ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 70 กี่เพ้าอันงดงาม
บทที่ 70 กี่เพ้าอันงดงาม
“หนวนหน่วนมานี่สิ นี่คืออากู๋”
เด็กน้อยแสนขี้อายและเชื่อฟังเดินกลับมาอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองชายวัยกลางคนอย่างเขินอาย
“อากู๋”
เธอเอ่ยเรียกคุณลุงอย่างแผ่วเบาแล้วจับมือแม่อย่างประหม่า คุณลุงช่างสง่างามอย่างที่คุณแม่พูดจริง ๆ เธอที่ยืนอยู่ตรงหน้าอดไม่ได้ที่อยากจะเป็นเด็กดี
“อืม”
ชายวัยกลางคนมองไปยังเด็กหญิงตัวเล็กก่อนจะพยักหน้าลงอย่างช้า ๆ เขาไม่ได้แสดงท่าทีกระตือรือร้นมากเกินไป แต่ก็ไม่ทำให้ผู้อื่นรู้สึกถึงความเย็นชาหรือแปลกแยก
“คิดยังไงเกี่ยวกับต้นไม้ต้นนี้?”
เขายืนสูงเด่นอยู่ใต้ต้นไม้พลางเงยหน้าขึ้นมองมัน สายตาอันชาญฉลาดที่อยู่หลังแว่นนั้นกำลังจ้องมองไปยังต้นแปะก๊วย มันไม่ได้มีอะไรให้มองมากมายนัก แต่มองทีไรก็รู้สึกราวกับได้พบเพื่อนเก่าอีกครา
หนวนหน่วนชำเลืองมองเขาสลับกับต้นแปะก๊วย ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“มันทักทายหนูเมื่อกี้ค่ะ หนวนหน่วนได้ยินพวกเขาทักทาย”
ดวงตาของไป๋จินเหยียนขยับไหวเล็กน้อย “ทำไมถึงเป็น ‘พวกเขา’ ล่ะ?”
หนวนหน่วนพยายามอย่างที่จะไม่รู้สึกประหม่าแล้วพูดคุยกับเขาอย่างนุ่มนวล แม้จะเอื้อนเอ่ยช้า แต่การออกเสียงของเธอนั้นก็ชัดเจน ประกอบกับเสียงที่นุ่มนวลราวกับขี้ผึ้งนั้น ทำให้ผู้คนที่ฟังอยู่ล้วนรู้สึกเพลิดเพลินเมื่อได้รับฟัง
เธอส่ายหัวอย่างตรงไปตรงมา “ไม่รู้เหมือนกันค่ะ หนวนหน่วนได้ยินแว่ว ๆ”
ไป๋จินเหยียนยกยิ้มมุมปากแล้วกวักมือเรียกหลานสาวอย่างเป็นธรรมชาติ หนวนหน่วนแอบชำเลืองมองคุณพ่อกับคุณแม่ เมื่อเห็นพวกเขาพยักหน้าลงก็ใช้ขาสั้น ๆ เดินเข้าไปหา
เขาวางฝ่ามืออันอ่อนโยนลงบนศีรษะของหนวนหน่วนแล้วลูบไล้อย่างแผ่วเบา
“กลับมาก็ดีแล้ว”
ต้นไม้เก่าแก่นี้มีจิตวิญญาณของกุมารหลิงหลงผู้มีจิตวิญญาณอันแสนบริสุทธิ์
เมื่อหนวนหน่วนได้ยินก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เด็กน้อยใช้หัวฟูฟ่องของตนถูฝ่ามือลุงของตนไปมา
บ้านตระกูลไป๋เงียบงันมาก แต่กลับไม่ได้รู้สึกเหงาขนาดนั้น มันให้ความรู้สึกที่แสนสบายมากกว่า
ในเวลานี้มีสาวสวยในชุดกี่เพ้าเดินออกมาพอดี เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นก็สัมผัสได้ถึงความงามสง่าบนร่างกายเธอชัดเจน หญิงตรงหน้างดงามราวกับเดินออกมาจากรูปภาพเลยก็ว่าได้
“นี่คืออากิ๋ม”
คุณหญิงกู้ลูบหัวน้อย ๆ ของลูกสาว ก่อนจะแนะนำคนมาใหม่ให้หนวนหน่วนรู้จัก เธอก็ส่งยิ้มและพยักหน้าให้คนตรงหน้าเป็นการทักทาย “สวัสดีค่ะพี่สะใภ้”
“สวัสดีค่ะอากิ๋ม”
หนวนหน่วนเอ่ยอย่างเชื่อฟัง คนที่มาใหม่เลยระบายยิ้มตอบกลับมา เธออายุเกือบห้าสิบแล้ว แต่รูปลักษณ์ของเธอนั้นราวกับหยุดเวลาเอาไว้ หากเรือนผมไม่ประปรายไปด้วยเส้นผมสีขาว เธอก็ดูมีเสน่ห์ราวกับวัยรุ่นคนหนึ่ง
“หนวนหน่วนมานี่เร็ว”
อากิ๋มสวมชุดกี่เพ้า ขับความอ่อนโยนออกมาเต็มเปี่ยม เมื่อยิ้มแล้วก็ยิ่งทำให้บรรยากาศรอบตัวอุ่นขึ้นกว่าเดิม
เด็กหญิงตัวเล็กเฝ้ามองอากิ๋มที่ค่อย ๆ ย่างกายเข้ามา เธอดึงมือของอากิ๋มมากอบกุมไว้ก่อนจะจ้องมองเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ดีจัง เหมือนคุณย่าจังเลยนะ โตขึ้นคงกลายเป็นหญิงงามที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ รอโตกว่านี้ก่อนเถอะ พ่อหนูกับบรรดาพี่ ๆ ต้องปวดหัวแน่”
อากิ๋มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา หนวนหน่วนรู้สึกชอบมากจนอดไม่ได้ที่จะเข้าไปอยู่ใกล้เธอ ถึงแม้ว่าดวงตาของเด็กน้อยจะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ ณ ตอนนี้มีประเด็นอื่นที่สำคัญกว่า
“อากิ๋มรู้จักคุณย่าด้วยเหรอคะ?”
หญิงในชุดกี่เพ้าพยักหน้า จากนั้นก็จูงมือน้อย ๆ ให้เดินไปด้วยกันอย่างช้า ๆ เธอมองขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับนึกถึงอะไรบางอย่าง ไม่นานก็คลี่ยิ้มออกมา
“ใช่แล้ว เพราะท่านเป็นญาติผู้ใหญ่ของคุณแม่กับอากิ๋มไงล่ะ”
ดวงตาของหนวนหน่วนเบิกกว้างพลางคิดในใจว่าคุณย่าช่างสุดยอดเหลือเกินที่ทำให้หลายคนจดจำและยกย่องได้ถึงเพียงนี้
แน่นอนว่าหลังจากที่หนวนหน่วนได้ฟังคุณแม่เล่าเรื่องราวต่าง ๆ มากมายเกี่ยวกับคุณย่า เด็กน้อยก็รู้สึกชื่นชมท่านเป็นอย่างมาก แต่น่าเสียดายที่เธอไม่สามารถพบเจอคุณย่าได้อีกแล้ว เหลือเพียงภาพของคุณย่าที่สะท้อนออกมาผ่านเค้าหน้าของเธอเท่านั้น
เมื่อเดินผ่านทางเดินไม้แกะสลักและอาคารทาสี ก็ได้พบกับแอ่งหินที่งดงามมากมาย รวมถึงดอกไม้ที่เจริญเติบโตขึ้นมาหลากหลายชนิด ทำให้หนวนหน่วนรู้สึกว่ามองเท่าไหร่ก็ไม่สามารถละสายตาไปได้เลย
สวนแห่งนี้ห้อมล้อมไปด้วยความสวยงามของพฤกษา ต่างกับคฤหาสน์ที่ใหญ่โตหรูหราที่หลินเฉิง ถือว่าเป็นความงามในอีกรูปแบบหนึ่ง
หลังจากนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น อากิ๋มก็รินน้ำชาด้วยท่าทางที่อ่อนช้อยงดงามให้กับทุกคน ทุกคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ ไม่มีใครเอ่ยพูดอะไร เพียงแค่จิบชากับอย่างเงียบสงบ แต่กลับไม่ทำให้รู้สึกถึงความเบื่อหน่ายเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากมันเป็นความเงียบงสบท่ามกลางภูมิทัศน์อันสวยงาม
“ตอนรู้ข่าวว่าหนวนหน่วนกลับมาแล้ว พวกเราไปหาไม่ได้ แต่เดี๋ยวฉันจะพาพี่สะใภ้เธอไปหาตอนวันเกิดล่ะกัน โม่ฮัวกำลังจะกลับมาในไม่ช้านี้แหละ แต่โม่ซูฉันติดต่อไม่ได้เลย ถ้ากลับมาทันก็พอจะพาไปหาในวันเกิดของหนวนหน่วนได้อยู่”
คุณแม่กู้พยักหน้าเข้าใจ “ก็เข้าใจชูเอ๋อร์นะ ว่าแต่ที่ว่าฮัวเอ๋อร์จะกลับมานี่มันตอนไหนกัน?”
“เขาบอกว่าจะกลับมาพรุ่งนี้ แต่เธอก็รู้ดี เจ้าเด็กนั่นชอบเปลี่ยนไปมากะทันหัน”
หนวนหน่วนถือถ้วยชาแล้วยกขึ้นจิบทีละนิด ชาเขียวสีมรกตส่องประกายเหมือนอัญมณีในถ้วยชา ไอหมอกสีขาวลอยลอยผ่านปลายจมูกไปพร้อมกลิ่นหอมของชา กลิ่นของชาแก้วนี้ช่างหอมหวนเหลือเกิน
หนวนหน่วนยกขึ้นจิบทีละน้อย แววตากระจ่างขับประกาย บ่งบอกได้อย่างดีว่าเธอชอบมัน ดวงจันทร์เสี้ยวเล็กปรากฎขึ้นบนใบหน้าที่มีความสุขของเธออีกครั้ง
เมื่อเห็นดังนั้น อากิ๋มที่อยู่ในชุดกี่เพ้าก็มีรอยยิ้มขึ้นมา เธออดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มน้อย ๆ นั่น
เธอมีเพียงลูกชายแค่สองคน เธอจึงรู้สึกถูกใจลูกสาวตัวน้อยของคุณหญิงกู้เป็นอย่างมาก นอกจากหนวนหน่วนจะเชื่อฟังแล้วยังอ่อนโยนมากอีกต่างหาก
เด็กหญิงตัวเล็กแสนอ่อนโยน เมื่อเธอโดนอากิ๋มหยิกเข้าที่แก้มก็รู้สึกเขินอายขึ้นมาทันที ใบหน้าที่ขาวราวกับน้ำนมขึ้นสีชมพูของกลีบดอกท้อให้เห็นอยู่จาง ๆ ตอนนี้หนวหนน่วนไม่ต่างจากเจ้าเกี๊ยวน้อยสีชมพูที่ดูนุ่มนิ่มเลยสักนิด
เธอนั่งลงอย่างว่าง่ายโดยไม่ปริปากพูดสิ่งใด แล้วตั้งใจฟังสิ่งที่พวกผู้ใหญ่พูด
จากที่ฟังหัวข้อการสนทนาแล้ว เป็นไปได้ว่าคนที่กำลังจะกลับมาในไม่ช้าคือลูกพี่ลูกน้องคนที่สองของเธอที่ชอบวาดรูป
แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาจะเปลี่ยนแผนกะทันหันหรือไม่
อากู๋และอากิ๋มเดินไปยังห้องหนังสือของตน ก่อนที่อากิ๋มจะเดินกลับมาพร้อมกับกำไลหยกในมือ เธอบรรจงสวมมันให้กับหนวนหน่วน
“นี่คือกำไลหยกที่อากิ๋มสวมตอนยังเป็นเด็ก บ้านนี้ไม่มีเด็กผู้หญิง ต้องขอฝากให้หนวนหน่วนได้ดูแลมันต่อแล้วล่ะ”
สร้อยข้อมือที่ทำจากหยกเจไดต์นั้นมีสีเขียวมรกตและสดใสราวกับคริสตัล มันดูดีมากเมื่อได้อยู่บนข้อมือที่ขาวสะอาด หนวนหน่วนรับรู้ได้จากสัญชาตญาณว่ามันเป็นของมีค่ามากขนาดไหนจึงส่งสายตาประหม่าไปทางคุณแม่
คุณหญิงกู้รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน “พี่คะ นี่มัน… สมบัติที่ติดตัวพี่มาตั้งแต่เด็กนะ”
ดูเหมือนว่ากำไลข้อมือนี้จะเป็นสิ่งสำคัญของอากิ๋ม
หญิงงามในชุดกี่เพ้าเอ่ยขึ้น “ฉันก็แค่อยากมอบให้หนวนหน่วนเท่านั้น ตอนนี้มันเหมือนของตายที่ต้องการใครสักคนมาดูแล ถ้าเก็บมันไว้ไม่ให้ใครได้เชยชมก็คงจะเสียเปล่า”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้นคุณหญิงกู้จึงไม่ห้ามปรามเธออีกต่อไป เธอหันไปมองหนวนหน่วนแล้วพยักหน้าให้ “ผู้เฒ่าผู้แก่ให้ รับไปเถอะหนวนหน่วน”
หนวนหน่วนเอ่ยขึ้น โดยที่มือทั้งสองวางแนบชิดกับเข่าแล้วเอ่ยขอบคุณ
“ขอบคุณค่ะอากิ๋ม หนวนหน่วนจะดูแลมันอย่างดีเลยค่ะ”
หญิงสาวยกยิ้มแล้วลูบหัวของเธอ
ในเวลานี้ คุณลุงผู้สง่างามก็ผลักกล่องไม้มาตรงหน้าของเธอเช่นกัน
“นี่คือของขวัญจากอากู๋”
หนวนหน่วนจ้องมองอย่างใจจดใจจ่อ “ขอเปิดได้ไหมคะ?”
ไป๋จินเหยียนยกชาขึ้นจิบ ก่อนจะพยักหน้าลงช้า ๆ
หนวนหน่วนเปิดกล่องไม้ออกอย่างระมัดระวัง ก่อนจะพบว่าข้างในเป็นตราประทับรูปกระต่ายหยกขาว
กระต่ายในตราประทับนั้นสื่อถึงหนวนหน่วน มันสลักเป็นลวดลายชดช้อยผนึกอยู่ในตราอย่างสวยงาม