ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 251 เข้าใจหมาป่าผิด
บทที่ 251 เข้าใจหมาป่าผิด
เหลียงฉือบุ้ยปาก มองหมาป่าสามตัวที่อยู่ไม่ไกลแล้วอุ้มหนวนหน่วนขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ
“หนวนหน่วน พวกเธอไปไหนกัน!” พอเสียงของไป๋โม่ฮัวดังเข้ามา เหลียงฉือก็อุ้มเด็กหญิงตัวน้อยขึ้นมาแล้วหันหลังวิ่งแจ้นออกไปแทบจะทันที
“ไป๋โม่ซู!”
หมาป่าหิมะสามตัวตามหลังเหลียงฉือมาติด ๆ
นี่คือภาพที่ไป๋โม่ซูและไป๋โม่ฮัวเห็นเมื่อเดินเข้ามา ไป๋โม่ซูหรี่ตา ก่อนรีบวิ่งออกไป พร้อมชักมีดผ่าตัดออกมาแทบจะพร้อมกัน
“พวกแกจะทำอะไร!”
อีวานและไคน์ก็ตามมาด้วย ในเวลานี้เมื่อได้เห็นภาพนี้ก็ตกใจจนหน้าถอดสี
“ริค ริคกี้ แอนนี่หยุดนะ พวกแกทำให้แขกกลัวแล้ว!”
หมาป่าหิมะทั้งสามได้ยินเสียงของไคน์ก็ค่อย ๆ หยุดฝีเท้าลง แต่มีดผ่าตัดของไป๋โม่ซูก็พุ่งออกไปแล้ว มีดเฉียดเส้นขนของหมาป่าหิมะตัวหนึ่งออกไป แล้วปักลึกเข้าไปในหินที่อยู่ด้านหลัง
ใบมีดปักเข้าไปจนเหลือเพียงด้ามจับ ไคน์เห็นดังนั้นก็ตัวสั่นไปด้วยความกลัว
ชายหนุ่มร่างสูงเม้มปาก รีบรับตัวเหลียงฉือและหนวนหน่วนไว้
ในเวลานี้ใบหน้าของเหลียงฉือซีดลงเพราะการเคลื่อนไหวอย่างหนักหน่วง ดูซีดเผือดจนเหมือนว่าจะฟุบไปเมื่อไหร่ก็ได้ ทั้งยังมีเหงื่อแตกพลั่กเต็มหน้าผาก
หลังจากปลอดภัยแล้วเขาก็วางหนวนหน่วนลง ก่อนทิ้งตัวลงแขนของไป๋โม่ซูอย่างอ่อนแรง
จางเหลียงรีบวิ่งเข้าไปพยุงไว้ด้วยความเป็นห่วง “พี่เหลียงฉือ เป็นยังไงบ้าง”
“พี่อาหนาน”
หนวนหน่วนมองเหลียงฉือด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นเขาอยู่ในสภาพนี้ดวงตาก็แดงก่ำด้วยความกังวล
ไป๋โม่ซูรีบอุ้มคนป่วยเข้าไปในบ้านทันที จากนั้นก็วางเขาลงบนโซฟา หยิบกล่องยาออกมาแล้วฉีดยาที่เตรียมไว้เข้าไปในร่างกายของเขา
ใช้เวลาไม่นานอาการของเหลียงฉือก็ดีขึ้นมาก
“ฉันไม่เป็นไรแล้ว”
เมื่อเขาค่อยยังชั่วก็เอนหลังพิงโซฟา ลูบศีรษะของหนวนหน่วนเพื่อปลอบโยนเป็นอันดับแรก
ไคน์เดินเข้ามา พร้อมหมาป่าหิมะสามตัวที่เอาหัวลอดเข้ามาตรงประตู
“ขอโทษนะที่ริคกับพี่น้องทำให้พวกคุณกลัว แต่ว่า… พวกมันแค่อยากจะให้ของบางอย่างแก่พวกคุณเท่านั้น”
เหมือนต้องการพิสูจน์สิ่งที่ไคน์พูด ริคกับริคกี้ก้มหน้าลง วางกระต่ายป่าและไก่ป่าสองตัวที่ถูกกัดตายแล้วไว้ที่หน้าประตู จากนั้นก็เลียปากเปื้อนเลือด นั่งหมอบอยู่ที่หน้าประตูอย่างสงบนิ่ง จ้องมองคนข้างในด้วยดวงตาคมสีน้ำเงินกระจ่าง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองไปทางไป๋โม่ซู ความหวาดกลัวอย่างลึกซึ้งพลันปรากฏขึ้นในดวงตา
ทุกคน “…”
นี่เราเข้าใจผิดงั้นเหรอ?
แต่ในสถานการณ์เมื่อครู่ นอกจากไคน์ที่เลี้ยงทั้งสามมา คนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องรู้สึกกลัวและอยากวิ่งหนีไปทั้งนั้น ไม่น่าแปลกใจที่เหลียงฉือจะมีปฏิกิริยาแบบนี้
เหลียงฉือร่างกายอ่อนแอมากอยู่แล้ว ต้องกินยาเพื่อช่วยประคองชีวิตอยู่ตลอด ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะอ่อนแรงเมื่ออุ้มหนวนหน่วนวิ่งหนีไปอย่างกะทันหันเมื่อครู่
โชคดีที่ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว
หลังความเข้าใจผิดถูกคลี่คลาย ไคน์ก็ให้หมาป่าหิมะทั้งสามออกไปก่อน
“หมอไป๋ มีดผ่าตัดของคุณเล่มนั้นเราดึงออกมาไม่ได้”
ไคน์ไปดูมีดผ่าตัดที่บินออกไปเมื่อครู่โดยเฉพาะ ตอนนั้นเขารู้สึกปวดใจที่ขนหมาป่าหิมะบนใบหน้าด้านข้างของลูกชายคนโตถูกตัดออกไปเป็นหย่อมเล็ก ๆ
แต่ก็ต้องสะเทือนใจอย่างรุนแรงเมื่อเห็นว่ามีดผ่าตัดอันแหลมคมเสียบเข้าไปในก้อนหินเหมือนเต้าหู้ มีเพียงด้ามจับสีเงินเท่านั้นที่โผล่ออกมา
ต้องมีพลังมากแค่ไหนกันถึงจะทำได้ขนาดนี้!
หมอไป๋ออกจะดูผอม คงไม่ได้เป็นพวกซูเปอร์ฮีโร่ที่ซ่อนตัวอยู่บนโลกใช่ไหม?
“อ้อ” ไป๋โม่ซูตอบอย่างเฉยเมย หลังจากแน่ใจว่าเหลียงฉือไม่เป็นอะไรแล้วก็ออกไป ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับมีดผ่าตัด
ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ไป๋โม่ซูถกแขนเสื้อขึ้นเผยให้เห็นท่อนแขนขาวดุจหยก ในเวลานี้นิ้วมือที่เหมือนงานศิลปะกำลังปอกมันฝรั่งขนาดเท่ากำปั้น
คนหน้าตาดีต่อให้ทำกับข้าวก็ดูสง่างามเป็นที่ถูกตาสบายใจ
ใช่แล้ว คนที่พูดถึงก็คือไป๋โม่ซูนั่นเอง
หลังจากกินเนื้อสัตว์ติดต่อกันหลายมื้อ นอกจากอีวานและไคน์คนอื่น ๆ ก็ไม่มีใครทนได้ มื้อนี้จึงจัดเตรียมเป็นอาหารจีน
“หนวนหน่วนอยากกินอะไรไหม?”
ไป๋โม่ซูถามญาติผู้น้องของตนด้วยเสียงแผ่วเบา
หนวนหน่วนเดินตามติดญาติผู้พี่ประหนึ่งเป็นหางของเขาอย่างกระตือรือร้น เด็กหญิงนั่งลงข้างเขาเพื่อช่วยปอกเปลือกอย่างน่าเอ็นดู
แต่เธอทำได้ช้ากว่ามาก ไป๋โม่ซูปอกไปสองลูกแล้ว เธอเพิ่งปอกได้ครึ่งลูก
“เค้กมันฝรั่ง มันฝรั่งผัดเส้น แล้วก็อยากกินซุปมะเขือเทศกับไข่ด้วยค่ะ”
หนวนหน่วนพึมพำอาหารออกมาหลายจาน ล้วนทำจากวัตถุดิบที่มีอยู่ตอนนี้ แถมยังเป็นมังสวิรัติอีกด้วย
เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเพิ่มจานเนื้อสัตว์อีกอย่าง
“อยากกินกุ้งด้วยค่ะ”
เธอชอบกินกุ้งมากที่สุด
ไป๋โม่ซูตอบรับ จดจำสิ่งที่หนวนหน่วนอยากกิน จากนั้นก็หันไปถามน้องชาย
ดวงตาของไป๋โม่ฮัวเป็นประกาย “ของที่ผมอยากกินมีเยอะมาก…”
ไป๋โม่ซูตัดบททันที “เข้าใจแล้ว”
ไป๋โม่ฮัว “…”
ยังไม่ได้พูดเลยนะ!
เขามองพี่ชายแท้ ๆ ของตัวเองด้วยสายตาคับแค้นใจ
“แล้วพวกคุณล่ะ? มีอะไรที่อยากกินไหม”
เหลียงฉือค่อย ๆ จิบน้ำร้อน เอามือข้างหนึ่งรองแก้มไว้แล้วกล่าวอย่างเศร้าสร้อย
“เอาที่ฉันกินได้แล้วกัน”
สภาพเขาในตอนนี้ยังจะสามารถกินอะไรได้อีกหรือ?
สายตาเห็นอกเห็นใจหลายคู่มองมาทันที โดยเฉพาะไป๋โม่ฮัว สำหรับคนชอบกินอย่างเขา มันทรมานที่สุดเมื่อมองเห็นแต่กินไม่ได้
แต่เมื่อพี่ชายของเขาเดินออกมาพร้อมกับโจ๊กข้นสีขาวคล้ายน้ำนม เขาก็ไม่คิดแบบนั้นแล้ว
หอมจังเลย!
ดวงตาของไป๋โม่ฮัวจดจ่ออยู่กับภาพตรงหน้า น้ำลายสอเล็กน้อยที่มุมปาก
“พี่ ยังมีอีกไหม?”
ใครบางคนกลายร่างเป็นหางใหญ่ตามหลังพี่ชายตาปริบ ๆ เหมือนสุนัขไม่มีผิด
หนวนหน่วนก็เดินเตร็ดเตร่อยู่หลังญาติผู้พี่ของเธอเหมือนกัน รู้สึกว่าลูกพี่ลูกน้องคนโตของเธอมีความสามารถรอบด้าน ไม่เพียงแต่ทักษะการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังเก่งกาจเรื่องการทำอาหารด้วย!
มันเป็นอาหารค่ำที่หลากหลายมื้อหนึ่ง ไคน์และอีวานกินจนบ่นอยากไปเที่ยวที่บ้านเมืองของพวกเขา อาหารเหล่านี้อร่อยมากจริง ๆ
ไป๋โม่ซูยิ้มบาง ๆ ไม่พูดอะไร เขามองภาชนะบนโต๊ะแล้วลุกขึ้นอุ้มหนวนหน่วนอย่างไม่ลังเล
“กินเสร็จแล้ว พวกคุณก็ปรึกษากันเองว่าใครจะเป็นคนล้างจาน” พูดจบก็จากไปหน้าตาเฉย
เขาทำอาหารเป็นแต่ไม่ชอบล้างจานมากที่สุด
คนที่เหลือมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เหลียงฉือลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้า
“ฉันเป็นผู้ป่วย”
สามารถหนีงานได้อย่างเต็มภาคภูมิ
คนอื่น ๆ “…”
พวกเขาป่วยตอนนี้ก็ไม่รู้ว่ายังทันหรือเปล่า
ในที่สุดอีกสี่คนที่เหลือก็ตัดสินใจเป่ายิงฉุบ เมื่ออีวานแพ้เขาก็คร่ำควญพลางเก็บจานไปล้างอย่างเจ็บปวด
อีกด้านหนึ่ง หนวนหน่วนที่ถูกญาติผู้พี่อุ้มออกไปกำลังถือโทรศัพท์วิดีโอคอลกับครอบครัว
เป็นการวิดีโอคอลแบบกลุ่ม เพราะคนในบ้านมีมากเกินไป ถ้าต้องวิดีโอคอลหาทีละคนเธอต้องใช้เวลานานมาก
เมื่อพ่อแม่เห็นหนวนหน่วนก็ถามไถ่อย่างเป็นห่วงเป็นใย สิ่งที่กู้อันอยากถามมากที่สุดคือเมื่อไหร่พวกเขาจะกลับไป
หนวนหน่วนตอบคำถามอย่างอดทน เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าจะกลับไปเมื่อไหร่
เด็กหญิงตัวน้อยปีนขึ้นบนโซฟา เล่าการเดินทางของเธอในช่วงนี้ให้ครอบครัวฟังด้วยน้ำเสียงละมุนละไม
เธอเล่าเรื่องแสงเหนือ ภาพวาดของเธอได้มอบให้พี่อาหนานไปแล้ว ยังมีสัตว์มากมายที่เธอพบหลังจากที่มาถึงอุทยานของคุณอาไคน์ เธอเน้นเรื่องสิงโตภูเขาเคธี เสือดาวดำไอริส และหมาป่าหิมะอีกสามตัว
เธอไม่เพียงเล่าเฉย ๆ เท่านั้น แต่ยังหยิบรูปถ่ายทั้งหมดของเธอออกมาแสดงให้ทุกคนเห็น แนะนำสัตว์ทุกตัวให้ครอบครัวของเธอรู้จักอย่างละเอียดด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุน รอยยิ้มบนใบหน้าเหมือนกำลังเปล่งประกาย
“ไอริสตัวใหญ่มากค่ะ ขนสีดำ กรงเล็บใหญ่กว่ามือของหนวนหน่วนมากเลย มันแบกหนวนหน่วนไว้บนหลังเดินไปมาได้ด้วย แล้วก็มีหมาป่าหิมะที่สวยมาก ๆ อีกสามตัว พวกมัน…”