ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 78 ผมชื่อซูหราน ไม่ใช่หรานหราน
ตอนที่ 78 ผมชื่อซูหราน ไม่ใช่หรานหราน
หนวนหน่วนหันกลับมามองไป๋โม่ฮัว เขายังคงหมกมุ่นอยู่กับโลกของภาพวาดของตัวเอง ไม่มีอะไรที่จะสามารถส่งผลกระทบต่อเขาขณะวาดภาพได้
เด็กน้อยไม่ต้องการรบกวนลูกพี่ลูกน้องของเธอ เธอจึงทำได้เพียงอุ้มเสี่ยวจูไปหาพี่ชายซูหราน
ทันทีที่เธอมาถึงห้อง หนวนหน่วนก็เห็นเด็กหนุ่มผู้สูงศักดิ์นั่งอยู่บนโซฟา เขากำลังคุยกับผู้ใหญ่สองสามคน ท่าทีสงบนิ่งขรึมที่เป็นมาตั้งแต่เขายังเป็นเด็กทำให้ได้รับความชื่นชมจากพวกผู้ใหญ่มากเลยทีเดียว
“พี่ซูหราน”
หนวนหน่วนเรียกเขาเบา ๆ พลางเดินเข้าไปพร้อมกับเสี่ยวจูที่อยู่ในอ้อมแขน
ตอนแรกเสี่ยวจูดิ้นรนขัดขืนเล็กน้อย หนวนหน่วนจึงปล่อยมันลงบนพื้นให้มันเดินเอง แต่เธอไม่คาดคิดว่าเสี่ยวจูที่กลัวสิงอวิ๋นเมื่อวานนี้จะนิ่งเงียบและเชื่อฟังขนาดนี้ หากเป็นปกติมันคงซ่อนตัวอยู่ในอ้อมแขน แต่วันนี้มันกลับทำจมูกฟุดฟิด ปลายหางปุกปุยปัดป่ายไปมา หูทั้งสองข้างตั้งขึ้น กรงเล็บเล็ก ๆ ที่ยื่นออกมาดูราวกับว่าพยายามที่จะสื่อสารกับสิงอวิ๋น
แม้ว่าจมูกของมันจะอยู่ห่างจากจมูกของสิงอวิ๋นไม่กี่เซนติเมตร แต่มันก็ได้แค่เกาและข่วนในอากาศเท่านั้น
หนวนหน่วนยิ้ม มุมปากยกขึ้นเผยให้เห็นฟันสีขาว ๆ ซี่น้อยสองสามซี่
“หนวนหน่วน”
ซูหรานผู้มีอายุ 15 ปียิ้มอย่างดีใจเมื่อเขาเห็นเด็กหญิงตัวน้อย จากนั้นเขาจึงส่งคำเชิญในมือให้หนวนหน่วนอย่างเป็นทางการ
“อีกสามวันจะถึงวันเกิดคุณปู่ของฉัน อยากเชิญเธอและไป๋โม่ฮัวไปงานวันเกิดคุณปู่น่ะ”
หนวนหน่วนรับคำเชิญแล้วมองคุณพ่อคุณแม่ด้วยความงุนงง เธอไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนเลยไม่รู้จะรับมืออย่างไร
คุณหญิงกู้ลูบหัวน้อย ๆ แล้วพูดยิ้ม ๆ ว่า “ไปเถอะจ้ะ ยังไงก็ญาติกัน พวกเราจะไปด้วยเหมือนกัน”
ถ้าพ่อแม่ไปด้วย เธอก็ไม่มีปัญหา หนวนหน่วนจึงตอบรับคำเชิญทั้งคิ้วยังขมวด รอยยิ้มที่อ่อนโยนและคำขอบคุณที่แสนสุภาพ
สิงอวิ๋นเดินไปที่หนวนหน่วนแล้วนั่งลง จู่ ๆ อุ้งเท้าปุกปุยน้อย ๆ ของเสี่ยวจูที่นั่งอยู่บนตักก็แตะไปที่จมูกสีดำของสุนัขตัวโต แต่มันก็ดึงกลับอย่างรวดเร็วในทันที
มันเป็นแมวที่ขี้ขลาดมาก เมื่อกี้มันแค่รังแกหมา แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับหมาเองจริง ๆ คงจะขี้ขลาดกว่านี้
“ไป๋โม่ฮัวอยู่ที่ไหน”
หนวนหน่วนตอบด้วยน้ำเสียงเหมือนเด็กว่า “พี่ไป๋โม่ฮัวกำลังวาดรูปอยู่ค่ะ หนูไม่ได้ชวนพี่เขาออกมาเพราะกลัวรบกวน”
ซูหรานถามหนวนหน่วน “เธออยากพาสิงอวิ๋นไปเดินเล่นกับฉันไหม”
เด็กหญิงตัวน้อยมองไปที่สิงอวิ๋นแล้วพยักหน้า
เด็กทั้งสองคน คนหนึ่งตัวใหญ่และอีกคนหนึ่งตัวเล็กพร้อมด้วยสิงอวิ๋นที่ถูกสวมสายจูงเดินไปด้วยกัน โดยที่หนวนหน่วนอุ้มเสี่ยวจูอยู่
สิงอวิ๋นเชื่อฟังมาก มันไม่ลากเจ้านายของมันไปข้างหน้าเหมือนอิฮาหรือซัตสึมะ มันแทบจะเชื่อฟังเด็กทั้งสองทุกอย่าง
เวลาหนวนหน่วนออกไปข้างนอก กู้หลินโม่ก็กังวลอยู่ตลอดว่าไม่มีที่ไหนปลอดภัยสำหรับลูกสาวของตัวเอง เขาอยากจะผูกหนวนหน่วนไว้กับตัวเสียจริง
คุณหญิงกู้มองเขาด้วยความโกรธเคือง “หนวนหน่วนเป็นเด็กที่ชอบผูกมิตรกับผู้คน ถ้าคุณห่วงลูกจริงก็อย่าก้าวก่ายเสรีภาพทางสังคมของลูกสาวสิ”
จากนั้นกู้หลินโม่ก็ยอมให้หนวนหน่วนออกไปข้างนอก เขากล่าวคำอำลาและเดินไปส่งลูกสาวของเขาที่ประตูด้วยใบหน้าอันโศกเศร้า
“หนวนหน่วนกลับมาพร้อมกับพี่ซูหรานเร็ว ๆ นะ ถ้าเกิดอะไรขึ้น อย่าลืมโทรหาพ่อนะ พ่อจะไปหาทันที แล้วก็…” แม้คุณพ่องี่เง่าจะพูดพล่ามมาก หนวนหน่วนก็ฟังอย่างเชื่อฟังแล้วพยักหน้าให้เขาอย่างว่าง่าย
“ค่ะคุณพ่อ หนูจำได้ค่ะ”
เมื่อเขากำลังจะเอ่ยปากพูดต่ออีก คุณหญิงกู้ก็ปิดปากของเขาด้วยเชือกเส้นสีดำ แล้วลากเขากลับไป
กู้หลินโม่ “…”
อะไรที่ทําให้คนหน้าเนื้อใจเสือที่แค่ยิ้มก็สั่นสะเทือนกลายเป็นพ่อและสามีที่โง่เขลาในทันทีแบบนี้กันนะ
“พี่ซูหราน เราจะไปเดินเล่นที่ไหนกัน”
สีหน้าของซูหรานดูสงบนิ่ง “ฉันแค่จะเดินไปรอบ ๆ ที่นี่เอง”
ผู้คนที่อาศัยอยู่ในละแวกบ้านนี้ โดยพื้นฐานแล้วเป็นคนรวยหรือผู้ดีที่มีฐานะมั่นคง ระยะห่างระหว่างเพื่อนบ้านจึงไม่ไกลมาก บางหลังเป็นบ้านโบราณที่มีประวัติอันยาวนาน และตอนนี้ก็ได้รับการปรับปรุงและซ่อมแซมไปบ้างแล้ว
“บ้านคุณย่าหลิวปลูกสตรอว์เบอร์รีในเรือนกระจก รสชาติหวานอร่อยเชียว ท่านมักจะอยู่บ้านคนเดียว ถ้าคนรอบข้างอยากกินสตรอว์เบอร์รีก็สามารถไปที่บ้านของท่านเพื่อแลกเปลี่ยนได้ เธออยากไปไหม”
หนวนหน่วนกอดเสี่ยวจูด้วยดวงตาเป็นประกาย “หนูเก็บเองได้ไหม”
ซูหรานพยักหน้า “ได้สิ”
จากนั้นทั้งสองก็ไปที่บ้านของคุณย่าหลิว
ขณะที่เขากำลังจะเคาะประตู จู่ ๆ ประตูไม้สีน้ำตาลแดงก็เปิดออก ชายชราสวมรองเท้าผ้าใบสีดำเดินออกมา ในมือถือถังสีแดง ข้างในเป็นปลาคาร์ฟสองสามตัวกำลังว่ายน้ำอย่างมีความสุข ด้านหลังของเขามีหญิงชราผมหงอกเดินถือรองเท้าตามมา กำลังสบถถามเขา
“ไอ้แก่ตัวเหม็น แกจะไปตกปลาอีกแล้วเหรอ อยู่บ้านบ้างเถอะ!”
ชายชราถูกเด็กสองคนกั้นอยู่ด้านหน้าราวกับว่าเป็นตุ๊กตาน้อยสองตัวที่เฝ้าอยู่หน้าประตู ทำให้เขาเดินไปไหนไม่ได้ เขาจึงถูกจับโดยหญิงชราที่วิ่งไล่ตามมาข้างหลัง เธอเปลี่ยนรองเท้าที่ถืออยู่ในมือขวาสลับมาถือมือซ้ายแล้วใช้มือขวาบิดหูของชายชราไม่ยอมปล่อย
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าจับปลาฉัน! ทำไมน่ารำคาญอย่างนี้ ตาแก่! ปลาคาร์ฟที่ฉันเลี้ยงไว้โดนแกกินหมดแล้ว!”
เห็นได้ชัดว่าหญิงชราไม่ได้ใช้แรงมากนัก แต่ชายชราก็ต้องวางถังน้ำลง เอียงหัวแล้วร้องโอ๊ยออกมาอยู่ดี
“กินแค่ปลาของแกบ้างไม่ได้เหรอ ฉันจะหามาเพิ่มเก็บไว้อีก อย่าดึงหูฉันสิ เด็กสองคนนี้กำลังมองอยู่”
เด็กสองคนช่วยบังหน้าเขา
หญิงชราปล่อยมือพร้อมพูดด้วยเสียงอับแหบแห้งก่อนจะยิ้มอย่างใจดีให้หนวนหน่วนและซูหราน
“ก็ได้ มานี่เร็วเข้า วันนี้อยากกินอะไรจ๊ะ ย่าหลิวจะจัดการให้เอง”
หลังจากพูดจบสายตาของเธอก็สบเข้ากับหนวนหน่วน เธอยิ้มได้ในทันที
“เธอเป็นนางฟ้าตัวน้อยของครอบครัวไหน สดใสน่ารักมาเชียว เธอชื่ออะไรจ๊ะ แค่มาหาคุณย่าหลิว แล้วบอกคุณย่าหลิวว่าอยากกินอะไร ฉันจะหาให้หมดเลย”
“หนู… หนูชื่อหนวนหน่วน” เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ถูนิ้วไปมาพลางเปล่งเสียงเล็ก ๆ และน่ารักออกมา คนฟังรู้สึกว่ามันช่างนุ่มนวลและฟังดูไพเราะเหลือเกิน
ทันทีที่ได้รับคำชมจากหญิงชราคนนี้ เด็กน้อยก็กลายเป็นคนขี้อายทันที ผิวขาวราวน้ำนมและใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอเปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อนดูสดใสและสวยงามราวกับดอกท้อ เป็นใบหน้าที่หาดูได้ยากมาก
ลูกชายลูกสาวของสองชราก็โตแล้ว หลานชายก็มีพ่อแม่เลี้ยงดู ไม่ยอมปล่อยให้ออกมาวิ่งที่บ้านหลังเก่า คนชรายิ่งแก่ก็ยิ่งชอบเด็กที่เชื่อฟังและอ่อนโยนแบบนี้
คุณย่าหลิวรีบอุ้มหนวนหน่วนเข้ามาในบ้าน “หนวนหน่วน เป็นชื่อที่ดีนะ ฟังดูอบอุ่นดี แต่ย่าไม่เคยเห็นเธอแถวนี้มาก่อนเลย เธอคงเป็นญาติของหรานหรานสินะ”
ใบหน้าเล็ก ๆ ของซูหรานแสดงอาการอยากจะแก้ไขชื่อของตนเองอย่างจริงจัง “คุณย่าหลิว คุณควรเรียกผมว่าซูหรานนะครับ ผมไม่ได้ชื่อหรานหราน ส่วนหนวนหน่วนเป็นลูกของน้องสาวอาจารย์ไป๋น่ะครับ เราเพิ่งพบกันเมื่อวานนี้ สตรอว์เบอร์รีของคุณสุกไหมครับ ผมอยากให้น้องได้ลองชิมรสชาติของสตรอว์เบอร์รีที่นี่”
“ไม่ว่าจะครอบครัวไหน ย่าหลิวยินดีต้อนรับหนวนหน่วนและหรานหรานนะ วันนี้เธอมาถูกที่แล้ว สตรอว์เบอร์รีของฉันโด่งดังมาก ให้ย่าพาไปกินสตรอว์เบอร์รีสิจ๊ะ มา ๆ อย่ารอช้าเลย”
ซูหราน “ผมชื่อซูหราน ไม่ใช่หรานหราน”
“ฉันรู้ ฉันรู้ อีกสองวันจะเป็นวันเกิดคุณปู่ของเธอนี่”
เด็กหนุ่มฮัมเพลงและแก้ไขอย่างจริงจังอีกครั้ง “ผมชื่อซูหราน”
ชายชราพยักหน้าและพาพวกเขาไปที่โรงเก็บของในสวนอย่างมีความสุข
“เลือกได้เลยนะจ๊ะ เก็บไปเผื่อคุณปู่ของหรานหรานด้วยนะจ๊ะ”
ซูหราน “…”
เมื่อเห็นสีหน้าหม่นหมองของพี่ชายซูหราน หนวนหน่วนก็แทบจะหัวเราะไม่ออก