ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 43 เอาผลไม้ไปให้พี่ใหญ่
บทที่ 43 เอาผลไม้ไปให้พี่ใหญ่
ความเปลี่ยนแปลงของกู้หนานเกิดขึ้นเร็วอย่างที่ไม่มีใครตั้งตัวทัน ถ้ามองดี ๆ จะเห็นว่าคนในครอบครัวกู้ที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่เองก็ประหลาดใจเช่นกัน ทั้งนี้เพราะพวกเขารู้เรื่องความรักสะอาดของลูกชายคนโตดี
มีเพียงหนวนหน่วนเท่านั้นที่ไม่รู้เรื่องนี้ เด็กน้อยจึงยกยิ้มหวานออกมาอย่างมีความสุขที่เห็นพี่ใหญ่ของตัวเองกินอาหารที่เธอคีบให้ ในที่สุดเด็กน้อยก็อิ่มจนพุงกลมป่อง
เพราะฉะนั้นอีกเรื่องที่ต้องทำในวันนี้คือการออกไปเดินเล่น
หนวนหน่วนวิ่งไปรอบ ๆ โดยมีต้าหวงและเหม่ยฉิววิ่งเป็นเพื่อน จากนั้นก็พากันไปนั่งชิงช้าในสวนด้วยกัน โดยมีกู้หลินโม่เป็นคนไกวชิงช้าให้ลูกสาว
การเดินเล่นครั้งนี้ทุกคนต่างเบิกบาน เต็มไปด้วยรอยยิ้มฉายชัดบนใบหน้า มีเพียงกู้หนานเท่านั้นที่นิ่งสนิท อีกทั้งยังทำตัวเป็นก้อนน้ำแข็งอยู่ตลอดเวลา นั่นทำให้คุณหญิงกู้และผู้เฒ่ากู้รู้สึกไม่สบายใจนัก
ตอนเด็ก ๆ เขาเป็นเด็กร่าเริงดี แต่ไม่รู้ทำไมพอโตขึ้นถึงกลายเป็นคนแบบนี้ได้
ตั้งแต่หนวนหน่วนพรากจากไป กู้หนานก็เริ่มมีอาการเงียบนิ่งเย็นชาและส่งสายตาไร้ความปรานีออกมา
เป็นความผิดของคนพวกนั้นในตอนนั้นแท้ ๆ
เมื่อกู้หนานกลับมาที่บ้าน หนวนหน่วนก็ติดพี่ใหญ่แจ เด็กน้อยตามเขาไปทุกที่เหมือนเงาตัวน้อย เรียกหาพี่ใหญ่ด้วยเสียงเบา ๆ เป็นครั้งคราว
กู้หนานพยายามตอบสนองน้องสาวทุกครั้ง แม้ว่าจะเพียงสั้น ๆ แต่เจ้าตัวเล็กก็มีความสุขมาก
“พี่ใหญ่คะ”
ระหว่างที่กำลังจะกลับ หนวนหน่วนก็ก้าวเท้าเล็ก ๆ ไปขนาบข้างพี่ชายพลางคว้าหมับเข้าที่ข้อมือแกร่งอย่างไม่เกรงกลัว
นิ้วมือของพี่ชายเย็นเล็กน้อย แต่ตอนนี้อากาศค่อนข้างร้อน มือเย็น ๆ ของพี่ใหญ่เลยอุ่นพอดีสำหรับเธอ
“พี่ใหญ่ ทำไมมือเย็นจังเลย”
หนวนหน่วนเงยหน้าขึ้นถามด้วยเสียงเจื้อยแจ้วแล้วใช้ดวงตากลมโตจ้องพี่ชาย แต่เพราะเขาตัวสูงมาก ส่วนสูงเพียงน้อยนิดของเธอจึงทำให้มองเห็นเพียงคางของพี่ชายเท่านั้น
กู้หนานกระชับนิ้วมือที่อยู่ในการกอบกุมของน้องน้อยแล้วตอบว่า “ไม่รู้สิ”
หนวนหน่วนเดินตามเขาไปทีละก้าว ส่วนกู้หนานก็ก้าวช้า ๆ ให้เป็นจังหวะเดียวกับน้องสาว
“แล้วหน้าหนาวมือของพี่ใหญ่จะเย็นด้วยไหมคะ”
กู้หนานพยักหน้าพร้อมตอบรับในลำคอ
หนวนหน่วนมองพี่ชายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงฉายชัด
กู้หนานจ้องกลับด้วยความไม่เข้าใจ “?”
“แบบนี้พี่ใหญ่ต้องหนาวแน่ ๆ เลย ถ้าถึงหน้าหนาว หนวนหน่วนจะจับมือพี่ใหญ่ไว้ดีไหม มือพี่ใหญ่เย็น ถ้าจับแล้วพี่ใหญ่จะได้ไม่หนาวไง”
กู้หนานลดสายตาลงมองน้องเล็ก เด็กน้อยของเขากำลังใช้น้ำเสียงนุ่มนวลในการอธิบาย ริมฝีปากเรียบตึงของเขาจึงโค้งขึ้นมาเล็กน้อย
“อืม” เขาตอบรับอย่างเห็นด้วย เจ้าตัวเล็กเลยยิ้มตอบอย่างมีความสุข มองแบบนี้น้องสาวเขาช่างสวยงามราวกับดวงอาทิตย์ดวงน้อยแสนอบอุ่น
กู้หนานเองก็มีงานมากมายต้องสะสาง หลังกลับมาจากเดินเล่นเขาจึงง่วนอยู่กับการอ่านเอกสาร
หนวนหน่วนจำใจต้องออกจากห้องทำงานของพี่ใหญ่ ความจริงแล้วเขาอนุญาตให้เธออยู่เล่นในห้องนั้นได้ แต่เธอไม่อยากรบกวนพี่ชาย
“ไม่คิดเลยว่าหนวนหน่วนจะติดเสี่ยวหนานแจขนาดนี้”
กู้หลินโม่ที่แอบอิจฉาในใจพูดขึ้นมาว่า “เจ้าลูกชายเย็นชาเสียขนาดนั้น ทำไมหนวนหน่วนถึงชอบเขาลง”
น้ำเสียงนั้นแสดงความน้อยใจออกมาเต็มเปี่ยม แม้ว่าจะไม่พูดออกมาตรง ๆ ก็ตาม แต่มองจากไกล ๆ ก็ยังสัมผัสได้ถึงความอิจฉา
คุณหญิงกู้กลอกตาใส่สามี “อิจฉากระทั่งลูกสาวสนิทกับลูกชาย ฉันละเชื่อคุณเลยจริง ๆ”
กู้หลินโม่ตอบเสียงแข็ง “ก็เมื่อก่อนหนวนหน่วนติดผมมากที่สุดนี่”
ผู้เฒ่ากู้ที่เดินผ่านมาพอดีจึงส่งสายตาค่อนแคะลูกชายออกมา “ไร้สาระ หนวนหน่วนชอบฉันมากสุดต่างหาก”
คนเป็นลูกชายได้ยินแบบนั้นก็ตอบโต้อย่างมั่นใจ “ผิดแล้ว ถ้าไม่ไปทำงานหนวนหน่วนก็อยู่กับผมตลอด”
สองพ่อลูกเริ่มโต้เถียงกันไปมาเป็นเด็ก ๆ ทำเอาคุณหญิงกู้ได้แต่ส่ายหน้าแล้วเดินจากไป
สามีที่สง่างามท่าทางสุขุมของเธอกลายเป็นเด็กน้อยไปเสียแล้ว
เธอเดินเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมผลไม้ หนวนหน่วนเห็นดังนั้นเลยก้าวเท้าเข้ามาหา
คุณหญิงกู้ส่งองุ่นลูกกลมโตให้ลูกสาว พอเจ้าตัวเล็กกินเข้าไปก็แก้มตุ่ย ดวงตาคู่กระจ่างโตขึ้นมาอีกนิดหน่อย ถึงจะได้เห็นหนวนหน่วนแบบนี้ทุกวัน แต่ความรักความเอ็นดูของคนเป็นแม่ที่มีต่อลูกสาวก็ไม่เคยลดลงเลย
“ทำไมหนวนหน่วนของแม่เป็นเด็กดีขนาดนี้กันนะ”
เธอย่อตัวลงจับแก้มกลมของลูกสาวอย่างเบา ๆ นิ้วมือของเธอจมลงไปในลักยิ้มเล็ก ๆ นั้นทันที เด็กน้อยตรงหน้าส่งสายตาไร้เดียงสามองมาที่เธอได้อย่างน่ารักน่าชังเหลือเกิน
คุณหญิงกู้โอบกอดลูกสาวเอาไว้อย่างอดไม่ได้ เธอหอมเข้าที่ข้างแก้มเล็ก ๆ นั่น ฟอดหนึ่ง
หนวนหน่วนเคี้ยวองุ่นจนหมดปากก่อนจะกลืนลงคอแล้วหันมาหอมแก้มผู้เป็นแม่บ้าง
“ลูกสาวของแม่ เก่งจังค่ะ”
“คุณแม่ของหนูก็สวยมากค่ะ”
แม่และลูกสาวเริ่มชมกันไปมาอย่างออดอ้อนแล้วก็เริ่มหัวเราะออกมาด้วยกัน
“คุณแม่กำลังทำอะไรอยู่น้า”
เจ้าตัวเล็กใช้มือจิ๋ว ๆ เกาะที่เคาน์เตอร์ครัวแล้วมองผลไม้ที่ถูกล้างอย่างจริงจังด้วยดวงตาใสแจ๋ว
“พี่ใหญ่ชอบกินอันไหนเหรอคะ”
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น คนเป็นแม่ก็รู้ทันทีว่าลูกสาวคนเล็กอยากเอาผลไม้ไปให้พี่ใหญ่ของเธอ
“หนูชอบพี่ใหญ่มากสินะเนี่ย” คุณหญิงกู้ถามยิ้ม ๆ
หนวนหน่วนพยักหน้าอย่างใสซื่อแล้วตอบเสียงนุ่ม “ชอบมากเลยค่ะ”
คนเป็นแม่อดลูบหัวลูกสาวไม่ได้ “พี่ใหญ่ของหนูเป็นคนเย็นชา เด็ก ๆ หลายคนพากันกลัวจนร้องไห้กันหมด”
หนวนหน่วนได้ยินแบบนั้นก็พองแก้มปกป้องพี่ใหญ่ “พวกเขาขี้กลัวไปเอง” หลังบอกแบบนั้นคนตัวเล็กก็เสริมขึ้นมาเบา ๆ ว่า “พี่ใหญ่ดีมาก ๆ เลยต่างหาก”
มันไม่ใช่ความผิดของพี่ใหญ่เลย
คนเป็นแม่ระเบิดเสียงหัวเราะก่อนจะส่งจานผลไม้ที่เตรียมไว้ให้ลูกสาวตัวน้อย “โอเค แม่รู้แล้วว่าพี่ใหญ่ของเราเป็นคนดีมาก เอานี่ไป”
หนวนหน่วนเขินอายมาก พอรับผลไม้มาก็วิ่งฉิวหนีไปด้วยขาสั้น ๆ ของเธอ
เมื่อวิ่งมาถึงหน้าประตูห้องทำงานของพี่ใหญ่ ร่างเล็กก็ผลักประตูพลางโผล่ศีรษะออกไปครึ่งหนึ่งอย่างระมัดระวัง
กู้หนานนั่งอยู่ที่เก้าอี้ทำงานด้วยท่าทางเฉยเมย ดวงตาจ้องไปยังคอมพิวเตอร์นิ่ง ๆ ตอบสนองบ้างเป็นครั้งคราว น้ำเสียงเขาฟังดูไร้อารมณ์ราวกับหุ่นยนต์แข็งทื่อตัวหนึ่ง แต่กลับสามารถแผ่ความกดดันอันน่ากลัวออกมาปกคลุมโดยรอบได้
พนักงานที่อยู่อีกด้านหนึ่งของแล็ปท็อปคุ้นเคยกับความเป็นเขาแบบนี้ดี ทุกคนเคารพกู้หนานอย่างมาก ราวกับว่าเขาเป็นเทพเจ้าที่ลงมาเดินอยู่บนโลก
หนวนหน่วนถือจานผลไม้ไว้ ชะโงกดูว่าควรจะเข้าไปดีไหม เธออยากป้อนของกินให้พี่ใหญ่ แต่ก็ไม่กล้ารบกวน ใบหน้าน่ารักของเด็กหญิงจึงขมวดกันยับยู่
“เข้ามาสิ”
เสียงนิ่งสนิทคล้ายจะไม่ยี่หระกับสิ่งใดดังมาจากด้านใน แต่ถ้าตั้งใจฟังดี ๆ จะรู้ได้ว่าน้ำเสียงนั้นเจือความอ่อนโยนเอาไว้เช่นกัน
หนวนหน่วนเหมือนคนแอบทำผิดที่ถูกจับได้ เด็กน้อยค้อมหัวให้พี่ใหญ่อย่างเขินอายแล้วก้าวเข้าไปในห้องพร้อมจานผลไม้ที่ถือมาจากครัว