ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 13 ประธานกู้แปลกไป!
บทที่ 13 ประธานกู้แปลกไป!
[หนวนหน่วนเองค่ะ]
เสียงที่อ่อนโยนนั้นทำให้กู้หลินโม่รู้สึกราวกับจะละลาย
เดี๋ยวก่อน!
หนวนหน่วน? คือใครกัน?
ทันใดนั้นเลขาก็จ้องมองเจ้านายของตนด้วยสายตาแปลกใจ
[คุณพ่อจะกลับบ้านเมื่อไหร่คะ หนวนหน่วนกับคุณแม่ อาอี๋ แล้วก็พวกพี่ ๆ กลับถึงบ้านแล้วค่ะ]
น้ำเสียงอันนุ่มนวลของหนวนหน่วนดังแว่วขึ้นราวกับสามารถได้กลิ่นหอมน้ำนมโชยออกมาจากทางหน้าจอ กู้หลินโม่แทบจะใจอ่อนระทวย
“พ่อจะรีบกลับไปนะ วันนี้หนวนหน่วนไปทำอะไรกับแม่บ้างเอ่ย?”
[พวกเราไปดูแลผิว ทำผม คุณแม่กับอาอี๋ก็ซื้อเสื้อผ้าสวย ๆ และรองเท้าคู่เล็ก ๆ ให้หนวนหน่วนเยอะมากเลยค่ะ]
เมื่อฟังสิ่งที่ลูกสาวพูดไปเรื่อยพร้อมกับจินตนาการถึงสิ่งที่เธอไปทำมา กู้หลินโม่ที่กำลังเดินเข้าออฟฟิศก็เผลอยิ้มออกมาทันที ผู้คนที่พบเห็นเขาระหว่างทางแทบตกตะลึงในรอยยิ้มนั้น
ผู้ถือหุ้นและคณะกรรมการทั้งหลายมองไปยังกู้หลินโม่ที่เดินจากไปด้วยความงุนงง ก่อนจะหันมามองหน้ากัน
“ประธานกู้เป็นอะไรไป?”
“คุยกับใครถึงหัวเราะออกมาแบบนั้น?”
ผู้คนต่างกระซิบกระซาบด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครรู้ว่ากู้หลินโม่คุยกับใคร
เมื่อกู้หลินโม่ไปถึงห้องทำงาน เขาก็วางสายอย่างไม่เต็มใจนัก จากนั้นก็เหลือบดูเวลาที่เหลือ พบว่าอีกตั้งสองชั่วโมงกว่าจะเลิกงาน
“มีกำหนดการอะไรหรือเปล่าครับ?”
เลขาถามขึ้นด้วยความสงสัย ประธานกู้แทนตนเองว่าพ่อกับปลายสายที่โทรเข้ามา นึกไม่ถึงว่าเขาจะพูดคุยกับลูกชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเช่นนั้นได้ แต่หนวนหน่วนมันชื่อของผู้หญิงชัด ๆ ไม่ใช่หรือ
แต่พอนึกได้ว่าตระกูลกู้ไม่มีลูกสาว เขาก็อยากรู้อยากเห็น แต่ก็ไม่สามารถถามออกไปได้โดยตรง เพราะเขาควรแสดงให้เจ้านายเห็นว่าเขาเป็นเลขาที่ยอดเยี่ยมเพียงใด
เลขาคนเดิมยืดตัวตรงแล้วตั้งใจทำหน้าที่ของตนเองต่อ ราวกับว่าเขาไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่ได้ยินแม้แต่น้อย
“ประธานกู้ครับ คุณหลี่ตงขอนัดทานข้าวเย็น”
กู้หลินโม่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงทันที “เลื่อนไปก่อน รอให้กู้หนานกลับมาก่อน ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัว”
หลังจากพูดจบ เขาก็รีบพุ่งตัวออกไปแทบจะทันที หลี่เต๋อจู้ถึงกับตกใจกับภาพตรงหน้า เกิดอะไรขึ้นกับคนเคร่งกฎอย่างประธานกู้กัน?
เจ้านายของเขาเคร่งเรื่องเวลาการทำงานยิ่งกว่าอะไร เขาไม่เคยกลับก่อนเวลา แม้แต่ตอนตกหลุมรักหรือเพิ่งแต่งงานกันก็ไม่เคยกลับก่อนสักครั้ง!
เจ้านายแอบโดดงานจริงด้วย!
แต่หลี่เต๋อจู้ไม่อยากคิดแล้ว เขายังมีเรื่องอื่น ๆ ที่ต้องจัดการ เดี๋ยวต้องไปประชุมแพลนงานครั้งถัดไปกับเลขาฝ่ายอื่นอีกสองสามคน
“คุณแม่ หนูคุยกับคุณพ่อเสร็จแล้ว~”
เมื่อขึ้นรถกลับถึงบ้าน หนวนหน่วนก็คืนโทรศัพท์ให้ผู้เป็นแม่ คิ้วที่โค้งงอและรอยยิ้มที่มีความสุขของเธอยามนี้ขับความน่ารักออกมาเต็มเปี่ยม
หัวใจของอาอี๋กู้แตกสลาย หนวนหน่วนช่างเป็นคนที่น่ารักเหลือเกิน หากรอให้มีน้ำมีนวลกว่านี้ ดาเมจจะรุนแรงมากแค่ไหนกันนะ
“เด็กดี คุณพ่อบอกว่าจะกลับบ้านเมื่อไหร่คะ?”
“จะกลับให้เร็วที่สุดค่ะ”
บนรถอุ่นสบายอย่างน่าเหลือเชื่อ หนวนหน่วนได้แต่นั่งจ้องแสงไฟจากรถที่ส่องไปกระทบรถคันหน้า จนกระทั่งเสียงหนึ่งดังขึ้น
“เป็นความผิดของเธอ ทำไมฉันต้องมานั่งกับพี่สี่ด้วย พอเธอมาอยู่ที่นี่ก็ได้นั่งข้างแม่ซะงั้น แล้วทำไมฉันถึงนั่งด้วยไม่ได้!”
กู้หมิงหลี่กอดอก มองคนข้างกายด้วยสายตาเย้ยหยันราวกับอยากให้มันทิ่มแทงกู้อันเสียให้ได้
“ได้ยังไงกัน? ก่อนหน้าแกรังเกียจไม่อยากให้หนวนหน่วนเรียกว่าพี่ไม่ใช่เหรอ ตอนนี้คิดเสียใจหรือไง?”
กู้อันสะดุ้ง ร้อนรนราวกับแมวถูกเหยียบหาง
“ใครว่าฉันทำแบบนั้นเพราะยัยเด็กนั่น ก็แค่อยากนั่งรถกับแม่แล้วก็อาอี๋ แปลกตรงไหน?”
“เรอะ ทำไมฉันไม่เคยเห็นว่าใส่ใจใครขนาดนี้มาก่อน?”
“มองไม่เห็นเหรอ ตาบอดน่ะสิ!”
“ไอ้… กู้… อัน…”
กู้หมิงหลี่ยกยิ้มอย่างเลือดเย็น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงหักนิ้วมือดังกร๊อบ
กู้อันรู้สึกกลัวขึ้นมาจึงรีบหดหัว นั่งด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมทันที
“กู้หมิงหลี่ อย่ามาสาระแนไปหน่อยเลย อาอี๋คงไม่ยอม…. อ๊าก! พี่! พี่สี่ผมผิดไปแล้ว!”
คนขับรถ “…”
แข็งแกร่งจริงพวกเด็กบ้านนี้…
…
ณ คฤหาสน์ตระกูลกู้
ผู้เฒ่ากู้นั่งรออยู่ตรงประตู ข้าง ๆ มีแมวสีดำและสุนัขขนสีน้ำตาลไหม้ตัวใหญ่นอนอยู่ ดวงตาทั้งสามคู่จับจ้องออกมาข้างนอกอย่างใจจดใจจ่อ
ผู้ดูแลคฤหาสน์ยืนอยู่ข้างชายชราตามหน้าที่ของตน เขากล่าวขึ้นว่า “นั่งรอมาสองชั่วโมงแล้วนะครับ กลับเข้าไปข้างในก่อนดีกว่า”
ผู้เฒ่ากู้โบกมือปฏิเสธ “ไม่เป็นไรหรอก ฉันแค่อยากนอนอาบแดด เดี๋ยวอีกสักพักหนวนหน่วนคงกลับมาแล้ว”
ผู้ดูแลคฤหาสน์ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ พอชายชราอายุมากขึ้นก็ดื้อรั้นขึ้นเหลือเกิน
ไม่นานรถที่คุ้นเคยก็ขับเข้ามาจอดในคฤหาสน์ เมื่อเห็นดังนั้นชายชราก็ดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที เขาลุกขึ้นยืนอย่างกระฉับกระเฉง
“กลับมาแล้ว กลับมากันแล้ว!”
โฮ่ง! โฮ่ง!
ต้าหวงเองก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน มันแลบลิ้น กระดิกหาง สะบัดตัวไปมาด้วยความรู้สึกตื่นเต้น แตกต่างจากก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง
แมวดำบนกำแพงก็ยืนขึ้น ถดบั้นท้ายไปข้างหลังแล้วยกก้นขึ้นอย่างเกียจคร้าน ยืดตัวเต็มที่แล้วก็กระโดดลงจากกำแพงลงมายืนด้วยท่าทางที่สง่างาม แน่นอนว่าที่ที่แลนดิ้งคือหัวของต้าหวง
สายตาของต้าหวงเหลือบมองขึ้นข้างบนอย่างไม่พอใจ มันสะบัดหัวไปมา แต่แมวดำก็ยังคงยืนนิ่งอยู่บนหัวอย่างมั่นคง
ต้าหวงแลบลิ้น ไม่ได้สนใจสิ่งมีชีวิตด้านบนต่อแต่อย่างใด ตอนอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านเก่าก็เป็นแบบนี้ ไม่ว่าทำเช่นไรก็ไม่สามารถสะบัดเหม่ยฉิวให้ร่วงลงมาได้เลยสักครั้ง
“คุณปู่ หนวนหน่วนกลับมาแล้วค่ะ”
รถยังไม่ทันจอดสนิท หนวนหน่วนก็ยื่นหัวกลม ๆ ออกมานอกหน้าต่าง
หนวนหน่วนเอ่ยเรียกคุณปู่ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานนุ่มนวล เธอจับมือทักทายชายชราตรงหน้าแล้วยิ้มจนคิ้วโก่ง ช่างเป็นยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขและสวยงามจริง ๆ
กู้อันที่นั่งอยู่ข้างหน้าหันกลับมาตะคอกใส่ “โง่เง่า ไร้สาระ!”
กู้หมิงหลี่เย้ยหยันกลับไปทันที
กู้อันอยากจะลงไม้ลงมือแต่ก็ทำไม่ได้แต่อย่างใด
ต้าหวงวิ่งมาตรงหน้าประตูรถพร้อมกับเหม่ยฉิวที่ยืนอยู่บนหัว พอหนวนหน่วนก้าวลงจากรถก็ถูกทั้งสองตัวรุมอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ต้าหวง เหม่ยฉิว” เด็กน้อยเอ่ยเรียกพวกมันเบา ๆ พร้อมกับดวงตาคู่สวยที่โค้งงอเป็นเสี้ยวพระจันทร์ ก่อนจะยกมือของตนขึ้นลูบตัวของพวกมัน
หลังจากทักทายสัตว์เลี้ยงทั้งสองแล้ว หนวนหน่วนก็วิ่งไปหาชายชราด้วยขาสั้น ๆ ทั้งสองข้าง เธอจับมือเหี่ยวย่นของเขาไว้ด้วยมือเล็ก ๆ ของตน แล้วแหงนไปหน้าขึ้นถาม
“คุณปู่ทำไมถึงอยู่ตรงนี้คะ~”
ชายชราท่าทางมีความสุขมาก “ปู่มารอหนวนหน่วนไง ต้าหวง เหม่ยฉิวแล้วก็ปู่มารอหนวนหน่วนกันหมดเลยนะ”
เมี๊ยว~
เหม่ยฉิวส่งเสียงร้องเบา ๆ ก่อนจะกระโดดจากหัวของต้าหวงมายังไหล่ของหนวนหน่วนแล้วใช้หางสีดำยาวพันคล้องคอเด็กน้อยไว้
ต้าหวงเองก็กระดิกหาง ขยับเข้าไปใกล้แล้วถูไถตัวกับขาของหนวนหน่วน
เด็กหญิงตัวน้อยจูงมือชายชราเดินไปทางคฤหาสน์ด้วยกัน ระหว่างทางเธอก็ถามขึ้นเสียงเบา
“คุณปู่รอนานหรือเปล่าคะ”
“ไม่นาน ๆ แค่นิดหน่อยเอง ยังไงปู่ก็ได้โดนแดดด้วย มันดีต่อสุขภาพ”
“ถ้าอย่างนั้นวันหลังหนวนหน่วนจะออกมารับแดดกับคุณปู่ค่ะ”
“ปู่จะรอนะ”