ช่วยข้าทีสองสามีของข้าคือท่านอ๋องจอมโหด NC25 3P - ตอนที่ 22 พยายามฆ่าตัวตาย
เสียงฝีเท้าของม้ากำลังวิ่งกุบกับมาทางนี้ หนานอิงพลันรู้สึกเหมือนนางได้พบแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ บนเขาแห่งนี้ผู้ที่กลับมาย่อมเป็นท่านตาผู้นั้น
“ท่านตา เป็นท่านใช่หรือไม่ ช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย ข้าอยู่บนนี้เจ้าค่ะ ข้าอยู่บนนี้”
หนานอิงเปล่งเสียงอันแหบแห้งของตนเองออกไป รู้สึกเจ็บคอเป็นอย่างยิ่งก่อนหน้านี้นางก่นด่าสมน้ำหน้าตนเองทั้งร้องไห้ด้วยความเจ็บใจในวาสนาของตนเองจนน้ำตาเหือดแห้ง
ตั้งแต่เกิดมาในชีวิตของนางไม่เคยมีผู้ใดสักคนจะทำเช่นนี้กับนาง พี่น้องบ่าวไพร่ทุกคนเมื่อเห็นนางก็ล้วนมีแต่คำรื่นหูและเกรงกลัว ในยามนี้เมื่อหนานอิงตกอยู่ในเงื้อมมือคนเถื่อนจากสนามรบผู้นั้นทำให้หนานอิงผู้เคยเยือกเย็นถึงกับสติแตกไปแล้ว
เพียงเห็นมีดของเขาที่ข่มขู่ คำก็จะฆ่าสองคำก็จะเอาชีวิตหนานอิงคล้ายกำลังถูกจับแขวนอยู่บนขื่อ หวาดกลัวจนลนลานด้วยกลัวว่าเขาจะพลั้งมือฆ่านางเข้าจริง ๆ
เมื่อมีโอกาสนางจึงคิดเพียงแต่จะหนี แต่โลกนี้ช่างโหดร้ายไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเหมือนดั่งเช่นที่นางเจอมาตลอดชีวิต นางกลายเป็นคนไร้สติเหตุผลทั้งหมดที่นางเคยมีและวิจารณญาณของนางแตกสลายเพราะหวาดกลัวเขาจนเกินไป
ในยามที่หนานอิงห้อยหัวอยู่ในตาข่ายนี้นางได้แต่คิดพิจารณาอย่างสงบหากนางรอดไปได้ในครั้งนี้หนานอิงไม่อาจเป็นหนานอิงผู้อ่อนแอและตื่นตระหนกคนเดิมได้อีกแล้ว
นางไร้สกุลหนานคอยหนุนหลัง นางไร้บิดาคอยพึ่งพิงกระทั่งมารดาของนางในตอนนี้ก็ยังคงรอนางอยู่ หนานอิงสวดมนต์อ้อนวอนต่อพระโพธิสัตว์ผู้เมตตา หากให้โอกาสนางอีกสักครั้งนางจะยินยอมทำทุกอย่างเพื่อมารดาของนางเอง
หนานอิงไม่ต้องการเป็นคุณหนูสกุลใด นางมีวิชาปรุงเครื่องหอมและทำเครื่องสำอางที่พอจะทำมาหากินได้โดยไม่อดตาย หวังเพียงมีท่านแม่และสาวใช้ข้างกายที่คอยดูแลกันและกันโดยไม่ต้องพึ่งพิงผู้อื่นหรือสกุลใหญ่โต
นางยินดีอยู่ในกระท่อมหลังเล็กที่อบอุ่นได้ปรนนิบัติท่านแม่ของนาง ตั้งใจว่าหากช่วยท่านแม่และอาโจวออกมาได้แล้วนางจะพาพวกเขาหลบไปอยู่เมืองเล็ก ๆ สักแห่งที่ไร้คนรู้จัก ตั้งต้นชีวิตใหม่กันตามประสาแม่ลูก
นางไม่คิดแต่งให้บุรุษใดอีกต่อไป
นางจะได้รับโอกาสนั้นหรือไม่ คงได้แต่อ้อนวอนพระโพธิสัตว์แล้ว
เหมือนสวรรค์คล้ายจะเป็นใจเมื่อในที่สุดม้าสองตัวพลันหยุดอยู่เบื้องล่าง หนานอิงถูกห้อยอยู่เช่นนั้นมาเป็นระยะเวลาหนึ่งใบหน้าของนางจึงแดงก่ำดูน่าขันเป็นอย่างยิ่ง
ดวงตาของนางเบิกกว้าง คิดว่าตนเองเหตุใดซวยซ้ำซวยซ้อน เขาผู้นั้นหาใช่ท่านตาแต่เป็นบุคคลที่นางคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างยิ่ง ยังมีบุรุษหน้าขาวผู้หนึ่งที่ขี่ม้ามาเคียงข้างเขา ที่นางจำไม่ได้ว่าเขาคือผู้ใด
หนานอิงบัดนี้ไม่กล้าขานนามลู่หนิงหวังของเขาแล้วด้วยมีประสบการณ์โดยตรงกับการเรียกนามของหานเซียว เสียงแหบแห้งเล็กแหลมฟังไม่ได้ความดังออกจากปากของนางแผ่วเบา
“ท่าน ช่วยข้าด้วย”
เพราะว่านางถูกห้อยอยู่บนที่สูงน้ำเสียงก็เบาเหลือเกิน คนทั้งสองจึงไม่ได้ยิน เพียงแต่ลู่หนิงหวังเห็นว่าตาข่ายดักสัตว์ตรงนี้ทำงาน คิดว่าจะได้กวางอ้วนสักตัวกลับไปเป็นอาหารเย็นคิดไม่ถึงว่าพอเงยหน้าขึ้นไปจบพบสตรีผู้หนึ่งในอาภรณ์สีตุ่นกำลังห้อยหัวลงมา
คงเป็นเพราะห้อยมาได้สักระยะใบหน้าและลำคอที่โผล่ออกมาจึงแดงก่ำ เลือดกำลังไหลลงที่ศีรษะของนาง หากปล่อยไว้เช่นนั้นอีกไม่นานสตรีผู้นั้นคงได้ตายเป็นแน่
ลู่หนิงหวังพลันมีโทสะ เขาก่นคำพูดออกมา
“สตรีผู้นี้ดื้อด้านจะฆ่าตัวตายเสียจริง เสียแรงที่ข้าบุกเข้าไปช่วยจนกระทั่งอาเซียวได้รับบาดเจ็บนางยังไร้จิตสำนึกคิดหนีมาอีก”
อ้ายเจิงเงยหน้าขึ้นมองไปยังสตรีร่างเล็กที่ถูกจับห้อยอยู่ในตาข่ายแล้วพลันตกตะลึง หาใช่กวางอ้วนอย่างที่พวกเขาเข้าใจแต่เป็นนางผู้นั้นอย่างชัดเจน แล้วเหตุใดนางจึงมาอยู่ที่นี่
“นายท่าน เป็นว่าที่หวาง…”
“หุบปาก”
แน่นอนว่าอ้ายเจิงยังไม่ทันเอ่ยจบคำ ก็ถูกตำหนิเสียแล้ว เขาเห็นท่าทางของนางที่กำลังดิ้นรนและใบหน้านั้นคล้ายจะดีใจ แต่เสียงที่เปล่งออกมาแหบโหยจนฟังไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ว่านางกำลังพูดสิ่งใด
“ช่วยนางลงก่อนเถิด”
ลู่หนิงหวังเงยหน้าทั้งยังเอียงคอมองหนานอิงอย่างเย็นชา เขารู้ว่าสตรีผู้นี้อยากจะฆ่าตัวตายแต่ไม่คิดว่าจะใช้วิธีประหลาดเช่นนี้ เหตุใดไม่ใช้มีดเชือดคอตนเองให้ตายไปเสีย จะลำบากมาห้อยหัวอยู่ด้วยเหตุใด
“ไม่ช่วย ในเมื่อนางอยากตายนักข้าก็ไม่ขวางเจตนาแล้ว บาปกรรมเสียเปล่า ๆ”
อ้ายเจิงแทบจะพ่นน้ำลายออกมาทั้งสำลัก คนอย่างลู่หนิงหวังที่ฆ่าคนตาไม่กะพริบตากล้าเอ่ยคำว่าบาปกรรมออกจากปากของเขาอย่างไม่กระดากปากได้อย่างไร
ช่างหน้าด้านเกินไปแล้ว
หนานอิงร้องไห้โดยไม่มีน้ำตาแล้ว คนผู้นั้นยังเข้าใจผิดคิดว่านางกำลังหาทางฆ่าตัวตายอีกหรือ นางดิ้นรนจนตาข่ายนั่นโยกไปมา อยากจะอธิบายว่าเขาเข้าใจนางผิดอีกแล้ว นางไม่ได้คิดฆ่าตัวตายแต่กำลังหนีจากหานเซียวจนตกที่นั่งลำบากต่างหาก
“หา..ใช่..ข้า..ช่วย…ด้วย…ช่วยข้า”
เป็นเพราะนางตะเบ็งเสียงมานานมากเกินไปบัดนี้น้ำเสียงจึงแหบแห้งแล้ว คำพูดที่หลุดออกไปจึงแผ่วเบาและทำให้คนทั้งสองได้ยินเพียงเสียงร้องอือ อือ ทั้งยังจับใจความคำพูดของนางไม่ได้
“นายท่านจะไม่ช่วยนางจริง ๆ หรือ”
“คนอยากตาย ข้าบอกแล้วถึงนางจะใช้วิธีพิสดารเพื่อฆ่าตัวตายในแบบที่ข้าไม่เข้าใจข้าก็ไม่ขอขวาง ในเมื่อข้าช่วยนางมาคราหนึ่งแล้วนางยังไม่สำนึกก็ปล่อยให้นางตายไปเสีย”
อ้ายเจิงหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เขาไม่กล้าช่วยนางหากลู่หนิงหวังไม่อนุญาตคนผู้นี้คงได้เอาแส้ฟาดเขาจนหลังลายแน่
น้ำเสียงแหบโหยนั่นกำลังพูดบางอย่าง ท่าทางของนางก็น่าสงสารยิ่ง ที่ลู่หนิงหวังบอกว่านางกำลังจะฆ่าตัวตาย อ้ายเจิงคิดว่ามันมีเรื่องไม่ชอบมาพากลอยู่ เห็นชัดเจนว่านางอยากให้ช่วยเพียงใด แต่ลู่หนิงหวังกลับหาได้สนใจนางอีกต่อไปด้วยโทสะที่มี
ลู่หนิงหวังคิดว่าเขาไม่ได้อนุญาตให้นางตาย แต่นางกลับวิ่งมาหาความตายอีกครั้ง ทำแบบนี้แสดงว่าไม่ไว้หน้าคนที่ช่วยชีวิตนางเช่นเขาเลยแม้แต่น้อย
“ไปเถิดอาเซียวรอเราอยู่ ปล่อยนางไปตามทางของนาง เจ้าอย่าได้เสนอหน้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวเลย”
ลู่หนิงหวังจะจากไปแล้ว หนานอิงยิ่งดิ้นรนนางส่งเสียงแห้งออกมาสุดเสียง เขาจะไปทั้ง ๆ ที่ปล่อยนางเอาไว้แบบนี้ไม่ได้ ได้โปรดช่วยข้าก่อน ข้ายังไม่อยากตาย ข้าต้องไปช่วยท่านแม่ของข้าก่อน
“ช่วยข้าด้วย”
อ้ายเจิงขี่ม้าไปดักขวางหน้าม้าของลู่หนิงหวัง พวกเขาไม่อาจขี่ม้าเร็วได้เพราะที่นี่มีกับดักมากมาย แม้จะรู้ว่ามันอยู่ตรงไหนบ้างแต่ก็ต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง
“นายท่านนางคือว่าที่หวางเฟย และอาจกำลังตั้งครรภ์บุตรของท่านอยู่นะขอรับ จะไม่ช่วยเหลือสักนิดเลยหรือ”
ลู่หนิงหวังแค่นหัวเราะเย็นชา
“เจ้าอาจจะตรวจผิดก็เป็นได้ เจ้าก็รู้ว่าวิชาแพทย์ของข้าก็ไม่ธรรมดาข้าไม่เห็นว่านางจะตั้งครรภ์ ที่ข้ายังให้โอกาสนางเพราะคิดว่าจะร่วมรักกับนางอีกสักหลายครั้งถ่วงเวลาจนกว่านางจะตั้งครรภ์แล้วค่อยพาไปพบเสด็จพ่อ แต่ในเมื่อตอนนี้นางไม่รักดีอยากตายก็สุดแล้วแต่นางจะทำ ข้าไม่สนใจแล้ว เจ้าถอยไปไม่เช่นนั้นคนที่ตายจะเป็นเจ้าเอง”
อ้ายเจิงไม่ยอมแพ้ เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ออกว่าหนานอิงจะฆ่าตัวตายด้วยเหตุใด นางดูเปราะบางอ่อนไหวเพียงนั้น คนที่เปราะบางมักจะขี้ขลาดที่จะลงมือปลิดชีพตนเอง อ้ายเจิงจึงหาเหตุผลมาเปลี่ยนใจลู่หนิงหวังให้ได้โดยเร็ว
“นายท่านอย่าลืมว่าวิชาแพทย์ข้าเก่งกว่าท่านนัก ครรภ์ของนางยังอ่อนท่านผู้ไม่ชำนาญเรื่องนี้ไม่อาจจับสังเกตอาการได้ หากนางท้องจริงท่านไม่คิดหรือว่ากำลังจะฆ่าบุตรของท่านเองนะขอรับ?”
ลู่หนิงหวังเริ่มลังเล เขาย่อมรู้ดีและยอมรับว่าอ้ายเจิงเป็นหมอเทวดาในขณะที่เขายังห่างชั้นกว่าอ้ายเจิงอยู่มาก หากเขาตรวจผิดและนางมีครรภ์จริงนางก็ยังมีประโยชน์แก่เขาและหานเซียว ทั้งเด็กในท้องนั้นยังเป็นบุตรของพวกเขาอีก
“นายท่านจะปล่อยให้นางตายไม่ได้นะขอรับ เชื่อข้า ท่านไม่ชอบสตรีอื่นแต่ตกลงรับนางเป็นหวางเฟยก็ไม่เท่ากับว่าท่านไม่รังเกียจนางไม่ใช่หรือ กว่าจะหาสตรีที่ท่านยอมรับได้มันไม่ง่ายเลยนะขอรับ”
อ้ายเจิงย้ำอีก แน่นอนว่าลู่หนิงหวังคนนี้ย่อมต้องใช้ผลประโยชน์เข้าหลอกล่อ และอ้ายเจิงก็เห็นว่าหนานอิงน่าเวทนาเป็นอย่างยิ่งอย่างไรเขาก็ทนดูนางตายไม่ได้
ลู่หนิงหวังลังเลแล้ว เขายอมรับว่าเพราะดวงตาคู่งามของนางที่เหมือนมีน้ำค้างพราวอยู่ในนั้นที่ดึงดูดเขาในคราแรก ทำให้เขาไม่รังเกียจหากนางจะปรนนิบัติเขาอีกหลาย ๆ ครั้ง
ที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยพบสตรีที่ให้ความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน และหากนางท้องจริงเมื่อเขาปล่อยให้นางตาย เขาก็ไม่อาจแบกหน้าที่ได้ขึ้นชื่อว่าสังหารบุตรของตนเองเอาไว้ได้เช่นกัน
อย่างน้อยลู่หนิงหวังก็ยังคิดถึงตนเองในเมื่อครั้งยังเด็ก เด็กที่มารดาไม่ต้องการมันช่างเจ็บปวดนัก
และหนานอิงผู้นั้นกำลังจะทำเรื่องที่ลู่ไท่เฟยเคยกระทำ ทำร้ายลูกของตนเองโดยไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบ เขาไม่มีทางยอมให้นางสมหวังเป็นอันขาด
หากนางต้องการตาย เอาไว้ให้นางคลอดก่อนค่อยปล่อยให้ตายก็ยังไม่สาย
คิดได้ดังนั้นลู่หนิงหวังจึงพยักหน้า
“ก็ได้ แต่หากนางต้องการตายครั้งต่อไป เจ้าอย่าบังคับให้ข้าช่วยนางอีกก็แล้วกัน เข้าใจหรือไม่นี่คือโอกาสครั้งสุดท้ายของนางแล้ว”
ไวเท่าคำพูด เมื่อลู่หนิงหวังอนุญาตอ้ายเจิงรีบชักกระบี่ตัดเชือกที่มัดนางให้ห้อยหัวจนขาดทันใด ร่างของหนานอิงลอยละลิ่วลงสู่พื้น ลู่หนิงหวังไม่รู้ด้วยเหตุอันใดชักจูงใจจึงกระโดดรับร่างของนางเอาไว้อย่างนุ่มนวล
ลู่หนิงหวังวางหนานอิงลงบนพื้นกล่าววาจาร้ายกาจออกมา
“สตรีไร้สมองต่อไปหากเจ้าคิดฆ่าตัวตายอีกข้าไม่ช่วยเป็นแน่ จำเอาไว้ให้ดี”
เขาแกะนางออกจากตาข่ายเหมือนแกะปลาตัวหนึ่งอย่างไม่รีบร้อนนัก ทันทีที่หนานอิงเป็นอิสระ ลู่หนิงหวังกลับวางมือใหญ่ไว้บนหน้าท้องของนาง หนานอิงไม่มีแรงต่อกรกับผู้ใดแล้วรู้สึกวิงเวียนจนแทบจะอาเจียนออกมา
สุดท้ายไม่อาจกลั้นเอาไว้ได้นางหันหน้าหนีเขาแล้วก้มหน้าลงบนพื้นคายเอาเศษอาหารที่แทบไม่มีติดท้องออกมาอย่างเอาเป็นเอาตาย
ลู่หนิงหวังพลันแข็งค้างเมื่อเขาคิดเตลิดไปไกลแล้ว อ้ายเจิงนั่งลงข้างเขาแล้วกระซิบเสียงเบา
“หรือว่านางตั้งครรภ์จริงจึงได้แพ้ท้องเช่นนี้ ท่านเห็นทีจะแพ้ข้าแล้ว”