ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 75 ป้อนหนวนหน่วน
บทที่ 75 ป้อนหนวนหน่วน
“ฉันรู้สึกว่าบ้านนายไม่ค่อยปลอดภัยเลย ต้องพาน้องสาวกลับแล้ว”
ไป๋โม่ฮัวดึงตัวหนวนหน่วนให้ลุกขึ้น แม้จะยังมีอีกหลายอย่างในชีวิตนี้ที่เขายังไม่เข้าใจ แต่ก็พอจะรู้ได้ว่าบ้านที่มีนายหญิงอยู่กับลูกของภรรยาเก่านั้นคงไม่ใช่บ้านที่สงบสุขนัก
ซูหรานเหลือบมองอย่างนิ่ง ๆ “ไม่ต้องกังวลไปหรอก บ้านนี้มีแค่ฉันกับคุณปู่สองคนเท่านั้น พ่อกับผู้หญิงคนนั้นทำให้ฉันรำคาญเลยไล่พวกเขาไปแล้ว”
คนฟังได้แต่นิ่งอึ้ง “…”
ไม่สิ ต้องมีอะไรผิดปกติ ไป๋โม่ฮัวอาจจะเข้าใจอะไรผิดไป
“นาย.. ไล่พ่อตัวเองออกจากบ้านเหรอ”
เด็กคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว
ซูหรานพยักหน้าอย่างนิ่ง ๆ อาการของเขาดูสงบนิ่งมาก น้ำเสียงเนิบ ๆ แต่มีรอยยิ้มจุดขึ้นที่มุมปากน้อย ๆ
“ฉันเป็นทายาทคนต่อไปของตระกูลซู คุณปู่ส่งบ้านหลังนี้ให้ฉันเป็นคนดูแลต่อ ใครที่ฉันไม่อยากให้อยู่ที่นี่ก็แค่ไล่พวกเขาออกไป จะได้ไม่รำคาญใจ”
“นี่มันไม่เกินไปเหรอ”
เจ้าบ้านเอียงศีรษะเล็กน้อยพลางมองแขกทั้งสองด้วยดวงตาลึกล้ำคู่เดิม ดวงตาสีเข้มของเขามองแล้วราวกับจมดิ่งลงไปในบ่อที่ไร้ก้นบึ้ง แผ่นหลังของเขายังคงเหยียดตรง รักษาท่วงท่าอันสง่างามเช่นเดิม
ดวงตากลมโตสดใสของหนวนหน่วนสบเข้ากับดวงตาคู่นั้น ก่อนจะเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ถ้ามีคนที่ไม่ชอบมาเอาของของหนวนหน่วน หนวนหน่วนก็จะโกรธเหมือนกันค่ะ”
แต่สำหรับคนที่เธอชอบ เด็กน้อยก็จะมอบสิ่งของให้คนคนนั้น
ไป๋โม่ฮัวพยักหน้าตาม เขาไม่ได้อยากรีบร้อนจะไปจากบ้านนี้แล้ว เพราะยังมีเรื่องอยากรู้เกี่ยวกับเด็กหนุ่มคนนี้อีก… ว่ากันตามตรงก็คือ อยากรู้เรื่องราวแปลก ๆ ของบ้านนี้ต่างหาก
เขาจ้องไปที่ซูหรานด้วยความสงสัย “นายไม่ได้ใช้กำลังกับพวกเขาใช่ไหม”
ซูหรานส่ายหน้า “ไม่อยู่แล้ว ฉันไม่ชอบอะไรแบบนั้น”
เขาคิดว่านี่ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไร เพราะเดิมทีก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกับคนเป็นพ่ออยู่แล้ว
“คุณปู่บอกว่าที่นี่เป็นของฉัน ฉันมีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ พวกเขาทำให้ฉันอยู่ที่นี่แล้วไม่สบายใจ เพราะงั้นก็เลยแค่ไล่เขาออกไปดี ๆ ถ้าฉันไม่พอใจก็แค่ให้สิงอวิ๋นทำให้พวกเขากลัว”
หนวนหน่วนเท้าคางเล็ก ๆ ฟังเรื่องราวของพวกเขาอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็ก ท่าทางราวกับสัตว์ตัวน้อยดูบอบบางนุ่มฟูทำให้ซูหรานที่มองอยู่อยากจะป้อนเธอด้วยของอร่อย ๆ เหมือนที่เขาเลี้ยงดูสิงอวิ๋น
แต่การมองเด็กน้อยคนนี้กินขนมต้องน่ารักกว่าแน่ ๆ
คิดได้แบบนั้นเด็กหนุ่มเลยหยิบเอาเค้กหอมหมื่นลี้กลิ่นหอมหวานชิ้นหนึ่งขึ้นมาแล้วยื่นไปตรงหน้าเด็กน้อย
“เค้กหอมหมื่นลี้ อร่อยจังค่ะ”
หนวนหน่วนกะพริบตาปริบ ๆ อ้าปากเล็ก ๆ กัดขนมเค้กสีขาวราวกับหิมะที่แต้มด้วยน้ำหวานดอกหอมหมื่นลี้จนหอมหวาน ดวงตาคู่โตแสนบริสุทธิ์เป็นประกายทันที
แก้มขาวอมชมพูของเด็กน้อยพองขึ้นมาเมื่อกำลังเคี้ยวขนมอร่อย ๆ น่ายื่นมือไปบีบเล่นเสียเหลือเกิน
ซูหรานจ้องมองแก้มกลมนุ่มนิ่มของหนวนหน่วนอยู่หลายวินาที เมื่อเด็กน้อยกินจนหมดก็อ้าปากจะกัดคำที่สอง นิ้วมือเรียวสวยราวหยกสลักของเขาอดไม่ได้ที่จะจิ้มแก้มนิ่มนั้นของเธอ แววตาประหลาดใจฉายออกมาจากใบหน้าสุขุมนั้นทันที
นุ่มจัง…
หนวนหน่วนชะงักเล็กน้อย แต่ก็กัดขนมกินต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะกำลังสนใจขนมอร่อย ๆ มากกว่าเรื่องถูกจิ้มแก้ม
ไป๋โม่ฮัวจ้องมองจากด้านข้างจนดวงตาเรียวรีโตขึ้นไม่น้อย เขาไม่มีทางพลาดภาพนี้แน่
“ไม่ต้องป้อนหรอก น้องสาวฉันกินเองได้”
ซูหรานทำหูทวนลมและยังป้อนขนมให้เด็กน้อยต่อไป
หนวนหน่วนก็ยังคงกินขนมที่ป้อนให้อย่างไม่อิดออด เด็กน้อยเคี้ยวตุ้ย ๆ อย่างน่ารักเหมือนกระต่ายน้อยขนปุยนิ่ม
ไป๋โม่ฮัวราวกับเป็นอากาศธาตุ “…”
เขาอยากจะหยุดเหตุการณ์ตรงหน้า แต่เมื่อเห็นท่าทางการกินอันน่ารักน่าชังของลูกพี่ลูกน้องตัวน้อยก็ชักคันไม้คันมืออยากจะหยิบขนมขึ้นมาบ้าง และในที่สุดเขาก็เริ่มป้อนเธอด้วยเหมือนกัน
เด็กหญิงตัวน้อยยังคงเอร็ดอร่อยกับการกินขนม เธอเปิดปากเล็กสีชมพูอิ่มของตัวเองแล้วกัดขนมทีละคำน้อย ๆ เมื่อรู้สึกกระหายน้ำก็จ้องไปทางกาน้ำชาด้วยดวงตากลมใส ยังไม่ทันที่จะได้รินมันเองด้วยมือเล็ก มือเรียวสวยก็ยกกาขึ้นรินน้ำชาให้อย่างช้า ๆ
มือเล็กประคองถ้วยชารับน้ำชาหอม ๆ พร้อมเอ่ยขอบคุณเสียงหวาน
“ขอบคุณค่ะพี่ซูหราน”
ซูหรานถอนหายใจอย่างเศร้า ๆ
นี่เขาเปลี่ยนน้องสาวไม่ได้จริง ๆ เหรอเนี่ย ถ้าเปลี่ยนไม่ได้งั้นขอมาเลี้ยงแทนได้ไหม
แน่นอนว่ามันก็แค่ความคิดในหัว ไม่ได้พูดออกมา เพราะพี่ชายที่อยู่ข้าง ๆ เธอคงไม่มีวันยอม
“หรานเอ๋อร์”
เสียงแหบทุ้มดังขึ้นจากด้านนอก ซูหรานจึงลุกขึ้นไปเปิดม่านไม่ไผ่ของศาลา พบว่าชายชราท่าทางแข็งแรงในชุดเสื้อคอจีนกระดุมถักยืนอยู่ด้านนอก
ชายชรามองเข้ามาเห็นเด็กอีกสองคนอยู่กับหลานชายก็มีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย
“โอ้ ไม่ง่ายเลยที่จะมีแขกมาที่นี่ ฮ่าฮ่าฮ่า”
ชายชราผู้นี้มีเคราขาว รูปร่างสูงเพรียวสง่างามราวกับต้นสน ท่าทางใจดี มีดวงตาแห่งความอารีและรอยยิ้มแสนอบอุ่น ทั้งยังดูสันโดษเรียบง่ายด้วย
“คุณปู่ซู”
ไป๋โม่ฮัวรีบยืนขึ้นแล้วเอ่ยทักทายด้วยความเคารพ เขาไม่ค่อยได้เจอซูหรานบ่อยนัก แต่ก็รู้จักชายชราท่านนี้ดี
“เธอคือ… ลูกชายบ้านไป๋สินะ ไม่ได้เจอกันพักเดียวโตขึ้นเยอะเลยนี่”
แม้ว่าบ้านของทั้งสองจะอยู่ห่างกันไม่เท่าไร แต่กลับไม่ค่อยได้เจอกันแล้วเพราะเด็กหนุ่มทั้งสองต้องไปโรงเรียน
“โอ้โห คุณปู่ซูยังจำผมได้ด้วยเหรอครับ ส่วนนี่ลูกพี่ลูกน้องของผมเองครับ”
ชายชรามองไปที่หนวนหน่วนตัวน้อย เด็กหญิงเลยเอ่ยทักทายผู้ใหญ่อย่างอ่อนหวาน
“คุณปู่ซู สวัสดีค่ะ”
เธอเรียกคนตรงหน้าตามที่ได้ยินพี่ชายเรียกเมื่อครู่
ชายชราลูบเคราขาวด้วยมือข้างหนึ่ง สายตาทอดมองรอยยิ้มน่ารักอบอุ่นนั้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอารี
“ไม่เคยเจอกันมาก่อนเลย แต่หนูนี่ดูคุ้น ๆ นะ”
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ชะงักไป “หนูเป็นอะไรกับฉินชิงเฉี่ยนงั้นเหรอ”
ใช่แล้ว เด็กน้อยคนนี้ดูเหมือนกับคนบ้านฉินมาก ถึงเวลาจะผ่านไปนานก็ยังมองออก
“ท่านเป็นคุณย่าของหนูค่ะ”
หนวนหน่วนตอบเสียงใส เพราะคุณแม่กับคุณปู่เล่าเรื่องคุณย่าของเธอให้ฟัง เด็กน้อยเลยจำชื่อคุณย่าได้
ชายชราได้ฟังก็ยิ้มอย่างใจดี “ปู่ลืมไปเลย ลูกสาวบ้านไป๋แต่งงานกับคนบ้านกู้ ไปอยู่ที่หลินเฉิง ตอนนั้นที่ชิงเฉี่ยนแต่งงานกับปู่ของหนู เขาโดนต่อยไปหลายหมัดเลย”
ชายชราหัวเราะพร้อมเล่าเรื่องในอดีต
หนวนหน่วนนิ่งไป “…”
ไป๋โม่ฮัวก็ด้วย “…”
นี่มันใช่เรื่องที่ควรจะเล่าต่อหน้าหลานสาวของเจ้าตัวจริง ๆ เหรอเนี่ย
“ไป ไป อยู่ตรงนี้มันหนาวนะ ไปพักข้างในบ้านปู่ดีกว่า”
ชายชราว่าพลางตรงเข้ามาจับมือคู่น้อยของหนวนหน่วน ราวกับว่านี่คือหลานสาวของตัวเอง
“ตอนที่หนูเกิด ปู่ของหนูต้องมีความสุขมากแน่เลย ตอนที่เขาไล่ตามจีบย่าของหนูต้องฝ่าด่านครอบครัวหนักมาก คุณย่าหนูมีพี่ชายสองคน เลี้ยงกันมาอย่างดี มีเหรอที่พวกพี่ ๆ จะยอมง่าย ๆ ปู่ของหนูไล่ตามจีบย่าแบบออกนอกหน้า ตอนสมัยเรียนวุ่นวายกันสุด ๆ เลย”
ชายชราพูดถึงอดีตด้วยดวงตาที่ฉายชัดถึงความคิดถึง “พี่ชายของย่าหนูกับปู่สนิทกันมาก ปู่ก็เอ็นดูชิงเฉี่ยนเหมือนน้องสาว เพราะงั้นตอนนั้นเลยช่วยพวกเขาขัดขวางปู่หนูเต็มที่เลย”
หนวนหน่วนตั้งใจฟังและเดินตามต้อย ๆ
“แต่สุดท้ายคุณปู่กับคุณย่าก็ได้แต่งงานกัน คุณปู่เก่งจังเลยค่ะ”