ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 55 หญิงชราผู้ไร้ค่า
บทที่ 55 หญิงชราผู้ไร้ค่า
หญิงชราหันไปทางกู้หนาน เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังเฉไฉ วางแผนที่จะใช้เล่ห์กลไม่ยอมคืนเงินที่ยืมไปตามที่ตกลงกันไว้
สายตาเย็นชาของกู้หนานกวาดมองอย่างนิ่ง ๆ ผู้หญิงแก่จอมวีนอย่างเธอจะไปเทียบชั้นกับคนเยือกเย็นแบบนั้นได้อย่างไร ดวงตาเฉียบคมไม่แยแสสิ่งใดของเขาทำเอาย่าอย่างเธอตกใจกลัว รีบมองไปทางอื่น ไม่กล้าสบตาหลานคนโตอีก
แม้จะต้องเจอกับคำพูดเสียดสีอย่างไม่มีเหตุผลของหญิงชรา กู้หนานก็สามารถตอบโต้ทุกคนด้วยน้ำเสียงนิ่งสนิท ทั้งยังแสดงอาการสงบนิ่งอย่างคนอยู่เหนือกว่า ช่างเป็นความน่ากลัวที่ไม่อาจจะต้านทานได้จริง ๆ
นิ้วเรียวยาวกำลังเคาะโต๊ะเป็นจังหวะ เสียงนั่นเสียดไปถึงหัวใจ สร้างความรู้สึกสั่นกลัวไปทั่วทั้งร่าง
“ลูกชายคุณขอร้องให้คุณปู่ช่วยเรื่องโครงการนั่น”
น้ำเสียงไม่แยแสสิ่งใดเป็นเอกลักษณ์ของกู้หนานดังขึ้น และเมื่อใดก็ตามที่เขาเริ่มพูด ทุกคนจะต้องหันไปสนใจ
ทั้งห้องตอนนี้เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าขัดจังหวะหลานชายคนโต นี่คือความพิเศษของชายหนุ่มที่กำลังจะขึ้นเป็นผู้สืบทอดคนต่อไปของกิจการตระกูลกู้ที่ยิ่งใหญ่
“ก่อนหน้านั้น อุปกรณ์รักษาความปลอดภัยเป็นของใหม่ ได้รับการซ่อมบำรุงอย่างดี มีรายการค่าใช้จ่ายถูกต้อง แต่หลังจากลูกชายคุณรับช่วงต่อ อุปกรณ์ทั้งหมดกลายเป็นของเก่าไร้มาตรฐานภายในไม่กี่เดือน แล้วของใหม่มันไปอยู่ที่ไหน…”
กู้หนานมองไปทางชายวัยกลางคนนิ่ง “ผมมีบันทึกการทำธุรกรรมระหว่างคุณกับเกาหวย มีข้อมูลทางการเงินอยู่ อยากจะดูไหม”
ประโยคนั้นทำเอาคนถูกคาดคั้นหน้าซีดเผือด มือเท้าสั่น ก้มหน้าลงไม่กล้าสบตากู้หนาน จ้องไปทางแม่ของตัวเองอย่างขอความช่วยเหลือ
คนเป็นแม่ร้อนใจขึ้นมาในทันที สำหรับเธอ ไม่มีใครสำคัญเท่าลูกชายตัวเองอีกแล้วในโลกนี้ ความเดือดร้อนของลูกคือความเดือดร้อนของเธอด้วย
หญิงชราไม่เคยยอมให้ใครมาพูดจาแย่ ๆ กับลูกชายขนาดนี้มาก่อน แม้ว่าคนนั้นจะเป็นกู้หนานที่น่าเกรงขามคนนี้เธอก็ไม่ยอมเช่นกัน
“นี่แกจะทำอะไร”
เธอเก่งเรื่องการสร้างภาพอยู่แล้ว ดังนั้นการเรียกน้ำตาให้ทำงานทันทีจึงไม่ใช่เรื่องยากลำบากอะไร
“นี่มันจะเกินไปแล้ว มารังแกลูกชายกำพร้ากับแม่หม้ายแบบฉันขนาดนี้ได้ยังไง กู้หนาน เธอนี่มันไม่มีความเป็นคนเอาซะเลย ทำไมพูดกับลุงตัวเองแบบนี้ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ใช้นามสกุลเดียวกัน เลือดต้องข้นกว่าน้ำสิ เงินแค่สิบล้านก็ใช้มาตัดความเป็นพี่น้องของพวกเราได้แล้วใช่ไหม พวกเธอมีเงินตั้งมากมาย เจียดเงินสิบล้านมาช่วยพี่น้องจะเป็นอะไรไป แบบนี้มันรังแกกันชัด ๆ ฮึก… ฮือ ฮือ”
เธอมองที่หนวนหน่วนแล้วร้องไห้คร่ำครวญต่อไม่หยุด “ลุงของเธอเองเป็นผู้ชายตระกูลกู้ เป็นลูกชายคนเดียวของคุณปู่ใหญ่ บ้านนี้ใช้เงินมากมายกับหลานสาวไร้ค่าคนนั้น แล้วทำไมถึงไม่คิดจะช่วยลูกชายฉัน…”
“ปัง!”
“กรี๊ด!!”
ทันทีที่ได้ยินว่าหญิงชราตรงหน้ากำลังพูดจาพาดพิงถึงน้องสาว กู้หนานที่นิ่งฟังมานานก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ใช้เท้าเตะเข้าอย่างแรงที่เก้าอี้สตูลใกล้ตัวญาติที่น่ารังเกียจ สีหน้าของเขามืดครึ้มด้วยความโกรธ ความเย็นชาที่แฝงไปด้วยอำนาจเปลี่ยนเป็นความรู้สึกกัดดันยิ่งกว่าเดิม
หญิงชราที่พื้นและครอบครัวของเธอต่างก็ตื่นตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น กู้หนานดูเหมือนเสือที่พร้อมจะเข้ามาจัดการเหยื่อได้ทุกเมื่อ ตัวพลันสั่นงันงกด้วยความตกใจกลัวสุดขีด
“เธอ… เธอ”
เสียงสั่น ๆ หลุดออกมาจากปากเธอได้เพียงเท่านั้น ไม่กล้าสู้สายตาเย็นเยียบที่จ้องเขม็งมาแต่อย่างใด
“คุณเองก็เป็นหญิงเสียสินสอด ทำถึงไม่ลองพูดอะไรที่มันดีกว่านี้ออกมาหน่อยล่ะ”
คุณหญิงกู้ตรงเข้ามาด้วยความโกรธ “หนวนหน่วนเป็นสมบัติล้ำค่าของบ้านเรา คุณเองก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ทำไมถึงพูดจาแบบนั้นออกมาได้ อายุที่มากขึ้นไม่ทำให้สามัญสำนึกเพิ่มขึ้นเลยจริง ๆ ถ้าฉันเรียกคุณว่าหญิงเสียสินสอด เป็นยัยแก่ไร้ค่าบ้าง คุณจะพอใจเหรอ”
หญิงชราโกรธจนแทบกระอัก คำว่าหญิงเสียสินสอดเหมือนสะกิดปมในใจตัวเองเข้าอย่างจัง
“แก… แกนี่มัน…”
“ผมแนะนำให้คุณคิดก่อนแล้วค่อยพูดออกมา… ถ้าคุณแตะแม่แม้แต่ปลายเส้นผม… ผมตัดนิ้วลูกชายคุณแน่” เสียงเย็นชาทรงอำนาจดึงสติของหญิงชราให้กลับคืนมา
กู้หนานค่อย ๆ พับแขนเสื้อขึ้นช้า ๆ การกระทำเรียบง่ายแต่กลับแสดงอำนาจปนข่มขู่ออกมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ ดูสง่างามแต่ก็ดุร้าย มีความเป็นราชสีห์ไม่ต่างจากคุณปู่ ซ้ำยังน่าเกรงขามและดูดุดันยิ่งกว่า ความน่าขนลุกแฝงอยู่ในทุก ๆ การกระทำ ทุก ๆ ท่วงท่าที่เริ่มย่างก้าว ราวกับพร้อมจะฉีกกระชากฝ่ายตรงข้ามเป็นชิ้น ๆ อย่างไร้ความปรานี
ครอบครัวคุณย่าใหญ่อยู่ในความหวาดกลัว โดยเฉพาะลูกชายของเธอที่กำลังสั่นกลัวเพราะราวกับเห็นฉากนิ้วของตัวเองถูกตัดขึ้นมาจริง ๆ ใบหน้าชายวัยกลางคนซีดเซียวและรีบเก็บซ่อนมือเอาไว้
ส่วนลุงของกู้หนาน แม้จะเห็นแม่อยู่ในอาการตกใจก็ไม่กล้าแม้แต่จะขยับเข้าไปช่วย ทุกคนกลัวจนเหมือนเต่าที่หลุบหนีเข้าไปในกระดอง หลบอยู่ด้านหลังไม่กล้าแสดงตัวออกมา
กู้หนานมองคนเหล่านั้นอย่างเหยียดหยาม
ทางคุณหญิงกู้ก็ส่งสายตาชื่นชมไปยังลูกชายคนโต ก่อนจะจับจ้องไปที่พวกปลิงดูดเลือดอย่างเหนือกว่า
“ฉันอยากจะพูดแบบนี้มานานแล้ว นี่มันบ้านฉัน คุณมันพวกไร้ค่า อยากทำตัวตลบตะแลงก็กลับไปทำที่บ้านตัวเองซะ”
สิ่งที่ทำให้คุณหญิงกู้ยอมไม่ได้ก็คือการที่หญิงชรากล้ามาเรียกหนวนหน่วนว่าหลานสาวไร้ค่า ปกติเธอก็เป็นคนปกป้องดูแลลูกอย่างเต็มที่อยู่แล้ว ยิ่งเป็นหนวนหน่วนที่เป็นแก้วตาดวงใจของคนทั้งบ้าน เด็กหญิงตัวน้อยแสนบริสุทธิ์ที่อยากจะอุ้มชูเอาไว้ไม่ให้มีแม้แต่รอยด่างพร้อย เด็กดีน่ารักขนาดนี้ต้องมาเจอคนแย่ ๆ ที่กล้ามาหาเรื่องถึงบ้าน คนเป็นแม่อย่างเธอไม่มีทางยอมอยู่แล้ว
นอกจากเรื่องนี้ยังมีความขุ่นเคืองใจที่คนบ้านนี้ทำกับเธอ ทุกอย่างจึงถูกระบายออกมาทั้งหมดเป็นคำด่าทออย่างไม่ได้สนใจว่าใครจะหัวดำหัวหงอก
คนถูกด่าทั้งโกรธทั้งกลัวจนหน้ามืด หญิงชราแทบสิ้นสติเพราะรู้สึกราวกับถูกลากไปตบกลางสี่แยก
เธอมองผู้เฒ่ากู้ด้วยดวงตาสั่นระริก เพราะหวังพึ่งอีกฝ่ายให้ช่วยปรามลูกสะใภ้และหลานชาย
แต่ทว่าผู้อาวุโสของบ้านกลับจิบชาอย่างไม่ทุกข์ร้อน เขาหันไปพูดคุยกับหนวนหน่วนด้วยน้ำเสียงแสนอ่อนโยน ไม่ได้มีแววของความแข็งกร้าวอยู่เลย… จริง ๆ ต้องบอกว่ามีเพียงครอบครัวของเธอที่ถูกพูดจาแย่ ๆ ใส่มากกว่า
เด็กหญิงไร้ค่าที่ตัวเองดูถูกมีความสุขดี วิ่งไปหาผู้เฒ่ากู้ ให้คนเป็นปู่ค่อย ๆ อุ้มร่างบอบบางขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม ใช้มือใหญ่ปิดหูเด็กน้อยราวกับจะปกป้องหลานสาวจากความสกปรกของโลกภายนอก
และหลานชายคนโตของบ้านที่โกรธจนน่ากลัวเพราะน้องสาวโดนดูถูก ทำตัวรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเพียงเพราะคำพูดแค่ประโยคเดียว
พอคิดแบบนั้น หญิงชราก็เริ่มเกิดอาการลมตีขึ้น เธอหายใจไม่ออก ดวงตาพลันเหลือกขึ้นบน ไม่นานก็หมดสติไป
“แม่ครับ!”
“คุณย่า”
“ฮือออออ”
กู้หลิงที่ยังเป็นเด็กเล็กตกใจกลัว ได้แต่นั่งร้องไห้อยู่บนพื้น
กู้หนานเพียงเอ่ยเสียงเรียบกับลูกชายของย่าใหญ่ “พาไปโรงพยาบาลซะ”
เขาไม่มีแววของความรู้สึกผิดแม้แต่น้อย สำหรับคนบางคนการอดทนกับนิสัยแย่ ๆ ของพวกเขาจะยิ่งทำให้ได้ใจมากขึ้นไปใหญ่ เพราะงั้นควรให้บทเรียนกับพวกเขาจะดีกว่า