“ชมพูนุช เธอไปเอาขนมมาเพิ่มให้ฉันอีกหน่อยสิ มันหมดแล้วน่ะ”
“เพคะ พระสนม”
ชมพูนุชเดินหายไปแล้ว มะลิจึงหันไปพูดกับนัสรินด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก
“ชมพูนุชไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ ฉันว่าเธอเลิกพูดอะไรที่จะทำให้คนอื่นรู้สึกแย่เถอะ คุณนัสริน”
เจ้าของชื่อระบายยิ้มอย่างมีจริต “หม่อมฉันหยุดก็ได้เพคะ”
“แล้วเธอมีอะไรกับฉันหรือเปล่า ถึงได้เข้ามาถึงที่นี่”
ไหล่ของนัสรินไหวเล็กน้อย “ปกติหม่อมฉันก็เข้ามาที่นี่บ่อยๆ นะเพคะ ไม่จำเป็นต้องรอให้มีธุระกับใครก็ได้”
หน้าของมะลิชาเล็กน้อย แต่ก็พยายามไม่ใส่ใจ และก็ตั้งใจจะปลีกตัวเดินไปหาหลานชาย แต่นัสรินก็พูดขึ้นเสียก่อน
“นี่พระสนมเตรียมตัวพร้อมหรือยังเพคะ”
“เตรียมตัวอะไรเหรอ”
นัสรินระบายยิ้มหวาน แต่มะลิรู้ดีว่าภายใต้รอยยิ้มหวานนั้นเต็มไปด้วยยาพิษ
“ก็เตรียมตัวไปนอนกลางทะเลทรายยังไงล่ะเพคะ”
“นอนกลางทะเลทราย?” มะลิงง
“ใช่เพคะ นี่หม่อมฉันไม่อยากจะเชื่อเลยนะเพคะว่าพระสนมจะยังไม่รู้เรื่องนี้” แล้วนัสรินก็หัวเราะคิกคักอย่างเยาะหยัน “นี่ขนาดหม่อมฉันไม่ได้เป็นพระสนมของเจ้าชายเซรีม หม่อมฉันยังรู้เรื่องเลยนะเพคะ”
ใบหน้าของมะลิชาดิก รู้สึกไม่ต่างจากการถูกลากไปตบกลางสี่แยกไฟแดง
“คุณรู้ได้ยังไงล่ะ”
“ก็จากเจ้าชายเซรีมยังไงล่ะเพคะ”
สิ่งที่ได้ยินทำให้หัวใจของมะลิถูกความน้อยใจถล่มเข้าใส่สุดแรง หล่อนกำมือบนตักแน่น
“ขอบใจที่มาบอกฉันก็แล้วกันนะ”
นัสรินอมยิ้มอีก และพูดต่อ “แล้วพระสนมรู้ไหมเพคะว่าทำไมถึงต้องไปนอนกลางทะเลทรายกับเจ้าชายเซรีม”
“ฉันไม่อยากรู้หรอก”
“แต่หม่อมฉันอยากบอกเพคะ”
มะลินั่งนิ่ง พยายามข่มอารมณ์เอาไว้สุดฤทธิ์
นัสรินเห็นมะลิโกรธจนหน้าแดงก็เต็มไปด้วยความพึงพอใจ รีบจัดการเป่าความแตกแยกเข้าไปอีก
“เพราะว่าเจ้าชายเซรีมต้องการทำให้พระสนมทนความลำบากกลางทะเลทรายไม่ไหวยังไงล่ะเพคะ แล้วพระสนมจะได้ไปจากวังนี้ ไปจากเจ้าชายเซรีมเสียที”
น้ำตาแห่งความเจ็บแค้นแทบร่วงหล่น หล่อนทั้งกัดฟัน ทั้งกำมือแน่น ไฟโทสะแล่นพล่านเต็มร่าง แต่หล่อนจะไม่ยอมแพ้ มะลิข่มใจหันไปยิ้มหวานให้กับนัสริน
“รู้อะไรไหมคุณนัสริน”
นัสรินมองใบหน้าที่เกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มของมะลิด้วยความแปลกประหลาดใจ
“ฉันน่ะใฝ่ฝันมาตั้งแต่ลืมตาดูโลกแล้วละว่าอยากท่องเที่ยวไปในทะเลทรายกับเจ้าชายรูปหล่อสักพระองค์หนึ่ง ซึ่งไม่น่าเชื่อนะว่าฝันของฉันจะเป็นจริงได้” หล่อนยังคงหัวเราะเยาะหยัน นัสรินที่กำลังทำหน้าผิดหวังกับสิ่งที่เกิดขึ้น “ดังนั้นฉันสาบานได้เลยว่าฉันจะไม่มีทางยอมออกไปจากซาเรียง่ายๆ เพราะฉันรักทะเลทราย”
“หน้าด้าน”
“ระวังปากด้วยคุณนัสริน เพราะตอนนี้ฉันเป็นพระสนม ไม่ใช่ผู้อาศัยเหมือนเมื่อก่อน”
นัสรินกัดฟันแน่น หล่อนลุกขึ้นยืน ดวงตาหวานฉ่ำนั้นอัดแน่นไปด้วยความริษยา
“เธอมันก็เป็นได้แค่พระสนมที่รอวันปลดระวางเท่านั้นแหละ สักวันเจ้าชายเซรีมจะต้องเฉดหัวเธอออกไปจากวังนี้”
มะลิเจ็บปวด แต่ก็จำต้องฝืนยิ้มเอาไว้ และโต้ตอบนางมารร้ายตรงหน้า
“วันนั้นคงจะมาถึงแน่นอน แต่อาจจะเป็นตอนที่เธอหมดความสวยแล้วก็ได้นะ นัสริน”
มะลิผุดลุกขึ้นยืน เผชิญหน้ากับนัสรินอย่างไร้ความเกรงกลัว หล่อนยิ้มเยาะ
“แทนที่จะเอาเวลามาอิจฉาฉัน เธอไปทำตัวให้น่าพิศวาสดีกว่า เผื่อเจ้าชายเซรีมจะหลับหูหลับตารับเธอขึ้นมาเป็นพระสนมแบบฉันบ้างก็ได้นะ”
นัสรินพูดไม่ออก จ้องหน้ามะลิด้วยความคลั่งแค้น “ฝากไว้ก่อนเถอะ”
มะลิยิ้มเยาะ “ฉันรับฝากก็ได้ แต่รับฝากแป๊บเดียวนะ รีบๆ มาเอาคืนล่ะ”
นัสรินจะกระทืบเท้ากับพื้นเพื่อระบายความโมโห แต่หางตามองไปเห็นเงาตะคุ่มของเจ้าชายเซรีมเสียก่อน หล่อนยิ้มเยาะในใจ ก่อนจะวางแผนชั่ว
“งั้นฉันไม่ฝากแล้วก็ได้” นัสรินเอาตัวบังการกระทำของตนเองเอาไว้ หล่อนยกเท้าขึ้นและขยี้ลงบนปลายเท้าเปลือยของมะลิแรงๆ จนอีกฝ่ายเบ้หน้าด้วยความเจ็บ
“นี่เธอทำบ้าอะไรเนี่ย”
นัสรินเงยหน้ายั่วยวน และเค้นเสียงแผ่วเบาที่พอได้ยินกันแค่สองคนออกมา
“ก็ทำให้เธอเจ็บยังไงล่ะ”
มะลิโกรธจนหน้ามืดตามัว และไม่ทันมองว่าเจ้าชายเซรีมกำลังเดินใกล้เข้ามา หล่อนยกมือขึ้นฟาดเปรี้ยงลงบนหน้าของนัสรินสุดแรง จนใบหน้าสวยสะบัด และแม่เจ้าประคุณก็ล้มลง
“โอ๊ย… พระสนมตบหม่อมฉันทำไมเพคะ… หม่อมฉัน… เจ็บนะเพคะ…”
นัสรินแกล้งบีบน้ำตา และตะโกนดังลั่น เจ้าชายเซรีมรีบก้าวเท้าเข้ามาหา และวินาทีนั้นเองที่มะลิเข้าใจสถานการณ์ทุกอย่างจนแจ่มแจ้ง
“นัสริน เป็นอะไรไป”
“พระสนม… ตบหม่อมฉันเพคะ”
มะลิมองเจ้าชายเซรีมที่ย่อตัวลงประคองร่างของนัสรินเอาไว้ในอ้อมแขนด้วยความน้อยใจ หล่อนเม้มปากแน่น เมื่อเขาช้อนตาขึ้นมองและถามเสียงไม่พอใจ
“ถึงที่นี่จะเป็นแดนทราย แต่เธอก็ไม่ควรเอาความป่าเถื่อนมาใช้ในบ้านเมืองของฉัน”
น้ำตาของมะลิไหลร่วงลงมา กลีบปากอิ่มเม้มแน่นยิ่งขึ้นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันที่ฮัสซันวิ่งเข้ามาหาพอดี เด็กน้อยเห็นน้าสาวตาแดงๆ ก็ถามออกมาอย่างไร้เดียงสา
“น้ามะลิร้องไห้ทำไมครับ”
มะลิรีบกะพริบตาถี่ๆ และหันไปปั้นยิ้มให้กับเด็กน้อย “น้าไม่ได้ร้องไห้จ้ะ น้าแค่… ปวดหัวนิดหน่อย ฮัสซันอยู่กับเจ้าชายแล้วกันนะจ๊ะ น้าขอตัวกลับตำหนักก่อน”
“ผมไปด้วยครับ”
“ฮัสซันยังตกปลาไม่ได้สิบตัวตามที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้เลยนะครับ เอาไว้ตกปลาครบแล้ว ค่อยไปหาน้าที่ตำหนักก็ได้”
“ครับ น้ามะลิ”
ฮัสซันตอบออกมาอย่างว่านอนสอนง่าย เด็กน้อยยิ้มให้กับนัสรินและเจ้าชายเซรีมก่อนจะวิ่งกลับไปตกปลาต่อ
กระบอกตาของมะลิร้อนผ่าว ลำคอตีบตันเมื่อเจ้าชายเซรีมยังไม่ยอมปล่อยมือจากร่างของนัสริน “หม่อมฉันขอประทานอนุญาตกลับตำหนักเพคะ”
และหล่อนก็ไม่คิดจะรับฟังคำตำหนิของเจ้าชายเถื่อนอีก หล่อนหมุนตัวพร้อมกับเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว ทันทีที่หันหลัง หยาดน้ำตาก็ร่วงรินออกมาเป็นทาง หล่อนร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวดทรมาน
“พระสนมเพคะ ขนมมาแล้วเพคะ…” ชมพูนุชที่เดินกลับมาพอดีพยายามเรียก แต่มะลิไม่สนใจ เดินจ้ำอ้าวกลับตำหนักไปเสียแล้ว
“ต้องเกิดเรื่องแน่ๆ เลย”
นางกำนัลคนสวยพึมพำออกมา และเมื่อทอดสายตาไปยังริมทะเลสาบก็เข้าใจทุกอย่างทันที เมื่อเห็นนัสรินอยู่ในอ้อมแขนของเจ้าชายเซรีม
“ทำไมร้ายกาจนักนะ คุณนัสริน”
เกือบตะวันตกดินเลยทีเดียว กว่าเจ้าชายเซรีมจะมาที่ตำหนักของหล่อน
“ถ้าพระองค์จะมาตำหนิหม่อมฉันเรื่องของนางในดวงใจของพระองค์อีกละก็ หม่อมฉันไม่อยากฟังเพคะ” หล่อนเมินหน้าหนีทันที ด้วยความน้อยใจ
“แล้วเธอทำอย่างนั้นทำไมล่ะ”
จากที่เคยหันหน้าหนี ตอนนี้ตวัดตามองเขาอย่างขุ่นเคือง “แล้วพระองค์คิดว่าหม่อมฉันทำลงไปทำไมล่ะเพคะ”
“เพราะเธอหึงหวงฉันน่ะสิ”
หล่อนอ้าปากค้างกับสิ่งที่เขาพูดออกมา เพราะถึงแม้ว่ามันจะมีความจริงปนอยู่บ้าง แต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด
“อย่าทรงหลงตัวเองนักเลยเพคะ หม่อมฉันไม่ได้…”
“แต่นัสรินบอกฉันว่าเธอหึงหวงฉันกับนาง ซึ่งความจริงเธอไม่ควรทำแบบนั้นเลยนะจัสมิน”
“หม่อมฉันไม่ได้ตบนางเพราะหึงหวงพระองค์เพคะ!”
หล่อนพยายามอธิบาย แต่เขาไม่มีทีท่าว่าจะเชื่อเลยสักนิด ดวงตาสีทองอร่ามจ้องมองหล่อนอย่างรู้ทัน
“หลังจากเราสองคนเข้าหอกันแล้ว ในหัวของฉันก็ไม่เคยคิดถึงผู้หญิงคนไหนเลยนอกจากเธอ…”
มุมปากหยักสวยของเขาแค่นยิ้ม ศีรษะทุยสวยโน้มต่ำลงมาหา และความใกล้ชิดนี้ก็ทำให้หล่อนใจสั่นเทิ้ม เพราะอดมโนไปถึงตอนที่เขาซุกไซ้ใบหน้ากับหว่างขาอวบไม่ได้
“ดังนั้นเธอสบายใจได้นะจัสมิน เพราะอย่างน้อยๆ ในอาทิตย์สองอาทิตย์นี้ ฉันจะไม่มีทางคิดถึงผู้หญิงคนอื่นได้อีกอย่างแน่นอน”
MANGA DISCUSSION