ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 110 นี่ไม่ใช่น้องชายแล้วใช่ไหม!
บทที่ 110 นี่ไม่ใช่น้องชายแล้วใช่ไหม!
ไม่มีใครทันคาดคิดว่าการทำบาร์บีคิวของชายร่างใหญ่ทั้งสามคนจะเละไม่เป็นท่าแบบนี้
หนานเฟิง “…”
ทุกคนต่างเป็นนายน้อยกันทั้งนั้น หนานเฟิงจึงไม่ค่อยไว้วางใจตั้งแต่แรก แต่ถึงอย่างนั้นเหล่าพี่ชายทั้งสามคนก็อยากจะทำอาหารให้น้องสาวของพวกเขาทานเป็นอย่างมาก เขาก็นึกว่าจะออกมาดี ทว่าผลลัพธ์ที่ออกมาคือ… อย่าว่าแต่ให้หนวนหน่วนทานเลย พวกเขายังทานเองแทบไม่ได้ด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ยังเสียวัตถุดิบไปเยอะมาก ฟุ่มเฟือยเกินไปแล้ว
“พี่หนานเฟิง สอนหนวนหน่วนทำหน่อยค่ะ”
เด็กหญิงตัวเล็กล้มเลิกความคิดที่จะทานบาร์บีคิวของพี่ชาย ตอนนี้เธออยากทำเองแล้ว
เมื่อครั้งที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเสี่ยวซี เธอก็ทำอาหารด้วยตัวเองเช่นกัน หญิงชราที่เลี้ยงเธอมาก็บอกว่าเธอทำอาหารอร่อย สิ่งนี้ก็คง… ไม่ยากเกินไปหรอกมั้ง?
แต่เมื่อเห็นว่าบรรดาพี่ชายของตนทำมันเละเพียงใด ความมั่นใจของเด็กน้อยก็เริ่มลดลง
กู้อันเดินเข้ามาบอกว่าอยากลองทำดูเช่นกัน หลังจากนั้นไม่นานทุกคนก็เริ่มลงมือปิ้งย่าง ยกเว้นแต่ไป๋โม่ฮัวที่กำลังหลงอยู่ในโลกของตัวเอง
เตาย่างสูงไปหน่อย หนวนหน่วนเตี้ยเกินไปที่จะยืนอยู่หน้าเตา หนานเฟิงจึงไปจัดหาก้อนอิฐเพื่อนำมาเป็นฐานรองให้หนวนหน่วนได้เหยียบมันขึ้นไป จากนั้นเขาก็เริ่มสอนเด็กหญิงตัวน้อยลองทำบาร์บีคิวอยู่ข้างตน
เทียบกับการสอนคนอื่นแล้ว หนวนหน่วนสอนง่ายกว่ามาก เธอเชื่อฟังเขา ไม่เหมือนกับพี่น้องคนอื่น ๆ ที่ไม่มีความรู้ด้านนี้แต่ก็ยังถือความคิดตัวเองเป็นใหญ่ แถมยังทำตามความคิดของตัวเองเพียงเท่านั้น
และไม่ใช่แค่สามยักษ์ใหญ่เท่านั้นที่มีความคิดเช่นนี้ ยังมีเจ้ากู้อันตัวน้อยนี่อีกคน
เด็กชายขมวดคิ้วแล้วจ้องมองบาร์บีคิวของตัวเอง รู้สึกว่าซอสบาร์บีคิวจะน้อยไปหน่อย
มือ : ใส่อีกนิดดีกว่า
ในที่สุดเขาก็ตั้งใจทำมันออกมาจนได้ แต่มันกลับเค็มจนทานไม่ได้เลย เขากัดไปเพียงแค่หนึ่งคำก่อนจะคายทิ้งทันที ซึ่งไม่ได้ดีไปกว่าสามคนก่อนหน้าสักเท่าไหร่
หนานเฟิงไม่เคยรู้มาก่อนว่าบาร์บีคิวจะออกมารสชาติแย่แบบนี้ได้ด้วย ดูท่าเขาจะต้องปรุงซอสใหม่หมด
สิบนาทีต่อมา สุดท้ายก็มีกลิ่นหอมโชยออกมา
หนวนหน่วนตัวน้อยที่ยืนอยู่บนอิฐจ้องมองกุ้งที่อยู่ตรงหน้าของตนด้วยสีหน้าจริงจัง บนเตามีทั้ง ขาไก่ ปีกไก่ หอยเชลล์และหอยนางรม
เด็กหญิงทำตามคำชี้แนะของหนานเฟิง เธอทาน้ำมันและซอสเมื่อจำเป็นเท่านั้นแล้วพลิกให้ทันเวลา
หอยนางรมและหอยเชลล์เกือบจะสุกแล้ว กลิ่นหอมของกระเทียมสับและวุ้นเส้นเองก็หอมโชยออกมาแต่ไกล คนที่ได้กลิ่นต่างน้ำลายสอกันหมด
พี่น้องคนอื่น ๆ มองไปยังอาหารที่ล้มเหลวของตัวเองแล้วมองดูบาร์บีคิวแสนอร่อยตรงหน้าน้องสาว บริเวณโดยรอบเงียบสงัดลงทันตา
กู้หมิงหลี่ปิดหน้าของตัวเอง “ฉันไม่มีหน้าไปเจอใครแล้ว…..”
พวกเขาเป็นชายชาตรี แต่กลับทำบาร์บีคิวสู่เด็กอายุห้าขวบไม่ได้!
หนานเฟิง “หอยนางรมและหอยเชลล์สุกแล้ว เหลือแค่กุ้งกับผักพวกนั้นแล้วครับ”
รอยยิ้มอันสดใสผุดขึ้นบนใบหน้าของหนวนหน่วนทันที เธอหันมามองพวกพี่ ๆ แล้วโบกมือเรียก สายตาของเด็กน้อยเปล่งประกาย ฉายความสุขออกมาชัดเจน
“พี่ใหญ่ พี่สาม พี่สี่แล้วก็พี่เล็ก มากินเร็วค่ะ~”
เมื่อเรียกพี่ชายทุกคนแล้ว สุดท้ายเธอก็หันไปเรียกไป๋โม่ฮัวที่ยังจับพู่กันอยู่
กลิ่นอันน่าหลงใหลโชยมาเตะจมูก กู้หนานที่เข้ามาถึงแล้วย่อตัวลงไปหาหนวนหน่วน ส่วนคนอื่นกำลังเก็บของทั้งหมดบนโต๊ะออก
“เธอไม่ต้องทำหรอก ให้เป็นหน้าที่หนานเฟิงไป”
พวกเขายอมแพ้ ไม่สามารถทานอาหารที่ตนเองทำได้จริง ๆ เว้นเสียแต่เป็นอาหารที่น้องสาวทำให้…..
หนวนหน่วนจะได้ไม่ต้องเหนื่อย ถ้าปล่อยให้ทั้งหมดเป็นหน้าที่ของพ่อครัวและหนานเฟิงในการทำส่วนที่เหลือ
หนวนหน่วนถูกห้อมล้อมไปด้วยพี่ชายหลายคนที่กำลังตั้งใจเป่าเนื้อหอยนางรมให้เธออย่างระมัดระวัง
พี่สี่กำลังแกะเปลือกกุ้งและป้อนมันเข้าปากเธอ ส่วนพี่สาม ญาติผู้พี่ และพี่เล็กก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน
หนวนหน่วนเพียงแค่อ้าปากรอเท่านั้น ไม่นานแก้มน้อย ๆ ของเธอก็พองออก เธอจึงใช้ดวงตากลมโตมองพวกพี่ชายสลับกันไปมา
“พวกพี่… กินกันเลยค่ะ เดี๋ยวหนวนหน่วนทำให้เอง”
“ไม่ได้ ผิวเธอบอบบางเกินไป เดี๋ยวโดนลวกแล้วจะเจ็บเอา”
กู้หมิงหลี่ “พวกเราหนังหนา ไม่เป็นไรหรอก”
หนวนหน่วน “…”
ไม่จำเป็นต้องพูดขนาดนั้นก็ได้
เชฟมืออาชีพไม่เพียงย่างอาหารเก่ง แต่อาหารที่ทำยังอร่อยมากอีกด้วย ในที่สุดหนวนหน่วน กู้อันและไป๋โม่ฮัวก็ไม่สามารถห้ามตัวเองให้หยุดทานได้เลย
กู้หมิงอวี๋ทานน้อยที่สุดเพราะอาชีพการงาน เขาทานแต่ผักเป็นส่วนมาก ส่วนใหญ่เขาจะตักอาหารให้หนวนหน่วนทานมากกว่า แต่พอได้จ้องมองน้องสาว เขาก็ทานอาหารมากกว่าที่คิด
หลังจากทานข้าวเสร็จ หนวนหน่วนก็จับพุงน้อย ๆ ที่ยื่นออกมา จากนั้นก็หยิบถังสีแดงเดินไปหาต้าหวงกับเหม่ยฉิวบนชายหาดเพื่อเก็บเปลือกหอยต่อ
ทุกคนเดินตามมา และในที่สุดหนวนหน่วนกับไป๋โม่ฮัวก็ลงไปเล่นน้ำทะเลพร้อมกับห่วงยางเพื่อฝึกว่ายน้ำ แต่ก็ยังอยู่ในสายตาคนอื่น ส่วนกู้อันเองก็อยากลงไปเล่นแบบตัวเปล่าเช่นกัน ทว่าสุดท้ายก็ถูกพวกพี่ชายจับใส่ห่วงยางก่อนลงไป
เสียงหัวเราะและเสียงร้องของแมวกับสุนัขดังขึ้นบนเกาะที่เคยเงียบสงบนานเลยทีเดียว
เมื่อพระอาทิตย์เริ่มตกดิน กู้หนานก็พาพวกเขาไปขึ้นเรือสำราญ
กู้หมิงหลี่จ้องมองไปยังเรือสำราญที่จอดอยู่กลางทะเลแล้วรู้สึกอิจฉาขึ้นมา
“พี่ใหญ่ พี่เงินเยอะมากเลย แบบนี้จะเลี้ยงดูตระกูลกู้ได้ใช่ไหม?”
หาเงินมาจากไหนกัน? ไม่ใช่ปี่เซียะ*[1] กลับชาติมาเกิดใช่ไหม!
กู้หนานพาพวกเขาออกจากท่าเรือแล้วมุ่งหน้าตรงไปยังเรือสำราญ เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ลืมตาแทบไม่ขึ้น
“อืม ก็หาเงินได้นิดหน่อย”
ทุกคน “…”
นี่คือนิดหน่อยที่ว่าเหรอ?
ก่อนหน้านี้ก็มีเฮลิคอปเตอร์ แล้วไหนจะเกาะส่วนตัวขนาดใหญ่อีก ตอนนี้ก็เป็นเรือสำราญ สงสัยจังว่ามีเรือดำน้ำด้วยไหม?
พวกเขาไม่รู้มาก่อนว่าพี่ชายคนโตจะร่ำรวยมหาศาลขนาดนี้ และเขายังหาเงินได้ด้วยตัวเองอีกด้วย ปีนี้อายุก็ยังไม่ถึง 25 ปีด้วยซ้ำ ทำได้ไงเนี่ย!
การตกแต่งภายในของเรือสำราญนั้นเรียบง่ายและหรูหรามาก เรียกว่ามีทุกอย่างที่ควรมี เมื่อขึ้นเรือ กู้อันก็วิ่งสำรวจไปรอบ ๆ อย่างตื่นเต้น ก่อนจะตะโกนขึ้นเสียงดัง “โตขึ้นฉันจะซื้อเรือสำราญให้ตัวเอง!”
แต่ถึงอย่างนั้น การแสดงความปรารถนาอันแรงกล้าของเขาก็ไม่ได้รับการสนับสนุนหรือเสียงปรบมือเลยสักนิด พวกพี่ชายมองว่าเขากำลังคิดโง่ ๆ
กู้หมิงหลี่จับศีรษะของเขา “นายเนี่ยนะ? ถ้าหาเงินได้ไม่เท่าพี่ใหญ่ก็มีแต่ต้องเช่าขับเท่านั้นแหละ”
รอยยิ้มในดวงตาดอกท้อของกู้หมิงอวี๋ปรากฏขึ้น ชายหนุ่มตบไหล่น้องชายแล้วพูดอย่างไม่สนใจว่า
“พอได้แล้วน่า”
ไป๋โม่ฮัวกะพริบตา “ทำไมถึงต้องซื้อเรือสำราญด้วย พี่กู้หนานก็มีอยู่แล้ว”
กู้หนานเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา “ทำการบ้านเสร็จหรือยัง?”
กู้อัน “…”
แต่ละคน ฉันไม่ใช่น้องชายแล้วใช่ไหม!
ขณะที่เขากำลังเศร้าใจ หนวนหน่วนก็เดินเข้ามาจับมือเขาอย่างตั้งใจ ดวงตาสีดำขลับเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ
“พี่เล็กทำได้แน่นอนค่ะ”
กู้อันสวมกอดหนวนหน่วนทั้งที่น้ำตาคลอเบ้า แน่นอนว่ามีเพียงน้องสาวของเขาเท่านั้นที่เป็นเหมือนแจ็กเก็ตบุนวมตัวน้อยแสนอบอุ่นคอยห่วงใย
หนวนหน่วนถูกสวมกอดจนใบหน้ายับยู่
พี่เล็กบอกว่าต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลในการซื้อเครื่องบิน หนวนหน่วนต้องหาเงินเท่าไหร่กันถึงจะช่วยพี่เล็กได้….
[1] ปี่เซียะ เป็นสัตว์คล้ายมังกร มีหน้า หัวและขาคล้ายสิงโต ปีกคล้ายนก หลังคล้ายปลา หางคล้ายแมว เนื่องจากเป็นสัตว์ที่กินอย่างเดียวไม่มีการถ่าย จึงเป็นสัญลักษณ์ของการเก็บทรัพย์