ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน - ตอนที่ 116 ยี่สิบสี่เหลือหนึ่ง
ตอนที่ 116 ยี่สิบสี่เหลือหนึ่ง
“….” หลัวคังอันอ้าปากค้าง ตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก พบว่าคนที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้บ้าไปแล้ว กระทั่งพันธมิตรฝั่งตัวเองก็ยังลงมืออย่างโหดเหี้ยมได้ เขาปิดปากลืนน้ำลาย กล่าวด้วยสีหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ว่า “น้องหลิน ราคาเทพมหาวิญญาณตนหนึ่งไม่ใช่ถูกๆ นะ ทำลายเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลอู๋ไปแบบนี้ฉันรับผิดชอบไม่ไหวนะ! หอการค้าตระกูลอู๋จะเฉือนเนื้อฉันไปกินเอาได้นะ”
หลินยวนกล่าว “คิดตื้นๆ ถึงเรื่องนี้จะให้นายเป็นคนรับผิดชอบ แต่ความรับผิดชอบมันไม่ตกมาถึงนายหรอก นายทำงานให้หอการค้าตระกูลฉิน หอการค้าตระกูลฉินคงไม่ถึงกับไม่ออกหน้ารับผิดชอบในเรื่องนี้หรอกมั้ง เดี๋ยวเสร็จเรื่องแล้วทางหอการค้าตระกูลฉินต้องหาทางจัดการให้แน่”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลัวคังอันคิดๆ ก็พบว่าจริงดั่งว่า ช่วยหอการค้าตระกูลฉินเอาชนะการประมูล หอการค้าตระกูลฉินควรจะขอบคุณเขาถึงจะถูก
ภายในตัวเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลอู๋ที่ล้มลงมีคนกระโดดหนีออกไป เป็นหวงอวี่
หวงอวี่กระโดดหนีออกไปไกล จ้องมองมาทางนี้ด้วยความตกใจ เรียกได้ว่าทั้งตกใจทั้งโมโห
เขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าต่อหน้าโดรนวิเศษจำนวนมากที่ตามถ่ายภาพอยู่เช่นนี้ หอการค้าตระกูลฉินกลับกล้าลงมืออย่างโหดเหี้ยมโดยไม่มีความลังเล พบว่าวันนี้ตนเจอกับคนที่โหดเหี้ยมเข้าจริงๆ แล้ว
ด้านนอกตำหนักคุนกว่าง ทุกคนต่างตกตะลึง นี่มันหมายความว่าอย่างไร? เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินกำจัดเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลอู๋ด้วยอย่างนั้นเหรอ?
ทุกคนมองเห็นอย่างชัดเจนว่าหอการค้าตระกูลอู๋สังหารแมงมุมสวรรค์แล้วเอาตานมาให้หอการค้าตระกูลฉิน ผลสุดท้ายหอการค้าตระกูลฉินกลับหักหลัง การหักหลังครั้งนี้เรียกได้ว่าไม่มีใครคิดถึงเลยแม้แต่คนเดียว
“เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินแทงเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลอู๋…”
จูลี่ที่กำลังทำการบรรยายก็เอ่ยประโยคนี้ออกมาเช่นกัน กระทั่งตัวเธอก็ไม่รู้ว่าควรจะบรรยายต่อไปอย่างไรแล้ว จะให้กล่าวชมเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินในเวลานี้ก็คล้ายจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไรนัก
ไป๋หลิงหลงที่เดินกลับมาตกตะลึง
ฉินอี๋เองก็มีสีหน้ามึนงง ไม่รู้ว่าหลัวคังอันทำอะไร
ประธานหอการค้าแต่ละแห่งทยอยมองมาทางนี้ ต่างคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ หอการค้าตระกูลฉินจะลงมือโหดเหี้ยมกับหอการค้าตระกูลอู๋เช่นกัน รู้สึกว่าเรื่องที่ตัวเองพบเจอนั้นไม่นับเป็นอันใดเลย
อู๋ซีประธานหอการค้าตระกูลอู๋เองก็ค่อนข้างงุนงง ยังนึกว่าตนเองมองผิดไป หลังแน่ใจแล้วว่าตนเองไม่ได้ดูผิดไป สีหน้าพลันคร่ำเคร่งลงทันที หันขวับไปทางฉินอี๋พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ประธานฉิน หอการค้าตระกูลอู๋ของผมเสี่ยงช่วยเหลือ แต่พวกคุณกลับทำเช่นนี้ มันหมายความว่าอย่างไร?”
ฉินอี๋ขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าควรจะอธิบายอย่างไร
อู๋ซีมองไปทางหนานชีหรูอันที่อยู่ด้านข้าง “คุณชายหรูอัน ทำแบบนี้ไม่ได้หรือเปล่าครับ? ประเดี๋ยวกลับไปผมไม่สามารถอธิบายได้นะครับ”
หนานชีหรูอันมองดูท่าทีของฉินอี๋ ยกมือบอกให้อู๋ชีใจเย็นลงก่อน “ค่อยว่ากัน คิดว่าประธานฉินคงมีคำอธิบายให้พวกเราแน่”
“หึ!” มือของอู๋ซีฟาดลงไปบนที่วางแขนของเก้าอี้
ในเวลานี้เอง ในฉากแสงมีเสียงของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินดังออกมา แล้วก็เป็นเสียงของหลัวคังอัน “พี่หวง ขอโทษนะ! แซ่หลัวแบกความหวังอันหนักอึ้งของหอการค้าตระกูลฉินเอาไว้ ได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญ ไม่กล้าปล่อยให้เกิดความผิดพลาดได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิด ถึงได้ตัดสินใจทำเช่นนี้ แซ่หลัวต้องขอโทษด้วยที่ล่วงเกิน หวังว่าพี่หวงจะให้อภัย!”
ทันทีที่กล่าวจบ เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินก็พุ่งตัวออกไป ไม่ได้ไล่ตามสังหารหวงอวี่ต่อ นี่ทำให้หวงอวี่รู้สึกโล่งใจ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ในที่สุดทุกคนก็เข้าใจความหมายของหลัวคังอัน ที่แท้เขากลัวหอการค้าตระกูลอู๋จะมาเป็นคู่แข่ง จึงชิงลงมือเสียก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลัง
อู๋ซีสบตากับหนานชีหรูอันอย่างจนปัญญา
หนานชีหรูอันมองไปทางฉินอี๋อีกครั้ง “ประธานฉินนี้หาคนได้เก่งจริงๆ เลยนะครับ”
ฉินอี๋ไม่ได้ตอบอะไรเขา แต่กลับกำลังรู้สึกตื้นตันอยู่กับคำพูดของหลัวคังอัน พบว่าหลัวคังอันพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อชัยชนะในการประมูลครั้งนี้ของหอการค้าตระกูลฉิน
ในแง่หนึ่งแล้ว หหลัวคังอันับได้ว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดในการประมูลครั้งนี้แล้ว
เผิงซีจ้องมองฉากแสง ปากกล่าวพึมพำ “แสร้งเป็นหมูเพื่อกินเสือ หลัวคังอันผู้นี้ต่างหากถึงจะเป็นคนที่ร้ายกาจอย่างแท้จริง พวกเราล้วนถูกหลอกกันหมด…”
…..
ณ ตำหนักด้านหลังของตำหนักคุนกว่าง เจ้าแคว้นหนานหรูกำลังยืนเอามือไพล่หลังอยู่ตรงหน้าฉากแสง สายตาวูบไหวไปมา เห็นได้ชัดว่ากำลังครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่างอยู่
ภายในเมืองปู๋เชวี่ย ผู้คนที่อยู่ตรงหน้าฉากแสงเองก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน
จูเก่อม่านที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาในบ้านหลังใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามาก็จ้องมองฉากแสงด้วยสีหน้าตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าหลัวคังอัน จะมีตัวตนด้านนี้อยู่ด้วย
“โหดจริงๆ เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย”
“เจ้าขี้ขลาดนี่เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ”
ภายในหน่วยผู้พิทักษ์เทพแห่งเมืองหลวง ผู้พิทักษ์เทพกลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉากแสงกำลังส่งเสียงฮือฮา บ้างก็กระซิบกระซาบข้างหูกัน บ้างก็จุ๊ปากพลางส่ายศีรษะ
ณ อุโมงค์เคลื่อนย้ายที่ตั้งขึ้นมาชั่วคราวในแดนแมงมุมสวรรค์ เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินลอยลงมาจากบนฟ้า ลงมายืนอยู่ในอุโมงค์เคลื่อนย้าย ตึง! ทวนปักลงไปบนพื้น ยื่นมือเข้าไปในช่องเก็บของที่อยู่ใต้ทรวงอก หยิบเอาตานแมงมุมสวรรค์พันเม็ดออกมามอบให้เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลทำการตรวจสอบ
หลังตรวจสอบแล้วว่าไม่มีอะไรผิดพลาด ผู้ดูแลกำลังงุนงงเล็กน้อย ไม่รุู้ว่าควรจะจัดการอย่างไร หน้าที่ของเขาคือต้องส่งเทพวิญญาณที่ผ่านด่านแรกในการประมูลออกไป เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่มีเทพมหาวิญญาณกลับมาแค่เพียงตนเดียวแบบนี้ ยี่สิบสี่เหลือหนึ่ง!
เขาจึงบอกให้เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินรอสักครู่หนึ่ง ให้เขาไปแจ้งทางเมืองคุณกว่างก่อน
“ฮี่ๆ!” หลัวคังอันที่นั่งอยู่ในที่นั่งผู้ช่วยหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข “ฆ่าทิ้งไปหมด กลับมาไม่ได้แล้ว ยังจะรออะไรอีก”
ตอนนี้เขานับว่าเข้าใจแล้วว่าเหตุใดตอนแรกหลินยวนถึงต้องแสร้งทำเป็นหวาดกลัว แล้วก็เข้าใจแล้วว่าที่หลินยวนบอกว่าฆ่าคนต้องมีเหตุผลมันหมายความว่าอย่างไร หากไม่เกิดเหตุการณ์ถูกล้อมสังหารในตอนแรก ไหนเลยจะมีการไล่ฆ่าแบบไม่สนใจใครในภายหลังได้
ในแง่หนึ่งแล้ว ครั้งนี้เขานับว่าได้เรียนรู้แล้วจริงๆ
หลังรออยู่ครู่หนึ่งก็ได้รับการตอบกลับจากทางเมืองคุนกว่าง ภายในอุโมงค์เคลื่อนย้ายมีแสงสว่างพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินมาปรากฏตัวอีกครั้งอยู่ในอุโมงค์เคลื่อนย้ายที่อยู่ภายในเมืองคุนกว่าง
จากนั้นเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินได้ถูกนำทางไปยังด่าน ‘หล่อหลอมกายา’ ที่เป็นด่านที่สอง
ภายในตำหนักด้านหลังของตำหนักคุนกว่าง เลขาธิการกลางซุนฉีซั่งถูกหนานหรูเรียกตัวมา เขาทำการคารวะเจ้าแคว้นหนานหรู “ท่านเจ้าแคว้นเรียกผู้น้อยมา ไม่ทราบมีเรื่องใดจะสั่งการหรือครับ?”
หนานหรูที่กลับไปนั่งยังบัลลังก์ค่อยๆ พลิกเปิดหนังสือพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ถ่ายทอดคำสั่งออกไป เพิ่มจำนวนครั้งในการทดสอบของด่านหล่อหลอมกายา เพิ่มเป็นหนึ่งหมื่นครั้ง!”
“หา!” ซุนฉีซั่งเงยหน้าขึ้นมาทันที นี่ไม่เท่ากับทำให้เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินต้องลำบากหรอกหรือ? ตอนนี้เหลือหอการค้าตระกูลฉินเพียงแค่แห่งเดียว การเพิ่มจำนวนครั้งในการทดสอบเช่นนี้ ถ้าไม่จงใจเล่นงานหอการค้ากูลฉินแล้วจะเล่นงานใคร?
ขอเพียงหอการค้าตระกูลฉินชนะการประมูลครั้งนี้ได้ อิทธิพลของหอการค้าตระกูลฉินก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก นั่นหมายความว่าอิทธิพลของเขาก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมากด้วยเช่นกัน ดังนั้นภายในใจเขาจึงค่อนข้างเอนเอียงไปทางหอการค้าตระกูลฉิน จึงรีบช่วยหอการค้าตระกูลฉินพูดทันทีว่า “ท่านเจ้าแคว้นครับ ในดินแดนเซียนมีคนจำนวนมากกำลังดูการถ่ายทอดสดการประมูลครั้งนี้อยู่ การที่จู่ๆ จะเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ที่ได้กำหนดเอาไว้แล้ว เกรงว่าจะทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์เอาได้นะครับ”
หนานหรูค่อยๆ วางม้วนหนังสือ จ้องมองซุนฉีซั่ง มองดูเขาด้วยสายตาเย็นชา ไม่ได้กล่าวอะไรแม้แต่คำเดียว
ซุนฉีซั่งถูกจ้องมองจนรู้สึกอึดอัด รับรู้ได้ถึงแรงกดดัน สุดท้ายจึงประสานมือแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อท่านเจ้าแคว้นได้ตัดสินใจแล้ว ผู้น้อยก็จะรีบไปจัดการครับ” กล่าวจบก็เดินถอยหลังออกไปอย่างเคารพนอบน้อม ก่อนจะหมุนตัวแล้วก้าวอาดๆ ออกไป
สายตาของหนานหรูเหลือบมองดูแผ่นหลังที่เดินออกไป ก่อนจะยกม้วนหนังสือขึ้นมาอ่านอีกครั้ง
ซุนฉีซั่งที่เดินออกไปยืนนิ่งๆ อยู่ด้านนอกตำหนักมองไปทางฉินอี๋ ช่วยไม่ได้ เรื่องบางเรื่องเขาเองก็ไม่สามารถตัดสินใจได้เช่นเดียวกัน สายตากวาดมองไปรอบๆ จู่ๆ พลันใช้พลังเปล่งเสียงออกไปว่า “ท่านเจ้าแคว้นมีคำสั่ง ให้ทำการเปลี่ยนกฎการประมูลเล็กน้อย ในด่านที่สอง ให้เพิ่มจำนวนครั้งในการทดสอบของด่านหล่อหลอมกายาเข้าไปเป็นหนึ่งหมื่นครั้ง ท่านเจ้าแคว้นมีคำสั่ง ให้ทำการเปลี่ยนกฎการประมูลเล็กน้อย….”
ด้วยกลัวว่าทุกคนจะฟังผิดหรือได้ยินไม่ชัด เขาจึงประกาศกฏใหม่ออกมาสามครั้งก่อนจะหยุดลง
แล้วก็มีหลายคนที่นึกว่าตัวเองฟังผิดจริงๆ ในการประมูลแบบนี้ มีที่ไหนที่นึกจะเปลี่ยนกฎก็เปลี่ยนกันได้ทันทีแบบนี้
แต่การป่าวประกาศสามครั้งโดยใช้พลังในการขยายเสียงออกไป ทำให้ทุกคนได้ยินอย่างชัดเจนทุกถ้อยคำ
ประธานหอการค้าที่สูญเสียผลประโยชน์กลุ่มหนึ่งต่างมองหน้ากัน บนใบหน้าของแต่ละคนทยอยเผยให้เห็นถึงความรู้สึกยินดีที่คิดไม่ถึง การที่จู่ๆ กฎเกณฑ์ก็เปลี่ยนไปคล้ายจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเขา เพราะถ้าหากหอการค้าตระกูลฉินล้มเหลว การประมูลครั้งนี้ก็จะต้องเริ่มใหม่ใช่หรือเปล่า?
ประธานหอการค้ากลุ่มหนึ่งมองหน้ากันไปมองหน้ากันมา สีหน้าท่าทางคล้ายรู้อะไรบางอย่างอยู่แก่ใจดี เกรงว่านี่คงเป็นเพราะเจ้าแคว้นหนานหรูทนรับแรงกดดันจากกลุ่มอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาไม่ไหว
หนานหชีหรูอันขมวดคิ้วไม่พูดอะไร
ฉินอี๋ที่รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากพลันลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง เดินไปยังที่นั่งของเหล่ากรรมการอีกครั้ง
ไม่ใช่ว่าเธอไม่มีความมั่นใจในเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินของตัวเอง หากแต่เป็นเพราะตอนนี้เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินบาดเจ็บเสียหายถึงขนาดนี้ อีกทั้งยังแขนขาดไปอีกข้างหนึ่ง ถ้าหากเพิ่มจำนวนครั้งในการทดสอบในด่านที่สองขึ้นอีกล่ะก็ มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นได้ง่าย เธอไม่สามารถมองดูอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรได้ จำเป็นต้องไปเจรจา
สื่อมวลชนแต่ละแห่งที่ได้ยินเสียงประกาศก็พากันงุนงงเช่นเดียวกัน จูลี่รีบกล่าวบรรยายว่า “เมื่อสักครู่นี้ จู่ๆ ทางท่านเจ้าแคว้นหนานหรูได้ทำการเปลี่ยนกฎการประมูลค่ะ….”
ภายในเมืองปู๋เชวี่ยได้มีเสียงโห่ดังขึ้นมาอีกครั้งทั่วทุกที่อีกครั้ง
สิ่งที่ประชาชนธรรมดาหวาดกลัวมากที่สุดก็คือความไม่ยุติธรรม
สำหรับคนที่ก้าวขึ้นไปอยู่ในอีกระดับหนึ่งแล้ว ในสายตาของพวกเขาไม่มีอะไรยุติธรรมหรือไม่ยุติธรรม จะมีก็แต่ความสมดุลของผลประโยชน์เท่านั้น
ส่วนคนธรรมดาซึ่งมีสัดส่วนเยอะที่สุดในดินแดนเซียนนั้นคือกลุ่มคนที่มีความอ่อนไหวต่อความไม่ยุติธรรมเป็นอย่างมาก
ทันทีที่ข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ประชาชนจะมีการตอบสนองที่ดุเดือดรุนแรงแค่ไหน เพียงแค่คิดดูก็คงจะรู้ได้ ภายในเมืองปู๋เชวี่ยเรียกได้ว่าเดือดดาลขึ้นมาทันที ผู้คนพากันต่อว่าด่าทอ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างพุ่งเป้าไปที่ตัวเจ้าแคว้นหนานหรู
อย่าว่าแต่เมืองปู๋เชวี่ยเลย การตัดสินใจของเจ้าแคว้นหนานหรูนี้ได้ทำให้ผู้คนจำนวนมากในดินแดนเซียนที่จับตาดูการประมูลครั้งนี้อยู่ต่างรู้สึกประหลาดใจ
ไม่ว่าใครต่างก็รู้สึกได้ว่าหนานหรูกำลังเข้าข้างหอการค้าที่พ่ายแพ้ไปแล้วเหล่านั้นอยากเปิดเผย
ฉินอี๋ยังไม่ทันเดินไปถึงที่นั่งของเหล่ากรรมการก็ถูกเลขาธิการกลางซุนฉีซั่งพุ่งตัวเข้ามาขวางเอาไว้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำถามของฉินอี๋ ซุนฉีซั่งจึงได้ถามกลับไปว่า “เธอไม่มีความเชื่อมั่นในเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินหรือ?”
ฉินอี๋กล่าวด้วยใบหน้าโกรธเกรี้ยว “ท่านเลขาธิการคะ นี่มันไม่ใช่ปัญหาเรื่องมีหรือไม่มีความมั่นใจนะคะ การเปลี่ยนกฎแบบนี้มันไม่ยุติธรรม!”
ซุนฉีซั่งมองไปรอบๆ กล่าวเสียงเบาๆ ว่า “ฉันเองก็คิดว่าไม่ยุติธรรม เมื่อครู่นี้ฉันได้ลองเกลี้ยกล่อมท่านเจ้าแคว้นดูแล้ว แต่ฉันกลับสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่อยู่ในดวงตาของท่านเจ้าแคว้น! ประธานฉิน การร้องเรียนของเธอเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์อะไรไม่ได้หรอก มีแต่จะทำให้ท่านเจ้าแคว้นโกรธเกรี้ยวมากกว่า เธอต้องคิดดูดีๆ นะ ท่านเจ้าแคว้นเปลี่ยนแปลงกฎอย่างเปิดเผยต่อทั่วทั้งดินแดนเซียนเช่นนี้ มีหรือที่ท่านเจ้าแคว้นจะไม่รู้ถึงความหมายของมัน? เบื้องลึกเบื้องหลังของเรื่องนี้เธอลองคิดดูดีๆ สิ สรุปแล้วก็คือมันไม่ใช่สิ่งที่หอการค้าตระกูลฉินของเธอจะเปลี่ยนแปลงได้ ประธานฉิน กลับไปเถอะ ไม่อย่างนั้นเธอแบกรับผลกระทบที่ตามมาไม่ไหวแน่ นี่ฉันหวังดีกับเธอนะ!”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำพูดที่กล่าวออกมาจากใจจริง ฉินอี๋ทำได้เพียงนิ่งเงียบแล้วเดินกลับไป จากไปด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
มีคนวิ่งมายังด้านหลังลั่วเทียนเหอพร้อมกล่าวรายงานสถานการณ์วุ่นวายภายในเมืองปู๋เชวี่ยเสียงเบาๆ เมื่อเห็นฉินอี๋ลุกออกไป ลั่วเทียนเหอก็ลุกออกไปเช่นเดียวกัน
เขาไม่ได้เดินเข้าไปในตำหนักหลักต่อหน้าผู้คนมากมาย หากแต่เดินอ้อมตำหนักด้านข้างเข้าไปยังตำหนักด้านหลังอีกครั้งหนึ่ง
หนานหรูที่นั่งอยู่บนบัลลังก์เห็นอาจารย์เดินเข้ามาอีกครั้ง สีหน้าพลันกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที เขาวางม้วนหนังสือลงแล้วลุกขึ้น ทำความเคารพ “อาจารย์”
สีหน้าของลั่วเทียนเหอไม่ค่อยสู้ดีนัก แล้วก็ไม่ได้ทำความเคารพต่อหัวหน้าที่มีระดับสูงกว่า เขากล่าวเสียงคร่ำเคร่งว่า “หนานหรู ในเวลานี้มีผู้คนในดินแดนเซียนจำนวนมากกำลังดูการประมูลนี้อยู่ แต่เธอกลับเปลี่ยนแปลงกฎกับเฉพาะหอการค้าตระกูลฉินแล้วก็เข้าข้างหอการค้าอื่นอย่างเปิดเผยแบบนี้ เธอคิดจะทำอะไร เธอบ้าไปแล้วเหรอ?”
หนานหรูยังคงมีท่าทีสุภาพนอบน้อม แต่สีหน้าก็ดูเหนื่อยใจเช่นเดียวกัน “ผมรู้จักนิสัยของอาจารย์ดี รู้ว่าอาจารย์จะต้องมาหาผมแน่ อาจารย์เข้าใจผิดแล้วครับ ผมไม่ได้เข้าข้างหอการค้าอื่นๆ ในทางกลับกัน คนที่ผมอยากจะเข้าข้างคือหอการค้าตระกูลฉินต่างหากล่ะครับ”
………………………………………………………