ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 432 ทุกฝ่ายยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือP
ตอนที่ 432 ทุกฝ่ายยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
ตอนที่ 432 ทุกฝ่ายยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
สัญญาณเตือนระดับ 3 ดังขึ้นเหนือเถาหยางตอนตีสาม
จวงหว่านกำลังเป่าลูกโป่งวันเกิดในโรงอาหารตอนดึกพร้อมกับทุกคน อีกสองวันจะเป็นวันเกิดเถ้าแก่ และในตอนกลางวันพวกเขาก็ไม่มีเวลาว่าง ดังนั้นจึงทำได้แค่ตอนกลางคืนเท่านั้น จริง ๆ แล้วทุกคนหนักใจมาก เพราะรู้ข่าวว่าภายนอกมีซอมบี้รวมตัวกันมากขึ้นในเถาหยางและตงหยาง
แต่จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่มีการโจมตีใด ๆ และในด้านหนึ่งมันก็ถูกพืชกินคนที่พัฒนาโดยอู๋เจิ้นยับยั้งไว้ และอีกด้านหนึ่งซอมบี้กลายพันธุ์ก็อาจกำลังรอโอกาสอยู่เช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าสัญญาณเริ่มเตือนภัย มันถึงเวลาที่การโจมตีระลอกแรกกำลังจะเริ่มขึ้น
เมื่อเสี่ยวอวี๋ได้ยินเสียงสัญญาณเตือนภัย เขาก็สำลักอากาศในลูกโป่งที่ไหลย้อนกลับเข้าไปในปอด
“ไม่ต้องตกใจไป เถ้าแก่ซูต้องมีประกาศตามหลังมาแน่นอน” เฉียนหรงหรงลูบหลังเขา
และในเวลาเดียวกัน เสียงของซูเถาก็ดังก้องไปทั่วเถาหยาง เป็นเสียงที่เต็มไปด้วยพลังที่มั่นคง
“ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ ไม่ต้องตื่นตระหนกไป เสียงสัญญาณเตือนภัยนี้แจ้งเตือนดังขึ้นเป็นเพราะซอมบี้กลายพันธุ์กำลังโจมตีบริเวณด้านนอกโดมป้องกันของเถาหยาง ในช่วงสองสามวันต่อจากนี้อาจมีเสียงเตือนดังขึ้นบ่อยครั้ง แต่ฉันมาที่นี่เพื่อรับประกันกับทุกคนว่า แม้ว่าเถาหยางจะถูกซอมบี้กลายพันธุ์นับหมื่นปิดล้อม แต่แผ่นดินใต้เท้าเรานี้ จะไม่ถูกซอมบี้เหยียบย่ำเข้ามาแม้แต่นิ้วเดียว และทุกคนที่นี่จะปลอดภัย!”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกประกาศออกมา ผู้เช่าบางคนที่ตื่นขึ้นมาเพราะความตกใจกลัวก็ล้มตัวลงบนเตียงทันทีอย่างสบายใจ และนอนหลับต่อ
เถ้าแก่ซูพูดทุกอย่างแล้วจึงไม่มีอะไรต้องกังวล
บางคนดีใจใหญ่ถึงขนาดวิ่งไปที่กำแพงสูงบริเวณรอบ ๆ ฐานเถาหยาง เพื่อสาปแช่งซอมบี้ด้านนอก
“ไอ้สารเลว! แน่จริงแกก็เข้ามาดิวะ!”
เสียงการกระแทกโดมป้องกันดังขึ้น
นอกจากนี้ยังมีบางคนที่มาดูเพื่อความสนุกสนานเพียงอย่างเดียว เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นซอมบี้กลายพันธุ์ที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์จึงเกิดความอยากรู้อยากเห็น แต่ตอนนี้เพราะเป็นเวลากลางคืนจึงมองไม่เห็นอะไรมาก พวกเขาจึงแยกย้ายกันไปนอน
วางแผนจะกลับมาดูอีกครั้งตอนกลางวัน เพราะได้ยินมาว่าซอมบี้กลายพันธุ์บางตัวมีรูปลักษณ์น่าเกลียด มีเหมือนหนวดหมึกหรืออะไรสักอย่าง การเคลื่อนไหวของพวกมันเหมือนการแสดงกิจกรรมกลางแจ้งในสวนสัตว์
ซูเถาก็มาดูพร้อม ๆ กับทุกคน
ไม่มีอะไรต้องกังวลจริง ๆ
ในทางตรงกันข้าม เธอยังคงรู้สึกตื่นเต้นแพราะหวังว่าซอมบี้จะบุกมาที่หน้าเขตพื้นที่ของเธอให้ได้มากที่สุด คงเป็นการดีที่สุดถ้าพวกมันมารวมกันทั้งหมด และเมื่อได้จำนวนหนึ่งเธอก็จะเข้าควบคุมโดยสมบูรณ์ และจับตัวพวกมันเอาไว้
เพราะว่าในฝั่งของเสิ่นเวิ่นเฉิงยังขาดแคลนและต้องการซอมบี้ เนื่องจากการผลิตยาในปัจจุบันเพียงพอที่จะฉีดพ่นทางใต้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น หากต้องการฉีดพ่นให้ทั่วจึงจำเป็นต้องมีซอมบี้มากกว่านี้
ตอนนี้แค่รอให้ซอมบี้กลายพันธุ์มารวมตัวกันด้วยตัวเอง ยิ่งเยอะเท่าไหร่ยิ่งดี เธอจะได้ไม่ต้องทำงานหนักเพื่อไปตระเวนจับพวกมันทุกที่ด้วยตัวเอง และยังสามารถให้ผีอย่างสือจื่อจิ้นและเจ้าขนปุยทั้งสองได้พักผ่อนในช่วงวันหยุดอีกด้วย
ตอนนี้ซูเถารู้สึกขอบคุณศัตรูเหล่านี้
สิ่งเดียวที่ทำให้เธอปวดหัวเล็กน้อยก็คือเมื่อซอมบี้โจมตีโดมป้องกัน มันจะส่งเสียงแจ้งเตือนโดยอัตโนมัติ เป็นเสียงแจ้งเตือนที่น่ากลัวที่สุดในตอนนี้
ตอนแรกเธอก็คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะเมื่อมีสัญญาณเตือนดังขึ้นก็จะรู้สึกว่าพวกมันใกล้เข้ามาแล้ว และเรื่องราววันสิ้นโลกก็ใกล้จะจบลงทุกที
โชคดีที่ผู้เช่าของเถาหยางไว้วางใจเธอมากพอ และทุกคนก็ใจเย็นไม่ตื่นตระหนกแต่อย่างใด
แต่ในตงหยาง ผู้คนต่างก็ตื่นตระหนกอย่างควบคุมไม่ได้ ซึ่งทำให้การจัดการแต่ละเขตยากขึ้น ซูเถาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำงานหนักเพื่อให้หัวหน้าเขตทำหน้าที่ปลอบใจพวกเขาได้ดี
เสียงสัญญาณเตือนภัยยังทำให้ฐานอื่น ๆ หวาดกลัว โดยเฉพาะฉางจิง กลุ่มผู้นำระดับสูงถูกเรียกให้เข้าร่วมการประชุมกลางดึก พวกเขาต้องการมอบอาวุธและคนไปเป็นกำลังเสริมให้เถาหยาง
โดมครอบป้องกันสามารถทนต่อการโจมตีของซอมบี้กลายพันธุ์นับสิบหรือแม้แต่หลายร้อยตัวได้จริง ๆ เหรอ?!
ซอมบี้กลายพันธุ์หนึ่งตัว สามารถโค่นล้มฐานเล็ก ๆ ที่มีประชากรราว 20,000 คนได้
ตามรายงานล่าสุด มีซอมบี้กลายพันธุ์มากกว่า 60 ตัว ล้อมรอบเถาหยางไว้ และจำนวนยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในสถานการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้ ผู้คนและอาวุธที่ส่งมาอาจจะไร้ความหมาย
ผู้นำของฉางจิงตื่นตระหนกราวกับว่ามนุษย์กำลังจะสูญพันธุ์
ดังนั้นหลังจากที่ซูเถาปลอบใจผู้เช่าของเธอเสร็จ เธอเองก็ต้องพูดให้กำลังใจทางฉางจิงด้วย
หลังจากให้สัญญาทางโทรศัพท์นับไม่ถ้วนว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น และเถาหยางจะไม่ยอมให้เมืองนี้ถูกทำลาย ทุกคนในฉางจิงสามารถสงบสติอารมณ์ได้
เมื่อซูเถาวางสายจากฉางจิง เธอก็รับสายจากจั๋วเอ่อร์เฉิงจากซินตูต่อ
จั๋วเอ่อร์เฉิงมีน้ำเสียงจริงจังที่หาได้ยากและพูดด้วยความมุ่งมั่น
“เถ้าแก่ซู ทางซินตูสามารถส่งกองกำลัง 30,000 นายไปสนับสนุนได้ พร้อมอาวุธ 6,000 ชิ้น ผลึกนิวเคลียส 5,000 อัน และ…”
“…แม้ว่าฉันจะต้องการมัน แต่ตอนนี้ฉันคงไม่ได้ใช้” ซูเถา
ทันใดนั้นหลิงเทียนจี้ก็คว้าโทรศัพท์ไป
“เถ้าแก่ซู ไม่ต้องเกรงใจ อย่ารอช้า! ถึงเวลานี้แล้วซินตูจะมีชีวิตอยู่และตายไปพร้อมกับเถาหยาง!”
ซูเถา “?” คน ๆ นี้ถูกจั๋วเอ่อร์เฉิงล้างสมองสำเร็จแล้วเหรอ?
หลังจากดิ้นรนที่จะปฏิเสธความตั้งใจดีของซินตูจนสำเร็จ จากนั้นนายกเทศมนตรีของฐานอู๋ไถก็โทรมาพร้อมบอกว่าเขาจะมอบแหล่งทรัพยากรให้
เขาเสนอแผนการเสียสละตนเองที่ทำให้ซูเถาประหลาดใจ…เพื่อช่วยเถาหยางดึงดูดซอมบี้กลายพันธุ์บางตัวมาในพื้นที่ของเขา
นายกเทศมนตรีเริ่นถอนหายใจและพูดว่า “เถ้าแก่ซู ผมเคยคิดว่าเถาหยางเป็นโกดังของตงหยาง และคิดว่าอู๋ไถสามารถกอบโกยผลประโยชน์มาได้ แต่สุดท้ายแล้วผมก็รู้ว่าตนเองคิดผิด ผมคิดว่าคุณก็รู้ว่าเรามีความคิดนี้ในตอนแรก แต่คุณก็ยังคงยอมรับนักวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของเราไปและให้น้ำยาอันล้ำค่ากลับมา สิ่งนี้ทำให้ผมละอายใจเป็นอย่างมาก”
ซูเถารู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย
เธอรู้ดีว่าเริ่มแรกอู๋ไถสนใจในผลประโยชน์ก่อน และถึงกับข่มขู่เธอที่การประชุมสุดยอดพันธมิตร
แต่ในอดีต อู๋ไถก็ไม่ได้สร้างความสูญเสียหรือความเสียหายใด ๆ ต่อเถาหยาง ดังนั้นซูเถาจึงไม่ได้มีความแค้นต่อพวกเขา
“เถ้าแก่ซู ครั้งนี้เถาหยางตกอยู่ในอันตรายครั้งใหญ่ ทางอู๋ไถของเราจะไม่มีวันนิ่งเฉย เราสามารถช่วยดึงดูดและล่อซอมบี้กลายพันธุ์ออกมาได้ ให้โอกาสเถาหยางได้หายใจ…”
ความตั้งใจที่ดีเหล่านี้ แน่นอนว่าซูเถาปฏิเสธไปเหมือนกับฐานก่อนหน้า ซึ่งแม้แต่ฐานอวิ๋นชางที่อยู่ข้าง ๆ ซึ่งยังไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ก็อยากจะยื่นมือช่วยเหลือ
ขบวนรถ ทีมทหารรับจ้าง และแม้แต่สถานที่ชุมชนที่มีคนเพียงไม่กี่พันคน ก็แจ้งมาทางหม่าต้าเพ่าว่าต้องการช่วยเหลือเถาหยาง
แต่สิ่งที่ทำให้ซูเถาประหลาดใจมากที่สุดก็คือแม้แต่ฐานโส่วอันก็โทรมาอย่างงุ่มง่ามโดยถามว่าพวกเธอต้องการรถถังหรือไม่ เมื่อเห็นความมีน้ำใจที่เถาหยางมีต่อโส่วอัน พวกเขาก็จัดหารถถังหุ้มเกราะหนักห้าสิบคันเพื่อมิตรภาพให้
นอกจากนี้เขายังบอกเถาหยางว่าอย่าเพิกเฉยต่อสิ่งที่พวกเขาหยิบยื่นให้ และให้ยอมรับมันโดยเร็ว นี่เป็นรถถังหุ้มเกราะเพียงห้าสิบคันที่พวกเขาเหลืออยู่ในโส่วอัน ซึ่งมีไม่มาก
ดวงตาของซูเถาเป็นประกาย แต่เธอก็ยังปฏิเสธอย่างสุภาพ
“เอาล่ะ พวกคุณเก็บไว้เองเถอะค่ะ แล้วยาระบุตัวตนเพียงพอหรือเปล่า หากไม่พอฉันจะส่งไปเพิ่ม”
สือจื่อจิ้นที่อยู่ข้าง ๆ เธอ แทบจะหัวเราะออกมาดัง ๆ
เขามองออกไปนอกหน้าต่าง ตอนนี้ท้องฟ้าก็เริ่มสว่างแล้ว เผยให้เห็นแสงยามเช้าอันงดงาม ซึ่งสวยงามเกินกว่าที่จะละสายตา