ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? - ตอนที่ 119 คหบดีอู๋เยี่ยมชมโรงงาน
ตอนที่ 119 คหบดีอู๋เยี่ยมชมโรงงาน
ตอนที่ 119 คหบดีอู๋เยี่ยมชมโรงงาน
สกุลอู๋เปิดร้านค้ามาหลายชั่วอายุคน และนับว่ามีชื่อเสียงในเมืองหลวง มีกิจการพื้นฐานกระจายไปทั่วประเทศ ทว่าปีนี้ผู้ร่วมหุ้นทางกิจการของสกุลอู๋คนหนึ่งถอนทุนและหลบหนีไปอย่างกะหันทัน แถมยังหอบทรัพย์สินจำนวนมากไปด้วย จึงเป็นเหตุให้ร้านสกุลอู๋อยู่ในขั้นวิกฤต และดูเหมือนใกล้จะหมุนเงินไม่ทันแล้ว คหบดีอู๋ถึงได้ขายบ้านในเขตเมืองหลวง เพื่อช่วยให้ร้านค้าผ่านอุปสรรคไปได้ก่อน
ร้านสกุลอู๋ขายสินค้าหลากหลายชนิด และมีกลุ่มพ่อค้าเป็นของตัวเอง ซึ่งเดินทางไปทั่วทุกที่เพื่อขายสินค้า หลังจากคุยกับคหบดีอู๋สักพัก พลันเฉียวเยี่ยนก็มีความคิดหนึ่งขึ้นมา นั่นคือการร่วมมือกับร้านสกุลอู๋
โรงงานเฉียวจี้ของนางเพิ่งเริ่มต้นขึ้น จึงจำเป็นต้องเปิดเส้นทางให้สินค้าอย่างเร่งด่วน หากสามารถส่งสินค้าไปขายทั่วประเทศผ่านร้านสกุลอู๋ได้ มันก็จะช่วยประหยัดเวลานางไปได้มาก
คหบดีอู๋ได้ฟังความคิดของเฉียวเยี่ยนก็รู้สึกตื่นเต้นจนดวงตาสั่นระริกคลอไปด้วยน้ำตา ว่ากันว่าเมื่อกำแพงเริ่มคลอนแคลนผู้คนก็ช่วยกันผลักให้ล้ม ยามร้านสกุลอู๋ของเขาเจิดจรัสเปล่งประกาย ล้วนมีคนมากมายอยากร่วมมือกับเขา ทว่ายามอยู่ในภาวะวิกฤตอยากหาใครสักคนมาร่วมทุนนั้นกลับไม่มีใครยอมช่วยเลย
เขาได้ยินถึงความสามารถในการทำกิจการของซู่หวางเฟยมานานแล้ว นับตั้งแต่เรือนกระจกจนถึงภัตตาคาร แล้วก็โรงงานเฉียวจี้ที่เพิ่งเปิดใหม่ช่วงนี้ และทุกอย่างล้วนเป็นลำดับแนวหน้าแห่งราชวงศ์เทียนลี่
หากซู่หวางเฟยสามารถร่วมมือกับเขาได้ เช่นนั้นร้านสกุลอู๋ของพวกเขาก็อาจฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้!
เฉียวเยี่ยนกับคหบดีอู๋จึงตกลงกันทางวาจาก่อน รอกลับไปสร้างข้อบังคับอย่างละเอียดแล้ว พวกเขาค่อยขยายความร่วมมือกันต่อไป
นางพอใจกับบ้านหลังนี้มาก ส่วนเฉียวจิ่นกับซูเนี่ยนหว่านนอกจากรู้สึกว่าแพงแล้ว ก็หาข้อบกพร่องอื่นๆ ออกมาไม่ได้ เฉียวเยี่ยนเห็นพวกเขาเป็นเช่นนี้ ก็ลงนามสัญญากับคหบดีอู๋ทันที นางยื่นเงินให้ คหบดีอู๋ยื่นโฉนดที่ดินมา
หลังจากคุยเรื่องบ้านเสร็จแล้ว เฉียวเยี่ยนก็นัดกับคหบดีอู๋มาเจอกันที่โรงงานเฉียวจี้ในวันพรุ่งนี้ ในเมื่อจะร่วมมือกันกับเขา ก็ต้องให้คนอื่นเห็นสินค้าของพวกเขาก่อน เมื่ออีกฝ่ายพอใจแล้ว ถึงจะขยายการร่วมมือกันต่อไปได้
ตั้งแต่ออกมาจากตำหนักอ๋องซู่ เฉียวจิ่นกับซูเนี่ยนหว่านยังคงงุนงงอยู่ พวกเขายังไม่เคยเห็นเฉียวเยี่ยนคุยเรื่องกิจการกับคนอื่นมาก่อน พอได้เห็นวันนี้ ก็รู้สึกแปลกใจและนับถือเลื่อมใสขึ้นมา
ยามพูดคุยกับคนอื่น เฉียวเยี่ยนดูเปล่งประกายเจิดจรัส มีความมั่นใจและสะดุดตา เมื่อเอ่ยถึงเรื่องกิจการล้วนพูดจาน่าฟังและมีเหตุผล ซึ่งทำให้คนรู้สึกเลื่อมใสอย่างมาก
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เฉียวเยี่ยนนำสัญญาที่ร่างเมื่อคืนไปรอคหบดีอู๋ที่โรงงาน แต่ไม่คิดเลยว่าคหบดีอู๋จะมารออยู่นอกโรงงานก่อนแล้ว
หน้าประตูโรงงานมีคนงานจากฝ่ายรักษาความปลอดภัยคอยเฝ้าอยู่ คนนอกมิอาจเข้าไปข้างในได้ การจ้างทหารปลดประจำการมายืนคุ้มกันช่างเหมาะสมจริงๆ ข้างเอวพวกเขามีดาบห้อยอยู่ ยืนตรงในท่าทางทหาร ยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แค่ไอสังหารบนตัวก็สามารถยับยั้งผู้คนได้ไม่น้อยแล้ว
เฉียวเยี่ยนทักทายกับคหบดีอู๋สักพักก็พาเขาไปเยี่ยมชมโรงงาน เหล่าคนงานในโรงงานเริ่มทำงานกันนานแล้ว แต่ละโรงผลิตต่างก็ทำงานกันอย่างคึกคักขะมักเขม้น
นี่เป็นครั้งแรกที่คหบดีอู๋ได้เห็นแบบจำลองการผลิตเช่นนี้ เขาตกใจจนละสายตาไม่ได้ คนงานทุกคนล้วนสวมชุดเครื่องแบบเดียวกัน เรือนผมถูกห่อด้วยผ้าคลุมหัวที่คล้ายกับหมวก และมีผ้าปิดปากเอาไว้ ซึ่งผ้านั้นมีเชือกสองข้างคล้องไว้กับใบหู
เขาไม่เคยเห็นหน้ากากมาก่อน เมื่อเห็นหน้ากากบนใบหน้าของพวกคนงานในตอนนี้ก็รู้สึกแปลกใหม่มาก
โรงผลิตทำความสะอาดได้อย่างสะอาดสะอ้านหมดจด จนเขากล้าพูดได้เลยว่า ครัวในบ้านของคนส่วนใหญ่ไม่สะอาดขนาดนี้แน่นอน
หลังจากเยี่ยมชมโรงผลิตแต่ละแห่งเสร็จแล้ว เฉียวเยี่ยนก็พาเขาไปที่ห้องเก็บของ ซึ่งในห้องเก็บของเก็บสินค้าที่ผลิตออกมาจากโรงงานเอาไว้ และมีคนเฝ้าโดยเฉพาะ
ในห้องเก็บของมีชั้นวางสินค้าตั้งไว้อย่างเรียบร้อย และบนนั้นล้วนเป็นสินค้าที่เพิ่งผลิตออกมาในช่วงนี้ นอกจากฮั่วกัวตี่เลี่ยวกับแป้งมันเทศแล้ว โรงงานก็เริ่มผลิตเครื่องปรุงของหมักดองต่างๆ ออกมาแล้วเช่นกัน
ผักดองเปรี้ยวเผ็ด เต้าเจี้ยว โต้วป้านเจี้ยงพวกนี้ต้องใช้เวลาดองนาน และตอนนี้ยังคงดองอยู่ในไหในห้องหมัก แต่ซอสพริก น้ำมันพริก และซอสเนื้อพวกนี้ใช้เวลาดองไม่นานนัก ซึ่งสินค้าได้ผลิตออกมาบางส่วนแล้ว
เฉียวเยี่ยนสั่งทำโถดินเผามาหนึ่งชุด ซึ่งมีขนาดเท่าโถแก้วสมัยใหม่ นำน้ำซอสที่ทำเสร็จแล้วบรรจุลงในหม้อดินเผาและปิดด้วยจุกไม้ จากนั้นก็นำเข้าหม้อนึ่งฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิสูง
โถดินเผาที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้วยังต้องดำเนินการทดสอบการเก็บรักษา ซึ่งตัวอย่างนั้นได้สุ่มมาจากโถดินเผาที่ผลิตเสร็จแล้ว ก่อนจะนำไปวางไว้ที่อุณหภูมิห้องปกติเพื่อสังเกตว่าจะใช้เวลานานเท่าใดถึงจะเกิดการเปลี่ยนแปลง
แม้อุณหภูมิในการนึ่งฆ่าเชื้อจะไม่สูงเท่าหม้อนึ่งความดันสมัยใหม่ แต่ก็ยังสามารถฆ่าแบคทีเรียบางชนิดได้ และยืดอายุการเก็บรักษาได้ดี
เฉียวเยี่ยนแกะโถดินเผาสองสามโถให้คหบดีอู๋ลองชิม หลังจากคหบดีอู๋ได้ชิมก็ตกใจ รสชาติผักดองในโถดินเผานี้อร่อยมาก หากไม่มีอาหารอร่อยอะไร เลือกผักดองมาคลุกเคล้ากินกับข้าวก็ไม่เลวเหมือนกัน อีกทั้งบรรจุภัณฑ์ก็แปลกใหม่ แถมยังเก็บไว้ได้นานโดยไม่ต้องกังวลว่าสินค้าจะขายไม่ออกในระยะเวลาสั้นๆ
หลังจากพาคหบดีอู๋เยี่ยมชมโรงงานเสร็จก็ถึงเวลาเที่ยงแล้ว เฉียวเยี่ยนจึงเชิญเขาไปกินข้าวที่โรงอาหารคนงาน แม้ว่าอาหารในโรงอาหารคนงานจะไม่ดีเท่าภัตตาคารใหญ่ๆ แต่ก็ดีกว่าร้านธรรมดา ซึ่งนั่นมันก็เหลือเฟือแล้ว
ฝีมือของพวกพี่สาวในโรงอาหารนั้นเยี่ยมมาก และอาหารที่พวกนางทำล้วนเป็นอาหารรสชาติพื้นเมืองแท้ๆ
จริยธรรมของชายหญิงในสมัยโบราณนั้นเคร่งครัดมาก เพื่อหลีกเลี่ยงข้อครหา เฉียวเยี่ยนจึงแบ่งโรงอาหารออกเป็นสองส่วน ครึ่งหนึ่งสำหรับคนงานชาย และอีกครึ่งหนึ่งสำหรับคนงานหญิง
เมื่อเข้าไปในโรงอาหาร เฉียวเยี่ยนสั่งผู้ดูแลงานฝ่ายรักษาความปลอดภัยกับคนงานชายอีกสองสามคนให้ปฏิบัติดูแลคหบดีอู๋ดีๆ และนางก็รับประทานอาหารร่วมกับคนงานหญิง
อาหารในแต่ละวันของโรงอาหารจะเป็นเนื้อสัตว์หนึ่งอย่างและผักสองอย่าง และอาหารในวันนี้คือวุ้นเส้นหมูตุ๋น นำหมูสามชั้นมาหั่นเป็นแผ่นบางๆ แล้วเจียวจนน้ำมันออกมา จากนั้นก็นำผักดองใส่ลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน สุดท้ายเติมน้ำลงไป แล้วใส่วุ้นเส้นที่แช่เสร็จลงไปตุ๋นก็เป็นอันเสร็จ
อาหารดังกล่าวในครอบครัวของพวกคนงาน ตลอดทั้งปีอาจกินได้ไม่ถึงสองครั้งด้วยซ้ำ แต่เมื่ออยู่ในโรงงานกลับได้กินทุกวัน ทำให้หลายคนที่มาทำงานที่นี่ได้สองสามวันน้ำหนักขึ้นไม่น้อย
นอกจากอาหารที่ทำในโรงอาหารแล้ว ผักดองที่ผลิตในโรงผลิตก็ขาดไม่ได้เลย ทุกครั้งที่โรงผลิตผักดองพัฒนาผลิตสินค้าใหม่ พวกเขาต่างก็เป็นนักชิมกลุ่มแรก
หวางเฟยเหนียงเหนียงบอกว่าให้พวกเขาทำงานหนักกินให้เต็มที่ มีความคิดเห็นอะไรก็เอ่ยมาได้เลย หาปัญหาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพไม่หยุดหย่อน ถึงจะผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐานได้
แต่พวกเขาจะมีความเห็นอะไรที่ไหนกัน ซอสพริก น้ำพริกหมูเหล่านั้นพวกเขาไม่เคยกินมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ครั้งแรกที่ได้กินก็อร่อยจนแทบอยากจะกลืนลิ้นลงไป นี่ถือว่าเป็นของอร่อยสุดยอดที่สุดเท่าที่พวกเขารู้จักแล้ว จะเอาความคิดเห็นจากไหนมาอีก
คหบดีอู๋กับทหารปลดประจำการสองสามคนนั่งอยู่ที่โต๊ะเดียวกัน ทหารชราเหล่านั้นเริ่มโอ้อวด เกทับจนคนตกตะลึงไปชั่วขณะ แทบจะโม้เรื่องหวางเฟยของพวกเขาจนลอยขึ้นสวรรค์ จนเฉียวเยี่ยนที่อยู่ไม่ไกลได้ยินแล้วก็รู้สึกอาย
คหบดีอู๋ได้ฟังพวกเขาพูดก็เกิดความรู้สึกบางอย่างในใจ เหตุที่ซู่หวางเฟยสามารถสร้างอุตสาหกรรมได้ใหญ่ปานนี้ได้น่าจะเป็นเพราะความสามารถของนางที่ทำให้คนงานเบื้องล่างเคารพนาง ยอมรับและเลื่อมใสในตัวนางจากก้นบึ้งหัวใจ
เมื่อคนงานรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ความกระตือรือร้นในการทำงานก็จะสูงขึ้นเช่นกัน ในอุตสาหกรรมหนึ่งๆ สามารถรักษาความกระตือรือร้นในระดับสูงจากเบื้องบนสู่เบื้องล่างได้ นับว่าเป็นเรื่องยากที่จะไม่ประสบความสำเร็จ
ส่วนร้านสกุลอู๋ของพวกเขา แม้จะทำกิจการมาหลายชั่วอายุคน แต่ไม่มีผู้นำตระกูลคนใดจะสามารถดูแลผู้คนที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาได้ดีเช่นนี้ ระหว่างญาติล้วนมีเจตนามิดีมิร้าย ต่อหน้ารักใคร่ปรองดอง แต่ลับหลังกลับต่อสู้แย่งชิงอำนาจกัน ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงคนงานที่อยู่ใต้บังคับบัญชา
หลังจากกินอาหารเสร็จ เฉียวเยี่ยนกับคหบดีอู๋ก็ได้ลงนามสัญญากันอย่างเป็นทางการ นางจะส่งสินค้าไปยังร้านสกุลอู๋ในราคาที่ต่ำที่สุด นอกจากนี้ยังให้คหบดีอู๋ยืมเงินสองหมื่นตำลึงอีกต่างหาก เพื่อช่วยเขาข้ามผ่านวิกฤตครั้งนี้
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ต้องทำตัวให้เขารักอะ เขาถึงจะยอมทำงานให้อย่างเต็มใจเต็มกำลัง นี่แหละหลักการปกครองคน
ไหหม่า(海馬)