ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 63 เขามาช่วยทำสวน
บทที่ 63 เขามาช่วยทำสวน
เสินอวี้จิ่นหัวเราะไม่ออกอีกต่อไป เพราะว่าเขาเป็นเพื่อนที่ดีจึงเข้าไปช่วยขนย้ายต้นกล้า
แต่เขาก็ตกใจ ใบหน้าของเขาแสดงออกราวกับไม่อยากจะเชื่อสายตา “ไม่ใช่ว่าครอบครัวนายล้มละลายอะไรแบบนั้นใช่ไหม หรือเกิดอะไรขึ้นรึเปล่า? ทำไมถึงให้นายที่เป็นทายาทของตระกูลกู้มาแบกต้นกล้า ปลูกต้นไม้ด้วยตัวเองแบบนี้?”
เขารู้สึกว่ากู้หนานไม่ได้สนใจอะไรเลยด้วยซ้ำ
กู้หนานก้มลงหยิบต้นไม้ที่มีความสูงประมาณครึ่งหนึ่งของคนขึ้นมาแล้วโยนใส่เขา “ถือ”
“เอ๊ะ! กู้หนาน แกไม่ใช่คนแล้ว นี่ฉันใส่สูทสีขาวนะเว้ย ต้องจ่ายเป็นล้านให้ฉันนะ!”
ได้ยินเสียงเกรี้ยวกราดดังขึ้น หนวนหน่วนที่กำลังถือถังพลาสติกใบเล็กและเติมเมล็ดพันธุ์อยู่ด้วยขาสั้น ๆ ก็หันขวับมาทางพี่ชายคนโตทันที
ข้างหลังของเธอมีเจ้าก้อนปุกปุยทั้งสองเฝ้าอยู่ ส่วนเจ้านกกำลังบินอยู่บนท้องฟ้า
“พี่ใหญ่คะ”
คนตัวเล็กมองเห็นชายหนุ่มหน้าตาดีที่กำลังโมโหยืนอยู่ข้างพี่ชายของตนจึงเอ่ยเรียกดู
เสินอวี้จิ่นค่อนข้างดูดีพอตัว เขามีดวงตาเหมือนดอกท้อน่ามองและดูโรแมนติก รอยยิ้มที่มุมปากของเขาช่างอ่อนโยน มักจะทำให้ผู้หญิงบางส่วนที่ได้พูดคุยกับเขารู้สึกประหม่าเขินอาย เรียกได้ว่าพ่อหนุ่มคนนี้มีวิธีการพูดคุยกับสาว ๆ ได้เป็นอย่างดี
เมื่อหนวนหน่วนมองเห็นเขาครั้งแรก เธอก็จำเขาไม่ได้ แต่รู้สึกคุ้นเคยในน้ำเสียงนั้น
เสินอวี้จิ่นกำลังกระโดดโลดเต้นด้วยความไม่พอใจอย่างรุนแรง แต่เมื่อเขาได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยเรียกคนตัวใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็เห็นน้องสาวตัวน้อยในตำนานของกู้หนาน
การพบกันในสถานการณ์แบบนี้ช่างน่าอายยิ่งนัก
เมื่อหันไปมองก็พบเข้ากับเด็กหญิงตัวเล็กที่แสนเชื่อฟังยืนอยู่ไม่ไกลมากนัก เธอจ้องมองพวกเขาด้วยดวงตากลมโตที่สดใสชุ่มชื้น โดยบนศีรษะสวมใส่หมวกชาวประมงขนาดเล็กเอาไว้ ประกอบกับชุดหมีบนร่างกายของเธอ ทำให้ยิ่งดูน่ารักและทะมัดทะแมงมากขึ้นเล็กน้อย
นี่คงเป็นนางฟ้าตัวน้อยในตำนาน ช่างคู่ควรกับการลงมาจุติเป็นสมาชิกของตระกูลกู้ รูปลักษณ์ของเธอก็ดูดีไม่แพ้พวกพี่ชายเลย
เสินอวี้จิ่นส่งเสียงหัวเราะขึ้นทันที เขาชอบที่จะพูดคุยกับสาวสวย เพราะมันให้ความรู้สึกเจริญหูเจริญตา และเด็กน้อยตรงหน้าก็พูดจานุ่มนวลมาก ซึ่งทั้งหมดเป็นความงามในอุดมคติของเขาเลย
“หนวนหน่วน จำพี่ได้ไหม?”
ดวงตาคมคายของกู้หนานหันมามองทันควัน
แกเป็นพี่ชายใครไม่ทราบ?
เสินอวี้จิ่นเหมือนจะมองไม่เห็นแววตาดุ ๆ ของกู้หนาน เขาจึงกัดฟันแล้วปัดสิ่งสกปรกบนเสื้อผ้าออก ก่อนจะก้มลงมองหนวนหน่วนด้วยรอยยิ้ม
หนวนหน่วนนึกขึ้นได้ว่าคนตรงหน้านี้เป็นใคร ใบหน้าเรียวบางที่สวยงามของเธอแสดงสีหน้าสำนึกผิดขึ้นมาทันที เด็กน้อยเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“นึกออกแล้วค่ะ เป็นเพื่อนของพี่ใหญ่”
เด็กดีจังเลย
อยากจะสัมผัสผมของเธอเสียจริง แต่เมื่อมองดูมือของตัวเอง เสินอวี้จิ่นจึงทำได้เพียงแค่นิ่งเฉย และอดไม่ได้ที่จะต่อว่ากู้หนานอยู่ภายในใจ
หนวนหน่วนจ้องมองเขาด้วยแววตากระจ่างใส “ต้องเรียกพี่ว่าอะไรคะ?”
“ฉันเป็นเพื่อนของพี่เธอมาตั้งแต่เด็ก โตมาด้วยกันเลย เรียกฉันว่าพี่จินได้นะ”
สาวน้อยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ก่อนจะเอ่ยเรียกตามมารยาท “พี่จิน”
เสียงหวานดุจน้ำนมนี้ช่างฟังสบายหูเหลือเกิน เสินอวี้จิ่นตั้งใจจะพูดคุยกับหนวนหน่วนอีกครั้งกลับถูกแรงดึงจากข้างหลังให้ลุกขึ้นยืน
“อย่าเสียเวลาเลย”
กู้หนานชี้ไปที่ต้นอ่อนด้วยนิ้วเรียวก่อนจะพูดกับหนวนหน่วนว่า
“เขามาช่วยปลูกต้นไม้น่ะ”
เสินอวี้จิ่น “…”
เจ้านี่มันพูดจากวนประสาทแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!
“ขอบคุณค่ะพี่จิน”
เมื่อคนตัวเล็กได้ยินว่าพี่ชายที่ชื่อเสินอวี้จิ่นจะมาช่วยปลูกต้นไม้ก็ยกยิ้มจนคิ้วโก่งพร้อมกับแววตาที่เชื่อฟังมากขึ้น
เสินอวี้จิ่นสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะนึกคิดว่าตนเองนั้นโชคร้าย ใครจะไปทันคิดว่าจะถูกมัดมือชกเช่นนี้
เสินอวี้จิ่นปรายตามองกู้หนาน ‘จะให้ฉัน นายน้อยที่ไม่เคยแม้แต่จะปลูกดอกไม้มาปลูกต้นไม้ให้จริงเรอะ ช่างสมกับเป็นกู้หนานจริง ๆ !’
กู้หนานมองด้วยสายตาเรียบเฉย ‘แล้วใครบอกว่าไม่ใช่ล่ะ?’
เสินอวี้จิ่นจำใจยกต้นไม้ขึ้นอย่างเชื่อฟัง ก่อนจะทำสีหน้าบูดบึ้งเดินไปที่สวนหลังบ้าน
เมื่อเข้าไปถึงเขาก็ได้พบเจอกับเหล่าคนตระกูลกู้
โอ้โหแฮะ… ครึกครื้นจริ๊ง ลุง ๆ ป้า ๆ อยู่กันพร้อมหน้าเลย
“เสี่ยวจินมาแล้วเหรอ”
คุณหญิงกู้ยกยิ้มขึ้นเมื่อเห็นเสินอวี้จิ่นแบกต้นไม้เดินมา
“คนเยอะขนาดนี้ยังมาให้ฉันช่วยทำไมอีก”
เสินอวี้จิ่นหัวเราะออกมา พลางนึกในใจว่าพวกเขาก็อาจจะโดนลูกชายหลอกใช้เช่นกัน
เพิ่งพูดไปเมื่อวานก่อนนี่เองว่าทำไมกู้หนานถึงพูดมากเช่นนี้
หลังจากขุดหลุมอยู่พักหนึ่ง ชายชราก็ถูกหนวนหน่วนลากให้ไปนั่งพัก หนูน้อยทำงานหนักอีกครั้งโดยการวิ่งขึ้นลงเพื่อนำชามาให้เขา อีกทั้งยังเตรียมของว่างและผลไม้ที่ช่วยย่อยได้ง่ายมาให้ด้วย
“คุณปู่นั่งตรงนี้นะคะ แค่ดูพวกเราปลูกก็พอ”
หนวนหน่วนกลัวว่าคนแก่อาจจะเหนื่อย
ผู้อาวุโสกู้รู้สึกอิ่มเอมใจ เขาลูบผมนุ่ม ๆ ของหนวนหน่วนเบา ๆ
“ได้สิ ปู่จะอยู่เฉย ๆ ไม่สร้างปัญหา”
หนวนหน่วนลูบมือเขาราวกับลูบแมวตัวน้อย จากนั้นก็เดินถือจอบอันเล็กไปขุดต่อ
ต้าหวงเดินตามอย่างมีความสุข มันใช้อุ้งเท้าของสุนัขขุดดินจนกลายเป็นสุนัขเปื้อนโคลนสกปรกไปทั้งตัว เมื่อกลับไปบ้านต้องล้างหลายรอบเป็นแน่
หลังจากปลูกต้นไม้สองสามต้นแล้วก็เพาะเมล็ดผักต่อ
กู้หนานหอบเล็กน้อยเท่านั้น อาจเป็นผลพลอยได้ที่เขาออกกำลังกายอย่างหนักหนามาโดยตลอด ในขณะที่เสินอวี้จิ่นหมดแรงและนั่งพักอยู่กับชายชรา
ใบหน้าของหนวนหน่วนขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความตื่นเต้น เธอพูดจ้อไม่หยุด
“ดอกท้อสวยงามมากเลยค่ะ แต่อาจจะต้องรอมันผลิบานในปีหน้า หนวนหน่วนจะเขียนป้ายไม้ว่า ‘คุณพ่อ’ ‘คุณแม่’ และก็ ‘พี่น้อง’ เพื่อขอให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง คุณย่าเคยบอกว่าต้นท้อช่วยปัดเป่าวิญญาณชั่วร้ายเพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง และยังรอกินลูกท้อตอนออกผลได้ด้วย ลูกท้อที่หนวนหน่วนปลูกไว้ก่อนหน้านี้อร่อยมากเลย”
ทุกคนรู้ว่าคุณย่าที่หนวนหน่วนพูดถึงคือคนที่รับเธอมาเลี้ยง พวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา เนื่องจากพวกเขายังไม่ทันจะได้ขอบคุณเธออย่างจริงจังเลยสักครั้ง
เมื่อได้ยินคำพูดมากมายของหนวนหน่วน ทุกคนก็ไม่รู้สึกเหนื่อยอีกต่อไป
พวกเขายุ่งมาก เป็นไปไม่ได้เลยที่จะปลูกต้นไม้กันทุกวัน พอมาสัมผัสประสบการณ์จริงในวันนี้ก็คิดว่า สำหรับสวนขนาดใหญ่นั้น จำเป็นต้องหาคนสวนที่รู้วิธีเพื่อมาช่วยปลูกต้นอื่น ๆ
และในที่สุดก็ได้ทำการปลูกองุ่นประมาณสองสามต้นที่ลานด้านข้าง หลังจากนั้นทุกคนก็กลับบ้านไปอย่างสกปรกมอมแมม รวมถึงเสินอวี้จิ่นด้วย
หลังจากกลับมาแล้วเขาก็ถอดชุดสูทสีขาวที่เปื้อนจนมองไม่เห็นสีเดิมนั้นออก แล้วสวมเสื้อผ้าของกู้หนานแทน ทั้งสองมีความสูงเท่ากัน เว้นแต่ว่าโครงร่างของกู้หนานล่ำใหญ่ ส่วนเสินอวี้จิ่นนั้นร่างบางกว่ามาก ดังนั้นเสื้อผ้าจึงดูใหญ่กว่าร่างของเขาเพียงเล็กน้อย
เสินอวี้จิ่นสวมเสื้อเชิ้ตสีดำของกู้หนานด้วยท่าทางรังเกียจ ดูเกลียดรสนิยมของกู้หนานอย่างยิ่ง
“แกไม่มีเสื้อผ้าสีอื่นแล้วเหรอ ดูนั่นสิ ไม่ว่าจะเป็นสีเทาเข้ม น้ำเงินเข้มหรือดำ ถึงสไตล์จะต่างกันแต่ก็ยังเป็นสีโทนมืดอยู่ดี ไม่สนใจมีชุดสีสดใสกว่านี้บ้างเหรอ?”
เกลียดสีเสื้อผ้าที่ซ้ำซากจำเจของเพื่อนคนนี้เหลือเกิน!
กู้หนานพับแขนเสื้อขึ้นช้า ๆ จากนั้นจึงก้าวลงไปข้างล่างด้วยขายาว ๆ ของตน
เสินอวี้จิ่น ‘ตั้งแต่เล็กจนโตเย็นชาเหมือนเดิมเลยจริง ๆ !’