ช่วยข้าทีสองสามีของข้าคือท่านอ๋องจอมโหด NC25 3P - ตอนที่ 23 ยาถอนพิษ
หนานอิงในตอนนี้ไร้เรี่ยวแรงแล้วเธอจึงถูกจับขึ้นมากลับมาพร้อมกับลู่หนิงหวัง จะเป็นโชคของนางหรือไม่ก็ไม่อาจรู้ที่ลู่หนิงหวังยังคิดว่านางอาจตั้งท้องจึงไม่จับนางมัดไว้บนหลังม้าอีก
เมื่อกลับมาถึงกระท่อมของพรานชราหนานอิงก็ถูกเขาหิ้วเป็นปลาไปเก็บที่โรงเก็บฟืนที่นางทำเป็นที่นอนชั่วคราวด้วยใบหน้าบึ้งตึง
เพียงเปิดประตูเข้าไปกลิ่นหอมจาง ๆ ของสมุนไพรพลันโชยเข้าสู่จมูก ลู่หนิงหวังพบว่าหนานอิงผู้นี้ได้ปรับเปลี่ยนโรงเก็บฟืนโกโรโกโสให้กลายเป็นวิมานน้อย ๆ ของนางแล้ว
กระทั่งฟางแห้งหนานั่นนางยังทำเป็นเตียงนอนและยังมีผ้าซักสะอาดปูเอาไว้ด้านบน เขาวางนางลงบนเตียงฟาง หนานอิงอ่อนแรงยิ่ง ลำคอแห้งผากไม่มีแรงกระทั่งจะเอ่ยขอบคุณเขา
แต่ลู่หนิงหวังก็หาได้สนใจคำขอบคุณนั่น เขานั่งลงข้างกายนางตรวจชีพจรนางอย่างละเอียด ไม่พบสิ่งผิดปกติอันใดไม่มีสิ่งใดบ่งบอกว่านางกำลังตั้งครรภ์ แต่เขาก็ไม่อาจวางใจหากเพราะครรภ์นางยังอ่อนเขาก็ไม่อาจตรวจเจอได้เช่นกัน
วิชาแพทย์ของเขาก็ล้วนเรียนรู้มาจากอ้ายเจิงดังนั้นลู่หนิงหวังจึงเชื่อบุรุษผู้นั้นอยู่หลายส่วน เอาล่ะนางท้องหรือไม่ลู่หนิงหวังคาดว่าอีกไม่เกินหนึ่งเดือนต่อจากนี้พวกเขาก็คงได้รู้แล้ว
เขาเดินออกจากโรงเก็บฟืนไปแล้วหนานอิงจึงขยับกาย ในตอนที่เขาอยู่นางไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง ด้วยหวาดกลัวว่าเขาจะมีโทสะจนลงมือทำร้ายนาง
หนานอิงขยับกายด้วยกระหายน้ำ นางจึงลุกขึ้นอย่างยากลำบากคิดจะรินน้ำให้ตนเอง แต่ฉับพลันเสียงคนเปิดประตูเข้ามาอีก หนานอิงตกใจล้มตัวลงนอนแล้วแกล้งตายอยู่ตรงนั้น
เสียงนุ่มของบุรุษหน้าขาวเอ่ยขึ้น
“แม่นางไม่ต้องกลัวข้านำยามาให้ท่าน”
เสียงของเขาทั้งนุ่มทั้งอ่อนโยนผิดจากเสียงของสองพี่น้องคู่นั้น หนานอิงจึงลืมตาพบว่าเขาคุกเข่าอยู่ข้างที่นอนของนางพร้อมกับรินน้ำลงจอกเล็ก
“แม่นางอาจจะจำข้าไม่ได้ ข้าเป็นคนที่นายท่านทั้งสองส่งมาช่วยท่าน ข้าเป็นหมอผู้หนึ่งและที่ท่านรอดมาได้ก็มีความชอบของข้าส่วนหนึ่ง”
อ้ายเจิงเอ่ยยิ้ม ๆ ให้นางวางใจ
หนานอิงไม่มีเสียงและยังมองเขาอย่างหวาดระแวง แต่กระนั้นนางก็รับน้ำจากมือเขาอย่างขลาดกลัวแล้วดื่มด้วยความกระหาย
“ค่อย ๆ ดื่มไม่ต้องรีบ”
เสียงของคนผู้นั้นยังคงนุ่มนวล และรินน้ำให้นางอีกจอก
ความชุ่มชื่นจากสายน้ำที่ไหลลงไปในลำคอ ทำให้หนานอิงรู้สึกดีเป็นอย่างยิ่งหลังจากนั้นคนผู้นั้นยังนำยาให้นางอีก หนานอิงลังเลไม่กล้ากินยาเม็ดนั้น
“ข้าไม่วางยาท่านหรอก อย่าลืมว่าเป็นข้าที่อ้อนวอนนายท่านให้ช่วยเหลือไม่ใช่หรือ นามของข้าคืออ้ายเจิงเป็นเลขาของนายท่านทั้งสองและยังเป็นหมอประจำกายด้วย”
เมื่อหนานอิงคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาจึงเริ่มวางใจในตัวของคนผู้นี้ นางยิ้มออกมาแล้วกล่าวขอบคุณเขาทั้งที่ยังไม่มีเสียง อ้ายเจิงเป็นบุรุษหน้าขาวลักษณะของเขาเหมือนคุณชายเจ้าสำอางผู้หนึ่ง ใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาเป็นแบบที่สตรีชื่นชอบ ทั้งยังมีท่าทางนุ่มนวลผิดแผกจากสองคนนั้นไม่รู้ว่าเขาอยู่กับคนพวกนั้นได้อย่างไร ช่างแตกต่างกันเป็นอย่างยิ่ง
“ท่านคงตะโกนอยู่นานเสียงจึงได้หายไปเช่นนี้ แต่ท่านไม่ต้องห่วงกินยาของข้าแล้วขยันดื่มน้ำอุ่นและน้ำผึ้งไม่กี่ชั่วยามก็จะดีขึ้น”
หนานอิงพยักหน้า เมื่อพูดถึงของกินนางต้องตกใจตาโต นางทำสัญญาณมือให้เขาแต่อ้ายเจิงฟังไม่เข้าใจ จนกระทั่งนางใช้ไม้เขียนอักษรลงบนพื้น
“อาหารหรือ ยังไม่ได้นำไปให้นายน้อยหานหรือ”
หนานอิงพยักหน้าอย่างหวาดหวั่นนางรู้ตัวดีว่าหนีไม่ได้แล้ว คนผู้นั้นจะเกิดโทสะจนคิดจะสังหารนางหรือไม่
อ้ายเจิงกลับยิ้มอย่างปลอบประโลม
“ไม่ต้องห่วงข้าจัดการเอง เจ้าพักเถิดแต่ข้าขอตรวจร่างกายเจ้าสักเล็กน้อยได้หรือไม่”
หนานอิงย่อมยินดีจึงยืนมือให้เขา อ้ายเจิงจับชีพจรตรวจหาเส้นที่ผิดปกติแต่กลับไม่พบ หรือว่านางไม่ได้ตั้งครรภ์จริง ๆ แต่ในตอนนั้นเส้นลมปราณของนางผิดปกติจริง ๆ คล้ายเป็นของคนที่กำลังตั้งครรภ์แต่บัดนี้กลับหาไม่พบแล้ว หรือว่าในครานั้นเขาตรวจผิดไปหากในตอนนี้เป็นท่านพ่อของเขาก็คงจะรู้แล้ว
เอาล่ะอย่างไรก็ยังไม่อาจสรุปได้เขาจึงยังมีความหวังอยู่บ้าง เขายกนิ้วออกจากข้อมือผอมบางของนาง ครั้งสุดท้ายที่เขาตรวจนางหนานอิงไม่ได้ผอมถึงเพียงนี้จึงรู้สึกสะท้อนใจและสงสารอยู่มาก
“เจ้าเพียงแต่อ่อนเพลียพักสักหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว”
หนานอิงพยักหน้าขอบคุณเขาในใจคิดว่าคนผู้นี้ทั้งใบหน้ารวมทั้งอัธยาศัยไมตรีนั้นดีเป็นอย่างยิ่ง ยังน่าสงสารที่ต้องมารับใช้คนโฉดสองคนนั้น แต่คิดไปคิดมาสถานภาพของเขายังดีกว่านางอีกมาก
นางนอนพักอยู่ชั่วครู่หนานอิงพลันรู้สึกหิวขึ้นมาจึงลุกขึ้นค่อย ๆ แง้มประตูโรงเก็บฟืนแล้วย่องไปที่โรงครัว นางพบว่าอาหารที่นางทำนั้นได้หมดเกลี้ยงแล้วไม่มีเหลือแม้แต่ข้าวสักเม็ด หนานอิงหิวจนไส้กิ่วแม้อยากจะประหยัดข้าวในถังรอจนกระทั่งท่านตากลับมานางก็อดทนไม่ไหวแล้ว
หนานอิงเปิดถังข้าวพบว่าบัดนี้ข้าวในถังนั้นเต็มจนแทบล้น ด้านข้างยังมีปลาแห้งเนื้อแห้งเพิ่มขึ้นมาอีกและยังมีผิงกั่วและผลไม้ป่าอีกหลายอย่างอยู่กองหนึ่ง หนานอิงตาลุกวาวถูมือขอบคุณสวรรค์อย่างน้อยนางก็ไม่อดตายแล้ว
นางรื้อของออกมาดูอย่างใจเย็น คนพวกนั้นเงียบหายไปในกระท่อมของท่านตาแล้วคงกำลังรักษากันอยู่เป็นแน่ หมายความว่าในช่วงเวลานี้นางไม่ต้องกลัวพวกเขามาเล่นงานนางแล้ว
หนานอิงเปิดถังไปเรื่อยจนกระทั่งเจอบางสิ่งมีลักษณะสีดำมันเลื่อมคล้ายเชือกโผล่ออกมาจากถังไม้ใบหนึ่ง หนานอิงสงสัยว่าเป็นสิ่งใดกัน หรือพวกเขาล่าสัตว์ป่าได้จึงนำมาทำเป็นอาหาร
หนานอิงเปิดฝาถังไม้นั่นพลันหวีดร้องออกมาด้วยความตกใจ โชคดีที่เสียงของนางบัดนี้ไม่มีแล้วจึงมีเพียงแต่ลมที่หวีดหวิวดังออกมา
นางผงะถอยหลังด้วยความหวาดกลัวแต่จนแล้วจนรอดสิ่งนั้นก็ไม่ขยับ หนานอิงจึงทำใจกล้าชะโงกหน้าเข้ามาดูจนกระทั่งเห็นเลือดที่ไหลออกจากร่างกลมยาวของมัน
งูตัวหนึ่งขนาดไม่นับว่าใหญ่มากกำลังนอนตายอยู่ในนั้นนางใช้ไม้เขี่ยดูลักษณะเหมือนว่าถูกของมีคมปักเข้าที่กลางลำตัวจนมันตาย
หนานอิงถอนหายใจอย่างโล่งอก เข้าใจว่าคงเป็นสองคนนั้นที่นำมาด้วยและคงคิดจะให้นางทำอาหารให้กระมัง หนานอิงแม้แต่เดิมจะชอบทำอาหารเป็นอย่างยิ่งแต่นางก็ไม่เคยถลกหนังงูแม้แต่ครั้งเดียว เคยดูบ่าวไพร่อยู่บ้างแต่ก็ทนดูไม่ได้จึงได้แต่เบือนหน้าหนีออกมาและตัวหนานอิงเองก็ไม่นิยมชมชอบที่จะกินงูพวกนี้เสียด้วย
ถ้าพวกเขาต้องการให้นางทำหนานอิงก็คงขัดไม่ได้ คงต้องคิดหาวิธีทำให้อร่อยแล้ว
ในยามนี้หนานอิงผู้ที่ได้ไตร่ตรองอย่างรอบคอบจึงคิดที่จะพูดจากับคนทั้งสองดี ๆ ไม่เป็นคนขี้ขลาดตาขาวอีก นางต้องรอดออกไปช่วยเหลือท่านแม่และอาโจว อีกทั้งนางยังพบกัลยาณมิตรที่ดีเช่นอ้ายเจิงผู้นั้นคอยช่วยเหลือ
เรื่องรับมือคนเถื่อนทั้งสองนั้นนางต้องเข้าให้ถูกต้องและต้องมีอ้ายเจิงคอยชี้แนะ นางถึงจะรอดตายไปช่วยท่านแม่ได้
ท้องของนางดังขึ้นเพื่อประท้วงว่านางกำลังชักช้า หนานอิงจึงเลิกคิดฟุ้งซ่านแล้วอย่างไรนางต้องท้องอิ่มไว้ก่อน เมื่อปลงตกเช่นนั้นหนานอิงจึงต้มน้ำหุงข้าวอีกครั้งครานี้นางย่างปลาง่าย ๆ ไม่พิถีพิถันเหมือนคราแรกที่ตั้งใจแล้ว นางทำดีมากเพียงไรคนผู้นั้นก็เห็นนางเป็นผักปลาอยู่ดีดังนั้นจะทำไปเพื่อสิ่งใด
รสชาติของปลาแห้งที่มาใหม่ดีกว่าของเดิมมาก เห็นได้ชัดว่าเป็นของดีที่ปรุงอย่างพิถีพิถันก่อนตากแห้ง ปลาแห้งคุณภาพดีเช่นนี้หนานอิงย่อมเคยชินอยู่แล้วและรู้ว่ามันมีราคาแพงเพียงใด
ดูท่าว่าคนพวกนี้จะเลือกกินอยู่มาก
หนานอิงหอบปลาย่างและข้าวชามโตกลับไปกินในโรงเก็บฟืนของตนเอง ยังแอบหยิบผิงกั่วมาอีกสองลูกติดมือไปด้วย
ภายในกระท่อมหลังนั้นลู่หนิงหวังกำลังกอดอกมองหานเซียวกินยาถอนพิษอยู่ สายตาของเขาเหลือบไปเห็นรองเท้าของหานเซียวที่เปื้อนดินโคลนใหม่เขาไม่รู้ว่าหานเซียวไปที่ใดและไม่คิดจะถามกลับตำหนิเสียงดัง
“ผู้ใดใช้ให้เจ้าขยับตัวส่งเดชจนทำให้พิษไหลไปทั่วร่างเช่นนี้ หากข้ากลับมาไม่ทันพิษไม่กระจายไปทั่วร่างจนตายหรอกหรือ”
หานเซียวกลับหัวเราะด้วยเสียงแหบแห้ง
“อย่าโมโหข้าเลยข้าแค่ไล่จับกระต่ายตนหนึ่ง”
“ไร้สาระ”
ลู่หนิงหวังยกมุมปากแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว ในขณะที่คนป่วยบัดนี้ก็ถูกอ้ายเจิงตำหนิทั้งกำลังพันแผลใส่ยาให้เขาใหม่ ยาของอ้ายเจิงย่อมมีสรรพคุณที่วิเศษยิ่งกว่ายาของหมอชาวบ้านเช่นท่านตานายพราน หานเซียวคิดว่าไม่กี่วันต่อจากนี้แผลของเขาคงจะดีขึ้น
“แผลที่แขนก็ปริจนได้เลือดอีกแล้ว แผลนี่ถูกพิษเดิมก็สมานยากอยู่แล้วซุกซนเช่นนี้เมื่อใดจะหาย ท่านจะหัดนั่งนอนอยู่อย่างสงบไม่เป็นหรืออย่างไร ไยชอบหาเรื่องให้ตนเองลำบากนัก”
หายเซียวไม่ตอบคำของอ้ายเจิงทั้งยังเปลี่ยนเรื่องพูด
“ท่านพี่บอกข้าเถิดเหตุใดนางยินยอม ไม่ใช่ท่านไปรับปากรับนางเข้าจวนหรอกนะ ท่านไม่ชอบทำเรื่องที่ฝืนใจไม่ใช่หรือ”
คนตอบกลับกลายเป็นอ้ายเจิง
“หาใช่เช่นนั้น แม่นางร้อยพิษนั่นคิดใช้แผนชั่วกับท่านอ๋องโดยเอาชีวิตท่านอ๋องน้อยเป็นเดิมพัน แต่นางหารู้ไม่ว่าท่านอ๋องกลับเดินออกมาอย่างไม่สนใจนางเลยแม้แต่น้อย”
หานเซียวหัวเราะออกมาจนเจ็บปอด
“ท่านคิดจะให้ข้าตายด้วยพิษโดยไม่ยอมแต่งนางหรือ?”
ลู่หนิงหวังกลับเอ่ยว่า
“หากนางไม่ให้ยาถอนพิษ และทำให้เจ้าตายอย่างมากข้าก็ตายเป็นเพื่อนจะกลัวไปไย”
หานเซียวพยักหน้า คนอย่างพี่ชายของเขาย่อมไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างของผู้ใด กระทั่งถูกจับเป็นตัวประกันในการทำสงครามกับซีเป่ย ฝั่งนั้นจะส่งสารขอแบ่งแยกดินแดนแลกกับชีวิตของลู่หนิงหวังท่านพี่ของเขายังคิดฆ่าตัวตายไม่ยินยอมตกเป็นเบี้ยล่างศัตรูเป็นอันขาด หากครานั้นเขาบุกเข้าไปช่วยไม่ทันลู่หนิงหวังคงได้ฆ่าตัวตายเพื่อปกป้องแผ่นดินเป็นแน่
เขาละทิ้งชีวิตของตนเองไปกับสนามรบมานานแล้ว และหานเซียวเองก็ไม่ต่างจากเขา คนทั้งสองรู้ตัวดีว่าที่ฝ่าบาทไม่ยอมยกดินแดนให้พวกเขาปกครองเพราะหากมีสงครามไม่ว่าเป็นสมรภูมิใดยังมีพวกเขาคอยปกป้อง
ลู่หนิงหวังเช็ดเลือดที่ติดอยู่บนมีดสั้นในหานเซียวจนสะอาดแล้วส่งคืนให้น้องชาย เขาเพียงแต่ส่ายหน้าเมื่อหานเซียวหลบสายตาของเขา
อ้ายเจิงเห็นอาการของสองพี่น้องคู่นี้ก็พลันยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ทั้งคิดในใจอย่างกระหยิ่มยินดีอีกทั้งยังตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
เอาล่ะในเมื่อพวกเขาไม่รู้ตัวเอง อ้ายเจิงผู้นี้ก็จะเป็นคนเปิดโปงพวกเขาเอง