ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 14 กู้หนาน
บทที่ 14 กู้หนาน
ปู่หลานเดินคุยเคียงข้างกันไป หนวนหน่วนสังเกตได้ชัดเจนว่าถึงแม้เธอจะเพิ่งกลับมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน แต่เธอสามารถเข้ากับชายชราได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
คุณหญิงกู้และอาอี๋มองดูภาพตรงหน้าก่อนจะหลุดยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
“คุณปู่ ผมจะไปรับแดดด้วย!”
กู้อันเดินขนาบข้างชายชราก่อนจะเอ่ยขึ้นมา ขณะที่เขาพูด สายตาก็จับจ้องไปที่หนวนหน่วนอย่างภาคภูมิใจ
ผู้เฒ่ากู้เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย “แกเนี่ยนะจะมาเดินรับแดดกับฉัน ไม่เอาหรอก อย่ามากวนฉันดีกว่า”
แม้ว่าคำพูดจะดูรังเกียจ แต่กลับมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นในดวงตาคู่นั้น
กู้อันได้แต่เถียงกับตัวเอง “คุณปู่มองผมแบบนั้นเหรอ”
หนวนหน่วนหัวเราะชอบใจจนดวงตาโค้งงอสวยงาม กู้อันหันขวับมาพูดทันที “ไม่ต้องมาหัวเราะ!”
เด็กหญิงตัวเล็กเชื่อฟังอย่างว่าง่าย เธอพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อปิดปากตนเอง แต่รอยยิ้มในดวงตาของเธอยังชัดเจน ไม่สามารถปกปิดได้แต่อย่างใด
ผู้เฒ่ากู้เคาะเข้าที่หน้าผากของกู้อัน “อย่าว่าน้อง”
“มากเกินไปแล้วนะ ทำไมทุกคนเข้าข้างแต่เธอ! ผมยังไม่ได้ทำอะไรเธอเลยด้วยซ้ำ แค่มองเฉย ๆ เอง”
ก่อนที่ทุกคนจะเดินไป พวกเขาก็ได้ยินเสียงรถดังขึ้น
หนวนหน่วนหันกลับไปมอง แล้วตามมาด้วยเสียงของกู้อันที่ตะโกนขึ้น “ทำไมวันนี้พ่อกลับมาเร็วจัง”
“คุณพ่อเหรอ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของกู้อัน ดวงตาของหนวนหน่วนก็เบิกกว้างขึ้นทันที
ชายชราลูบผมนุ่มสลวยของเธอแล้วพยักหน้าตอบ “ใช่ คุณพ่อของหลานกลับมาแล้ว”
พอเห็นว่าคนตัวเล็กจ้องมองไปทางพ่อของตนด้วยแววตาสดใสอย่างไม่ลดละ ชายชราก็หัวเราะออกมา “ไปหาพ่อเถอะไป”
หนวนหน่วนส่งยิ้มหวานกลับไปด้วยความเขินอาย เธอเอียงศีรษะ ปล่อยมือคุณปู่แล้ววิ่งไปที่รถสีดำ
ผู้เฒ่ากู้มองตามไปที่รถ ในไม่ช้าประตูก็เปิดออกพร้อมกับร่างของประธานกู้ที่ก้าวลงมาจากรถ
เขาตะโกนขึ้น “ไอ้คนขี้เกียจ! กลับมาก่อนเวลางานได้ยังไง ไม่มีวินัยจริง ๆ ไม่เหมือนสมัยฉัน ขยันจนทำล่วงเวลา!”
ผู้ดูแลที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “…”
นั่นเป็นเพราะคุณไม่มีลูกสาวอย่างไรล่ะ!
“คุณพ่อ~”
เมื่อเห็นคนที่ลงจากรถ แววตาของหนวนหน่วนเป็นประกายสวยงาม เธอเรียกคุณพ่อด้วยเสียงเจื้อยแจ้วก่อนจะโดนร่างสูงอุ้มขึ้นไป
คนตัวเล็กใช้แขนคล้องคอพ่ออย่างเขิน ๆ ถึงใบหน้าจะแดงก่ำ แต่ดวงตาของเธอก็ยังขับประกายสดใสดังเดิม
“หนวนหน่วนคิดถึงพ่อหรือเปล่า”
กู้หลินโม่อุ้มเด็กหญิงขึ้นไว้บนแขนที่แข็งแรงของเขาแล้วเอ่ยถาม ตอนนี้เขายิ้มเหมือนคนโง่ ถ้าเพื่อนและคู่แข่งห้างสรรพสินค้าเห็นจะต้องสงสัยอย่างแน่นอนว่าเขาโดนทำของใส่หรือเปล่า
ว่าแต่รอยยิ้มเขายังเหมือนเสือแยกเขี้ยวดูน่าสะพรึงกลัวอยู่หรือเปล่านะ?
หนวนหน่วนพยักหน้าอย่างเชื่อฟังและตอบคุณพ่อด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “คิดถึง หนวนหน่วนโทรหาคุณพ่อแล้วไงคะ”
กู้หลินโม่หัวเราะ ดวงตาของเขาเป็นประกายเมื่อเห็นหน้าของหนวนหน่วน เธอคือลูกสาวของเขาจริง ๆ ทั้งสวยและน่ารัก หลังจากขัดสีฉวีวรรณแล้วก็ไม่มีใครน่ารักเท่าเธออีก
“คุณพ่อครับ ทำไมวันนี้เลิกงานเร็วจัง”
กู้อันกระโดดเข้ามาขวางทางแล้วเอ่ยถาม
กู้หลินโม่ยิ้มค้างไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็เอ่ยตอบอย่างเป็นธรรมชาติ “ที่บริษัทไม่มีงานแล้ว ก็เลยออกมาก่อนเวลา”
ผู้เฒ่ากู้หัวเราะฮ่า ๆ สองครั้ง ไม่มีงานแล้วอย่างนั้นเหรอ? ตำแหน่งประธานบริษัทยุ่งมากจะตาย ยุ่งจนแทบไม่มีเวลากินข้าวและพักผ่อนเลยด้วยซ้ำ!
กู้หลินโม่จ้องมองสายตาของพ่อตนเองก่อนจะเกาจมูกอย่างประหม่า
แต่ถึงอย่างไร เขายังมีลูกชายที่ทั้งอายุยังน้อยและแข็งแรง แล้วยังต้องกังวลอะไรอีก?
“ฮัดชิ้ว…”
กู้หนานอยู่ที่ต่างประเทศจามออกมาโดยไม่ทราบสาเหตุ เขาบีบจมูก ไม่ได้เอะใจอะไรต่อ
เลขาของเขารีบวิ่งเข้ามาถาม “นายน้อยมีไข้หรือเปล่าขอรับ?”
เพราะอากาศที่นี่ค่อนข้างเย็น เขาจึงเรียกให้คนนำเสื้อกันลมสีดำมาให้
สีหน้าเคร่งขรึมของกู้หนานไม่แปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ราวกับใบหน้าของเขามีปุ่มกดหยุดการเคลื่อนไหว แม้แต่ดวงตาของเขาก็แสดงออกถึงความเย็นชาเช่นกัน ส่วนใหญ่คนที่คุยกับเขาต่างประหม่ากันทั้งนั้น เนื่องด้วยสีหน้าของเขาทำให้รู้สึกถึงความกดดันเล็กน้อย
กู้หนานหยิบเสื้อกันลมมา ก่อนจะสวมมันลงบนร่าง จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเปิดเครื่อง ภาพเด็กน้อยน่ารักคนหนึ่งปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ เป็นเด็กผู้หญิงยิ้มแย้มจนตาเป็นสระอิ แววตาส่องประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวสะท้อนบนผืนน้ำ อีกทั้งทรงผมของเธอก็ยังพลิ้วสลวยน่ารักราวกับสัตว์ขนปุกปุย
ภาพนี้แม่ของเขาถ่ายเอาไว้หลังจากที่หนวนหน่วนตัดผมเสร็จแล้ว ดูท่าคงส่งมาอวดให้ลูกชายดู
เมื่อมองไปที่รูปภาพ ดวงตาที่เย็นชาของกู้หนานอ่อนโยนลงเล็กน้อย ในสายตาของคนอื่นอาจไม่มีใครสังเกตเห็น แต่เลขาของเขาสามารถสังเกตได้
เพราะเหตุนี้เลขาจึงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้ยื่นหน้าเข้าไปดูว่านายน้อยของเขากำลังมองดูสิ่งใดอยู่ สายตาถึงเปลี่ยนเป็นคนอ่อนโยนเช่นนั้น
“เรื่องที่เหลือเดี๋ยวจะรีบแก้ไขให้เร็วที่สุด อีกสองวันจองตั๋วเครื่องบินให้ด้วย”
อันที่จริงแล้วเขายังมีเวลาอีกหนึ่งสัปดาห์ที่จะจัดการกับเรื่องทั้งหมด แต่กู้หนานก็อดใจรอกลับบ้านไม่ไหวแล้ว
เมื่อมองดูรูปภาพแล้ว เขาก็อดก็อดนึกถึงวันวานไม่ได้ ตอนที่น้องสาวของตนอายุเพียงไม่กี่เดือน ในช่วงเวลานั้นเขายังไม่ได้วุ่นเรื่องงาน จึงมีเวลามากมายที่จะอยู่กับน้องสาววัยหนึ่งขวบและน้องรอง กู้เป่ยจำได้ว่าเขามักจะอุ้มเธอติดตัวไปด้วยทุกที่
ตอนน้องสาวแสนนุ่มนิ่มเริ่มพูดเจื้อยแจ้ว ผู้ที่ตื่นเต้นเป็นคนแรกกลับไม่ใช่คุณพ่อกับคุณแม่แต่เป็นบรรดาพี่ชายทั้งหลาย
กู้หนานเริ่มกำหมัดแน่นแล้วเรียกทุกคนเข้าประชุม วันนี้ต้องทำงานล่วงเวลา!
จนทั้งเลขาและลูกน้องทุกคนต่างสงสัยว่าร่างกายของเขาทำมาจากเหล็กหรือไม่
หนวนหน่วนทานอาหารมื้อเย็นอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่รู้ตัวเลยว่าพี่ชายที่อยู่ต่างแดนกำลังคิดถึงเธอมาก หลังจากทานเสร็จเธอจึงออกไปเดินเล่นกับคุณปู่พร้อมเหล่าสัตว์เลี้ยงเพื่อให้อาหารย่อย หนวนหน่วนรู้สึกอยากตอบแทนความห่วงใยที่ตระกูลนี้มีต่อเธอจึงคิดอยากมอบของขวัญแก่ทุกคน แต่เธอไม่รู้ว่าควรให้สิ่งใด
สีหน้าของหนวนหน่วนเต็มไปด้วยความกังวล
“คิดอะไรอยู่หนวนหน่วน”
เสียงของชายชราดังขึ้นมาจากข้างบน หนวนหน่วนจึงได้สติกลับมา
“คือว่า… คุณปู่คะ หนูอยากจะทำอะไรบางอย่าง แต่ไม่รู้ว่ามันจะต้องทำยังไง?”
“อยากทำอะไรก็บอกปู่ได้เลยนะ ไม่อย่างนั้นดูในหนังสือก็ได้ ในหนังสือมีทุกอย่าง”
ใช่แล้ว หนวนหน่วนอ่านหนังสือออก!
แต่วินาทีต่อมาหนวนหน่วนก็รู้สึกท้อใจ เพราะตอนเรียนอนุบาลในหมู่บ้าน เธอได้เรียนรู้คลังคำศัพท์น้อยเกินไป
“คุณปู่ หนวนหน่วนอยากรู้ตัวอักษร!”
เด็กน้อยเงยหน้าก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่หนักแน่น
“ได้สิ ต่อไปหนวนหน่วนจะต้องเป็นเด็กที่เก่งมากแน่เลย ถึงอยากให้ปู่สอนอ่านหนังสือแบบนี้”
“คุณพ่อจะสอนให้ได้ยังไงคะ ให้กู้อันสอนหนวนหน่วนก็ได้ ให้อยู่เฉย ๆ ทั้งวันคงไม่มีอะไรทำแน่ มาสอนตรงนี้น่าจะทำให้เขาใจเย็นลงได้บ้าง”
คุณหญิงกู้ขอให้กู้อันสอนให้ เผื่อสองพี่น้องจะกระชับความสัมพันธ์กันมากขึ้น