ชะตาฟ้าหาญกล้าท้ายอดคน - ตอนที่ 108 เสียงคำรามของลูกผู้ชาย
ตอนที่ 108 เสียงคำรามของลูกผู้ชาย
ฉินอี๋รีบเดินไปตรงหน้ากรรมการที่นั่งประจำอยู่ในที่นั่ง
สายตาของลั่วเทียนเหอละออกมาจากฉากแสง หันกลับไปมองเธอ ท่าทางคล้ายลังเลที่จะพูดอะไร สุดท้ายคำพูดบางอย่างที่อยากจะเอ่ยเตือนก็ไม่ได้พูดออกจากปากไป
เขาไม่ได้พูด แต่มีคนทนไม่ไหว เลขาธิการกลางซุนฉีซั่งเดินเข้ามา ยืนขวางอยู่ตรงหน้าฉินอี๋ กล่าวเสียงคร่ำเคร่งว่า “เธอจะทำอะไร?”
ฉินอี๋กล่าวอย่างโกรธแค้นและจนปัญญา “ยอมแพ้ ถอนตัวจากการประมูล”
ซุนฉีซั่งยกมือขึ้นมาแล้วทำท่ากดลง “ใจเย็นๆ ก่อน เธออาจจะประเมินฝีมือคนที่เธอส่งเข้าประมูลต่ำเกินไปก็ได้นะ เขาเริ่มโจมตีกลับแล้ว!” ขณะที่กล่าว สายตาก็จ้องมองไปยังฉากแสงขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า
ฉินอี๋ไม่เข้าใจ เธอเองก็เหลียวหน้ามองตามไป แต่ด้วยสายตาของเธอ เธอมองไม่ออกถึงความหมายที่แฝงอยู่ในการต่อสู้เหล่านี้
“หลัวคังอันยังยืนไหว!”
จูลี่ที่รับหน้าที่บรรยายก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากเช่นเดียวกัน ขณะที่กำลังรู้สึกร้อนใจ เธอพลันตะโกนออกไปดังลั่นในระหว่างที่กำลังถ่ายทอดสดอยู่
เธอเองก็มองไม่ออกถึงความหมายที่แฝงอยู่ในการต่อสู้เหล่านี้เช่นกัน กระทั่งใบหน้าของเทพมหาวิญญาณสิบเอ็ดตนที่บินไปบินมาอย่างรวดเร็วเหล่านั้นเธอก็ยังมองไม่ชัดด้วยซ้ำ แต่เธอกลับรู้เรื่องหนึ่ง นั่นคือขอเพียงยังมีการพัวพันกันอยู่ ก็แสดงว่าหลัวคังอันยังต่อสู้อยู่ แล้วก็แสดงว่าเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินยังไม่ล้ม
แล้วก็เป็นเพราะการตะโกนของเธอ ชื่อ ‘หลัวคังอัน’ ชื่อนี้จึงกระจายออกไปผ่านทางการถ่ายทอดสด นับแต่นี้ ‘หลัวคังอัน’ ชื่อนี้จะเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งดินแดนเซียน
“หลัวคังอัน?”
ภายในค่ายผู้พิทักษ์เทพในเมืองหลวง ในสถานที่ที่หลัวคังอันเคยทำงานอยู่ก็มีคนอุทานออกมาด้วยความแปลกใจ
เหล่าผู้พิทักษ์เทพที่จับกลุ่มดูการถ่ายทอดสดอยู่ตรงหน้าฉากแสงต่างมองหน้ากันเหลอหลา มีคนกล่าวขึ้นมาด้วยความสงสัยว่า “ทำไมชื่อเหมือนกับหลัวซยงล่ะ?”
ตอนนี้หลัวคังอันไม่อยู่แล้ว แต่คนที่นี่ยังคงเรียกเขาว่า ‘หลัวซยง’ อยู่ จากตรงนี้จะเห็นได้เลยว่าปกติหลัวคังอันเป็นคนอย่างไร
และความจริงมันก็เป็นเช่นนั้น หลัวคังอันเป็นคนเปิดเผยใจกว้าง จะบอกว่ารู้จักตัวเองดีก็ว่าได้ เขารู้ว่าตัวเองไร้ความสามารถ ไม่ใช่คนใหญ่คนโตอะไร เป็นคนที่ยอมเสียเปรียบบ้างก็ไม่เป็นไร คนแบบนี้คบหากับทุกๆ คนได้
อาศัยเพียงเรื่องที่หลัวคังอันสามารถเป็นผู้พิทักษ์เทพอยู่ในเมืองหลวงมาได้นานขนาดนี้ เพียงแค่ลองคิดดูก็รู้แล้วว่ามนุษย์สัมพันธ์ของเขาเป็นอย่างไร ถือเป็นตัวตลกที่เรียกเสียงหัวเราะอยู่ในหน่วยของเขา ไม่มีใครรังเกียจเขา
หากไม่เป็นเพราะสิบสามมารสวรรค์บุกโจมตีเมืองหลวงจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ ทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันนิดหน่อย บางทีตอนนี้หลัวคังอันอาจจะยังเป็นผู้พิทักษ์เทพอยู่ในเมืองหลวงก็เป็นได้
จู่ๆ พลันมีคนยืนขึ้นมา “ใช่แล้ว! ฉันนึกออกแล้ว เขานั่นแหละ ก่อนหน้านี้ฉันเคยได้ยินว่าเขาไปทำงานที่หอการค้าตระกูลฉินอะไรนี่แหละ น่าจะเป็นเขานั่นแหละ!”
จากนั้นก็มีคนตบมือขึ้นมาทีหนึ่ง “ใช่ๆๆๆ หอการค้าตระกูลฉินที่เมืองปู๋เชวี่ยนั่นแหละ ครั้งที่แล้วเขายังติดต่อฉันมาคุยโวอยู่เลย บอกว่าถูกหอการค้าตระกูลฉินที่ใหญ่ที่สุดในเมืองปู๋เชวี่ยมาจ้างไปด้วยเงินเดือนสูง บอกว่าถึงที่นี่ไม่ยอมรับเขา แต่ก็ยังมีที่อื่นที่ยอมรับเขาอยู่! เขายังบอกให้ฉันดูการสัมภาษณ์ของช่องปู๋เชวี่ยวีดีโอด้วย บอกว่าเขาจะได้โผล่หน้าแล้ว”
คนอย่างหลัวคังอัน ขอเพียงไม่ใช่ความลับสุดยอดอะไร เช่นนั้นก็ไม่มีความลับอะไรสำหรับเขา
เมื่อนำมาเทียบกันแล้วพบว่าเป็นคนคนเดียวกัน ภายในบริเวณนั้นก็แตกตื่นฮือฮาขึ้นมาทันที
อดีตเพื่อนร่วมงานกลุ่มหนึ่งพากันจ้องมองดูเทพมหาวิญญาณที่ยืดหยัดต่อสู้อยู่บนฉากแสง ในใจรู้สึกว่ามันช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ
“เจ้าขี้ขลาดนั่นมันเปลี่ยนนิสัยหรือว่ายังไง ทำไมถึงกล้าสู้ขนาดนี้?”
“ถ้าเป็นเขาจริงๆ ล่ะก็ น่าจะสู้ตายเพื่อจะรักษาชามข้าวของตัวเองเอาไว้ล่ะมั้ง”
“ไม่ใช่แล้วมั้ง? เจ้าขี้ขลาดนั้นน่ะนะ แถมยังสู้หนึ่งต่อสิบด้วย…พวกนายลองดูดีๆ เทพมหาวิญญาณสิบตนนั่นฝีมือดีกันทุกคน ฉันไม่ได้ดูผิดไปใช่ไหม?”
เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินยังคงพยายามฝ่าวงล้อม พยายามอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้เทพมหาวิญญาณอีกสิบตนปิดล้อมตัวเองเอาไว้ได้
แต่ถึงแม้จะเป็นคนธรรมดาก็เริ่มจะมองเห็นถึงความผิดปกติแล้ว พวกเขาพบว่าความเร็วในการโจมตีของเทพมหาวิญญาณทั้งสิบตนนั้นเหมือนจะช้าลงเรื่อยๆ
ไม่ใช่พวกเขาอยากจะช้าลง แต่เป็นเพราะในตอนที่เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินพยายามจะตีฝ่าออกไป เขาได้แทงทวนไปทางซ้ายทีทางขวาทีโดยไม่มีใครทันสังเกต
เทพมหาวิญญาณตนนี้ถูกแทงที่หัวเข่าทีหนึ่ง เทพมหาวิญญาณตัวนั้นถูกแทงที่แขนทีหนึ่ง ทางซ้ายโดนทีหนึ่ง ทางขวาโดนทีหนึ่ง ตอนแรกๆ ก็ยังไม่รู้สึกอะไร ยังคงพยายามปิดล้อมโจมตีอย่างเต็มที่ กระทั่งสุดท้ายพบว่าความเร็วในการโจมตีของทุกคนเหมือนจะเชื่องช้าลงเรื่อยๆ ถึงได้พบว่าคนอื่นๆ ก็ถูกอาการบาดเจ็บของเทพมหาวิญญาณส่งผลกระทบต่อการโจมตีโดยไม่รู้ตัวเช่นเดียวกัน
คนที่รุมล้อมโจมตียิ่งพบเห็นถึงความผิดปกติมากขึ้นเรื่อยๆ
ตูม! ในฝูงแมงมุมสวรรค์ที่พากันแยกย้ายหลบหนี ในที่สุดเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉวี่และหอการค้าตระกูลอู๋ที่ต่อสู้พัวพันกันก็พุ่งออกมา ในที่สุดก็ฝ่าทะลวงฝูงแมงมุมสวรรค์ขึ้นมาบนท้องฟ้า
ทันทีที่เทพมหาวิญญาณทั้งสองตนปรากฏตัว คนจำนวนไม่น้อยที่กำลังจ้องมองฉากแสงอยู่พลันหันไปมองทันที จะไม่ให้สนใจก็คงเป็นไปได้ยาก เพราะพวกเขามองเห็นบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ในกองซากศพแมงมุมสวรรค์ เป็นเศษซากชิ้นส่วนเทพมหาวิญญาณสามตนที่ถูกฝังอยู่ในกองซากศพแมงมุมสวรรค์
ประธานหอการค้าตระกูลเซวียน ประธานหอการค้าตระกูลเมิ่ง ประธานหอการค้าตระกูลหลานพากันลุกขึ้นยืน บ้างช้าบ้างเร็ว แต่ละคนดวงตาเบิกกว้าง
ฉวี่ซานจวีผู้เป็นหัวหน้าหอการค้าตระกูลฉวี่ขมวดคิ้วขึ้นมา หันหน้ากลับไปพูดกับผู้ช่วยว่า “รีบติดต่อขุยชิว ถามเขาสิว่าคนที่ฆ่าเทพมหาวิญญาณทั้งสามตนนั้นใช่หอการค้าตระกูลอู๋หรือเปล่า”
“ครับ” ผู้ช่วยรีบถอยไปอย่างรวดเร็ว
หลินยวนที่โจมตีทุกทิศทุกทางเหลือบมองดู ก่อนจะเห็นว่าเศษชิ้นส่วนของเทพมหาวิญญาณทั้งสามตนนั้นโผล่ออกมาแล้วเช่นกัน สายตาพลันฉายแววดุร้ายทันที!
เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินกับหอการค้าตระกูลจู่ปะทะกัน ขณะที่ร่างของเทพมหาวิญญาณทั้งสองกำลังพุ่งเฉียดผ่านกัน เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินได้ยกทวนเหวี่ยงข้ามไหล่ แหงนหน้าพลิกตัว กระทั่งสถานการณ์ด้านหลังเป็นอย่างไรก็ไม่ได้มอง แทงทวนกลับหลังไปในอึดใจเดียว
เคร้ง! อักขระป้องกันที่ปรากฏขึ้นมาที่ด้านหลังศีรษะของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลจู่แตกเป็นรู ถูกทวนของเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินแทงทะลุเข้าไปอย่างแม่นยำ
ศูนย์กลางการควบคุมถูกทำลาย แขนขาของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลจู่หยุดชะงักกลางอากาศ ไม่มีความเคลื่อนไหว
ประธานหอการค้าตระกูลจู่ที่รับชมการต่อสู้อยู่ลุกขึ้นยืนทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ ลมหายใจถี่กระชั้นขึ้นมา
……
การต่อสู้ไม่มีทางหยุดลงเพราะอารมณ์ของเขา ดาบของหอการค้าตระกูลเผยฟันลงมาจากด้านบน ทวนของหอการค้าตระกูลเฟิงแทงขึ้นมาจากด้านล่าง
เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินที่ถือทวนไว้ด้วยมือข้างเดียวพลิกตัว หลบดาบของหอการค้าตระกูลเผยที่ฟันลงมาได้อย่างหวุดหวิด ก่อนจะใช้ร่างกายตัวเองกลิ้งไปบนด้ามทวนที่ตัวเองถืออยู่ เท่ากับว่าในขณะที่เขาเหวี่ยงทวนด้วยแขนข้างเดียว เขาก็ใช้ร่างกายของตัวเองกระแทกไปบนทวนที่อยู่ในมือเพื่อช่วยเพิ่มแรงด้วย เหวี่ยงเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลจู่ที่เสียบอยู่บนปลายทวนออกไปอย่างรุนแรง ทุบลงไปยังเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลเฟิงที่อยู่ด้านล่างอย่างบ้าคลั่ง
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ได้ทำให้เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลเฟิงมือไม้ปั่นป่วน แทงทวนเข้าไปในร่างของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลจู่
ขณะที่เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลเฟิงคิดอยากจะหมุนตัวเพื่อสะบัดร่างของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลจู่ออกไป เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินที่พลิกตัวกลางอากาศก็ได้ถีบลงไปบนร่างของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลจู่ ตู้ม!
ทวนที่อยู่ในมือเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลเฟิงพลันแทงทะลุร่างเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลจู่ ด้วยความร้อนรนจึงต่อยไปที่ร่างเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลจู่ที่กระแทกเข้ามาหมัดหนึ่ง หมายจะต่อยให้ร่างของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลจู่หลุดออกไปจากทวนของตัวเอง
แต่ก่อนหน้านี้เขาได้ถูกเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินโจมตีจนได้รับบาดเจ็บ การตอบสนองจึงไม่เฉียบขาดว่องไว ความล่าช้าเพียงเสี้ยวพริบตาได้กลายเป็นความอันตรายที่ร้ายแรงถึงชีวิต
ยังไม่ทันที่เทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลจู่จะถูกเขาต่อยจนกระเด็นออกไป กลับมีเสียง ‘เคร้ง’ ดังขึ้นมา ประกายที่แหลมคมสายหนึ่งแทงทะลุออกมาจากด้านหลังเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลจู่ จากนั้นมีเสียง ‘เคร้ง’ ดังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ประกายแหลมคมนั้นแทงทะลุเข้าไปในหน้าอกของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลเฟิง หน้าอกคือตำแหน่งศูนย์กลางพลังงาน ตรงหน้าอกของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลเฟิงพลันมีแสงสีแดงและแสงสีขาวไหลทะลักออกมา
ศูนย์กลางพลังงานถูกทำลาย ผู้ควบคุมหลักที่อยู่ภายในห้องควบคุมรับรู้ได้ถึงแรงที่ระบบถ่ายโอนพลังงานตีกลับมาทันที ยากจะควบคุมเทพมหาวิญญาณของตัวเองได้อีก ตกใจจนวิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่าง
มือของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินว่างเปล่า ในขณะที่กระทืบเท้าลงไป ทวนที่อยู่ในมือก็ได้ถูกขว้างลงไปด้านล่างอย่างรุนแรงราวสายฟ้าฟาด เกือบจะแทงทะลุร่างเทพมหาวิญญาณทั้งสองตน
แต่เขามิได้หยุดแต่เพียงเท่านั้น หากแต่ไล่ตามทวนที่ตัวเองขว้างออกไป ก่อนจะคว้าจับด้ามทวนเอาไว้ได้ พลิกตัวและถีบไปบนร่างเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลจู่อีกครั้งหนึ่งพร้อมดึงทวนออกมา จากนั้นเหวี่ยงแขนทิ่มแทงทวนออกไปด้วยมือข้างเดียว ปัดป้องการโจมตีที่พุ่งเข้ามาจากทั้งสามด้านอย่างต่อเนื่อง เท้าเหยียบร่างของเทพมหาวิญญาณทั้งสองตนพุ่งฝ่าวงล้อมโจมตีออกไป ร่วงตกลงมาที่พื้นประหนึ่งดาวตก
ตู้ม! การกระแทกอย่างรุนแรงทำให้พื้นดินแตกร้าวเป็นร่องลึก
พริบตาที่ฝุ่นควันคละคลุ้งขึ้นมานั้นเป็นพริบตาเดียวกับที่ฉินอี๋มองเห็นร่างเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินได้อย่างชัดเจน
แล้วก็เป็นพริบตาเดียวกับที่คนจำนวนมากที่กำลังจ้องมองดูเหตุการณ์บนฉากแสงมองเห็นร่างของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินได้อย่างชัดเจน
แล้วก็เป็นพริบตาเดียวกับที่คนจำนวนมากมองเห็นเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินยกทวนขึ้นมาแล้วแทงลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินแทงทวนออกไปอีกครั้ง ในพริบตาที่กระแทกลงไปบนพื้น ทวนก็ได้แทงทะลุเข้าในศีรษะของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลเฟิง ด้ามทวนบิดหมุน ถูกกุมเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว
เท้าที่เหยียบลงไปบนร่างของเทพมหาวิญญาณทั้งสองตนนั้นทำให้เขาดูเหมือนเทพสังหารที่ลงมาบนโลก ทำให้ฉินอี๋ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง นึกสงสัยว่าตัวเองดูผิดไปหรือเปล่า นั่นใช่เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินจริงๆ หรือ?
ตัวเธอที่น้ำตายังไม่เหือดแห้งหายไปรีบหันมองซ้ายมองขวา เธอไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่ตนเองมองเห็น ภายในใจร้อนรนอยากจะรู้คำตอบ ทว่าไม่มีใครสนใจท่าทีของเธอเลย
เลขาธิการกลางซุนฉีซั่งที่ยืนอยู่ข้างๆ กำลังจ้องมองฉากแสงอย่างตกตะลึง
ลั่วเทียนเหอที่อยู่ข้างๆ ก็จ้องมองฉากแสงเช่นเดียวกัน
เลขาธิการตะวันออกฮั่นซาที่อยู่ข้างๆ ตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก
เจ้าเมืองทุกๆ คนที่นั่งอยู่ต่างมองดูฉากแสงอย่างเงียบๆ
เหล่าประธานหอการค้าที่นั่งอยู่บนที่นั่งต่างตื่นตะลึง ประธานหอการค้าตระกูลจู่กับหอการค้าตระกูลเฟิงกระเด้งตัวลุกขึ้นยืน ใบหน้าเคร่งเครียด สองมือกำแน่น
ในดวงตาเผิงซีที่ยืนอยู่ด้านหลังโจวหม่านเชาเผยให้เห็นถึงความตกใจระคนสงสัย
“…..” จูลี่อ้าปากค้าง ไม่รู้ว่าควรจะบรรยายอย่างไร
ความเคลื่อนไหวขณะต่อสู้เหล่านั้นรวดเร็วเกินไปจริงๆ เธอเองก็ไม่กล้ามั่นใจว่าสิ่งที่ตนเองเห็นนั้นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ไม่กล้ามั่นใจว่าเทพมหาวิญญาณที่เหยียบเทพมหาวิญญาณสองตนนั้นใช่เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินหรือเปล่า กังวลว่าตัวเองจะคิดไปเอง ส่วนเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลเฟิงกับหอการค้าตระกูลจู่ที่ถูกกำจัดไปนั้นเธอมองไม่ชัด
แต่มีจุดหนึ่งที่เธอสามารถมั่นใจได้ นั่นคือในสองฝ่ายที่ทำการต่อสู้กันจะต้องมีเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินอยู่ในนั้นอย่างแน่นอน
…….
ภายในตำหนักด้านหลังของตำหนักคุนกว่าง หนานหรูที่เดินไปเดินมาเอียงศีรษะ จ้องมองฉากแสง หัวคิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อย
……..
“นี่มัน?” ฉินเต้าเปียนที่อยู่ในห้องทำงานเองก็ไม่กล้าจะเชื่อในสิ่งที่ตนเองได้เห็น
หลิ่วจวินจวินโห่ร้องยินดีขึ้นมาแล้ว “นั่นมันพวกเรา หลัวคังอันโจมตีกลับแล้ว สังหารเทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลเฟิงกับหอการค้าตระกูลจู่ไปแล้ว!”
ปัง! ฉินเต้าเปียนตบลงไปบนโต๊ะอย่างตื่นเต้น กระทั่งฝ่ามือเจ็บปวดก็ยังไม่สนใจ “สมแล้วที่เคยเป็นผู้พิทักษ์เทพในเมืองหลวง!”
เขาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก คนนอกยากจะเข้าใจความรู้สึกที่เหมือนปีนกลับขึ้นมาจากหุบเหวลึกของเขาได้
ภายในเมืองปู๋เชวี่ยเต็มไปด้วยเสียงโห่ร้องด้วยความยินดี ถึงแม้คนจำนวนมากจะมองไม่ชัด แต่ในหมู่ผู้คนก็ยังมีคนที่สามารถมองเห็นได้ชัดอยู่ ทันทีที่อธิบายออกมา เหล่าประชาชนก็พากันโห่ร้องขึ้นมาทันที
มีคนต่อว่าปู๋เชวี่ยวีดีโอว่ามัวทำอะไรอยู่ ทำไมกระทั่งเรื่องนี้ก็ไม่อธิบายให้ชัดเจน
ความจริงจูลี่รับรู้ถึงข้อบกพร่องของตัวเองแล้ว เธอกำลังครุ่นคิดแล้วว่าต่อไปจะทำการปรับปรุงปู๋เชวี่ยวีดีโอให้ดีขึ้นอย่างไร
……
ในที่สุดก็กำจัดไปได้สองตัว หลัวคังอันโบกไม้โบกมืออย่างตื่นเต้น แต่เคลื่อนไหวรุนแรงเกินไป กระดูกที่หักเจ็บปวดขึ้นมา แต่ถึงกระนั้นก็ยากจะสะกดเลือดลมที่พลุ่งพล่านลงไปได้ เมื่อเห็นหลินยวนดึงทวนออกมาแล้วพุ่งขึ้นไปบนฟ้าอีกครั้ง เขาก็ตบลงไปบนจานสื่อสารพลังเวทย์ที่ติดตั้งอยู่ตรงตำแหน่งที่นั่งผู้ช่วย ถ่ายพลังพร้อมกับส่งเสียงตะโกนออกมา “เข้ามาสิวะ!”
ช่วยไม่ได้ คนที่อยู่ในตำแหน่งผู้ควบคุมหลักเท่านั้นถึงจะเป็นคนที่เชื่อมต่อเข้ากับเทพมหาวิญญาณ ในเวลานี้คนที่เป็นผู้ควบคุมหลักต้องถ่ายพลังแล้วพูดออกมา ถึงจะทำให้เทพมหาวิญญาณพูดออกไปได้ หากผู้ช่วยอยากจะทำให้เทพมหาวิญญาณพูดออกไปก็ต้องถ่ายพลังเข้าไปในอุปกรณ์ช่วยเหลือถึงจะสามารถสื่อสารได้
ทันทีที่ตะโกนออกไป หลัวคังอันถึงได้รู้ตัวว่าทำพลาด จึงมองหลินยวนอย่างกลัวๆ เมื่อพบว่าอีกฝ่ายไม่ได้ว่าอะไรก็โล่งใจ
“เข้ามาสิวะ!” เทพมหาวิญญาณของหอการค้าตระกูลฉินส่งเสียงคำรามออกมา คล้ายกำลังตะโกนกู่ก้องขึ้นไปบนท้องฟ้า ดังก้องไปทุกทิศทุกทาง
ฉินอี๋ย่อมต้องฟังออกว่าเป็นเสียงของหลัวคังอัน รู้สึกเหมือนกำลังจะจมลงไปในความรู้สึกยินดีที่ไหลทะลักออกมาจากภายในใจ
“เฮ้ย นั่นมันไอขี้ขลาดหลัวคังอันจริงๆ ด้วย!”
ภายในหน่วยผู้พิทักษ์เทพของเมืองหลวง ตรงเบื้องหน้าฉากแสงก็เต็มไปด้วยเสียงอุทาน ทุกคนเรียกได้ว่าแตกตื่นฮือฮา อดีตเพื่อนร่วมงานต่างฟังออกว่าเป็นเสียงของหลัวคังอัน
นี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้ยินเสียงตะโกนที่ดุดันแข็งกร้าวอย่างชายชาตรีของหลัวคังอัน
แล้วก็น่าเหลือเชื่อจริงๆ ทุกคนต่างก็เชี่ยวชาญในการควบคุมเทพมหาวิญญาณ ย่อมต้องมองออกว่าความสามารถในการกำจัดคู่ต่อสู้ทั้งสองของเทพมหาวิญญาณหอการค้าตระกูลฉินนั้นอยู่ในระดับยอดเยี่ยม ทำให้ยากจะเชื่อได้จริงๆ ว่าเป็นฝีมือของหลัวคังอันผู้นั้น
…………………………………………………………………