ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? - ตอนที่ 9 เฉียวเยี่ยนโมโห (รีไรท์)
ตอนที่ 9 เฉียวเยี่ยนโมโห (รีไรท์)
ตอนที่ 9 เฉียวเยี่ยนโมโห (รีไรท์)
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ที่ถูกจับได้รีบหดศีรษะกลับเข้าไป ทว่ากลับไม่ระวังจนศีรษะไปชนกับฉากกั้นลมเข้าและเปล่งเสียงออกมา
มู่ฉินเจินขมวดคิ้วเล็กน้อย วางพู่กันในมือลง ก่อนจะรีบเดินไปอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา
มือใหญ่ปรากฏกระดูกข้อต่อชัดเจนลูบศีรษะบริเวณที่โดนกระแทกเบา ๆ สายตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง “ลูกเจ็บหรือไม่? พ่อจะนวดให้”
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ที่ถูกเรียกว่าลูกถึงกับนิ่งค้างไป มือน้อย ๆ ทาบอยู่บนอก ปลอบโยนหัวใจดวงน้อยของตัวเองที่ใกล้จะเต้นออกมา
ท่านพ่อเรียกนางว่าลูกแล้ว!
แม้ท่านแม่จะเรียกว่าลูก แต่ความรู้สึกที่ได้รับมันต่างจากตอนนี้ลิบลับ
มู่ฉินเจินเห็นเด็กน้อยเอามือทาบอกก็คิดว่านางไม่สบาย เขายิ่งเป็นห่วงมากขึ้น “เป็นอะไร? เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ไม่สบายตรงไหนรึ?”
เสี่ยวอวี๋เอ่อร์ส่ายศีรษะน้อย ๆ ไปมา เขินอายจนเอียงศีรษะเล็ก ๆ ซบกับอ้อมกอดของเขา เผยให้เห็นใบหูแดงเรื่อ
มู่ฉินเจินที่ถูกลูกสาวเข้ามาใกล้ชิดรู้สึกไม่คาดฝันเล็กน้อย ความสุขพลุ่งพล่านขึ้นมาจากหัวใจ จากนั้นก็แสดงออกมาทางใบหน้า
เสี่ยวฉวนเอ๋อร์ที่อยู่ข้าง ๆ เห็นน้องสาวถูกอุ้มขึ้นมาก็เงยหน้านิ่งเรียบขึ้นมอง จากนั้นก็รีบก้มหน้ามองหนังสือในมือทันที ความอิจฉาฉายชัดอยู่ในดวงตา
มู่ฉินเจินยิ้ม อุ้มเฉียวอวี๋เอ๋อร์เดินกลับไปข้างโต๊ะหนังสือ และเอ่ยกับเด็กน้อยที่ปากไม่ตรงกับใจ “ลูกรัก พ่อกอดลูกได้หรือไม่?”
ร่างกายเล็ก ๆ ของเสี่ยวฉวนเอ๋อร์ชะงักไป และแสดงออกว่าสับสนเล็กน้อย จากนั้นครู่หนึ่งก็พยักหน้าจนแทบจะไม่เห็นว่าพยักหน้า
มู่ฉินเจินมีรอยยิ้มระบายเต็มใบหน้า แขนยาวยื่นออกไปกอดเด็กน้อยขึ้นมา เขากอดลูกคนละข้าง ความรู้สึกตื่นเต้นที่อยู่ในใจยากที่จะแสดงออกมา
ส่วนเสี่ยวฉวนเอ๋อร์ที่มักจะตีหน้าขรึมวางมาดเป็นผู้ใหญ่ เวลานี้ก็ยิ้มขึ้นมาอย่างมีความสุขเช่นกัน
เขาเองก็ถูกเรียกว่าลูกแล้ว!
บางทีอาจเป็นเพราะเลือดข้นกว่าน้ำ ไม่นานมู่ฉินเจินก็แทรกซึมเข้าไปภายในใจของลูกทั้งสอง เขากอดลูกคนละข้าง หยิบหนังสือขั้นพื้นฐานจากชั้นหนังสือและเล่านิทานให้เด็กทั้งสองฟัง
เด็กทั้งสองพิงอยู่กับอกพ่อทั้งซ้ายทั้งขวาและฟังอย่างตั้งใจ แม้แต่เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ที่มักจะง่วงทันทีเมื่ออ่านหนังสือ ยามนี้ก็ยังฟังอย่างเพลิดเพลิน
ครั้นมีเจ้าตัวน้อยนุ่มนิ่มอยู่ในอ้อมแขน มู่ฉินเจินก็รู้สึกพอใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ตั้งแต่วินาทีที่เข้ามาในห้อง รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ไม่เคยหายไป และเล่านิทานให้เด็ก ๆ ฟังเรื่องแล้วเรื่องเล่า
มู่ฉินเจินเชื่อมต่อความรู้สึกกับเด็ก ๆ ในขณะที่เฉียวเยี่ยนทำอาหารอยู่ในห้องครัวพลางสบถไปด้วย นางถือมีดทำครัวคม ๆ สับซี่โครงเป็นชิ้น ๆ อย่างชำนาญรวดเร็ว ราวกับว่านั่นไม่ใช่ซี่โครง แต่เป็นคนที่ทำให้นางกัดฟันแค้นเคือง
ห้องครัวอยู่ใกล้กับห้องหนังสือของเด็ก ๆ นางจึงได้ยินบทสนทนาระหว่างผู้ชายคนนั้นและเด็ก ๆ รวมถึงเสียงหัวเราะร่าเริงของลูก ๆ ทั้งสองได้อย่างชัดเจน
แต่นางรู้สึกไม่พอใจยิ่งนัก ประหนึ่งว่าสมบัติที่นางหวงแหนมานานหลายปีไม่ได้เป็นของนางอีกต่อไป ไม่เพียงแต่จะถูกแบ่งให้คนอื่นเท่านั้น แต่ยังอาจจะถูกแย่งชิงไปด้วย!
ปั้ก!
มีดสับลงอีกครั้ง!
กระดูกซี่โครงกระเด็นลอยออกไป มีดทำครัวสับเข้ากับเขียง ใบหน้างดงามของเฉียวเยี่ยนเต็มไปด้วยความโกรธ ดวงตากลมโตคลอหยาดน้ำในเวลานี้ลุกโชติช่วงไปด้วยไฟแห่งโทสะ
ระบบตัวน้อยในทะเลแห่งจิตสำนึกตัวสั่นสะท้าน ทุกครั้งที่โฮสต์สับซี่โครง นางก็จะสะดุ้ง กลัวว่าวินาทีต่อไปโฮสต์ของนางจะถือมีดทำครัวไปสับชายที่อยู่ในห้องหนังสือ
ระบบตัวน้อยหัวใจเต้นแรง นางแอบเปิดเครื่องมือค้นหา
[จะทำอย่างไรให้ผู้หญิงลดความโกรธลงได้?]
[ตอบ: ไม่มี แนะนำให้สหายรีบหนี รักษาชีวิตไว้สำคัญที่สุด!]
ระบบตัวน้อยร้องไห้ ลูบท้องกลมป่องเพื่อให้กำลังใจตัวเอง
สู้ ๆ! ระบบยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว ของว่างมากมายหาใช่กินไปเสียเปล่า ๆ!
ระบบตัวน้อยเรียบเรียงคำพูดอย่างระมัดระวัง พลางกะพริบตากลมโตที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำ และเอ่ยขึ้นว่า
[ท่านโฮสต์ ท่านหยุดโกรธได้แล้ว ความโกรธมักจะเป็นอันตรายแก่ตับ ระบบรู้ว่าโฮสต์โกรธจนอยากจะฆ่าใครสักคน แต่ถ้าโฮสต์ฆ่าเขา ลูกทั้งสองก็จะไม่มีพ่อนะ]
ระบบตัวน้อยไม่ให้โอกาสเฉียวเยี่ยนเปิดปาก พลางเอ่ยต่อไปว่า
[แม้ระบบจะรู้ว่าโฮสต์นั้นเก่งกาจมาก สามารถเป็นได้ทั้งแม่และพ่อ แต่ในการวิจัยแสดงให้เห็นว่า เด็กในครอบครัวที่มีพ่อหรือแม่เลี้ยงเดี่ยวมักจะมีความคาดหวังในเรื่องความรักกับความเอาใจใส่มากกว่าเด็กในครอบครัวปกติ และคุณภาพทางจิตใจก็ไม่ดีเท่าเด็กทั่วไป เพราะฉะนั้น การที่พวกเด็ก ๆ มีพ่อก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี]
เฉียวเยี่ยนฟังจบก็จมเข้าสู่ความเงียบ นั่นสิ ไม่ว่านางจะเก่งกาจแค่ไหน ก็มิอาจแทนที่ตำแหน่งพ่อให้กับพวกเด็ก ๆ ได้
หลังจากครุ่นคิดเงียบ ๆ อยู่นาน แม้จะยังคิดว่ามู่ฉินเจินที่จู่ ๆ ปรากฏตัวออกมาได้แย่งลูก ๆ ของนางไป แต่นางก็คิดได้ นางเคารพการตัดสินใจของเด็กทั้งสองคน หากผู้ชายคนนั้นชอบเด็ก ๆ และพวกเด็ก ๆ ชอบเขาจริง นางก็จะไม่ขวางพวกเขาไม่ให้ติดต่อกัน
เมื่อเห็นว่าเกลี้ยกล่อมโฮสต์ได้แล้ว ระบบตัวน้อยก็ถอนหายใจยาว พลางปาดเหงื่อทิพย์บนหน้าผากออก แล้วโยนหนังสือเลี้ยงลูกในมือทิ้ง
เฮอะ! ลำบากระบบเสียจริง!
หลังจากสงบสติอารมณ์แล้ว เฉียวเยี่ยนก็วุ่นอยู่กับการทำอาหาร นำซี่โครงหมูที่สับแล้วล้างน้ำให้สะอาด หมักเข้ากับขิง ต้นหอม กระเทียมสับ เกลือ และเครื่องปรุงรสอื่น ๆ สุดท้ายก็ใส่ข้าวที่ผัดจนเหลืองผสมเข้ากับเมล็ดข้าวเจ้า
นางกำลังจะทำซี่โครงหมูนึ่ง นอกจากซี่โครงแล้ว นางยังนึ่งมันเทศไปพร้อมกันอีกด้วย มันเทศหวานนุ่มดูดซับกลิ่นหอมของเครื่องปรุงและซี่โครง กินเข้าไปยังมีกลิ่นหอมกว่าเนื้ออีก
ขณะซี่โครงหมูกำลังนึ่งอยู่บนหม้อ นางหยิบเนื้อกับไก่อบควันที่แขวนไว้บนขื่อในห้องครัวลงมาทำความสะอาด จากนั้นก็หั่นเนื้ออบควันเป็นแผ่น ๆ และสับไก่อบควันเป็นชิ้น ๆ
ขณะที่นางหั่นผักอยู่ เกาจัวหยวนก็พาผู้ติดตามหกคนมาที่ประตูหน้าห้องครัว
เขาคำนับเฉียวเยี่ยน “หวางเฟยมีเรื่องอะไรจะสั่งพวกข้าน้อยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
ท่านอ๋องเข้าไปในห้องหาซื่อจื่อน้อยแล้ว เหลือพวกเขาข้ารับใช้สองสามคนมองตากันปริบ ๆ อยู่ในลานบ้าน และรู้สึกโหวง ๆ ที่ไม่มีอะไรทำ แล้วก็ไม่กล้าไปกวนท่านอ๋อง พวกเขาจึงทำได้เพียงมาหาหวางเฟย
ถือว่ามาทำความรู้จักกับหวางเฟยด้วยเลย เพราะนางเป็นแม่ของซื่อจื่อน้อยทั้งสองแห่งตำหนักอ๋องซู่ ต่อไปสถานะต้องไม่ต้อยต่ำแน่นอน
เฉียวเยี่ยนหันไปมอง และเอ่ยสั่งอย่างไม่เกรงใจพวกเขา “พวกเจ้านำตะกร้าไปเก็บผักที่แปลงผัก อยากจะกินอะไรก็เก็บอันนั้น แต่จำไว้ว่าห้ามทำลายแปลงผักของข้า ”
พวกเขามากันถึงแปดคน ปริมาณอาหารจะต้องไม่น้อยอยู่แล้ว หากทำน้อยไปก็คงไม่พอกิน เช่นนั้นก็ตุ๋นไปอีกหม้อใหม่ จะได้สะดวกและอร่อย
เกาจัวหยวนคำนับรับคำสั่ง ถอยร่นออกไปจากห้องครัว หยิบตะกร้าในลานบ้าน จากนั้นก็พาผู้ติดตามกลุ่มหนึ่งไปที่แปลงผัก
เมื่อไปถึงแปลงผัก ผู้ชายสองสามคนต่างชื่นชมในฝีมือการปลูกผักอันยอดเยี่ยมของเฉียวเยี่ยน
ก่อนที่พวกเขาจะเข้าไปเป็นองครักษ์ในตำหนักอ๋อง ครอบครัวของพวกเขาก็ทำสวนเช่นกัน บางคนก็ถือว่าเป็นคนที่มีประสบการณ์ในการทำสวน แต่เมื่อนึกถึงผักที่พวกเขาปลูกในอดีต และเปรียบเทียบกับผักที่หวางเฟยปลูก ไม่มีอะไรเทียบได้เลย!
ผักแต่ละอย่างที่หวางเฟยปลูก ทุกต้นล้วนชุ่มอวบน้ำ เขียวแวววาว ดูน่ารับประทานมาก!
พวกเขาเก็บผักกาดหอมขาว ผักกาดหอม กุยช่าย และอื่น ๆ ไปไม่น้อย ชายรูปร่างผอมสูงคนหนึ่งสังเกตเห็นว่าต้นพริกข้างแปลงผักมีผลปกคลุมเต็มไปหมดก็อดสงสัยไม่ได้ “นั่นคืออะไรรึ?”
ทุกคนต่างส่ายหน้า พวกเขาล้วนไม่เคยเห็นมาก่อนเช่นกัน
ชายร่างสูงผอมรู้สึกสงสัย เขาเดินไปยังแปลงพริก เกาจัวหยวนจึงตะโกนออกมา “คังฮวา เจ้ากลับมา หากเจ้าทำลายแปลงผักของหวางเฟย พวกเราจะไม่ช่วยเจ้า!”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ดูท่าคนที่น่ากลัวกว่าท่านอ๋องก็เป็นหวางเฟยนี่แหละ แค่โดนแย่งลูกยังฟาดงวงฟาดงาขนาดนี้ องครักษ์อย่างพวกเจ้าจงระวังตัวไว้ดี ๆ
ไหหม่า(海馬)