ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 94 แฟนคลับผมงั้นเหรอ
บทที่ 94 แฟนคลับผมงั้นเหรอ
ทันทีที่รถของพวกเขาจอด รถคันหลังที่ตามมาก็จอดเช่นกัน และไม่นานก็มีกลุ่มชายหญิงท่าทางคลั่งไคล้วิ่งลงมาจากรถ
“ถ่ายไว้ด้วย”
กู้หมิงอวี๋หันมาบอกกับผู้จัดการก่อนจะลงรถไปพร้อมกับน้องชายตัวเอง
ไม่คาดคิดว่าจะได้พึ่งเจ้าน้องชายคนนี้ขึ้นมา
“อวี๋อวี่ พวกเราเป็นแฟนคลับคุณ”
เด็กสาวคนหนึ่งมองมาทางกู้หมิงอวี๋ด้วยท่าทางคลั่งไคล้ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “ฉันขอกอดคุณได้ไหมคะ”
น้ำเสียงของนักแสดงหนุ่มเย็นชาและหนักแน่น “ไม่ได้ครับ”
เขากวาดสายตามองคนทั้งหมด เด็กสาวคนนั้นเห็นสายตาเขาแล้วกลับตัวแข็งทื่อทันที
“เป็นแฟนคลับก็ดีครับ แต่กรุณาตามอย่างมีขอบเขตด้วย”
“แต่พวกเราอยากมาเจอคุณนะ”
หญิงสาวอีกคนพูดขึ้นอย่างเสียใจราวกับกู้หมิงอวี๋เพิ่งทำอะไรให้เธอขุ่นเคืองใจ
“มีคนตามคุณตั้งเยอะแยะ แถมคุณยังมีการ์ดติดตามตลอด ไม่มีโอกาสให้เราได้เข้าใกล้คุณเลย ถ้าเราไม่ทำแบบนี้ เราจะได้เจอคุณใกล้ ๆ ได้ยังไง จะทำยังไงให้คุณจำเราได้”
กู้หมิงหลี่มองพวกเขาอย่างเฉยชา “ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้ก็กลับไปซะ”
“ไม่”
ชายคนหนึ่งในกลุ่มนั้นมองหน้ากู้หมิงอวี๋อย่างมาดร้าย
“กว่าจะหาที่อยู่ของคุณมาได้ต้องใช้เวลาใช้เงินไปตั้งเท่าไร อุตส่าห์เจอกันแล้วต้องได้กอดกันก่อนสิ จะได้ไม่เสียเปล่า”
“ใช่ อวี๋อวี่ พวกเราพยายามหนักมากเลยนะกว่าจะได้มาเจอคุณ”
“อวี๋อวี่ เราเป็นแฟนคลับคุณนะ ขอกอดกับถ่ายรูปด้วยหน่อยได้ไหม เราไม่ได้ขออะไรมากมายเลย”
ผู้จัดการที่ฟังอยู่ถึงกับฉุนขึ้นมา ทำไมหน้าไม่อายกันได้ถึงขนาดนี้
แม้แต่หนวนหน่วนเองก็ยังโมโห ใบหน้าเล็ก ๆ ฉายแววไม่พอใจ จ้องเขม็งไปที่คนพวกนั้นอย่างดุดัน
คนไม่ดี มารังแกพี่สามได้ยังไง
กู้หมิงอวี๋หัวเราะอย่างโกรธเคือง แม้การเป็นพี่ชายของกู้หมิงหลี่จะฝึกความอดทนให้เขา แต่ก็ไม่สามารถช่วยให้เขาอดทนต่อสิ่งนี้ได้
“พวกคุณน่ะเหรอแฟนคลับของผม”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นกอดอก สายตาปราดมองกลุ่มคนเหล่านั้นด้วยสายตาเหยียดหยาม
“อย่าทำให้ผมขายหน้ามากไปกว่านี้เลยจะดีกว่า ผมไปยอมรับว่าพวกชอบแอบตามเป็นแฟนคลับตั้งแต่เมื่อไร แค่บอกว่าพยายามมากเลยกว่าจะได้เจอผมแบบนี้ ผมต้องสงสารแล้วยอมกอดพวกคุณงั้นเหรอ คนที่บ้านไม่ได้สอนเหรอว่าต้องทำตัวให้เหมาะสมยังไง”
“ขับรถตามจี้บนถนนสาธารณะที่มีรถคันอื่นอยู่บนถนนด้วยแบบนี้มันใช่เหรอ มันผิดกฎหมายนะ ทำไมไม่สนใจความปลอดภัยของคนอื่นบ้าง ไม่สนอะไรเลยแล้วยังจะตามมารบกวนเวลาส่วนตัวของผมอีก”
“ทำตัวนอกกฎหมายไม่พอ ยังจะกล้ากรูเข้ามาขอให้ผมกอดอีก ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เกิดอันตรายกับผมขึ้นมาจนเสียโฉมมีปัญหาทำงานต่อไม่ได้ ใครจะรับผิดชอบ ไม่อยากกลับก็ไม่ต้องกลับ ไปคุยกันที่โรงพัก”
ทุกคนที่ฟังอยู่ถึงกับนิ่งค้าง “….”
ผู้จัดการเม้มปากแน่นแล้วเอามือปิดหน้า นี่ยังจำได้ไหมเนี่ยว่าสั่งให้ถ่ายคลิปอยู่
แม้จะไม่มีคำหยาบออกมาสักคำ แต่เหล่าคนแอบตามก็นิ่งอึ้งไปกับคำด่าที่แสนเจ็บแสบของเขา
หลังจากได้สติกลับมา ทุกคนก็พากันมองมาทางนักแสดงหนุ่มด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ
“คุณ… คุณทำแบบนี้กับพวกเราได้ยังไง เราเป็นแฟนคลับคุณ พูดแบบนี้อยากมีปัญหากับแฟนคลับเหรอ”
“แจ้งความทำไม เราไม่ได้ทำอะไรผิด”
ชายคนหนึ่งในกลุ่มพุ่งตรงเข้ามาทางกู้หมิงอวี๋ด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว
กู้หมิงอวี๋ก้าวถอยหลังอย่างทันควันแล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกู้หมิงหลี่
เมื่อชายคนนั้นขยับเข้ามาใกล้นักแสดงคนโปรดได้แล้ว เขาก็รู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างได้ใจ แต่ไม่ทันที่จะถึงตัวร่างสูง เขาก็ถูกเด็กหนุ่มวาดขาเตะเต็มแรง เขากระเด็นไปกระแทกรถตู้อย่างจัง สร้างความเจ็บปวดไม่น้อย
เกิดเสียงกรีดร้องโหยหวนขึ้นทันที
กู้หมิงหลี่เกาใบหูตัวเองด้วยนิ้วก้อย จากนั้นก็มองไปทางคนก่อกวนด้วยสายตาดูถูกอย่างเนือย ๆ
“เป็นแค่พวกแอบตามกล้าดียังไงมาล้ำเส้นฮะ”
สองพี่น้องยืนอยู่ข้างกัน แม้คนหนึ่งจะแผ่รังสีอำมหิตดูดุดันท้าทาย แต่อีกคนกลับดูสง่างามราวกับเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ สิ่งที่เหมือนกันคือรอยยิ้มของทั้งสอง แต่ช่างให้อารมณ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ที่เหมือนกันที่สุดคงเป็นแววตาดูถูกดูแคลนที่ฉายชัดออกมาเสียมากกว่า
ราวกับเป็นผู้เหนือกว่าทุก ๆ ทาง
ไม่นานตำรวจก็มาถึง พวกเขาพาตัวพวกแอบตามทั้งหมดออกไป
กู้หมิงอวี๋กลับมานั่งบนรถและขอให้ผู้จัดการส่งคลิปที่ฝากให้ถ่ายมาให้ตัวเอง
ผู้จัดการกังวลไม่น้อย “เดี๋ยวส่งให้หลังจากตัดต่อได้ไหม”
กู้หมิงอวี๋มีท่าทางเกียจคร้าน เขาเอนตัวพิงเบาะรถใช้มือข้างหนึ่งพาดไหล่น้องสาวตัวน้อยข้าง ๆ
“ได้ยินเสียงด้วยไหม”
ผู้จัดการพยักหน้าตอบ
ดาราหนุ่มหาวหวอดอย่างขี้เกียจ
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องตัดต่อหรอก โพสต์ลงอินเทอร์เน็ตไปเลย ผมไม่ได้พูดอะไรหยาบคายสักหน่อย ถึงเจ้าน้องชายจะลงไม้ลงมือ แต่มันก็เป็นการป้องกันตัว”
ผู้จัดการหน้าซีดด้วยความตกใจ “มันไม่ดีกับนายเลยนะ ถ้าลงไปก็จะโดนมองเป็นคนใจดำอารมณ์ร้าย”
กู้หมิงอวี๋กะพริบตาปริบ ๆ “ทำไมต้องกลัวด้วย หลังจากลงคลิปนี้แล้ว ต่อไปถ้ามีเรื่องจะได้…”
ผู้จัดการรีบขัดทันที “ไม่ได้!”
กู้หมิงอวี๋เดาะลิ้นในปาก “น่าเบื่อชะมัด”
พูดจบก็เอาคางเรียวสวยแนบกับกลุ่มผมนุ่มนิ่มบนหัวกลมของน้องสาว ชายหนุ่มเอาแต่ถูคางไปมา หนวนหน่วนน้อยนั่งนิ่งอย่างเชื่อฟัง ไม่ขัดขืนแม้แต่น้อย
อย่างน้อยก็ยังดีที่มีน้องสาวน่ารักน่าเอ็นดูเป็นเด็กดีของพี่ชาย
แม้ว่าจะยังโพสต์วิดีโอนั่นไม่ได้ แต่กู้หมิงอวี๋ก็ยังเลือกที่จะโพสต์ลง Weibo
#ทำผิดกฎหมายอย่ามาเรียกตัวเองว่าแฟนคลับ#
เขาแนบภาพรถตู้ที่ไล่ตามมาโดยถ่ายจากกระจกหลัง ตามด้วยอิโมติคอนอาเจียน
หลังจากกดโพสต์ได้ไม่นานก็เกิดกระแสในอินเทอร์เน็ตทันที
[ให้ตาย มีไอ้สารเลวมาไล่ตามสามีฉันงั้นเหรอ?]
[อวี๋อวี่ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม น่าเป็นห่วงจัง]
[ฉิบ… ไอ้พวกแอบตาม ไม่สนใจกฎหมาย กลิ่นเหม็นคลุ้งไปหมดฉันอยากจะอ้วก อวี๋อวี่ ไม่ต้องใจดีกับพวกมันนะ]
[ไอ้พวกนี้มันน่าจับมาประจาน อวี๋อวี่ต้องได้รับการปกป้อง คนพวกนี้แอบตามเขาไปทุกที่อย่างกับหนูแอบในท่อน้ำแหนะ]
[ฉันอยากรู้ว่าตอนนี้ที่รักของฉันโอเคดีไหม เป็นห่วงเขามากเลย ทำไมมีพวกชอบแอบตามอยู่ในกลุ่มแฟนคลับได้ เป็นแฟนคลับก็ควรจะรักษาระยะห่างกับศิลปินสิ ทำไมต้องไปรบกวนชีวิตส่วนตัวเขาด้วย]
[คนพวกนี้มันจิตใจบิดเบี้ยว ไร้การศึกษา ทำตัวนอกกฎหมาย น่าเอาเรื่องให้เข็ด]
กู้หมิงอวี๋ใช้เวลาระยะหนึ่งในโลกโซเชียล มีหลายคนเป็นห่วงและถามไถ่ถึงความปลอดภัยของเขา เห็นแบบนั้นชายหนุ่มจึงระบายยิ้มออกมาบนใบหน้างาม
[พวกนอกกฎหมายแบบนี้ไม่สมควรเรียกว่าแฟนคลับ น่าสงสารอวี๋อวี่ ไม่รู้ตอนนี้จิตใจเขาจะเป็นยังไงบ้าง]
เขาตอบกลับไปว่า [ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้ถึงมือตำรวจแล้ว]
ก่อนที่แฟนคลับคนนั้นจะได้โต้ตอบเขากลับมา เธอก็ถูกแฟน ๆ คนอื่นรุมอิจฉาเข้าเสียก่อน
[เฮ้ยยย จี๋เหม่ย ทำบุญด้วยอะไรเนี่ย อวี๋อวี่ตอบกลับมาด้วย!]
[ไม่ ไม่อิจฉาเลย ไม่อิจฉาสักนิดดด]
[สามีขา มองมาที่แฟนตัวน้อยผู้รอคอยคุณอยู่ทางนี้บ้าง]
[ให้ตาย นี่มันสามี สามีชัด ๆ]
[ไม่เป็นไรนะอวี๋อวี่ คนพวกนี้สมควรให้ตำรวจจัดการ เราจะคอยอยู่ข้างคุณเสมอนะ]
หนวนหน่วนจับแขนพี่สามด้วยมือเล็ก ๆ ของตน จากนั้นก็วางคางมนน่ารักลงบนหลังมือพี่ชายแล้วยื่นหน้าไปอ่านข้อความด้วยความสนอกสนใจ
ดวงตากลมที่ฉายประกายอยากรู้อยากเห็นและท่าทางซุกซนของเธอช่างน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนลูกแมวตัวน้อย ๆ เสียจริง