ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน - ตอนที่ 278 เรื่องอื้อฉาวดังกระฉ่อน
ตอนที่ 278 เรื่องอื้อฉาวดังกระฉ่อน
เมื่อเข้าห้องปิดประตู หลัวคังอันกวาดสายตามองภายในห้อง
หลินยวนกล่าว “ตรวจสอบดูแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร ไปพบจี้เผิงเลี่ยมาแล้วเหรอ?”
“พบแล้ว” หลัวคังอันพยักหน้าถอนใจ กล่าวว่า “ฉันบอกเขาไปแล้ว แต่เขาแข็งกร้าวมาก ฉันพูดยังไม่ทันจบก็ถูกเขาปฏิเสธแล้ว”
หลินยวนว่า “ไหนลองเล่ามาให้ละเอียดหน่อย”
“ตอนที่เจอหน้าก็มีแม่ทัพหลายคนอยู่ด้วย หวนเจ้าที่เป็นอดีตผู้บังคับบัญชาของฉันกลับเป็นฝ่ายถามฉันก่อนว่าขาของฉันเป็นอะไร…” หลัวคังอันเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบอย่างละเอียดโดยไม่มีการปิดบังอะไรแม้แต่น้อย เขารู้ว่าตอนนี้กำลังเอาชีวิตไปเสี่ยง หากไม่เล่าเรื่องไปให้ชัดเจน ถ้าเกิดวิเคราะห์อะไรผิดพลาดขึ้นมาอาจจะตายเอาได้
หลังจากฟังเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบ เยี่ยนอิงก็เอ่ยพึมพำ “ดูเหมือนคนเหล่านี้จะให้เกียรติหลงซืออวี่อยู่อย่างมากทีเดียว ไม่ได้หมางเมินเพราะเรื่องที่ทำผิดจนถูกประหารชีวิต”
หลินยวนพยักหน้า เขาเองก็รู้สึกแบบนี้เช่นกัน
หลัวคังอันกล่าว “ฉันจะบอกให้นะน้องหลิน ฉันทำเต็มที่แล้วจริงๆ แต่เขาไม่ตกลง ฉันดึงดันไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก! ฉันก็บอกแล้วว่าเรื่องแบบนี้เขาไม่น่าจะตอบตกลงหรอก สภาเซียนก็ใช่ว่าจะไม่มีคนเสียหน่อย แล้วพวกเขาจะให้ฉันไปเป็นสายลับให้พวกเขาได้ยังไง? ต่อให้นายจะบังคับให้ฉันไปยังไงมันก็เปล่าประโยชน์”
หลินยวน “ไม่เป็นไร แค่พูดไปแล้วก็พอ”
“…” หลัวคังอันงุนงง “หมายความว่ายังไง?”
เยี่ยนอิงก็มองหลินยวน ไม่รู้ว่าเขามีแผนการอะไรอยู่
แต่มีจุดหนึ่งที่เธอค่อยๆ รู้สึกได้ เธอรู้สึกได้ว่าสถานะของหลินยวนในกลุ่มเศษเดนราชวงศ์ก่อนจะต้องอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงแน่นอน ไม่เพียงแค่เพราะ ‘ป้ายบัญชาเทพ’ เท่านั้น หากแต่เป็นเพราะอำนาจในการจัดการปัญหาเฉพาะหน้าของหลินยวน หากไม่มีตำแหน่งที่ค่อนข้างสูงล่ะก็ มันก็ไม่มีทางที่เขาจะตัดสินใจอะไรโดยพลการเวลาที่ต้องเผชิญกับเรื่องที่สำคัญแบบนี้ได้ คนผู้นี้มีอำนาจในการตัดสินใจที่เด็ดขาดอยู่ในมือ!
หลินยวนไม่ได้อธิบายอะไรอีก “อยู่ที่นี่กันก่อนสักสองสามวัน พยายามรวบรวมข้อมูลทางนี้ให้ได้มากที่สุด เพื่อนพวกนั้นของแกน่าจะมาหาแกอีก แกใช้โอกาสนี้สืบข้อมูลดู”
“เฮ้อ!” หลัวคังอันถอนใจพลางพยักหน้า คนเขามาดูแลต้อนรับด้วยความหวังดี ตนเองกลับเป็นสายลับที่มาสืบข้อมูล
เขาพบว่าการเผชิญหน้ากับพวกเหยาเซียนกงครั้งนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เหมือนอย่างตอนที่ถูกเตะออกไปจากค่ายผู้พิทักษ์เทพเมืองหลวงแล้ว หากแต่เป็นการยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพวกเหยาเซียนกงอย่างสิ้นเชิง กลายเป็นโจรกบฏ
เรื่องที่กลายเป็นโจรกบฏนั้นช่างเถอะ เมื่อหลงเดินทางผิดไปแล้วเขาเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน ตอนนี้สิ่งที่เขากังวลคือสักวันหนึ่งตนเองจะไปเจอกับเพื่อนเก่าเหล่านี้ในสนามรบหรือไม่
หากมีวันนั้นจริงๆ เขาไม่อยากจะลงมือกับพวกเขาเลย
หลังจากแอบวางแผนกันเสร็จเรียบร้อย ทั้งสามคนก็ออกจากห้อง ยืนอยู่ตรงระเบียงของผนังหินแล้วกวาดมองไปรอบๆ สายตาต่างไปหยุดอยู่ที่สองแม่ลูกที่เดินเคียงข้างกันอยู่ข้างล่าง
หลิวซิงเอ๋อร์พูดคุยยิ้มแย้มอยู่ข้างๆ ผู้เป็นมารดา ใบหน้าของติงหลานก็ยิ้มแย้ม ไม่รู้ว่าทั้งสองจะไปที่ไหนกัน
สองแม่ลูกก็อาศัยอยู่ในพื้นที่รับรองตรงนี้เช่นกัน เวลาที่ต้องการความช่วยเหลือ ทหารถึงจะมาเชิญติงหลานไป
หลินยวนหันไปมองดูปฏิกิริยาของเยี่ยนอิง เขาสังเกตเห็นแววตาที่จ้องมองอย่างลึกซึ้งของเยี่ยนอิง
“เรื่องตามจีบผู้หญิงน่าจะเป็นงานถนัดของแก” หลินยวนหันไปมองสองแม่ลูกข้างล่าง จู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นมา
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เยี่ยนอิงกับหลัวคังอันก็หันไปมองหลินยวนแทบจะพร้อมกัน จากนั้นเยี่ยนอิงมองไปที่หลัวคังอันต่อ เมื่อพูดถึงเรื่องจีบผู้หญิงแล้ว อย่างนั้นก็ไม่เกี่ยวกับเธอแน่นอน
หลัวคังอันก็รู้ตัวแล้วว่าอีกฝ่ายกำลังพูดกับเขา จึงกล่าวว่า “ดูนายพูดเข้าสิ ความจริงแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างที่นายคิด สิ่งที่นายเห็นล้วนเป็นแค่ภาพลักษณ์ภายนอก ที่จริงแล้ว…ถึงฉันจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่อย่างน้อยก็เป็นคนซื่อตรงจริงๆ นะ”
“อืม ฉันเชื่อ” หลินยวนพยักหน้า สื่อว่าเห็นด้วย
หลัวคังอันยิ้มแห้ง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตนเองรู้สึกกระดากใจขึ้นมาเล็กน้อยหรือเปล่า
จู่ๆ หลินยวนก็กล่าวขึ้นมาอีก “คนข้างล่างนั่น ถ้าให้แกไปจีบ นานแค่ไหนแกถึงจะจีบติด?”
“เอ่อ…” หลัวคังอันลังเลพลางกล่าว “นายหมายถึงจีบติงหลาน หรือว่าหมายถึงจีบหลิวซิงเอ๋อร์?”
ทันทีที่เขาเอ่ยคำนี้ออกมา หลินยวนกับเยี่ยนอิงหันไปมองหน้าเขาพร้อมกัน สายตาดูค่อนข้างตกตะลึง คล้ายกำลังถามว่าแกสนใจติงหลานด้วยเหรอ?
หลัวคังอันรับรู้ได้ทันทีว่าคำพูดของตนเองเกิดความคลุมเคลือ จึงรีบกล่าว “พวกนายอย่าคิดมากล่ะ น้องหลิน นายอย่าเข้าใจฉันผิดได้ไหม?”
หลินยวน “เรายังต้องอยู่ที่นี่สองสามวัน มั่นใจไหมว่าจะจีบหลิวซิงเอ๋อร์ได้?”
หลัวคังอัน “นายคงไม่ได้เอาจริงใช่ไหม? ฉันไม่ทำเรื่องแบบนี้หรอกนะ เดี๋ยวฉันกลับไปอธิบายกับจูเก่อม่านไม่ได้”
หลินยวนไม่เชื่อคำพูดไร้สาระของเขา คนคนนี้ดูเหมือนคนที่กลัวว่าจะอธิบายกับจูเก่อม่านไม่ได้เหรอ? เขาเอ่ยถาม “ถ้าหอการค้าตระกูลฉินล้มละลายไป จูเก่อม่านเองก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรเหมือนกัน แค่เล่นละครเท่านั้น เธอเข้าใจได้ แกลองหาวิธีดูแล้วกัน”
หลัวคังอันจ้องหลิวซิงเอ๋อร์ที่อยู่ข้างล่าง เธอสวยมาก อันที่จริงเขาถูกเสน่ห์ของเธอทำให้หวั่นไหวขึ้นมาเหมือนกัน จึงลังเลพลางกล่าว “นายจะให้ฉันใช้แผนชายรูปงามเหรอ?”
แผนชายรูปงาม? หลินยวนกับเยี่ยนอิงพูดไม่ออกอีกครั้ง กวาดมองดูเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง อยากจะถามเขาจริงๆ ว่าต้องหน้าด้านขนาดไหนถึงจะสามารถพูดอะไรแบบนั้นออกมาได้
แต่แน่นอน ที่จริงแล้วหลัวคังอันก็ไม่ได้ขี้เหร่ แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นชายรูปงามอย่างที่เขาพูด
“เอ่อ…” หลัวคังอันถูกสองคนนั้นมองจนกระอักกระอ่วนขึ้นมาเล็กน้อย จึงกระแอมพลางกล่าว “พูดตามตรงนะ ฉันไม่อยากไปข้องแวะกับลูกสาวของผู้มีอำนาจเลย ถ้าจำเป็นต้องแสดงละครจริงๆ อย่างนั้นฉันก็ลองดูได้ แต่ฉันขอบอกเอาไว้ก่อนนะ ต่อไปถ้าจูเก่อม่านถามขึ้นมา นายจะต้องช่วยฉันอธิบายนะ”
หลินยวน “อืม เดี๋ยวฉันช่วยเป็นพยานให้ว่าแกทำเพื่อช่วยหอการค้าตระกูลฉิน”
เยี่ยนอิงจ้องมองผู้ชายไร้ยางอายทั้งสองคน โดยเฉพาะหลัวคังอัน เธอนับว่ามองออกแล้ว เขาเป็นคนที่มักมากในเรื่องผู้หญิงอย่างมาก ปกติแล้วจะกลัวตายเป็นอย่างมาก แต่พอเจอเรื่องแบบนี้กลับไม่สนใจผลที่ตามมาเลยสักนิด รับปากง่ายๆ แบบนี้เลย
“เดี๋ยวฉันขอลองดูก่อน” หลัวคังอันกระซิบ จากนั้นกระแอมเล็กน้อย จู่ๆ พลันส่งเสียงตะโกนออกไปว่า “เฮ้!”
สองแม่ลูกที่เดินอยู่ข้างล่างได้ยินเสียงก็หันไปมอง พอกวาดมองไปรอบๆ ก็เห็นพวกเขาที่อยู่บนหน้าผา
หลัวคังอันที่อยู่ตรงราวกั้นโบกมือให้ทั้งสองคน หลิวซิงเอ๋อร์ยิ้มขึ้นมาทันที ก่อนจะโบกมือให้พวกเขาอย่างมีชีวิตชีวาเช่นกัน ติงหลานเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อย
พวกเขาเพียงแค่โบกมือทักทายกัน ไม่ได้มีการสื่อสารอะไรอย่างอื่น สองแม่ลูกค่อยๆ เดินไกลออกไป
คราวนี้หลัวคังอันถึงจะหันไปทางหลินยวน พลางกระซิบกล่าวว่า “เธอเป็นคนเปิดเผย การจะเข้าใกล้ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาอะไรเท่าไร เข้าใกล้ได้ง่าย”
หลินยวนนับว่าเข้าใจแล้วว่าอะไรคือสิ่งที่เรียกว่าลองดูก่อน เขาล่ะนับถือใจเจ้านี่จริงๆ จึงยกนิ้งโป้งให้เขาอย่างจริงใจ
หลัวคังอันโบกมืออย่างถ่อมตัว ท่าทางคล้ายบอกว่ารับไว้ไม่ไหว
สองคนนี้…เยี่ยนอิงนับว่าหมดคำพูดกับสองคนนี้เลย พวกเขาไม่สนใจแม้แต่น้อยเลยว่าข้างๆ ยังมีผู้หญิงอยู่ด้วยอีกคนหนึ่ง
หลัวคังอันกระซิบกล่าวเสริม “เข้าใกล้ได้ง่าย แต่ไม่รู้ข้อมูลที่แน่ชัดของเธอ กระทั่งเธอชอบอะไรบ้างก็ยังไม่รู้เลย ให้เวลาแค่ไม่กี่วันนี้น่าจะยากนะ!”
หลินยวนกล่าว “พยายามให้เต็มที่ ถ้าไม่ได้จริงๆ แค่เป็นเพื่อนก็ยังดี พยายามเชิญเธอไปเที่ยวที่เมืองปู๋เชวี่ยหลังจากนี้ หาโอกาสให้ทุกคนได้เจอกันบ่อยๆ” ตอนที่บอกเรื่องนี้หลินยวนก็เหลือบมองปฏิกิริยาของเยี่ยนอิงอีกครั้ง เห็นเยี่ยนอิงขมวดคิ้ว
หลัวคังอันตอบอืมพลางกล่าว “เรื่องนี้ไม่มีปัญหา เดี๋ยวฉันจัดการเอง” สีหน้าท่าทางคล้ายอยากจะลองดู เหมือนอยากจะลงมือไม่ไหวแล้ว
เมื่อได้รับมอบหมายให้ไปจีบผู้หญิงจริงๆ ใจเขารู้สึกไร้ซึ่งความหวาดกลัว
ในที่สุดเยี่ยนอิงก็ทนไม่ไหว เอ่ยขึ้นมาว่า “เธอไม่ได้เป็นศัตรูกับพวกท่าน ทำไมต้องไปทำร้ายเธอด้วย?”
หลินยวนหันไปจ้องเธอ “ไม่ได้จะทำร้ายเธอ ก็แค่เป็นเพื่อนเท่านั้น บางทีอาจจะสืบได้ข้อมูลที่มีประโยชน์กับเราด้วย หลัวคังอัน นายว่าใช่ไหม?”
ใจของเยี่ยนอิงรู้สึกบีบแน่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า เธอรู้สึกว่าในดวงตาของหลินยวนคล้ายกำลังพินิจพิเคราะห์เธออย่างลึกซึ้ง ในเสี้ยวพริบตานี้เอง ภายในใจเธอพลันเกิดความรู้สึกว่าคนที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นบุคคลอันตราย
หลัวคังอัน “ใช่ เยี่ยนอิง คุณก็อย่าคิดมากไปเลย พวกเราไม่ใช่คนเลว ก็แค่เล่นละครเท่านั้น”
“ฉันไม่ยุ่งเรื่องแบบนี้ ฉันขอแนะนำให้พวกท่านรีบออกไปจากที่นี่จะดีกว่า หากล่าช้าไปหนึ่งวัน คนที่ได้รับพิษก็จะทรมานไปอีกหนึ่งวัน” เยี่ยนอิงหลบสายตาของหลินยวน หันหลังเดินออกไป
หลัวคังอันหันไปมองเธอ แล้วหันกลับมาบ่นพึมพำกับหลินยวนว่า “ผู้หญิงคนนี้นี่ก็เหลือเกินจริงๆ นี่พวกเรากำลังพยายามหาทางรอดออกไปจากที่นี่แท้ๆ ไม่ได้เข้าใจกันเลยสักนิด”
หลินยวนอดหัวเราะไม่ได้ เขาอมยิ้ม พบว่าเจ้านี่กระตือรือร้นกับเรื่องแบบนี้จริงๆ แต่ก็ยังกระซิบกำชับเขาว่า “ต่อไปแกก็ระวังตัวหน่อย เยี่ยนอิงกับติงหลานคนนั้นอาจจะรู้จักกัน”
“เอ่อ…” หลัวคังอันตกตะลึง เขยิบเข้าไปใกล้ทันที กระซิบด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ ว่า “เธอหลบซ่อนอยู่ที่เมืองหมอกอยู่ตลอด ทำไมถึงรู้จักกับคุณนายท่านเจ้าเมืองเว่ยไห่ได้ล่ะ?”
หลินยวนกล่าว “ติงหลานคนนี้มีความเป็นได้สูงว่าจะเป็นหนึ่งในสองสาวใช้ที่เธอเคยพูดถึง”
“ห้ะ? อะไรจะบังเอิญขนาดนี้?” หลัวคังอันตกใจมาก “ทำไมนายถึงรู้? น้องหลิน เรื่องนี้ล้อเล่นไม่ได้นะ จริงหรือเปล่าเนี่ย?”
หลินยวน “ยังไม่แน่ใจ แต่มีความเป็นไปได้สูง ดังนั้นแกต้องระวังไว้”
“ไม่สิ…” หลัวคังอันร้อนใจเล็กน้อย “น้องหลิน นายเคยคิดไหม? จำวังเทพแห่งความฝันได้หรือเปล่า? ถ้าติงหลานเป็นสาวใช้ของเธอจริงๆ อย่างนั้นติงหลานก็ต้องรู้ตำแหน่งของวังเทพแห่งความฝันแน่นอน ผลดำขาวในวังเทพแห่งความฝันนั้นพวกเราไม่ได้เอามาหมด ถ้าติงหลานไปที่นั่น เธอก็ต้องรู้ว่ามีคนเคยมา หลังจากนั้นก็จะต้องเปิดโปงว่าพวกเราหาดวงตาแห่งความฝันเจอแล้ว จะไม่ให้คนนึกสงสัยคงเป็นไปได้ยากแล้ว! ติงหลานแต่งงานกับเจ้าเมืองเว่ยไห่ นี่ก็นับว่าเธอไปเข้ากับสภาเซียนแล้ว ถ้าเกิดเธอเปิดเผยออกไป ผลที่ตามมามันจินตนาการไม่ได้เลยนะ! เฮ้อ ฉันก็บอกแล้วว่าให้เด็ดผลดำขาวมาให้หมด นายก็ไม่ฟังฉันเลย ตอนนี้เรียกได้ว่าทิ้งปัญหาเอาไว้แล้ว เราต้องหาโอกาสไปที่วังเทพแห่งความฝันอีกครั้ง ต้องไปเก็บกวาดสถานที่นั้นให้เรียบร้อย” ตอนนี้เขากลัวตายขึ้นมาอีกแล้ว
หลินยวน “ไม่ต้องรีบร้อน ฉันเหลือทางหนีทีไล่เอาไว้แล้ว แกคิดว่าทำไมฉันถึงให้แกไปบอกจี้เผิงเลี่ยเรื่องหลงซืออวี่กับเทพแห่งความฝันล่ะ? การที่แกรู้เรื่องผลดำขาว สามารถหาวังเทพแห่งความฝันเจอ มันก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว ถ้าไปตามสืบ คำอธิบายของแกก็จะมีเหตุผล”
ความระมัดระวังตัวและการป้องกันของเขาไม่มีทางด้อยไปกว่าหลัวคังอัน ตั้งแต่ที่พบว่าสถานการณ์ของเยี่ยนอิงกับติงหลานดูแปลกประหลาด เขาก็เตรียมทางหนีทีไล่ไว้ในแผนทันที เพื่อกำจัดปัญหาที่จะตามมา ถ้าปัญหาแค่นี้เขายังแก้ไขไม่ได้ เขาก็คงใช้ชีวิตมาไม่ถึงวันนี้หรอก
“…” หลัวคังอันครุ่นคิดอย่างเงียบๆ แววตาเป็นประกาย ใช่จริงๆ ด้วย เขาโล่งใจอย่างมากทันที หลุดพ้นจากความกังวล แล้วก็ยกนิ้วโป้งให้หลินยวนเช่นกัน “นายนี่มันสุดยอดจริงๆ แต่ติงหลานจำเยี่ยนอิงได้ไหม?”
หลินยวน “น่าจะยังจำไม่ได้ ฉันถึงบอกให้แกระวังเวลาเข้าใกล้ทางนั้น อย่าเปิดเผยตัวเยี่ยนอิง”
“อืม เรื่องนี้นายวางใจได้” หลัวคังอันพยักหน้ารัวๆ
แต่เรื่องบางเรื่องมันก็ทำให้คนไม่ทันตั้งตัวจริงๆ
ตอนที่ทั้งสองคนกำลังปรึกษากันเรื่องรายละเอียดแผนการหลังจากนี้ จู่ๆ ก็มีเงาคนคนหนึ่งบินเข้ามา เสื้อผ้าพริ้วไหวร่อนลงมาที่ระเบียงทางนี้ ไม่ใช่ใครอื่น เป็นหลิวซิงเอ๋อร์ที่งดงามคนนั้นนั่นเอง
หลินยวนกับหลัวคังอันมองหน้ากัน เมื่อกี้ยังพูดถึงอยู่เลย นี่มาหาถึงที่เลยเหรอ?
เยี่ยนอิงที่อยู่ในห้องก็ตกใจเพราะการมาของเธอ รีบมาสังเกตการณ์ที่ประตูระเบียงอย่างรวดเร็ว
“คุณคือหลัวคังอันที่พาเทพธิดาเสวี่ยหลานไปในห้องควบคุมของเทพมหาวิญญาณใช่ไหมคะ?” หลิวซิงเอ๋อร์จ้องหลัวคังอันแล้วเอ่ยถามอย่างอยากรู้
ก่อนหน้านี้ทางนี้เป็นฝ่ายเริ่มทักทายไปก่อน เธอจึงถามคนที่เจอระหว่างทางว่าคนคนนี้คือใคร พอได้ยินว่าเป็นหลัวคังอันที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ‘ที่เล่าลือกัน’ คนนั้น เธอก็ตื่นเต้นขึ้นมา รีบมาทำความรู้จักทันที อยู่ที่นี่มันน่าเบื่อจริงๆ
ใบหน้าของหลัวคังอันที่กำลังอมยิ้มเล็กน้อยพลันแข็งทื่อไปทันที
เยี่ยนอิงเม้มปากกลั้นขำ คิดจะไปตามจีบอีกฝ่าย ผลคือคิดไม่ถึงว่าชื่อเสียงแย่ๆ ของตัวเองจะอื้อฉาวไปไกลขนาดนั้น
…………………………………………………………..