ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร - ตอนที่ 91: ภาค 4 ตอนที่ 8 หัวใจที่บีบรัด
ขณะนี้ เวลาเช้าตรู่ที่พระอาทิตย์ยังขึ้นไม่ทั่วฟ้า เป็นช่วงที่ดีสำหรับการเดินทัพ ไม่ว่าจะเป็นของฟัวกราที่ขยับเข้าตีเมืองหลวง หรือฟาเรเรียที่ส่งกองทัพออกไปดันกลับชายแดน
ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ตอนนี้ฉันก็ทำได้แค่นอนอยู่บนเตียงในเมืองที่ไกลจากแนวหน้า ถึงแฟร์จะบอกว่ามีโอกาสที่ทางฟัวกราจะถอยไปเองก็เถอะ แต่ถ้าไม่ถอยละ…สงบใจไม่ได้เลยจริง ๆ
“เฮ้อ…”
ว่าแล้วฉันก็ถอนหายใจออกมา นอนต่อไปก็คงไม่สบายใจเปล่า ๆ ลุกไปหาอะไรทำสักหน่อยดีกว่า ยังไงถ้าคิดไม่ออกก็พาริเกลไปเดินเล่นเอาแล้วกัน
เมื่อตัดสินใจได้แบบนั้น ก็ลุกขึ้นจากเตียงแล้วเปลี่ยนชุดที่ใส่สบาย จากนั้นก็เดินออกมานอกทางเดินที่เงียบสงัด อีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาที่คนในคฤหาสน์จะตื่นกัน คงติดนิสัยเวลาทำงานอยู่ในกองอัศวินเกินไปจริง ๆ นั่นแหละ
“หือ?”
ในตอนที่กำลังคิดอยู่ว่าเวลานี้ยังไม่มีใครตื่น ฉันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนดังออกมาจากทางสวนรอบคฤหาสน์ เมื่อหันออกไปมองทางนอกหน้าต่างที่ติดกับทางเดินชั้นสอง ก็พบกับเจ้าของเสียง
แฟร์? ตื่นมาทำอะไรเวลานี้กันนะ…ไม่สิ ฉันคงไม่มีมีหน้าไปว่าคนอื่นเท่าไหร่ สายตาของฉันจับจ้องไปที่แฟร์อย่างเงียบเฉียบโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้เลยแม้แต่น้อย เธอเดินอยู่ภายในสวนและหยุดอยู่ตรงพุ่มดอกไม้หนึ่ง ก่อนจะหยิบซองจดหมายออกมาฉบับหนึ่ง
ไม่แน่ บางทีแฟร์ก็อาจจะติดนิสัยที่ต้องตื่นมาทำงานเหมือนกันก็ได้ แล้วลงเอยด้วยการไม่มีอะไรทำเหมือนกับฉัน ลงไปทักดีไหมนะ…แต่พร้อมกันนั้น ฉันก็นึกถึงเรื่องที่เคยเกินขึ้นก่อนหน้านี้
ถึงการกลับมาพบกันจะน่ายินดี และเธอเองก็เอาการเอางานกับหน้าที่ของตัวเองก็เถอะ แต่มันก็อดไม่ได้ ที่จะคิดถึงตอนที่แฟร์สารภาพรักกับฉัน ไม่สิมันข้ามขั้นไปขอแต่งงานเลยต่างหาก…
แม้จะไม่ได้รู้สึกรังเกียจหรือแย่กับมันก็เถอะ แต่ถึงกระนั้นภายในหน้าอกมันก็แน่นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ความคิดในสมองก็ผสมปนเปกันไปหมดทุกครั้งที่คิดเรื่องความรัก ไม่เข้าใจเลย
และเพราะไม่เข้าใจเลยตีความไปว่าความรู้สึกนั้นมันช่างทรมาน ถ้าหากไม่ได้คุยเรื่องงาน แฟร์คงตั้งใจรุกหนักใส่ฉันแน่ เพราะงั้นไม่ทักไปน่าจะดีกว่า…
แต่ว่าอึดใจต่อมา เธอก็ถอนหายใจยาวพร้อมทั้งใช้มือเช็ดหางตา
“…กำลังร้องไห้อยู่เหรอ?”
ฉันพึมพำออกมาเช่นนั้นแล้วเพ่งตามองแฟร์ที่หันหลังให้ไม่ไกลมากนัก เธอคนนั้นที่ร่าเริงแล้วก็เจิดจ้าราวกับพระอาทิตย์มาตลอดนั้น กำลังมีท่าทีเศร้าหมอง แม้มือที่ปาดไปจะไร้ซึ่งน้ำตา แต่ขอบตาที่แดงนั้นแสดงให้เห็นว่าเธอคงร้องออกมามากเกินพอแล้ว
ถึงแม้จะรู้ว่าการพูดคุยกับเธอนั้นทำให้ฉันทรมาน แต่กว่าจะรู้ตัว ร่างของฉันก็ก้าวเท้าลงจากชั้นสองและตรงไปที่สวนอย่างรวดเร็ว ทั้งยังส่งเสียงออกไปซะแล้ว
“แฟร์”
“?! เคียร่า!?”
เพียงส่งเสียงออกไปอย่างแผ่วเบา ไหล่ของแฟร์ก็กระตุกกึกแล้วหลุดเรียกฉันด้วยเสียงหลง เหมือนว่าจะตกใจที่มีคนเรียกในระหว่างที่ใจลอยสินะ นี่อยู่ในต่างประเทศแท้ ๆ ทำอะไรกันละเนี่ย ผู้ปกครองประเทศคนนี้
แต่เรื่องนั้นคงไม่เหมาะกับการพูดออกมาตอนนี้ ตอนที่ใบหน้าของหญิงสาวซึ่งเต็มไปด้วยความอ่อนแอหันมาทางฉัน พอมองใกล้ ๆ ก็ยิ่งเห็นชัดกว่าเดิม ว่าแม้จะไม่มีน้ำตาไหลออกมา แต่ภายในดวงตานั้นก็เต็มไปด้วยความเศร้า
ทำไมกันนะ ทำไมพอมองใบหน้าของแฟร์ที่เป็นแบบนั้นแล้ว หัวใจของฉันมันก็บีบรัดยิ่งกว่าเดิม…ทรมานยิ่งกว่าตอนที่เธอสารภาพรักกับฉันซะอีก แต่อย่างน้อยความรู้สึกนี้ก็เข้าใจได้ง่ายกว่า
ฉันไม่อยากเห็นเธอทำสีหน้าแบบนั้น
“มีอะไรรึเปล่า?”
“มีอะไรเหรอ? กะ- ก็เปล่านี่ ฉันแค่มาเดินเล่นแค่นั้นแหละ ฮะ ๆ”
และราวกับใบหน้าเมื่อครู่เป็นเรื่องโกหก แฟร์ก็สับเปลี่ยนสีหน้าของตัวเองเป็นยิ้มแป้นอย่างร่าเริงตามปกติทันที เพียงแค่กะพริบตาครั้งเดียว เธอก็ปั้นสีหน้าได้อย่างรวดเร็วจนเรียกได้ว่าน่าชื่นชม ที่เธอมีทักษะอันจำเป็นสำหรับผู้นำประเทศ
แต่
“เธอจะหัวเราะกลบเกลื่อนกับใครก็ได้ แต่อย่ามาทำกับฉันนะ”
แต่ทำไมกัน ทั้งที่มันไม่สมกับเป็นฉันเลยแท้ ๆ แต่ว่า หงุดหงิด แค่เห็นรอยยิ้มของเธอแต่ภายในดวงตายังคงเศร้าหมอง ทำไมฉันถึงได้รู้สึกหงุดหงิดถึงขนาดนี้กัน
ดังนั้นจึงได้พูดแบบนั้นออกไป แม้จะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างสงบ แต่ว่า ฉันไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้เลย
ไม่รู้ว่าในตอนที่ฉันพูดนั้นแสดงสีหน้าออกไปแบบไหน แต่ว่ามันได้ผลทันตาเห็น แฟร์ที่มองมาทางฉันชะงักไปแล้วยิ้มไม่ออก ทำได้เพียงก้มหน้าด้วยความรู้สึกผิดและหลบตาไปทางอื่น ทำเอาอดสงสัยไม่ได้
หรือว่าฉันจะทำหน้าตาน่ากลัวออกไปงั้นเหรอ?
“ก็…ไม่มีอะไรมากหรอก แค่ว่า…”
ท้ายที่สุดเหมือนว่าเธอจะแพ้แรงกดดันจากฉัน พวกเราจึงตัดสินใจหาที่นั่งกันภายในสวนที่ล้อมรอบไปด้วยพุ่มไม้ แล้วเธอก็ค่อย ๆ เอื่อยเอ่ยความในใจออกมา และคงเพราะยังคงทำใจไม่ค่อยได้นัก จึงเล่าออกมาตะกุกตะกัก กว่าจะเล่าเสร็จก็เริ่มได้ยินเสียงคนใช้ในคฤหาสน์ตื่นกันแล้ว
สรุปคร่าว ๆ ก็คือ…มือขวาของแฟร์ที่ชื่อว่า โบล คนที่ฉันเห็นอยู่กับเธอบ่อย ๆ นั้น ทำเกินคำสั่งโดยการเป็นผู้นำเริ่มกบฏภายในประเทศฟัวกรา เป็นคนเริ่มทำให้ฝ่ายกบฏกล้าลงมือจริงจัง แต่นั่นก็แลกกับชีวิตของเขาที่ตายในการต่อสู้นั้น
“ถึงจะเข้าใจก็เถอะว่าการต่อสู้ต้องมีการสูญเสีย แล้วผลลัพธ์ที่ได้ก็ออกมาดี…แต่ถึงแบบนั้น”
แต่ถึงแบบนั้นพอเกิดขึ้นจริงก็ใช่จะทำใจยอมรับได้ง่าย ยิ่งสำหรับแฟร์แม้จะไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้จริงจัง แต่คนที่ชื่อว่าโบลนั้นเป็นคนสำคัญของเธออย่างไม่ต้องสงสัย
ในตอนที่เริ่มก่อตั้งกลุ่มขึ้นมา นอกจากคำปรึกษากับฉันแล้วก็ได้เขาคนนั้นที่เป็นทหารรับจ้างมากประสบการณ์ช่วยไว้หลายอย่าง ทั้งเรื่องที่แม้แฟร์จะไม่รู้ตัวแต่เธอก็มองเขาเป็นเหมือนพ่ออีกคน ทั้งเขาก็ยังมองแฟร์เป็นลูกด้วยเหมือนกัน
ดังนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะลึกซึ้งจนยากจะทำใจก็ไม่แปลก ขอบตาที่แดงเถือกนั้นคงเกิดจากการร้องไห้ตลอดทั้งคืน เพราะงั้นในตอนนี้จึงไม่เหลือน้ำตาให้ไหลออกมาแล้ว…
“แต่ถึงแบบนั้น ก็ไม่เป็นไรหรอกนะ”
“…ไม่เป็นไรเหรอ?”
“ใช่ ถึงเธอจะยังทำใจยอมรับมันไม่ได้ แต่ก็ไม่เป็นไร…”
ฉันตอบแฟร์ที่ถามทวนด้วยใบหน้าสงสัยออกไปแบบนั้น ตอนนี้พวกเราสองคนนั่งหลังพิงกับพุ่มไม้ประดับภายในสวนอยู่ข้างกัน
เมื่อพูดจบฉันก็เว้นช่วยไปพักหนึ่ง ก่อนจะยื่นมือไปโอบล้อมหัวของแฟร์เอาไว้ แล้วดึงเข้ามาให้ซุกที่ไหล่ฉัน พร้อมทั้งใช้มืออีกข้างกอดเธอไว้อย่างอ่อนโยน
“จริงอยู่ที่พวกเราต้องก้าวข้ามมันไป จริงอยู่ที่พวกเราต้องเผชิญหน้ากับมันต่อไป แต่ว่า…ไม่เป็นไรหรอกนะ ที่จะเก็บความเศร้าโศกเอาไว้ด้วย ถึงพวกเราจำเป็นต้องเข้มแข็งในสถานการณ์แบบนี้ แต่บางครั้ง การยอมรับว่าตัวเองเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น มันก็ไม่ใช่เรื่องแย่หรอก เพราะงั้น…อย่างน้อยก็แค่กับฉัน จะแสดงมันออกมาให้เห็นก็ได้นะ”
ว่าแล้ว ฉันก็ใช้มือตบที่หลังหัวของเธอเบา ๆ เป็นการปลอบประโลม และเพราะเธออยู่ในอ้อมกอดของฉันจึงไม่อาจเห็นได้ว่ากำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่ แต่ที่แน่ ๆ ไหล่ของแฟร์เริ่มสั่นไหวออกมา ราวกับกำลังสะอื้นอยู่
จากตอนแรกที่เธอตกใจกับการโดนฉันกอด ในตอนนี้เหมือนว่าจะไม่สนใจเรื่องนั้นอีกแล้ว พลางใช้มือทั้งสองข้างของตนเองกอดกลับมาด้วยเช่นกัน โดยที่ยังคมก้มหน้าซุกที่ไหล่ของฉันอยู่
ก่อนจะเริ่มระบายความรู้สึก ที่ราวกับไม่ได้ต้องการคุยกับฉันอยู่ออกมา
“เจ้าบ้านั่น…ทั้งที่บ่นว่าไม่อยากทำงานอันตรายแท้ ๆ ดันทำอะไรโง่ ๆ ไปซะได้”
“อืม”
“แล้วอีกอย่าง…ฉันจะไปเจอหน้าครอบครัวนายได้ไง”
“…ไว้ค่อยไปหาด้วยกันหลังจากจบเรื่องเนอะ” แฟร์ไม่ตอบอะไรคำพูดของฉัน ทำเพียงแค่พยักหน้าให้
“บอกว่าไม่อยากให้ลูกสาวเป็นเหมือนฉันหนิ มาตายไปก่อนแบบนี้มันก็ช่วยไม่ได้ที่ฉันจะเป็นคนดูแลให้ไม่ใช่เหรอ ถ้าเกิดลูกนายเป็นเหมือนฉันขึ้นมาไม่รู้ด้วยนะ”
“ฮะ ๆ นั่นสินะ”
“เคียร่า…”
“หือ?”
ในตอนที่เธอกำลังบ่นออกมาโดยมีฉันคอยรับฟังและตอบกลับไปเพียงเล็กน้อย จู่ ๆ เธอก็พูดชื่อของฉันขึ้นมา ทำเอาเผลอเอียงคอด้วยความสงสัย แต่เธอก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“รักนะ”
“…เอ๋?!”
คำพูดบอกรักที่ไม่คิดว่าจะออกมาจากปากของแฟร์ในตอนนี้ ทำเอาฉันไปไม่ถูกและเผลอร้องออกมาเสียงดัง พร้อมกันนั้นก็รู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วใบหน้า ร่างกายก็สั่งให้ผละตัวออกมา
แต่ว่า แฟร์ที่ซุกไหล่ฉันอยู่นั้นปล่อยตัวทิ้งแรงลงมา ทำเอาต้องเปลี่ยนจากกอดเป็นใช้มือโอบเธอไว้ไม่ให้ล้ม แล้วก็ได้ยินเสียงลมหายใจเบา ๆ ของเธอดังออกมา
หลับไปซะแล้ว…
“…ทำให้ตกใจซะได้”
พอรู้แบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก พอรู้ว่าแฟร์หลับไปแล้วจึงเริ่มสงบใจขึ้นมาได้บ้าง ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนท่านั่งของตัวเองเป็นนั่งคุกเข่า แล้วจัดให้แฟร์นอนหนุนตักของตัวเอง
เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นคงจะนอนได้ไม่เต็มอิ่มสินะ ดังนั้นพอได้ปล่อยโฮจนสบายใจขึ้นมาเลยหลับไปทั้งแบบนี้เลย ดูสิ ทำหน้าสบายใจขนาดนี้เชียว
ฉันยิ้มออกมาพร้อมทั้งใช้มือลูบเส้นผมของแฟร์ให้ไปทัดหู เพื่อไม่ให้กวนเธอยามหลับ แฟร์ที่มักจะร่าเริงและเข้มแข็งตลอดนั้น ในตอนนี้ไม่เหลือเค้าโครงบรรยากาศแบบนั้นเหลือเลยแม้แต่น้อย
ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าแฟร์เป็นยังไง แต่พอเห็นแบบนี้ก็ยิ่งมั่นใจได้ ว่าท้ายที่สุดเธอก็เป็นเด็กสาวธรรมดา เพียงแค่แบกรับสิ่งที่ใหญ่เกินกว่าไหล่บาง ๆ นี่จะแบกไหวเอาไว้ จึงต้องเข้มแข็งเพื่อให้ตนเองไปต่อได้
พอคิดแบบนั้นก็ยิ่งเข้าใจ ว่าเธอนั้นสุดยอดมากแค่ไหน
‘ตึก ตึก’
ในขณะที่กำลังคิดอะไรไปเรื่อยพลางมองใบหน้าของแฟร์ตอนนอนอยู่ จู่ ๆ ในใจก็บีบรัดขึ้นมาอีกครั้ง อีกแล้ว ทั้งที่ไม่ได้โดนรุกหรืออะไรแท้ ๆ แต่ความรู้สึกนี้ก็เกิดขึ้นมาอีกแล้ว
ความรู้สึกที่หัวใจเต้นเร็วจนจุกเหมือนมีอะไรมาอัดแน่นในอก ความรู้สึกที่เหมือนจะทรมาน หนนี้เพียงแค่มองใบหน้าของแฟร์ก็รู้สึกขึ้นมาแล้ว ไม่เข้าใจเลย
แต่ว่า
“ฉัน…อาจจะไม่ได้เกลียดมันก็ได้”
ฉันกุมที่หน้าอกของตนเองพลางพึมพำออกมาเช่นนั้น ที่ฝ่ามือรับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจอย่างชัดเจน ว่ามันเร็วขึ้นกว่าปกติจนน่ากลัว ถึงกระนั้น ทั้งใบหน้าที่ร้อนผ่าวและมุมปากที่ยกขึ้นก็บอกได้อย่างชัดเจน ว่าฉันกำลังมีความสุขอยู่
จากนั้นเมื่อปล่อยตัวให้ไปตามความรู้สึก ฉันก็ใช้มือทัดผมของตนเองขึ้นแล้วก้มหน้าลงไปใกล้กับแฟร์ โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าในตอนนี้ฉันรู้สึกอะไรอยู่ แล้วต้องการอะไรกันแน่
————————– —————————-
‘งืม ๆ หาว~’
ฉันที่ตื่นขึ้นมาเพราะเริ่มได้ยินเสียงนกร้องข้างนอกนั้น ยืดตัวบิดขี้เกียจจนเกิดเสียงไปรอบ ๆ เพราะขยับร่างที่ใหญ่ของตนเอง พอไม่ได้อยู่ในวังที่มีกฎระเบียบอะไรเยอะแยะแล้วหลับสบายดีจัง~
ถ้าเคียร่าได้นอนหลับเต็มอิ่มเพลิน ๆ บ้างก็คงดีนะ…แต่คงไม่เป็นแบบนั้นแหง เพราะตอนนี้รู้สึกได้ถึงพลังเวทของเธอ เหมือนว่าจะอยู่ในสวน? คงกำลังมาหาฉันละมั้ง ก็เป็นทางผ่านนี่นา
ว่าแล้วฉันก็ส่งเสียงร้องในลำคอเบา ๆ อย่างยินดี ที่จะได้เจอกับเคียร่าตั้งแต่เช้า แล้วรอให้เธอเดินมาหาอยู่ในที่พักของมังกร…
แต่ว่าเวลาก็ผ่านไปพักใหญ่ เคียร่าก็ยังไม่มา หรือว่าทำอย่างอื่นอยู่เหรอ? อืมมมม จากกลิ่นอายคงกำลังอยู่ที่สวนเหมือนเดิม อะ พอสังเกตดี ๆ ในสวนนอกจากเคียร่าแล้วยังมีคนอื่นอยู่ด้วย คุยธุระเหรอ เวลานี้เนี่ยนะ?
เอ๊ะ กลิ่นอายพลังเวทแบบนี้มัน…แฟร์? อย่าบอกนะว่าใช้ช่องว่างที่ฉันไม่อยู่ฉวยโอกาสเคียร่าน่ะ! ฮึ่มมม ยอมไม่ได้หรอกเฟ้ย!
ว่าแล้วฉันก็ส่งเสียงร้องทุ้มต่ำในลำคอ ก่อนจะลุกขึ้นและดันประตูให้เปิดออก แล้วก้าวเท้าเข้าไปภายในสวนขนาดใหญ่อย่างระมัดระวัง และเพราะร่างกายที่ใหญ่โตทำให้ไม่นานนักก็ถึงจุดที่พลังเวทของเคียร่าอยู่
‘เคียร่—’
ในตอนที่กำลังจะส่งเสียงเรียกเคียร่าออกไป ฉันก็หยุดชะงักเอาไว้ในทันทีเมื่อได้เห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า…ตอนนี้มันไม่ได้เป็นอย่างที่ฉันคาดไว้ แต่เป็นว่าแฟร์กำลังหลับ โดยมีเคียร่านำร่างของเธอมาหนุนตักของตัวเองอยู่ และที่สำคัญ…
เคียร่ากำลังประกบริมฝีปากลงบนแก้มของแฟร์ที่หลับสนิท
‘…’
ฉันรู้ดี ว่าการรู้สึกแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ดี ฉันรู้ดี ว่าเธอทั้งคู่นั้นมีความรู้สึกแบบไหนให้กัน เห็นขนาดนี้ไม่รู้ก็แปลกแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าจะเลิกรู้สึกแบบนี้ได้ง่าย ๆ
พอเห็นแฟร์ที่โพล่งความรู้สึกของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา นอกจากความรู้สึกเป็นห่วงและหวังดีกับเคียร่า แต่ฉันเองก็รู้ดีว่าลึกลงไปแล้วคิดยังไงอยู่กันแน่
ไม่แน่ ฉันอาจจะไม่ได้ต่างจากโอเรลมากนักก็ได้ ที่ท้ายสุดก็เป็นแค่พวกขี้แพ้ชวนตี แต่ว่าเพื่อไม่ให้ตัวเองกลายเป็นคนเฮงซวยแบบนั้น ฉันจึงเข้าใจดี ว่าตอนนี้ตัวเองไม่ควรเข้าไปหา
แม้ว่าในอกของตัวเองจะบีบรัดจนทรมานขนาดนี้ก็ตาม