ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? - ตอนที่ 168 หอเหล็กทมิฬผู้อารมณ์เสีย
ตอนที่ 168 หอเหล็กทมิฬผู้อารมณ์เสีย
ตอนที่ 168 หอเหล็กทมิฬผู้อารมณ์เสีย
นำหอยงวงช้างที่หั่นบางๆ ลงไปลวกน้ำเดือดในหม้อ เติมต้นหอม ขิง เหล้าเหลืองลงไปดับกลิ่นคาว แค่ลวกพอเป็นพิธีเท่านั้น ไม่ควรปรุงให้สุกเกินไป เพื่อรักษารสสัมผัสที่กรอบและนุ่มเอาไว้
หลังจากลวกหอยงวงช้างแล้ว ก็เตรียมต้นหอม ขิงหั่นฝอยกับพริกเขียวพริกแดงหั่นเป็นชิ้นๆ แล้วนำลงไปผัดในหม้ออย่างรวดเร็ว จากนั้นเติมซีอิ๊วกับเกลือเพิ่มรสชาติก็เป็นอันเสร็จ
หลังจากที่นางจัดการหอยงวงช้างเสร็จ พวกหัวหน้าคนครัวก็ช่วยกันจัดการของทะเลเสร็จแล้ว ซึ่งนางวางแผนจะทำหอยผัดกระเทียม ยำอาหารทะเลและปลาทะเลตุ๋น
การทำหอยผัดกระเทียมนั้นง่ายมาก ผัดกระเทียมสับให้หอมแล้วใส่เต้าเจี้ยวลงไปหนึ่งช้อน ผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นก็เพิ่มเนื้อสับลงไปผัดให้สุก หลังจากเนื้อสุกแล้วก็ปิดไฟ แล้วใส่หอยนางรม หอยเป๋าฮื้อ หอยหวานลงไปในหม้อทีละอย่าง จากนั้นเติมน้ำลงไปพอประมาณ แล้วตุ๋นด้วยไฟอ่อน ให้ของทะเลค่อยๆ ซึมซับรสชาติของน้ำแกง
การทำยำอาหารทะเลนั้นยิ่งง่ายกว่าอีก นำกุ้ง ปลาหมึก หอยกาบลงไปต้มในหม้อ จากนั้นก็แช่ไว้ในน้ำซอสที่ปรุงเสร็จแล้ว ปล่อยหมักไว้ครู่หนึ่งก็เป็นอันเสร็จ
น่าเสียดายที่ไม่มีน้ำแข็ง หากแช่ยำอาหารทะเลไว้ในน้ำแข็งครู่หนึ่ง จะยิ่งเหมาะกับการรับประทานตอนอากาศร้อนที่สุด
การทำปลาทะเลตุ๋นก็คล้ายกับการทำปลาตุ๋นทั่วไป คือนำปลาทั้งตัวไปทอดจนเหลืองทั้งสองด้าน จากนั้นก็ตักปลาออก แล้วนำหอม กระเทียมสับ โต้วป้านเจี้ยงกับซีอิ๊วเครื่องปรุงเหล่านี้ลงไปผัดจนเป็นน้ำซอส จากนั้นก็นำปลากลับลงไปตุ๋นในหม้อใหม่เพื่อให้น้ำซอสซึมซับเข้าไปในตัวปลา
เมื่อปลาทะเลตุ๋นพร้อมแล้ว อาหารทะเลในหม้อร้อนก็สุกแล้ว กลิ่นหอมสดชื่นอบอวลไปทั่วทั้งครัว เมื่อพวกหัวหน้าคนครัวได้กลิ่นก็กลืนน้ำลายทันที จากนั้นก็เหลือบมองอาหารหม้อใหญ่ที่พวกเขาผัด ก็รู้สึกแค่ว่ายิ่งมองยิ่งขัดตา นี่มันผัดบ้าอะไรกันนะ!
มู่ฉินเจินไปหารือเรื่องต่างๆ กับหวังสยงอันยังไม่กลับ เฉียวเยี่ยนจึงให้พวกองครักษ์ช่วยยกอาหารเข้ามาในกระโจมให้
อาหารทั้งหมดถูกแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งสำหรับพวกเขาสี่คน อีกส่วนสำหรับพวกองครักษ์ และยังเหลือบางส่วนให้กับพวกหัวหน้าคนครัวที่คอยช่วยเหลือด้วย จนแทบทำให้พวกเขาตกใจจนอ้าปากค้าง
วินาทีก่อนพวกเขายังรู้สึกอิจฉาพวกองครักษ์ที่ได้รับประทานอาหารที่หวางเฟยทำอยู่เลย ไม่นึกเลยว่าวินาทีต่อมาจะถึงตาของพวกเขา ความตกใจระคนดีใจจึงเกิดขึ้นกะทันหัน
ภายในกระโจม ลูกทั้งสองกำลังเล่นเปลือกหอยที่พวกเขาไปเก็บมาวันนี้ ซึ่งวางกองไว้เต็มโต๊ะใหญ่
มู่ฉินเจินยังไม่กลับมา เฉียวเยี่ยนจึงเดินเข้าไปนั่งกับพวกเขา และหาเหล็กแหลมมาเจาะรูเปลือกหอย หลังจากเจาะเปลือกหอยเสร็จก็นำเชือกมาร้อย เท่านี้ก็กลายเป็นกระดิ่งลมแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน ท่านอ๋องก็กลับมา ทว่าสีหน้าดูไม่ค่อยดีนัก ดูเหมือนทั้งโกรธจัด ทั้งทำอะไรไม่ถูก
พลันเห็นหวังสยงอันชายมีเคราและสูงแข็งแรงเหมือนหอเหล็กทมิฬตามหลังเขามา แต่ไม่นึกเลยว่าชายมีหนวดผู้นี้จะมีท่าทางเศร้าหมอง หางตายังมีคราบน้ำตา ขณะไล่ตามมู่ฉินเจินประหนึ่งเด็กที่กำลังเอะอะโวยวาย
“ข้าไม่สน ข้าจะกลับไปกับท่านกับหวางเฟย ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่ ท่านอ๋อง ท่านจะมาขายข้าอยู่ที่นี่ไม่ได้นะ!”
เสียงของหวังสยงอันห้าวทุ้มเหมือนคนอื่นๆ แต่ตอนนี้เขากำลังสะอื้น เบะปากโวยวาย ซึ่งเสียงนั้นมันน่าหนวกหูมากจริงๆ
มู่ฉินเจินสาวเท้าเดินอย่างรวดเร็ว สีหน้ามืดมนดุจห้วงน้ำลึก เห็นได้ชัดว่ารำคาญคนที่อยู่เบื้องหลัง อยากจะสลัดเขาออก ทว่าหวังสยงอันกลับเกาะติดอยู่กับเขาเหมือนกอเอี๊ยหนังสุนัข
เฉียวเยี่ยนได้ยินเสียงก็ออกกระโจมไปดูสถานการณ์ เมื่อได้เห็นก็รู้สึกขบขัน
เห็นท่านอ๋องของนางหยุดฝีเท้า และหันกลับไปมองหวังสยงอันที่ตามหลังมาอยู่เพียงไม่กี่ก้าว ซึ่งตรงมุมนั้นนางไม่เห็นท่าทางแสดงออกของเขา แต่จากสภาพเบะปากน้ำตาคลอเบ้าของหวังสยงอันก็รู้แล้วว่าเกิดเรื่องไม่ค่อยดีแน่นอน
นางส่งเสียงหัวเราะออกมา ก่อนถาม “เกิดอะไรขึ้น? ท่านอ๋องรังแกเจ้าหรือ?”
คำพูดนี้เอ่ยกับหวังสยงอัน แต่ใครเล่าจะรู้เมื่อหวังสยงอันได้ยิน น้ำตาที่คลอเบ้าอยู่ก็ไหลออกมาอีกครั้ง และไม่นึกเลยว่าชายร่างใหญ่จิตใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่จะเบะปากร้องไห้ออกมา
“หวางเฟย ท่านต้องควบคุมท่านอ๋องนะ เขาต้องการขายข้าให้อยู่ที่เยวี่ยโจว! ข้าไม่ต้องการ ข้าอยากกลับไปเมืองหลวงกับพวกท่าน!”
เฉียวเยี่ยนไม่เข้าใจ แต่ยังไม่ทันให้นางเปิดปากถามอีกครั้ง ก็ได้ยินมู่ฉินเจินกัดฟันเอ่ย “เปิ่นหวางเคยพูดหลายครั้งแล้วว่าการให้เจ้าดำรงตำแหน่งเจี๋ยตู้ซื่อ*แห่งเยวี่ยโจวเป็นพระประสงค์ของฝ่าบาท หากเจ้ามีความสามารถนักก็ไปขัดพระราชโองการเองซะ!”
(*ขุนพลตามหัวเมืองที่มีสิทธิ์บังคับบัญชาทหารได้ (ค่อนข้าง) เป็นอิสระคือสะสมกำลังทหารได้เอง)
หวังสยงอันเสียใจจนปากสั่น “ข้าไม่ชอบตำแหน่งเจี๋ยตู้ซื่อบ้าอะไรนั่น ข้าแค่ต้องการที่ดินหนึ่งหมู่สามเฟินในเมืองหลวง นอกจากนี้ พี่น้องและสหายร่วมรบของข้าก็อยู่ในเมืองหลวง ให้ข้าอยู่เยวี่ยโจวคนเดียว… ”
เฉียวเยี่ยนฟังบทสนทนาของพวกเขา ในที่สุดก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ที่แท้นายพลหอเหล็กทมิฬได้รับการแต่งตั้งจากฮ่องเต้ให้เป็นเจี๋ยตู้ซื่อแห่งเยวี่ยโจว แต่เขาไม่อยากอยู่ที่นี่
พระราชโองการของฮ่องเต้เฒ่าเพิ่งมาถึงในวันนี้ โดยสั่งให้หวังสยงอันทำหน้าที่เป็นเจี๋ยตู้ซื่อแห่งเยวี่ยโจว ส่วนหยางซิ่งได้มีส่วนร่วมอย่างมากต่อความสำเร็จในครั้งนี้ จึงได้เลื่อนขั้นไปเป็นนายอำเภอของเยว่โจว นี่ก็ถือว่ารอดจากภัยพิบัติมาได้ย่อมมีความโชคดีตามมา
นางเอ่ยอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “นายพลหวัง นี่เป็นนับว่าเป็นเรื่องที่ดี ยศทางการของเจี๋ยตู้ซื่อสูงกว่าตำแหน่งเดิมของท่านไม่น้อยเลย อีกอย่างเมืองเยวี่ยโจวก็มั่งคั่ง อยู่ทำหน้าที่ที่นี่ก็นับว่าไม่เลวนัก”
นี่คือตำแหน่งที่หลายคนมิอาจใช้สมองแย่งมาได้เชียวนะ ไม่นึกเลยว่าชายผู้นี้จะไม่ชอบ
เมื่อหวังสยงอันเห็นหวางเฟยก็ไม่ช่วยตน ก็ร้องไห้เหมือนหมาอีกครั้ง จนเส้นเลือดบนหน้าผากของมู่ฉินเจินเต้นตุบๆ อยากจะเข้าไปเตะเจ้าซื่อบื้อนี่เสียสองทีอย่างควบคุมไม่ไหว
“เป็นชายชาตรีร้องห่มร้องไห้ร้องไห้มันใช้ได้ที่ไหนกัน!”
น้ำเสียงของท่านอ๋องเย็นชามาก ซึ่งอยู่ในขอบเขตโกรธเกรี้ยวแล้ว โดยปกติแล้วหลังจากผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาได้รับสัญญาณนี้ต่างก็ไม่กล้าพูดอะไรให้มากความอีก
ทว่าหวังสยงอันที่กำลังอกหักเสียใจในวันนี้กลับไม่กลัวเขาแล้ว และตะโกนคอเป็นเอ็น “บุรุษร้องไห้แล้วอย่างไร? ไม่ได้ทำผิดอะไรเสียหน่อย ข้าเสียใจก็ไม่ให้ข้าร้องไห้หรือ นี่ไม่ใช่เป็นการบีบข้าให้ตายรึ?”
มู่ฉินเจินกำหมัดแน่นจนเกิดเสียงกรอบแกรบ ริมฝีปากบางที่เม้มสนิทพ่นเสียงออกมาสองคำ “งี่เง่า!”
หวังสยงอันยิ่งร้องไห้ดังขึ้นไปอีก “ท่านไม่เพียงแต่ขายข้าไปแล้ว แต่ยังหาว่าข้าโง่อีก! เหตุใดชีวิตมันยากเยี่ยงนี้!”
เฉียวเยี่ยนหัวเราะเสียงดังอย่างไม่สะทกสะท้านอยู่ด้านข้าง หัวเราะจนปวดท้อง เด็กน้อยทั้งสองที่อยู่ในกระโจมได้ยินเสียงก็โผล่หน้าออกมาดูเช่นกัน
ครั้นเห็นลุงหนวดของพวกเขาร้องไห้อย่างน่าเวทนา เด็กทั้งสองก็สงสารอย่างมาก วิ่งเข้าไปกอดต้นขาของเขาคนละข้าง และใช้มือน้อยลูบต้นขาเขาเพื่อปลอบประโลม
เหตุต้องลูบขานะหรือ?
ก็เพราะว่าลุงหนวดสูงเกินไปนะสิ พวกเขาที่สูงเพียงเล็กน้อยสามารถลูบได้มากสุดก็แค่บั้นท้ายเขาเท่านั้น ทว่าจะให้พวกเขาลูบบั้นท้ายอีกฝ่ายจริงๆ ก็คงไม่ได้
ในขณะที่เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ปลอบเขา ปากน้อยก็พึมพำเสียงหวาน “ลุงหวังเด็กดี ไม่ร้องไม่ร้อง ท่านแม่บอกค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เรื่องทุกอย่างก็จะสามารถแก้ไขได้ ไม่ต้องรีบร้อนนะ”
หวังสยงอันก้มหน้ามองเด็กน้อยน่ารักทั้งสองด้วยน้ำตาคลอ เขาย่อตัวลงกอดพวกเขาและร้องไห้เสียงดังมาอีกระลอก
“เด็กๆ ต่อไปลุงอาจจะไม่ได้เจอพวกเจ้าอีกแล้ว ลุงกลับไปเมืองหลวงกับพวกเจ้าไม่ได้แล้ว”
“หา?”
เด็กน้อยทั้งสองตกใจอุทานออกมา เมื่อรับรู้ปัญหาร้ายแรงในเวลานี้ พวกเขาก็ไม่อยากแยกจากลุงหนวด และหลังจากกลับไปที่บ้านก็อยากไปเล่นกับเขาที่ค่ายทหารอีก
พวกเขาหันศีรษะไปมองบิดามารดา แววตาเปี่ยมล้นด้วยความคาดหวัง ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือในทันที
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
อย่าไล่ให้ท่านหวังไปอยู่ไกลจากเมืองหลวงเลยค่ะ เด็ก ๆต้องการเพื่อนเล่น
ไหหม่า(海馬)