ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 108 ริมทะเล
บทที่ 108 ริมทะเล
วันนี้เป็นวันที่สองที่มาอยู่บนเกาะ พวกเขาออกไปเดินเล่นไกลจากวิลล่า มาถึงเกาะทั้งที จะไม่เดินเล่นริมทะเลได้อย่างไร
“เสียดายที่ตื่นสาย ไม่งั้นคงทันดูพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว”
ไป๋โม่ฮัวถือซาลาเปานึ่งไว้ในปากแล้วใช้นิ้วเรียวยาวจับตะเกียบคีบอาหารในชามขึ้น เวลานี้เรือนผมที่ฟูฟ่องของเขาสะท้อนแสงอาทิตย์เป็นประกายสีทองสวยงาม
เขาเพิ่งตื่นนอน ผมบนศีรษะแทบจะจับตัวเป็นก้อนเหมือนของหนวนหน่วน เขาเคี้ยวขนมปังในปากช้า ๆ รูม่านตาหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อมองดูดวงอาทิตย์สีส้มที่โผล่ขึ้นมาไกลลิบ ๆ
ได้ดูอาทิตย์ขึ้นที่ทะเล ช่างเป็นภาพที่งดงามเกินบรรยายจนอยากจะวาดเสียให้ได้
แต่แล้วเขาก็โดนตบเข้าหลังศีรษะจนซาลาเปาทั้งหมดในปากพุ่งลงจาน เขาหันขวับไปมองกู้หมิงหลี่ด้านหลังที่มาพร้อมกับแก้วน้ำในมือทันที
“ทำบ้าอะไร!”
กู้หมิงหลี่ดึงเก้าอี้ที่อยู่ถัดจากไป๋โม่ฮัวออกแล้วนั่งลง เด็กหนุ่มเกือบจะยกขายาว ๆ ของตนขึ้นพาดบนโต๊ะอย่างเคยชิน แต่แล้วก็ได้สบสายตาเย็นชาของกู้หนานที่ส่งมาจากฝั่งตรงข้ามเสียก่อน
หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง เขาก็รีบดึงขาที่เผลอพาดขึ้นไปบนโต๊ะกลับมา
นี่ไม่ใช่บ้านของเขา ต้องอดทนไว้
“ดูพระอาทิตย์ตกกับพระอาทิตย์ขึ้นมันไม่เหมือนกันหรอกนะ ตื่นสายแล้วยังจะมาบ่นอีก”
ไป๋โม่ฮัวเม้มปาก รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องหลังโดนบ่น
“ก็แค่พูด ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าต้องดูให้ได้”
ส่วนกู้หมิงอวี๋ทานซาลาเปาสองลูก โจ๊กทะเลหนึ่งชาม แล้วใช้เวลาที่เหลือนั่งมองดูหนวนหน่วนทาน
การได้มองดูเด็กสาวตัวน้อยทานอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อยแล้วเรอออกมาหลังจากดื่มนมเข้าไปช่างน่าพึงพอใจเสียจริง
แน่นอนว่าหากได้หยิกแก้มนุ่มนิ่มของเธอหลังจากที่ทานอาหารเสร็จแล้วคงจะรู้สึกดีไม่น้อย
ตอนนี้ผิวของเด็กน้อยเนียนนุ่มราวกับพุดดิ้งน้ำนม หากออกแรงหยิกเพียงเล็กน้อยก็อาจทิ้งรอยนิ้วมือฝากฝังไว้ได้เพราะผิวดูบอบบางเหลือเกิน
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังเป็นเด็กดี ไม่มีพฤติกรรมฉุนเฉียวเวลาโดนหยิก
“หนวนหน่วนจำไว้ให้ดีนะ ถ้าใครที่ไม่ใช่พวกพี่มาหยิกแก้มต้องตีมันนะเข้าใจไหม หรือถ้าเอาชนะไม่ได้ก็ให้มาหาพวกพี่แทน เดี๋ยวจะตีแทนให้”
หนวนหน่วนจ้องมองพี่สามด้วยดวงตากลมโต หลังจากที่ฟังเขาพูดจบเธอก็พยักหน้าลงอย่างเชื่อฟังแล้วเอ่ยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“อื้ม หนวนหน่วนจะจำไว้ค่ะ”
เด็กดี…
นี่คือความคิดที่เกิดขึ้นภายในหัวของบรรดาพี่ทั้งหลายแทบจะพร้อมกัน
“ไปกันเถอะ ไปริมหาดกัน”
กู้หมิงหลี่ยืนขึ้นยืดเส้นยืดสาย
“พี่ใหญ่มีกระดานโต้คลื่นไหมครับ?”
เขามักจะชอบกีฬาผาดโผน การเล่นกระดานโต้คลื่นก็จัดเป็นหนึ่งในนั้น
กู้หนานอุ้มหนวนหน่วนขึ้นวางบนแขนของตน เด็กหญิงตัวน้อยจึงโอบรอบคอเขาแล้ววางคางบนไหล่หนา หลังแกว่งขาไปมาเล่นเบา ๆ ก็มองไปยังพี่สี่ด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น
กู้หนาน “ลองถามหนานเฟิงดู”
“ได้ครับ!”
กู้หมิงหลี่วิ่งไปหาหนานเฟิงพร้อมกับห่วงยางเส้นใหญ่สองวง โดยมีต้าหวงที่กำลังคาบถังสีแดงวิ่งไล่ตามไป
ไป๋โม่ฮัวแบกกระดานวาดภาพของตนไว้บนหลัง ในมือถือตะกร้าใส่ลูกแมวน้อยทั้งสอง ส่วนแม่แมวและเสี่ยวจูกำลังเดินตามหลังมา
ในส่วนของเหม่ยฉิวนั้น มันเดินตามติดกู้หนาน เพราะเขากำลังอุ้มหนวนหน่วนอยู่
ส่วนกู้อันกำลังโต้เถียงกับเจ้านกโต้วโต้วขณะเดิน
“ขาสั้น ช้าที่สุดเลย ช้าที่สุด!”
กู้อันโกรธมาก เขายกมือทำท่าจะตีไปทางมัน
“เจ้านกนี่ ฉันถอนขนแกได้นะ ไม่เชื่อก็ลองดู!”
หลังนั่งรถชมวิวท้องฟ้าสีครามไปจนถึงชายหาด ในที่สุดสุนัขก็เป็นฝ่ายวิ่งลงไปก่อน มันปล่อยถังสีแดงใบเล็กที่ถือมาตลอดทางลงแล้วกระดิกหาง วิ่งไปหาคลื่นพร้อมกับเห่าหอนเสียงดัง จากนั้นก็ทิ้งร่างให้คลุกกับทรายอย่างมีความสุข ถึงเจ้าหมาใหญ่จะดูตื่นเต้น แต่ก็ไร้พิษภัยแต่อย่างใด
หนวนหน่วนถือถังใบเล็กสีแดงแล้วเดินไปพร้อมกับเจ้าเหมียว อุ้งเท้านุ่มนิ่มของเหม่ยฉิวเหยียบลงบนกรวดละเอียด นี่เป็นครั้งแรกที่มันได้เหยียบย่ำลงบนหาดทรายจึงอยากรู้อยากเห็นไปหมด
เสี่ยวจูกล้าหาญน้อยที่สุด เจ้าขนปุกปุยโผล่หน้าออกมาแต่กลับไม่ยอมลงมาจากรถ และท้ายที่สุดแล้วไป๋โม่ฮัวก็ต้องไปขุดมันออกมาจนได้
มันทำตัวราวกับว่าถูกทำร้ายอย่างหนักหนาสาหัส สองเท้าของมันวิ่งไปหาหนวนหน่วนแล้วร้องเหมียว ๆ เป็นเชิงบ่น ก่อนจะคลอเคลียรอบขาสั้น ๆ ด้วยอุ้งเท้าทั้งสองอย่างน่าสงสาร
หนวนหน่วนคุกเข่าลงแล้วลูบหัวปุกปุยของมันอย่างปลอบโยน
“ไม่ต้องกลัวนะเสี่ยวจู ทุกคนอยู่ที่นี่กันหมด”
เหม่ยฉิวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ปรายตามองเสี่ยวจูอย่างไม่ค่อยเป็นมิตร มันรู้สึกได้ว่าแมวตัวนี้เจ้าเล่ห์…
เหม่ยฉิวส่ายหางไปมาอยู่สองสามครั้ง ก่อนจะกระโจนเข้าหาเสี่ยวจู
“หนวนหน่วนมานี่เร็ว!”
กู้อันวิ่งนำหน้าเด็กสาวไปเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาโบกมือเรียกเธอ
“มาแล้วค่ะ”
หนวนหน่วนวิ่งไปพร้อมกับถังสีแดงใบเล็ก
เวลานี้กรวดขาวละเอียดงดงามดั่งเพชรพลอยยามต้องแสงตะวัน ภายใต้กรวดพวกนี้ยังซ่อนอะไรดี ๆ ไว้อีกมาก
“มาดูนี่เร็ว หอยสังข์!”
กู้อันหยิบหอยสังข์ขึ้นมาพลางเงยหน้าขึ้นแล้วกวักมือเรียกหนวนหน่วนหย็อย ๆ
“พี่เล็กเก่งจังเลยค่ะ!”
หนวนหน่วนค่อย ๆ วิ่งเข้าไปหาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินเช่นนั้น กู้อันก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้มุมปากของเขายกยิ้ม เด็กชายทำหน้าราวกับว่า ‘ฉันรู้ว่าตัวเองเก่งแหละน่า’ แล้วนำหอยสังข์ใส่ลงในถังสีแดงใบเล็กของน้องสาว
มีเปลือกหอยหลายอันอยู่ในนั้นเช่นกัน
กู้อันที่ได้รับคำชมจากน้องสาวยังคงมองหาสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ บนชายหาดไปพร้อมกับหนวนหน่วน เขาต้องลืมไปแล้วแน่เลยว่าหนวนหน่วนไม่ได้พูดประโยคนี้กับเขาแค่คนเดียว
อันที่จริงแล้ว… หนวนหน่วนยังรู้คำศัพท์เพียงน้อยนิด และคำชมที่เคยพูดไปคือทั้งหมดที่เธอนึกออก
“หนวนหน่วนดูนี่สิ!”
เสียงตะโกนดังมาจากข้างหน้า แต่หลังจากที่ลมทะเลพัดผ่านไป เธอก็เริ่มไม่ได้ยินอะไรแล้ว
เสียงเรียกของพี่สี่ยังดังมาแว่ว ๆ เธอจึงเงยหน้าขึ้น แล้วก็พบกับกู้หมิงหลี่ที่ยืนโบกมือมาทางเธอ ตัวเขาอยู่ในน้ำทะเลลึกระดับเอว รอยยิ้มท้าทายบนใบหน้าคมส่งมาทางเธอเช่นกัน
ทันทีที่ร่างของเขาขึ้นไปนอนทับอยู่บนกระดานโต้คลื่น เขาก็ออกแรงแขนว่ายออกไปไกลในท้องทะเล
เมื่อเกลียวคลื่นมาถึง เด็กหนุ่มก็กระโดดขึ้นไปยืนบนกระดานแล้วพยายามทรงตัวให้อยู่บนนั้น เขาทรงตัวบนกระดานโต้คลื่นตามเกลียวคลื่นอย่างสวยงาม แถมยังเอาชนะคลื่นพวกนั้นได้อย่างง่ายดาย
แสงแดดอันสดใสส่องมาที่กู้หมิงหลี่ที่ยืนอยู่บนกระดานโต้คลื่น พอเขาโบกมือมาก็ยิ่งดูหล่อเหลาเป็นอย่างยิ่ง
“พี่สี่!”
หนวนหน่วนจ้องมองไปยังเด็กหนุ่มที่กำลังคึกอยู่บนกระดานโต้คลื่นด้วยดวงตาสดใส ตั้งแต่เขาลุกขึ้นยืนบนกระดานและเริ่มโต้คลื่น ใจดวงน้อย ๆ ก็ตื่นตระหนกด้วยความกลัวว่าพี่สี่จะถูกคลื่นซัด
เด็กหญิงตัวน้อยยืนอยู่หน้าคลื่นทะเล ใบหน้าเริ่มแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น เธอเอาแต่กระโดดขึ้นเหยง ๆ แล้วกวักมือเรียกพี่สี่ไปมา