ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? - ตอนที่ 175 การแข่งขันที่ยุติธรรม
ตอนที่ 175 การแข่งขันที่ยุติธรรม
ตอนที่ 175 การแข่งขันที่ยุติธรรม
ในระหว่างที่ถือผ้าเช็ดหน้า เฉียวจิ่นก็ครุ่นคิดหลายตลบ พลางยิ้มเยาะให้กับตัวเองที่โลภมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อก่อนเขามีสุขภาพย่ำแย่ ความปรารถนาอันสูงสุดก็คือการมีชีวิตอยู่ และสามารถอยู่กับมารดาและน้องสาวให้นานกว่านี้หน่อย ครั้นต่อมาร่างกายของเขาดีขึ้น เขาก็อยากเข้าร่วมการสอบขุนนางอีกครั้ง และให้ที่พึ่งพิงแก่มารดาและน้องสาว
ยามนี้ร่างกายของเขาไม่มีปัญหาใหญ่อะไรแล้ว เขาก็เริ่มคิดถึงหญิงสาวผู้สดใสและงดงามคนนั้นอีกครั้ง
เขาโลภขนาดนี้ได้อย่างไรกัน เห็นๆ อยู่ว่าตนมีพร้อมทุกอย่างแล้ว กลับยังโหยหาคนที่อยู่ไกลเกินเอื้อมจากเขาอีก
……
ในห้องครัว
เว่ยอวิ๋นซูโจมตีเฉียวเยี่ยนอย่างน้อยใจ “เฉียวเฉียว เจ้ายังเป็นพี่น้องกับข้าอยู่หรือไม่ ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะเป็นผู้นำในการหัวเราะเยาะข้า!”
เฉียวเยี่ยนกำลังปอกกระเทียมอยู่ในมือ มุมปากกระตุก “หัวเราะก็หัวเราะไปแล้ว เจ้าจะมาโจมตีอะไรข้าตอนนี้ มันไม่สายไปหน่อยหรือ?”
เว่ยอวิ๋นซูเบะปาก ท่าทางโกรธเคืองนั้นดูน่ารักเล็กน้อย
เฉียวเยี่ยนยิ้มอย่างจนใจ “พอได้แล้ว ข้าขอโทษต่อเจ้าแล้วกัน เจ้าอยากกินอะไร ข้าจะทำให้”
เว่ยอวิ๋นซูได้ยินเช่นนี้ก็กอดอกอย่างเย่อหยิ่ง และทำท่าทางครุ่นคิด ไม่นานก็เอ่ยออกมา “ข้ายังอยากกินหมูสามชั้นผัดผักกาดดองอีก!”
วันนี้ในโรงงานทำหมูสามชั้นผัดผักกาดดอง แต่คนกินข้าวมีมากมายขนาดนั้น นางจึงอายเกินกว่าจะขอกับข้าวเพิ่ม รู้สึกว่ากินไม่หนำใจเล็กน้อย
เฉียวเยี่ยนตอบกลับ “ตกลง ข้าจะทำให้เจ้า แบบนี้พอใจแล้วนะ”
เว่ยอวิ๋นซูยิ้มจนตาหยี พอใจจนไม่รู้จะพอใจอย่างไรแล้วจนเฉียวเยี่ยนแอบยิ้ม ช่างง้อได้ง่ายนัก ไม่แน่พี่ชายนางอาจเกลี้ยกล่อมให้อีกฝ่ายมาเป็นพี่สะใภ้นางได้จริงๆ ก็ได้
ใกล้จะถึงเวลาอาหารแล้ว ยังเหลือเวลาประมาณหนึ่งชั่วยามมู่ฉินเจินก็น่าจะกลับมาจากพระราชวัง เฉียวเยี่ยนจึงจำต้องเร่งทำอาหารให้เร็วขึ้น
เจ้านายกับข้ารับใช้ในจวนมีไม่มากนัก มีคนครัวแค่สองคน เฉียวเยี่ยนจึงให้หนึ่งในนั้นไปหุงข้าว และให้อีกคนเป็นลูกมือ
เว่ยอวิ๋นซูก็ช่วยนางเข่นกัน ปกตินางจะเป็นคนที่สนแต่กินไม่สนอย่างอื่น จึงทำอาหารไม่เป็น แค่คัดผักที่เสียออกตามคนครัวก็ดูเงอะงะอย่างเห็นได้ชัด
เฉียวเยี่ยนทำหมูสามชั้นผัดผักกาดดองที่เว่ยอวิ๋นซูสั่งก่อนเป็นอันดับแรก อาหารจานนี้ใช้เวลานาน จึงทำขั้นตอนก่อนหน้านี้ให้เสร็จก่อน จากนั้นก็นำไปนึ่งในหม้อ นางจึงสามารถใช้เวลานี้ไปทำอาหารอย่างอื่นได้
ก่อนทำหมูสามชั้นผัดผักกาดดองต้องแช่ผักดองแห้งในน้ำก่อน จากนั้นหยิบหมูสามชั้นชิ้นหนึ่งออกมา ใส่ลงไปในหม้อแล้วเติมต้นหอม ขิง เหล้าเหลืองลงไปต้ม จนหนังหมูนิ่มชนิดใช้ตะเกียบเจาะเบาๆ ได้ง่ายแล้วก็ตักออกมาพักไว้
นำตะเกียบมาจิ้มบนหนังหมูสามชั้นที่ต้มสุกแล้วให้เป็นรูเล็กๆ เครื่องปรุงจะได้แทรกซึมเข้าไปได้ง่าย จากนั้นก็ราดซีอิ๊วเพื่อเพิ่มสีสันแก่เนื้อ
ใส่น้ำมันลงในหม้อมากๆ และนำหมูสามชั้นที่ขึ้นสีดีแล้วลงไปทอดในน้ำมัน ทอดจนหนังหมูพองฟูขึ้นมา และไขมันส่วนใหญ่ถูกเจียวออกมาก็เป็นอันเสร็จ
หมูสามชั้นที่ทอดเสร็จแล้วต้องตักออกจากหม้ออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เอาไปแช่ในน้ำเย็น ซึ่งขั้นตอนนี้เป็นการคงความกรอบให้กับหนังหมูทอด
เว่ยอวิ๋นซูคัดผักเสียเสร็จแล้วก็ยืนข้างเฉียวเยี่ยนเหมือนเด็กนักเรียน มองนางทำอาหาร และจำขั้นตอนการทำอาหารทั้งหมดเอาไว้ เมื่อนางกลับถึงบ้านจะได้แสดงฝีมือให้มารดากับพี่ชายบ้าง
นางเป็นคนประเภทมองได้แต่ปฏิบัติไม่ได้ จึงเอาแต่มองเฉียวเยี่ยนจับนู้นจับนี่ทำอาหารหอมกรุ่นออกมา ในขณะที่นางแทบจะระเบิดครัวทุกครั้งที่เข้าครัวทำอาหาร
หมูสามชั้นที่แช่น้ำแล้วต้องนำมาหั่นเป็นชิ้นหนาๆ จากนั้นใช้กระเทียมสับ เต้าหู้ยี้ ซีอิ๊วกับเครื่องปรุงพื้นฐานอื่นๆ มาทำเป็นน้ำซอส แล้วราดลงบนหมูแผ่นหมักเอาไว้
ความแตกต่างในการทำหมูสามชั้นผัดผักกาดดองของนางกับคนอื่นก็คือนางใส่เต้าหู้ยี้ไปด้วยหนึ่งชิ้น ซึ่งเต้าหู้ยี้มีรสชาติดีมาก ทำให้เนื้อที่ปรุงออกมายิ่งมีรสชาติมากขึ้น
นางใช้เวลาในขณะหมักเนื้อตักผักดองแห้งที่แช่ไว้ในน้ำออกและสะเด็ดน้ำไว้ ก่อนนำไปผัดกับกระเทียมและขิงสับ
ขั้นตอนสุดท้ายคือการนำเนื้อทั้งหมดมาเรียงซ้อนกันบนจานอย่างเรียบร้อย และแต่งหน้าด้วยผักกาดดองผัด ก่อนนำไปนึ่งในหม้อประมาณครึ่งชั่วยาม
ทว่ายังไม่ทันตักผักออกจากหม้อ เว่ยอวิ๋นซูก็ทนความหอมของอาหารไม่ไหวแล้ว เริ่มรู้สึกอยากแย่งเฉียวเยี่ยนมาจากมู่ฉินเจินยิ่งขึ้น
ได้ยินมาว่าการตัดแขนเสื้อไม่ได้มีเฉพาะในบุรุษ ในสตรีก็มีกรณีแบบนี้เหมือนกัน หรือว่านางจะจีบเฉียวเฉียวดี?
หากเฉียวเยี่ยนรู้ความคิดในหัวนาง คาดว่าจะต้องกระอักเลือดเป็นแน่
ข้ามองเจ้าเป็นเพียงเพื่อนเล่น ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะคิดเล่นเพื่อนกับข้า?
ทว่าความคิดทรยศเช่นนี้ เว่ยอวิ๋นซูก็กล้าคิดแค่ในใจเท่านั้น หากนางกล้านำไปใช้จริง ไม่ต้องรอให้มารดานางลงมือหักขานาง คาดว่ามัจจุราชมู่อาจจะส่งนางไปยังยมโลกหรือไม่ก็ให้นางไม่ได้ผุดได้เกิดตลอดกาลก็เป็นได้
ขณะคิดเช่นนี้ หน้าประตูก็มีคนมาจริงๆ คือมัจจุราชมู่ที่นางเกลียดเข้ากระดูกดำนั่นเอง
เขาจูงมือเด็กๆ คนละข้าง ใบหน้าเคลือบด้วยรอยยิ้มบางเบา ในสายตาคนอื่น นี่จะต้องเป็นภาพวาดอันอบอุ่นรักใคร่กลมเกลียวกันเป็นแน่ แต่ในสายตานางกลับดูอึมครึมนัก
มู่ฉินเจินยังไม่ทันเข้าไปในครัว เห็นเว่ยอวิ๋นซูเข้ามาเกาะแกะใกล้เจ้าท่อนไม้อีกแล้วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างเห็นไม่บ่อยนัก
ทั้งสองมองหน้ากันอย่างเกลียดชัง ราวกับว่ายิ่งมองอีกฝ่ายนานกว่านี้อีกหน่อย จะทำให้ตาบอดอย่างไรอย่างนั้น
หลังจากมู่ฉินเจินเข้าไปในครัว เว่ยอวิ๋นซูก็สะบัดศีรษะกลับไป ส่งเสียง ‘เชอะ’ เบาๆ ออกมา
มู่ฉินเจินก็เหมือนจะเมินนางเช่นกัน สายตาเขาเห็นเพียงแค่เจ้าท่อนไม้ของเขาเท่านั้น และไม่เคยเหลียวแลนางเลย
เมื่อเฉียวเยี่ยนเห็นสามพ่อลูกกลับมาก็ประหลาดใจระคนดีใจมาก เข้าไปกอดลูกทั้งสองและหอมไปสองฟอด ถึงจะเริ่มทำกับคนโต
“เหตุใดวันนี้ท่านกลับมาเร็วนัก?”
เร็วกว่าที่นางคาดไว้กว่าครึ่งชั่วยาม
มู่ฉินเจินเผยสีหน้าอ่อนโยน และเอ่ยเสียงเบา “ที่บ้านมีเรื่องน่ายินดี จึงกลับมาเฉลิมฉลอง”
แค่สองสามีภรรยายืนอยู่ด้วยกัน ไม่ต้องทำอะไรก็มองเห็นความรักใคร่กลมเกลียวของพวกเขาได้ ทำให้เว่ยอวิ๋นซูอิจฉาจนเข็ดฟัน
โชคดีที่ยังมีเด็กทั้งสองดึงดูดความสนใจนาง ไม่สิ จริงๆ มีแค่คนเดียว
เสี่ยวฉวนเอ๋อร์มู่ฉินเจินรุ่นจิ๋วมักจะกันท่าทุกครั้งที่เห็นเว่ยอวิ๋นซู และรักษาใบหน้าน้อยของเขาต่อการถูกนางรุกรานอย่างเหนียวแน่น
แต่เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ไม่เกรงใจแม้แต่น้อย แม้ใบหน้าเล็กของนางถูกบีบจนบิดเบี้ยวแล้วก็ยังเกาะติดอยู่ในอ้อมแขนนางอย่างมีความสุข
มู่ฉินเจินเห็นลูกสาวแสนรักของตนถูกคนอื่นสวมกอด ก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ และเอ่ยเสียงเย็นออกมา “ลูกของเปิ่นหวางหาใช่ของเล่น ขอคุณหนูเว่ยปล่อยมือด้วย”
คำขอนี้เป็นความอดทนยิ่งใหญ่ที่สุดที่เขามอบให้เว่ยอวิ๋นซูแล้ว หากเขาไม่ได้คำนึงว่านางกับเจ้าท่อนไม้เป็นสหายกัน เขาคงไม่ปล่อยให้นางเข้าใกล้เจ้าท่อนไม้ของเขาในระยะสิบลี้แน่นอน
เว่ยอวิ๋นซูเหมือนเกิดมาเป็นน้ำกับไฟกับเขา เมื่อนางได้ยินเช่นนี้ก็พลันหัวร้อนเป็นไฟ สมองสูญเสียความสามารถในการคิดไปชั่วขณะ ในที่สุดก็ขบฟันกรอดเอ่ยท้าทายกับมู่ฉินเจิน
“ข้าต้องการแข่งแย่งเฉียวเฉียวกับเจ้าอย่างยุติธรรม! หากข้าชนะ เฉียวเฉียวกับเด็กทั้งสองต้องเป็นของข้า!”
นางพูดด้วยความเย่อหยิ่ง และตบหน้าอกของตัวเองอย่างดุดัน แสดงท่าทางราวกับบุรุษแย่งชิงสตรี
ห้องครัวเงียบสงัดลงในทันใด คนครัวกับเด็กทั้งสองเบิกตาอ้าปากกว้าง เฉียวเยี่ยนกลั้นหัวเราะจนเจ็บเครื่องในไปหมด ในขณะที่ใบหน้าของมู่ฉินเจินมืดมนลงดุจก้นหม้อ และกำหมัดแน่นจนเกิดเสียงดังกรอบแกรบ
พวกคนครัวแอบเอ่ยในใจ พวกเขาได้เปิดหูเปิดตาแล้วสินะ ในอดีตเคยเห็นแค่สตรีแย่งชิงบุรุษหรือไม่ก็บุรุษแย่งชิงสตรี แต่ไม่นึกเลยว่าวันนี้จะเห็นเพศตรงข้ามกลายเป็นคู่แข่งกัน
บรรยากาศอันเงียบสงัดได้ถูกเสียงประตูด้านนอกทำลายลง ทุกคนต่างหันไปมอง ถึงได้พบว่าเป็นเฉียวจิ่นที่มาในเวลาไม่เหมาะสมพอดี
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ไม้พายในมือคนแปลสั่นมาก ทุ่งลิลลี่กำลังจะบานแล้วเหรอ
ยัยพริกเอาจริงว่ะ ท่านอ๋องท้าสู้ไหม
พี่จิ่นมาได้จังหวะอีกแล้ว ช่วยห้ามทัพหน่อยค่ะ
ไหหม่า(海馬)