลูกจะไปหาท่าน ท่านแม่มารับลูกด้วย ลูกจะไปอยู่กับท่าน”
“ท่านอ๋องนางจะฆ่าตัวตายอีกแล้ว”
อ้ายเจิงร้อนรนในขณะที่เขาถูกลู่หนิงหวังห้ามเอาไว้
“ข้าบอกแล้วว่าครานั้นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ช่วยนาง หากนางต้องการตายจริง ๆ เจ้าจะรั้งนางไว้ทำไม”