ชีวิตใหม่ในดราโทก้า ดินแดนมังกร - ตอนที่ 2: ยอมรับชีวิตใหม่
นี่เราหลับไปเหรอผ่านมาแค่นานแค่ไหนกันนะไม่รู้อะไรเลย ตอนนี้ก็รู้สึกอบอุ่นจนไม่อยากลุกขึ้นมาเลย แถมยังมองเห็นแสงสีทองจาง ๆ เหมือนตอนกำลังจะหมดสติด้วย
มันเป็นแสงทอไปด้านหน้าและไกลไปสุดลูกหูลูกตา ที่เมื่อคิดว่าอยากจะหลับตาเฉย ๆ มันก็หายไป แต่เมื่อตั้งสติและปล่อยตัวไปตามความรู้สึก แสงนี้ก็จะกลับมาและมุ่งไปที่เดิม
มันคืออะไรกันนะ?
‘ช่า…’
มีเสียงอะไรบางอย่างคล้ายกับน้ำกระทบกับน้ำมันดังออกไปไกล ๆ พอสมาธิกระเจิงแสงในดวงตาก็พลันหายไปทันที แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนักเพราะว่ามีกลิ่นหอมโชยลอยเข้ามาในจมูก
หอมจัง แถมยังเป็นกลิ่นที่ชวนให้ท้องร้องขึ้นมาด้วย จริงสิ ก่อนที่จะหลับไปฉันก็หิวอยู่นี่นา อยู่ทางไหนนะ ฉันชะโงกหัวไปมาพลางขยับจมูกดุกดิกเพื่อพยายามดมที่มาของกลิ่น
อยู่ทางนั้นสินะ ฉันดมไปพักหนึ่งก่อนจะหยุดขยับหัวในขณะที่หันไปทางที่มาของกลิ่น และค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งอย่างช้า ๆ
ตอนนี้ฉันนอนอยู่บนพื้นของตัวอาคารซึ่งคิดว่าน่าจะทำจากปูนมั้ง? ไม่ค่อยรู้รายละเอียดด้วยสิช่างมันเถอะ แต่โดยรวมที่แห่งนี้บนเพดานนั้นเป็นไม้ กำแพงรอบ ๆ ทำจากวัสดุเดียวกันกับพื้นแต่มีไม้ค้ำอยู่บ้าง
คงจะเป็นบ้านล่ะมั้ง? แต่ดูเก่ากว่าที่ฉันรู้จักมากเลย ส่วนบนลำตัวก็มีผ้าผืนเล็กขาด ๆ ห่มเอาไว้อยู่ งี้นี่เองคงจะเป็นสาเหตุของความอบอุ่นในตอนที่รู้สึกตัวสินะ
แล้วในตอนที่ฉันเอียงคอไปมองด้านหลังของฉันอยู่นั้น จู่ ๆ ผ้าห่มก็ค่อย ๆ เคลื่อนออกเล็กน้อยก่อนจะเป็นหลุดออกจากลำตัวฉันไป เพราะว่าถูกอวัยวะหนึ่งดันออก
สิ่งนั้นทำให้ฉันตกตะลึงอีกครั้งจนกะพริบตาปริบ ๆ อย่างไม่เชื่อสายตา มันเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นกล้ามเนื้อและดูแข็งแกร่ง สามารถกางออกด้านข้างได้คล้ายกับแขน
ปีกนั้นเอง
อะ แต่ล่าสุดตอนที่ฉันสลบไปก็ถูกเรียกว่ามังกรนี่นาถ้างั้นมีปีกก็คงไม่แปลกอะไร ที่ปีกของฉันนั้นโปร่งแสงเล็กน้อยจนมองทะลุผ่านปีกได้ แต่สีจะถูกเปลี่ยนจากความจริงเล็กน้อยเพราะว่าปีกของฉันเป็นสีฟ้าอ่อน
เป็นภาพที่สวยงามจนชวนให้ลุ่มหลงเลย
“อ๊ะ ตื่นแล้วเหรอ”
ในตอนที่ฉันกำลังจ้องปีกของตัวเองอยู่นั้นเอง ก็มีเสียงใส ๆ ของเด็กสาวแบบเดียวกันกับตอนก่อนหมดสติดังขึ้น เมื่อหันไปมองก็พบกับเด็กร่างเล็กผมสีน้ำตาลสว่างปล่อยยาวจนถึงกลางหลัง
แต่ตรงบริเวณข้างหัวด้านหน้าหูนั้น ใช้ริบบิ้นสีเหลืองอ่อนผูกผมเอาไว้ไม่หนานักทั้งสองด้าน ร่างกายที่ถึงแม้จะตัวใหญ่สำหรับฉันในตอนนี้ แต่ถ้าเทียบกับมนุษย์ที่เคยรู้จักแล้วตัวค่อนข้างเล็ก
คงอายุราว ๆ สัก 7-8 ปีล่ะมั้ง เธอเดินเข้ามาในห้องที่ฉันนอนอยู่พร้อมกับจานที่มีควันลอยออกมา จมูกของฉันตอบสนองต่อมันอย่างรวดเร็ว มันเป็นกลิ่นที่ทำให้ท้องฉันร้องหนักกว่าเดิมนั่นเอง
เธอคนนั้นยิ้มให้กับท่าทางดีใจของฉันก่อนจะนำมาวางไว้ตรงหน้าฉัน มันมีเนื้อที่ถูกย่างจนกลายเป็นสีสวยงาม มันดูน่าอร่อยจนชวนให้น้ำลายไหล แล้วฉันก็ได้แต่มองจานกับหน้าเด็กคนนั้นสลับกัน
กินได้จริง ๆ เหรอ!
“เธอคงหิวแย่ เชิญเลยจ้ะ”
เมื่ออีกฝ่ายพูดแบบนั้นฉันก็ยิ้มกว้างออกมาแล้วก้มลงไปที่จานทันที…ว่าแต่ ร่างกายแบบนี้กินยังไงหว่า? ในตอนนั้นเองฉันก็ลุกขึ้นจากนอนเป็นนั่งด้วยขาหลัง
แต่ว่าเป็นท่าที่สบายกว่าตอนออกมาจากไข่ หรือก็คือไม่เมื่อยแล้วนั่นเอง เมื่อลองยกขาหน้าขึ้นมาดูก็พบว่าลองกำแบได้ค่อนข้างถนัด คงจะหยิบได้อยู่ล่ะมั้ง
พอคิดแบบนั้น ก็ลองยื่นมือไปจับชิ้นเนื้อขึ้นมาอย่างมั่นคง อะ ใช้ง่ายกว่าที่คิดไว้เยอะเลย ถ้าถือแบบนี้ละก็พอไหวอยู่แหละ
แล้วฉันก็ใช้ปากกัดลงไปในชิ้นเนื้อจึงทำให้มีน้ำจากในเนื้อทะลักออกมาอย่างชุ่มฉ่ำ อร่อย…เนื้ออร่อยขนาดนี้เลยเหรอ ทำไมถึงรู้สึกว่าไม่เคยกินเนื้อย่างธรรมดาที่อร่อยขนาดนี้มาก่อน
หยุดกินไม่ได้เลย
“หุ น่ารักจัง”
ฉันไม่สนใจคำพูดของเด็กสาวตรงหน้าพลางกัดกินชิ้นเนื้ออุ่น ๆ ตรงหน้าตนเองอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักเนื้อที่อยู่ในจานก็หมดลงอย่างรวดเร็ว อา…อิ่มจัง เหมือนขึ้นสวรรค์เลย
ฉันใช้ลิ้นของตนเองเลียไปบนมือที่เปื้อนไปด้วยน้ำจากเนื้ออย่างมีความสุข จนรู้ตัวอีกทีผิวหนังของตนเองก็กลับมาแห้งเหมือนเดิม ราวกับไม่เคยเปื้อนมาก่อน
นั่นทำให้เด็กสาวตรงหน้าฉันเผลอทำสีหน้าตกตะลึงออกมาอีกครั้ง
“เธอนี่เป็นมังกรที่แปลกจริง ๆ ด้วยนะ”
เอ๋ แปลกเหรอ ทำไมอะฉันมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า หรือว่าตอนที่วิ่งเมื่อกี้มีส่วนไหนโดนโจมตีหรือเปล่า ฉันจึงรีบหันไปมองรอบ ๆ ตัวอย่างร้อนรน ยกขาทีละข้างขึ้นดูให้แน่ใจ
ก็ไม่มีตรงไหนได้รับบาดเจ็บนี่นา แล้วมีอะไรแปลกไปเหรอ
“ฮะ ๆ ไม่ได้มีส่วนไหนเป็นอะไรหรอก แค่ว่าแถวนี้ไม่มีมังกรแบบเธอน่ะ”
เอ๋ งั้นเหรอถ้างั้นก็ค่อยโล่งอกหน่อย…แต่เดี๋ยวนะ ไม่ใช่ว่าแค่เป็นมังกรก็ต้องแปลกแล้วเรอะ? แล้วที่ว่าแถวนี้ไม่มีมังกรแบบฉันนี่ หมายความว่ามีมังกรแบบอื่นเยอะงั้นเหรอ?
“เธอนี่ฉลาดจังนะเหมือนรู้เรื่องที่ฉันพูดเลย…จริงสิ ฉันชื่อเคียร่า แล้วเธอล่ะมีชื่อหรือเปล่า”
ชื่อ? ฉันได้แต่เอียงคอสงสัยให้กับคำถามของเธอ เอ ชื่องั้นเหรอของแบบนั้นฉันมีไหมนะ ถ้าจะมีก็เป็นชื่อของตัวเองในชีวิตก่อน ซึ่งก็จำได้แค่ราง ๆ เท่านั้นเอง
แต่เดี๋ยวนะ ถึงจะมีก็บอกไม่ได้อยู่ดีนะเฮ้ย
“ไม่มีสินะ ถ้างั้น…ริเกล ขอเรียกเธอว่าริเกลแล้วกันนะ”
ฉันตัวแข็งทื่อไปเพราะชื่อที่ถูกเธอตั้งให้ มันเป็นความรู้สึกแปลกประหลาดในขณะที่มองหน้าเธอ ราวกับว่ามีบางอย่างถูกเติมเต็มอยู่ภายในอก
แต่ถึงกระนั้นสีหน้าของเคียร่าก็หมองลงแสดงให้เห็นถึงความเศร้าอย่างชัดเจน ก่อนจะพูดต่อ
“หรือว่าไม่ถูกใจเหรอ? ”
เธอที่นั่งชันเข่ามองมาที่ฉันนั้นเอียงคอเล็กน้อยด้วยความไม่สบายใจเช่นเดียวกัน พลางทำสีหน้าคิดหนัก อา! ชอบ ชอบสิชอบชื่อนี้มาก ๆ เลย แต่จะบอกเธอยังไงดีนะ?
จริงสิ เวลาพวกสัตว์มันมีความสุขก็จะส่ายหางนี่นา ฉันเองก็ต้องส่ายบ้าง…ว่าแต่ หางมันส่ายยังไงฟะ เพราะว่าเป็นส่วนของร่างกายที่ไม่เคยมีมาก่อนจึงได้ไม่ชินและไม่รู้จะควบคุมอย่างไรให้เป็นตามใจนึก
แต่ถึงแบบนั้นฉันก็ต้องการส่ายหางให้เธอเห็นเดี๋ยวนี้ จึงได้ขยับบั้นท้ายให้ส่ายไปมา รู้สึกน่าอายจังวุ้ยไม่อยากคิดสภาพถ้าเป็นตัวเองในร่างเก่าจะดูตลกขนาดไหนกันเชียว
“อุ๊ป- ฮ่า ๆ ๆ ทำไมถึงส่ายก้นไปมาอย่างนั้นล่ะ อย่างกับว่าสายหางไม่เป็นแหนะ ฮะ ๆ ๆ ”
เธอระเบิดหัวเราะออกมาอย่างหนักเมื่อเห็นท่าทีของฉัน นั่นทำให้ฉันยิ่งอายกว่าเดิมแล้วหยุดส่ายหางลง พลางทำท่าซึม ๆ ลงทันที
เพราะว่าเธอนั้นยังคงหัวเราะไม่หยุดจนน้ำตาไหลเล็กน้อย หยุดขำหน่า! ก็คนมันไม่รู้วิธีควบคุมนี่นา ช่วยไม่ได้ไม่ใช่รึไง!
ฉันคิดโวยวายในใจพลางวางขาหน้าและก้าวเดินไปหาเธอ ก่อนจะให้ปากกัดเสื้อของเธอแล้วดึงเบา ๆ เป็นนัย ๆ ว่าฉันไม่พอใจ แล้วเธอก็ค่อยสงบลงอย่างช้า ๆ
โดยที่ยังไหล่สั่นไม่หยุดอะนะ น่าเจ็บใจ!!
“ฮ่า ๆ โทษที ๆ ฉันคงขำมากเกินไปหน่อยสินะ”
ใช่ เลิกขำได้แล้วนะไม่งั้นทางนี้จะโกรธจริง ๆ ด้วย เชอะ ฉันตอบกลับเธอในใจพลางสะบัดหน้าหนีไปทางเพื่อแสดงให้เห็นว่ากำลังงอนอยู่ เคียร่าก็ขอโทษขอโพยยกใหญ่
ช่วยไม่ได้นะ เห็นแก่ความพยายามจะหายโกรธก็แล้วกัน ฉันคิดแบบนั้นพลางนั่งลงอีกครั้ง ว่าแล้วเชียว ยังไงการอยู่แบบหลังตรงแบบนี้ก็รู้สึกดีกว่าจริง ๆ
“ถ้างั้น เธอมาจากไหนเหรอ”
เธอพูดออกมาในขณะที่ขยับตัวเปลี่ยนเป็นนั่งขัดสมาธิ เอ ฉันมาจากที่ไหนเหรอ สถานที่ที่ฉันเคยอยู่นั้นไม่เหมือนที่นี่โดยสิ้นเชิง ทั้งไม่มีมังกร ชุดแบบที่เธอใส่ก็ค่อนข้างเก่าและดูแปลกตาสำหรับฉัน
เพราะงั้นจะให้คิดว่าไม่ได้อยู่ที่โลกเดิมแล้วก็คงไม่แปลกนัก และถ้าว่ามาโลกนี้และอยู่ที่นี่ได้ยังไง ฉันก็คงต้องส่ายหน้าให้ล่ะนะ
“งั้นเหรอ…แล้วพ่อกับแม่เธอล่ะ”
ฉันหรี่ตาลงเล็กน้อยกว่าเดิมแล้วส่ายหัวให้เบา ๆ อีกครั้ง น้ำเสียงเธอก็ดูเบาลงกว่าเดิมพร้อมทั้งสีหน้าที่มัวหมองตาม อย่าเศร้าสิ เดี๋ยวทางนี้ก็เศร้าตามจริง ๆ หรอก
“ถ้าตัวเล็กแบบนี้คงพึ่งเกิดล่ะมั้ง เกิดมาได้กี่วันแล้วเหรอ…ฮะ ๆ ว่าไปนั่นเธอจะตอบได้ยังไงล่ะเนอะ”
เคียร่าหัวเราะร่าออกมาเล็กน้อยให้กับคำถามสุดสิ้นคิดของตน แต่ว่า ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรพิเศษกับท่าทางแบบนั้นของเธอ พลางค่อย ๆ ยกขาหน้าข้างขวาขึ้น แล้วชูนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว แสดงให้เห็นถึงเลขหนึ่ง
นั่นทำให้เธอทำสีหน้าประหลาดใจออกมายิ่งกว่าเดิม ไม่สิ แบบนี้คงเรียกว่าหน้าถอดสีล่ะมั้ง ก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ และถามต่อด้วยเสียงสั่น ๆ
“อย่าบอกนะ…ว่าเธอออกมาจากไข่โดยที่อยู่เพียงตัวเดียว และโดนไล่ตามงั้นเหรอ”
ฉันเองก็ทำสีหน้าเศร้าหมองลงกว่าเดิมทันที พลางพยักหน้าให้เธอช้า ๆ อย่างเซื่องซึม นั่นทำให้เธอดึงสีหน้ากลับมาให้ปกติเหมือนเดิม
“งั้นเหรอ…”
ฉันอยู่นิ่งๆ และลดขาลงพร้อมทั้งก้มหน้าหนีเธอ ทำไมถึงรู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมากันนะ ไม่สิ พอมานึกดี ๆ ก็น่าเจ็บปวดชะมัด จู่ ๆ ก็ตายจากโลกเก่าโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ทั้ง ๆ ที่ยังอายุน้อยอยู่เลย
ทั้งช่วงชีวิตที่เหลือ ทั้งครอบครัว เพื่อนฝูง หรือแม้แต่ความปรารถนา ไม่มีโอกาสได้แก้ไขหรือทำอะไรต่ออีกแล้ว ถ้าจำไม่ผิดล่าสุดฉัน…ก็แค่เตรียมงานโรงเรียนกับเพื่อน ๆ และเฝ้ารอวันจัดอยู่อย่างสนุกสนานเท่านั้นเอง
แถมพอมารู้สึกตัวอีกทีก็ดันกลายเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ ไม่ใช่ร่างกายแบบเดิมด้วยซ้ำไม่มีแม้แต่พ่อแม่ว่าฉันอยู่ที่ไหน ทั้งยังถูกไล่ตามอย่างดุร้าย
มันทั้งเศร้า เหงา เจ็บปวด และหวาดกลัวเกินกว่าจะอธิบายได้ มีเพียงหยาดน้ำเย็น ๆ ที่ไหลออกมาจากตาเท่านั้น ที่อธิบายความรู้สึกภายในอกนี้ออกมา มันน่ากลัวเหลือเกิน…
ในตอนนั้นเอง ก็มีความอบอุ่นกระทบเข้ากับหางตาของฉัน ทำให้เผลอเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อหันไปมองคนตรงหน้าทันที
ในตอนนั้นเองฉันก็ได้รู้ว่าความอบอุ่นนั้นมาจากมือของเคียร่า ที่ยื่นมาปาดน้ำตาให้ฉัน พร้อมทั้งรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นบนใบหน้า
ก่อนจะค่อย ๆ พูดถ้อยคำที่แสนอ่อนโยนให้กับฉันผู้โดดเดี่ยว
“ถ้างั้น เธอจะมาอยู่กับฉันไหมล่ะ ริเกล”
คำพูดนั้นเป็นดั่งแสงสว่างที่ทิ่มแทงเข้ามาที่หัวใจ เป็นความอบอุ่นที่น่าคิดถึง มันทำให้นึกถึงครอบครัวในโลกก่อน นึกถึงแม่ของฉัน
ทำให้ฉันสดใสร่าเริงขึ้นมาโดยทันที พร้อมทั้งความรู้สึกทางบั้นท้ายที่เหมือนกระทบกับพื้นค่อนข้างแรงจนดัง ตุบ ๆ อะ นี่คือหางสินะ งี้นี่เอง
แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสนใจเรื่องนั้น ฉันเริ่มก้าวขาไปด้านหน้าและกระโจนเข้าหาเธอ เธอตกใจเล็กน้อยแต่ก็อ้าแขนรับฉันเอาไว้
แต่เพราะฉันออกแรงเยอะเกินไปหรือเปล่านะ เธอจึงได้ล้มจนนอนลงไปกับพื้น ในตอนนี้จึงกลายเป็นว่าฉันนอนทับอยู่บนร่างของเธอ
จะ- เจ็บไหมนะนั่น
ฉันแสดงสีหน้าเป็นห่วงปนร้อนรนออกมา ทำให้เป็นอีกครั้งที่เธอหัวเราะอย่างร่าเริง พลางยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาลูบบนลำตัวฉันอย่างอ่อนโยน เป็นความรู้สึกที่สบายจนรู้สึกเพลิดเพลินจริง ๆ
“ท่าทางแบบนี้ แสดงว่าตกลงสินะ”
เธอพูดแบบนั้นพร้อมทั้งจ้องมาที่ดวงตาของฉัน ฉันเองก็ยิ้มกว้างออกมาและยกหางตัวเองขึ้นส่ายไปมา เริ่มจับความรู้สึกของหางได้คล่องแล้วสิ
และฉันก็ตอบกลับเธอไปอีกครั้งโดยการพยักหน้าอย่างแรง และออกเสียงร้องจากลำคอออกมาเบา ๆ
“กร้าว! ”