ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 265 ความโชคร้ายของไป๋โม่ฮัว
บทที่ 265 ความโชคร้ายของไป๋โม่ฮัว
หนวนหน่วนพยายามอย่างหนักเพื่อให้โอทิสปล่อยตัวเธอ เธอจะได้เข้าไปรักษาบาดแผลให้หมาป่าหิมะทั้งสาม
แต่ถึงอย่างนั้น เจ้าเสือขาวตัวใหญ่ก็ยังคงจ้องมองพวกหมาป่าด้วยดวงตาสีทองอร่ามเช่นเดิม
ด้วยวิชาชีพของไป๋โม่ซูนั้น ทำให้เวลาเดินทางไปไหนเขาจะมีมีดผ่าตัดพกติดตัวไปด้วยเสมอ นอกจากนี้ก็ยังมีเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ปฐมพยาบาลอีกมากมาย
ตอนนี้กลับเอาไปใช้ไม่ได้เพราะเจ้าโอทิสไม่ยอมปล่อย
สุดท้ายหนวนหน่วนก็ทำได้เเค่โอ๋หมาป่าหิมะ โดยเฉพาะแอนนี่ที่กำลังบาดเจ็บ
ขาหลังข้างหนึ่งของมันโดนกัดจนกลายเป็นแผลเหวอะขนาดใหญ่ ตอนนี้ก็ยังมีเลือดออกอยู่
เมื่อสัตว์ได้รับบาดเจ็บ มันจะไม่ร้องโอดครวญเหมือนมนุษย์ แต่มันจะหาที่เงียบ ๆ เพื่อไปหลบภัยแทน
ตอนนี้แอนนี่นอนลงบนพื้นหิมะพลางเลียแผลตรงขาหลังของมัน
หนวนหน่วนเดินไปแตะหัวมันด้วยความกังวลใจ แอนนี่ยังคงเอียงหัวให้เธออย่างออดอ้อน
“พี่คะ มาดูแอนนี่ให้หน่อย”
เธอกอดแอนนี่ก่อนจะมองไปที่ลูกพี่ลูกน้องคนโตของเธออย่างรีบร้อน
ไป๋โม่ซูพยักหน้าแล้วย่อตัวนั่งเพื่อรักษาบาดแผลให้หมาป่าหิมะตัวนี้
เหล่าพี่น้องหมาป่าหิมะอีกสองตัวเฝ้าดูอยู่ข้าง ๆ ดูเหมือนว่าพวกมันจะรับรู้ได้ว่าไป๋โม่ซูกำลังช่วยเหลือแอนนี่อยู่ มันจึงนิ่งเงียบสงบ ยอมทำตัวเป็นเด็กดี
ทุกครั้งที่สัมผัสโดนบาดแผลตรงขาหลังของแอนนี่ มันจะกระตุกแล้วดึงขาหนีนิดหน่อย
กู้อันเดินเข้าไปหาน้องสาวของเขาอย่างเงียบ ๆ
“พี่ขอลองแตะบ้างได้ไหม?”
เขาอิจฉาพวกพี่ชายของตัวเอง และอิจฉาที่น้องสาวได้กอดพวกมันอยู่เนิ่นนาน แต่เขาไม่กล้าเดินเข้ามาใกล้ในตอนแรก เพราะเขาไม่ได้มีรูปลักษณ์ที่สามารถดึงดูดสัตว์ได้เหมือนน้องสาว
แต่สุดท้ายแล้วก็ได้รับความยินยอมให้เข้าไปลองแตะ
หนวนหน่วนฉวยโอกาสตอนที่แอนนี่เผลอ จับมือพี่ชายคนเล็กแล้วนำไปลูบลงบนขนอันหนานุ่มของมัน
เมื่อได้ลองแตะหมาป่าหิมะ ดวงตาของกู้อันก็เปล่งประกายขึ้นด้วยความตื่นเต้น
“เรียบร้อยแล้ว”
ไป๋โม่ซูเคลื่อนไหวเร็วมาก ไม่ถึงสิบนาทีก็พันแผลตรงขาของแอนนี่เสร็จเรียบร้อย
กู้อันดึงมือกลับมาอย่างนึกเสียดาย
“ไหนขอดูอีกสองตัวหน่อย” ไป๋โม่ซูมองไปที่ริคและริคกี้
พวกเขากำลังจะดูบาดแผลให้กับหมาป่าหิมะอีกสองตัว ทว่าจู่ ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้
เจ้าโอทิสแลบลิ้นเลียปากของตัวเอง ดวงตาสีทองอร่ามของมันจับจ้องไปที่พวกตัวจ้อยทั้งหลาย สีหน้าดูไม่ค่อยพอใจนัก
โดยปกติแล้วมันชอบอยู่อย่างเงียบสงบ
ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าตัวเล็ก ป่านนี้โอทิสคงแสดงอำนาจไปแล้ว แต่วันนี้ดูเหมือนจะมีเจ้าพวกสองขาเดินได้เข้ามารบกวนมันเยอะมาก
“หนวนหน่วน”
“ไป๋โม่ซู”
“หมอไป๋”
ยังไม่ทันที่จะเห็นตัว เสียงก็นำมาก่อนแล้ว
“อยู่นี่เอง!”
ใครบางคนส่งเสียงตะโกนดังมาแต่ไกล เมื่อแสงไฟค่อย ๆ สว่างขึ้นจนทั้งสองฝ่ายมองเห็นซึ่งกันและกัน อีกฝ่ายก็เดินเข้ามาถึงจุดหมายพอดี
แววตาของหนวนหน่วนเป็นประกาย ก่อนจะวิ่งตรงดิ่งเข้าไปกอดไป๋โม่ฮัว
อย่ามองว่าเธอแค่ตัวเล็กนะ ถึงจะเป็นแบบนั้นตัวก็หนักเอาเรื่องอยู่ อีกอย่างคงเป็นเพราะการสวมใส่เสื้อผ้าหนา ๆ ด้วย ไม่ทันขาดคำร่างของไป๋โม่ฮัวก็กระแทกลงเข้ากับพื้นอย่างจัง
หนวนหน่วนนอนอยู่บนร่างของลูกพี่ลูกน้องคนรอง แล้วจ้องมองเขาด้วยแววตาไร้เดียงสา “พี่โม่ฮัวเป็นอะไรไหมคะ”
ไป๋โม่ฮัว “แค่ก ๆ ๆ… หนวนหน่วนลุกขึ้นก่อน”
หนวนหน่วนลุกออกจากตัวของญาติผู้พี่คนรองอย่างเขิน ๆ ก่อนจะอุทานขึ้นด้วยความตกใจอะไรบางอย่าง เหมือนโดนผลักจากด้านหลัง ทำให้หนวนหน่วนล้มลงใส่ตัวลูกพี่ลูกน้องของเธออีกครั้ง
ผู้คนโดยรอบที่ยืนอยู่ตรงนั้นต่างโดนผลักแล้วกลิ้งล้มลงไปบนหิมะอย่างแรง
ไป๋โม่ฮัวที่โดนทับอีกครั้งถึงกับตาเหลือกเลยทีเดียว
หนวนหน่วน “…”
เมื่อเธอหันหน้ากลับไปมองก็พบเข้ากับขาที่มีขนปุยหนา!
ยังโชคดีที่โอทิสไม่ทิ้งตัวลงมาด้วย มันหยุดยั้งตัวเองได้ทัน ไม่เช่นนั้นแล้วร่างเล็กของไป๋โม่ฮัวและหนวนหน่วนคงถูกชายร่างใหญ่ทั้งหลายล้มทับอย่างแน่นอน
แต่แล้วจังหวะที่ไป๋โม่ฮัวเงยหน้าขึ้นก็ต้องเจอเข้ากับใบหน้าขนาดใหญ่ของเจ้าโอทิส เมื่อจ้องมองดวงตาสีทองของมันแล้วสีหน้าก็พลันซีดเผือดด้วยความตกใจขึ้นมาจนแทบจะเป็นลม
“นี่มันอะไรเนี่ย!!!” ไป๋โม่ฮัวตะโกนด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
หนวนหน่วนส่ายหัวไปมาอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะลุกขึ้นยืน ใบหน้าเล็กของเธอยับยู่เล็กน้อย
“โอทิสเข้ามาทำไมเนี่ย”
เธอเดินมาหาพี่ชาย แล้วทำไมโอทิสจะต้องตามมาด้วย?
เจ้าเสือขาวตัวใหญ่ถอยไปหนึ่งก้าวแล้วนี่ มันวิ่งตามมาโดยที่หนวนหน่วนไม่รู้ตัวอย่างนั้นเหรอ?
“เฮ้ย! นี่เสือเหรอ?”
กู้หมิงหลี่ที่โดนทับล้มลงไปกับพื้นมองดูเสือขาวตัวใหญ่ก่อนจะสบถออกมา
เขารู้สึกอายนิดหน่อย แต่ก็ลุกขึ้นยืนพลางสบถต่อ ทว่าเมื่อเห็นโอทิสมองกลับมาก็หุบปากทันที
“ตัวใหญ่ขนาดนี้สู้ไม่ได้แฮะ”
นอกจากนี้บอดีการ์ดที่ถูกจ้างมาเพื่อให้คุ้มกันทั้งสองต่างก็ต้องตกใจ วิ่งหนีกระเจิงไปทั่วทุกทิศทาง พวกเขามองไปที่เสือขาวตัวใหญ่ด้วยสีหน้าหวาดกลัว
“นี่มันอะไรกัน!”
“ใจเย็นน่า”
บอดีการ์ดที่ติดตามกู้หนานสงบสติอารมณ์ของตัวเองได้แล้ว พวกเขาพยายามดึงสีหน้าให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วเดินเข้าไปปลอบคนอื่น ๆ ที่กำลังหวาดกลัวอยู่
“ก็แค่เสือตัวเดียวเอง จะกลัวอะไร”
ทุกคนที่กำลังตกใจ “…”
อะไรของแกนะ? แค่เสืออย่างนั้นเหรอ?!
กินถั่วไปไม่กี่เม็ดก็เมาจนเพี้ยนไปแล้วหรือไง
“แค่เสือตัวเดียวเนี่ยนะ?!!!”
เขาไม่กลัวแม้จะถูกฆ่าด้วยซ้ำ ทำตัวราวกับว่าเป็นคนคุ้นเคยกับพื้นที่นี้ไปได้
“พวกนี้นี่ประสบการณ์น้อยจังนะ ขอแค่มีคุณหนูน้อยจากตระกูลกู้อยู่ก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว ต่อให้เจ้าเสือจะพากันมาอีกแปดหรือสิบตัวก็ไม่มีอะไรต้องกลัวหรอก”
ไปกันใหญ่แล้ว แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคุณหนูจากตระกูลกู้คนนี้ทำให้พวกเขามีความมั่นใจขึ้นมากเลย
เหล่าบอดีการ์ดได้แต่ตบไหล่คนที่มีสีหน้าค่อนข้างอึดอัดใจ
เจ้าโอทิสไม่ได้สนใจคนอื่นเลยด้วยซ้ำ มันเอาแต่จ้องมองหนวนหน่วน หลังจากที่เธอผลักให้ถอยห่างออกไป มันก็นั่งลงบนพื้นหิมะด้วยท่าทางเงียบขรึมพร้อมสายตาแสนเจ้าเล่ห์
ถ้าไม่ใช่เพราะถูกจับได้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุของความวุ่นวายนี้ หนวนหน่วนคงปล่อยผ่านมันไปแล้ว
“พี่ลุกขึ้นเร็วค่ะ”
เธอดึงไป๋โม่ฮัวที่ได้รับบาดเจ็บโดยบังเอิญให้ลุกขึ้นยืนด้วยแรงทั้งหมดที่เธอมี
ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นยืนเลย อยู่ ๆ เสียงร้องคำรามก็ดังขึ้นข้างหู
หนวนหน่วนตกใจสุดขีดพร้อมกับตัวสั่นเทาเมื่อได้ยินเสียงนั้น เธอเผลอปล่อยมือไป๋โม่ฮัวทำให้เขาล้มลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง
ไป๋โม่ฮัว “…”
เป็นคนดีมาตลอด ตอนนี้ขอหยาบคายหน่อยละกัน
เขาจะลุกขึ้นดี ๆได้ ไหมเนี่ย
“โอ๊ยเอวฉัน!”
ไป๋โม่ฮัวยู่หน้า พลางจับเอวของตนด้วยท่าทางเจ็บปวด
หนวนหน่วนเอ่ยขึ้นด้วยความอาย “ขอโทษนะคะพี่”
“โอทิส แกคือโอทิสสินะ ฉันคิดไม่ผิดเลย โอทิสจริง ๆ ฮ่า ๆ ๆ ในที่สุดฉันก็ได้เจอท่านลอร์ดโอทิสจนได้!”
ไคน์เหมือนจะสติหลุดไปแล้ว เขาจ้องมองโอทิสด้วยแววตาเป็นประกายพร้อมหัวเราะแปลก ๆ ออกมา
ชายหนุ่มสติแตก ตอนนี้คนที่อยู่รอบ ๆ เขาต่างกลัวกันไปหมด
โอทิสเข้าใจแค่ภาษาจากปากหนวนหน่วน มันหรี่ดวงตาสีทองอร่ามคู่นั้นลงแล้วจ้องมองไปที่ไคน์อย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก เสียงหัวเราะของหมอนี่น่ารำคาญใจจริง ๆ
‘ไอ้เจ้าบ้านี่ดูไม่กลัวเลยนะ’
เนื่องจากการมองคนตรงหน้าทำให้มันค่อนข้างรำคาญตา โอทิสจึงรีบหันกลับไปจ้องมองหนวนหน่วนแทนเพื่อล้างตา
ในบรรดาสัตว์ที่เดินสองขาพวกนี้ เจ้านุ่มนิ่มตัวขาวนี่แหละที่ดูน่ามองที่สุด
“โอทิสนี่ฉันเอง ฉันชื่อไคน์ จำฉันได้ไหมตอนนั้นที่แกพักฟื้นอยู่ในอุทยานของฉันน่ะ แล้วนี่แกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง พระเจ้า หรือว่าแกต้องการเป็นจุดสนใจเหรอ?…”
ไคน์พูดไม่หยุด เขาอยากจะเดินเข้าไปใกล้เจ้าโอทิส แต่เมื่อก้าวเข้าไปก็ต้องตกใจกับเสียงคำรามอันดุร้าย สุดท้ายแล้วก็ต้องหันหลังกลับแล้วนั่งลงบนพื้น
อีวานปิดตาตัวเอง “ให้ตายเถอะ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่านายเกือบจะตายเพราะเรื่องแบบนี้!”
ไคน์ดูท่าทางหวาดกลัวเล็กน้อย อีวานจึงตบบ่าเขาเพื่อปลอบใจ แต่ทันใดนั้นไคน์ก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมาอีกครั้ง
“เฮ้เพื่อน เห็นไหม? ตอนนี้โอทิสสง่างามมากเลย ราชันแห่งสัตว์ดุร้ายมันต้องแบบนี้ พระเจ้า ช่วยด้วย ใจฉันสั่นรัว เหมือนจะหลงรักเจ้าเสือตัวนี้เข้าแล้ว”
ทุกคนที่ได้ยินคำพูดของเขา “…”
ไอ้นี่มันไม่กลัวตายเลย!
อีวานกระแอมไอ “ตื่นได้แล้ว! นายใจเต้นแรงเพราะตกใจมันเมื่อกี้นี้ไง แล้วนี่เพิ่งจะบอกว่าตกหลุมรักคนผมยาวไปไม่ใช่เหรอ!”
กู้หมิงอวี๋ คนผมยาวที่ว่า ‘ถุย!’