ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? - ตอนที่ 258 ให้พวกนางไปขุดมูลไก่จริงด้วย
ตอนที่ 258 ให้พวกนางไปขุดมูลไก่จริงด้วย
ตอนที่ 258 ให้พวกนางไปขุดมูลไก่จริงด้วย
ตัวแทนจากเมืองต่างๆ ทยอยกันออกจากเมืองหลวง คนจากรัฐเยี่ยนเป็นกลุ่มที่ออกไปท้ายสุด ได้ยินมาว่าองค์หญิงเจียงอวี่เฉียนของพวกเขาอารมณ์เสีย คร้านจะจากไป และอยากสะสางบัญชีกับเฉียวเยี่ยน ทว่าสุดท้ายก็ถูกเจียงเจี้ยนสวินจับตัวกลับไป
เฉียวเยี่ยนได้รับการพักผ่อน และในที่สุดก็นึกถึงนางระบำสิบคนในตำหนัก สองสามวันมานี้พวกนางอวดดีโอหังนัก ออกคำสั่งกับข้ารับใช้ในตำหนักประหนึ่งเป็นเจ้านาย
ก่อนหน้านี้นางไม่ได้สนใจพวกนาง ปล่อยให้คนอื่นสนองความต้องการพวกนาง รอว่างเมื่อใดค่อยจัดการพวกนาง
วันนี้เป็นวันที่สิบสองเดือนสี่ นางอยากใช้เวลาสองสามวันนี้ไปหมู่บ้านจิ่วหลีพัวเสียหน่อย ปีที่แล้วลูกท้อเก็บเกี่ยวได้ไม่ดีนัก ปีนี้นางต้องไปดูเองว่ามีโรคและแมลงศัตรูพืชบนต้นท้อหรือเปล่า เพื่อทำการป้องกันไว้ล่วงหน้า
ตอนเช้านางจัดเก็บสัมภาระ และพาฮุ่ยเซียงกับองครักษ์สามคน นำกลุ่มนางระบำไปหมู่บ้านจิ่วหลีพัว
เนื่องจากไปคราวนี้ไม่นาน นางจึงไม่ได้พาสามพ่อลูกไปด้วย คนโตหนึ่งคนเล็กสองงอแงใส่นาง และกล่อมอยู่นานกว่าจะกล่อมสำเร็จ
นางรำสิบคนถูกบรรจุอยู่ในรถม้าสองคัน โดยมีพวกองครักษ์คอยเฝ้าไว้ ใครก็หนีไปไหนไม่ได้
รถม้าเคลื่อนตัวออกไปไกลเมืองหลวงเรื่องๆ พวกนางรำจิตใจร้อนรุ่มกระสับกระส่าย คิดว่าเฉียวเยี่ยนจะพาพวกนางไปฆ่ายังในที่ห่างไกลเงียบๆ
หลังจากออกจากเมืองหลวงมาได้ไม่นาน พวกนางก็เริ่มก่อเรื่อง
“ปล่อยพวกเราออกไป พวกเราจะกลับ!”
“หากเจ้ากล้าฆ่าพวกเรา ท่านอ๋องซู่ไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่!”
พวกนางตะโกนก่นด่ามาตลอดทาง เฉียวเยี่ยนนั่งอยู่ในรถม้าข้างหน้าได้ยินอย่างชัดเจน
ฮุ่ยเซียงได้ยินก็โมโหขึ้นมา พลางบ่นอย่างไม่เข้าใจ “เหนียงเหนียง ข้าไม่รู้ว่าท่านพาพวกนางกลับมาด้วยเหตุอันใด แต่หลายวันมานี้ทำให้บรรยากาศในตำหนักอึมครึมไปหมด”
“ท่านฟังนะ พวกนางคิดว่าตัวเองเป็นอะไรกับท่านอ๋อง? ให้เกียรติหน่อยก็เริ่มลามปามขึ้นเรื่อยๆ น่าไม่อาย!”
เฉียวเยี่ยนไม่ใส่ใจ ลูบหัวนาง ก่อนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าที่เป็นบ้านหลักยังไม่รีบร้อนอะไรเลย เจ้ารีบร้อนกระไร?”
ฮุ่ยเซียงปกป้องศีรษะของตัวเอง และบ่นเสียงเบา “เจ้าค่ะ ท่านไม่รีบร้อน ท่านกับท่านอ๋องรักกันยืนยาว สตรีเหล่านี้เป็นเหมือนคางคกอยากกินเนื้อหงส์ แต่บ่าวได้ยินแล้วมันน่าโมโหนี่เจ้าคะ! ”
ใครกล้าให้พวกนางเอาตัวเองไปเป็นอนุของท่านอ๋องกัน?
“ไม่ต้องห่วง ไปถึงหมู่บ้านจิ่วหลีพัวเมื่อไหร่จะเป็นวันที่พวกนางร้องไห้แน่”
เสียงของเฉียวเยี่ยนราบเรียบ นางคิดวิธีจัดการได้นานแล้ว อยากเป็นอนุของท่านอ๋องนางหรือ ผ่านการทดสอบนางไปให้ได้เสียก่อนเถอะ
ฮุ่ยเซียงได้ยินแล้วดวงตาก็เปล่งประกายขึ้นมา รู้ดีว่าหวางเฟยของนางไม่ทำให้คนผิดหวังแน่นอน
พวกนางรำก่นด่ามาตลอดทาง ด่าจนปากคอแห้งผาก แต่เฉียวเยี่ยนไม่แม้แต่จะพูดกับพวกนางสักประโยค จวบจนมาถึงตอนท้าย พวกนางไม่มีแรงด่าแล้ว ทำได้เพียงปล่อยใจไปตามชะตากรรม
ฤดูกาลนี้สวนป่าท้อเต็มไปด้วยดอกท้อ เมื่อเห็นทิวทัศน์อันคุ้นเคยนี้ เฉียวเยี่ยนกับพวกผู้ติดตามไม่มีท่าทางตกตะลึงใดๆ ทว่านางรำสิบคนนั้นกลับตกตะลึงไม่น้อย
สวนป่าท้อสวยงามปานนี้ หากพวกนางร่ายรำอยู่ท่ามกลางนั้น และท่านอ๋องซู่ดีดฉินบรรเลงดนตรีให้พวกนาง ภาพเช่นนี้ คิดดูแล้วมันช่างทำให้รู้สึกมัวเมา
ทว่าฝันหวานของพวกนางยังไม่ทันเริ่ม ก็ถูกเฉียวเยี่ยนทำลายไปทันที
เมื่อมาถึงที่หมาย ผู้คุมงานในสวนป่าท้อก็ออกมาต้อนรับ เฉียวเยี่ยนจึงสั่งเขาหาเสื้อผ้าทำงานที่พอดีตัวให้กับพวกนางรำ
บนภูเขาลูกนี้ล้วนมีแต่บุรุษเสียส่วนใหญ่ ชายหนุ่มที่ยังไม่ได้แต่งงานบางส่วนเห็นกลุ่มหญิงงามมา ก็ยากที่จะหักห้ามไม่ให้จ้องตาเป็นมันได้ กระนั้นหลังจากที่เฉียวเยี่ยนกับผู้คุมงานเล่าเรื่องของหญิงสาวเหล่านี้แล้ว และผู้คุมงานสั่งลงมา ความรู้สึกดีๆ ที่ทุกคนมีให้พวกนาง พลันหายไปทันที
พวกเขาเคยตามท่านอ๋องซู่ไปประจำการอยู่เขตชายแดน และเคยออกรบกับดินแดนซีอวี้ จึงไม่มีความรู้สึกเกิดชอบพออะไรกับเมืองประเทศราชเล็กๆ นี้
สหายร่วมรบมากมายของพวกเขาล้วนตายอยู่ในสนามรบ เพราะเมืองประเทศราชเล็กๆ นี้ชอบเข้ามาก่อกวนความสงบสุขที่เขตชายแดนเทียนลี่ของพวกเขาเป็นประจำ
แม้หญิงเหล่านี้จะไม่ได้ทำความผิดอันใด แต่ความรักชาติอันแรงกล้าของพวกเขานั้น ทำให้พวกเขานึกเดียดฉันท์หญิงพวกนี้มาก
ผู้คุมงานหาเสื้อผ้ามาสองสามชุด เฉียวเยี่ยนก็สั่งให้พวกนางรำไปเปลี่ยน
พวกนางรำมองเสื้อผ้าซีดโทรมเกรอะกรังเหล่านั้นก็รังเกียจเหลือแสน และยืนกรานไม่ยอมเปลี่ยน
เมื่อผู้คุมงานเห็นเช่นนี้ ก็สั่งพวกคนงานให้จัดการเหมือนกับเห็นศัตรูในสนามรบ ด้วยการตำหนิและข่มขู่ หากพวกนางยังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าอีก ก็ต้องลงไม้ลงมือแล้ว
“เปลี่ยนเดี๋ยวนี้! บังอาจขัดคำสั่งของหวางเฟยเมื่อใด มีโทษตายสถานเดียว!”
พวกนางรำต่างตกใจ บางคนที่ขี้ขลาดหน่อยถึงกับร้องไห้ขึ้นมา ถือเสื้อผ้าไปเปลี่ยนพลางสะอึกสะอื้น
พวกนางรำเปลี่ยนเสื้อผ้าอันวิจิตรจนกลายเป็นสาวชาวบ้านสวมเสื้อผ้าทรุดโทรมไปภายในเสี้ยววินาที แล้วเฉียวเยี่ยนก็ให้ผู้คุมงานพาพวกนางไปที่กองมูลไก่ คนหนึ่งถือจอบคนละเล่ม ให้ไปขุดมูลไก่
กลุ่มนางรำที่ร้องไห้อย่างน่าสงสารไม่เคยนึกเลยว่าซู่หวางเฟยจะให้พวกนางไปขุดมูลไก่จริงๆ สิ่งที่น่าขยะแขยงพรรค์นั้น พวกนางจะไปสัมผัสได้อย่างไร!
เมื่อเผชิญหน้ากับกองมูลไก่เน่าเหม็น ผู้คุมงานกับพวกคนงานป่าเถื่อนดุร้ายก็ดูน่ากลัวน้อยลงไปทันที ทำให้พวกนางโต้กลับอย่างอาจหาญ
“พวกเรามาเป็นอนุภรรยาให้แก่ท่านอ๋องซู่ หาใช่มาขุดมูลไก่!”
“ปล่อยพวกเรากลับไป พวกเราอยากไปเจอท่านอ๋องซู่!”
………………………………….
พวกนางแย่งกันพูดด้วยความแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม และมองเฉียวเยี่ยนด้วยสายตาดุดัน
เฉียวเยี่ยนหัวเราะเยาะออกมา “อนุภรรยา? ท่านอ๋องพูดตอนไหนว่าเขาจะรับอนุภรรยา?”
พวกนางรำมีสีหน้าตกใจ ไม่คิดเลยว่านางจะไม่ยอมรับ จึงตะเบ็งคอเอ่ย “ในงานเลี้ยงวันนั้นท่านบอกกับเราอย่างชัดเจนว่าจะพาเรากลับตำหนักด้วย!”
เฉียวเยี่ยนปล่อยมือ และเอ่ยด้วยสีหน้าไร้ความผิด “ใช่แล้ว เปิ่นเฟยบอกต้องการพวกเจ้า หาใช่ท่านอ๋องของข้าบอกว่าต้องการเสียหน่อย เกี่ยวอะไรกับเขาหรือ?”
“หรือพวกเจ้าจะมาเป็นอนุให้ข้า? นั่นไม่ได้หรอก เปิ่นเฟยไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้น”
ท่าทางไร้ยางอายนั้นของนางทำให้นางรำสิบคนนั้นพูดไม่ออก ไม่คิดเลยว่านางจะกลั่นแกล้งพวกนาง!
นางรำคนหนึ่งมองไปทางเฉียวเยี่ยนอย่างเย็นชา “ซู่หวางเฟย ท่านแกล้งเราเช่นนี้ ไม่กลัวจะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเทียนลี่กับดินแดนซีอวี้หรือ?”
เฉียวเยี่ยนยิ้มเยาะ วางท่าเยือกเย็นดุจวันที่แสงแดดอ่อนในหน้าหนาว และมองนางอย่างอ่อนแรง “หากเทียนลี่กลัวแม้กระทั่งดินแดนประเทศราชเล็กๆ ของพวกเจ้า เช่นนั้นอาณาจักรนี้ก็ไม่จำเป็นต้องคงอยู่อะไรแล้ว!”
พวกทหารปลดประจำการที่อยู่รอบๆ ได้ยินคำพูดของนางรำก็โกรธกริ้วขึ้นทันที
“เฮอะ! ปีนั้นข้าไปออกรบ สังหารทหารซีอวี้ของพวกเจ้าจนหนีกันจ้าละหวั่น ยามนี้ยังกล้ามาโอหังต่อหน้าเรา ดูท่าอยากจะโดนดีสินะ!”
นางรำในเวลานี้ก็ตระหนักได้ว่าตัวเองพูดผิด และรู้สึกหวาดกลัวกับความเย็นชาของเฉียวเยี่ยนกับรังสีอาฆาตของพวกทหารปลดประจำการจนอยากหลั่งน้ำตา
เฉียวเยี่ยนไม่อยากพูดไร้สาระกับพวกนางมาก ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “รีบขุดเร็ว หากวันนี้ขุดไม่เสร็จ พรุ่งนี้ต้องมาขุดอีก ไม่ต้องห่วง หากพวกเจ้าเชื่อฟัง ข้าจะไม่ทำให้พวกเจ้าลำบากใจ จะให้อาหารให้เสื้อผ้าแก่พวกเจ้า แต่หากไม่เชื่อฟัง ก็จะตัดแขนตัดขาของพวกเจ้าแล้วส่งกลับดินแดนซีอวี้เสีย!”
นางสั่งเสร็จก็พาฮุ่ยเซียงเดินไปรอบๆ สวนป่าท้อ ส่วนนางรำพวกนั้น ผู้คุมงานจะจัดคนมาเฝ้าดูเอง
ความจริงนางไม่ได้อยากทำให้หญิงเหล่านั้นลำบากใจหรอก ก็แค่อยากปราบความเย่อหยิ่งโอหังที่ต้องการยั่วยวนบุรุษเพศตลอดเวลาของพวกนาง
หากสามารถทำให้พวกนางกลับเนื้อกลับตัวได้ ที่นี่ก็มีชายโสดกองอยู่มากมาย คงจะเป็นเรื่องดีไม่น้อยหากสร้างคู่รักสักสองสามคู่ได้
ปีที่แล้วฝนตกซุก กิ่งก้านต้นท้องอกออกมามากมาย ปีนี้ดอกก็บานสะพรั่งมาก ต้องดำเนินการกำจัดตาดอกทิ้ง ไม่เช่นนั้นสารอาหารจะสูญเสียไป และคุณภาพของผลไม้จะไม่ดี
ฮุ่ยเซียงเห็นหวางเฟยเด็ดดอกบนกิ่งไม้ทิ้ง ก็เอ่ยอย่างฉงน “หวางเฟย พวกมันออกดอกเบ่งบานได้ดีถึงเพียงนี้ เหตุใดต้องเด็ดมันทิ้งด้วย?”
เฉียวเยี่ยนอธิบาย “หากมีดอกมากเกินไปจะติดผลน้อย ดังนั้นเด็ดดอกที่เติบโตได้ไม่ดีทิ้งไป แบบนี้ผลที่ออกมาจะได้ทั้งใหญ่และหวาน”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
บทลงโทษของหวางเฟยมันช่างเจ็บปวดยิ่งนัก ๕๕๕ อ่อนแอก็แพ้ไปของจริง
ไหหม่า(海馬)