ฉันมีพี่ชาย 7 คน - บทที่ 102 ม้าของกู้หนาน
บทที่ 102 ม้าของกู้หนาน
เฮลิคอปเตอร์บินวนอยู่เหนือเกาะส่วนตัว เมื่อมองจากข้างบนลงไป ทั้งเกาะถูกล้อมรอบด้วยน้ำทะเลสีคราม กรวดขาวราวหิมะบนชายหาดดุจอัญมณีเนื้อดี ทั้งเกาะยังถูกปกคลุมไปด้วยพืชพันธุ์ มีทะเลสาบธรรมชาติขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ณ ใจกลางของเกาะด้วย
พวกเขาสามารถมองเห็นทะเลสาบทั้งหมดจากเฮลิคอปเตอร์ได้ มันสวยงามราวกับผลึกอัญมณีที่ส่องแสงระยิบระยับยามต้องแสงอาทิตย์
อาคารรูปทรงสมัยใหม่ที่ตั้งเด่นอยู่ข้างริมทะเลสาบคือวิลล่าบนเกาะ
เฮลิคอปเตอร์ลงจอดตรงบริเวณสนามหญ้าของวิลล่า เมื่อมองผ่านกระจกก็พบเข้ากับม้าสองตัวที่วิ่งไปมาอยู่บนทุ่งหญ้ากว้าง ตัวหนึ่งสีดำและอีกตัวสีขาว ช่างสวยงามราวกับม้วนภาพวาด
“ไปกันเถอะ”
หนวนหน่วนที่มองม้าอยู่จู่ ๆ ก็ถูกแขนแกร่งอุ้มขึ้น เด็กหญิงตัวเล็กโอบกอดรอบคอพี่สี่โดยไม่ทันตั้งตัว
“พี่สี่ มีม้าอยู่ตรงนั้น!”
นิ้วขาวเรียวบางของเธอชี้ไปยังม้าที่กำลังวิ่งไปมาอยู่ไกล ๆ พอเห็นเจ้าม้าดวงตาของเธอก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
“ชอบเหรอ?”
กู้หนานส่งกระเป๋าเดินทางให้หนานเฟิง ลมที่กระโชกแรงพัดผ่านไปทำให้เสื้อกันลมที่ชายหนุ่มสวมใส่พัดปลิว ยิ่งมองยิ่งดูดีมาก
หนวนหน่วนพยักหน้าอย่างว่าง่าย เธอชอบและรักสัตว์มาตั้งแต่เด็กแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแมวจรหรือสุนัขในหมู่บ้าน หรือพวกแกะ กระรอก และนกในป่าด้วย
เธอชอบที่จะพูดคุยกับสัตว์เมื่อไม่มีใครเล่นด้วย
“เดี๋ยวจะพาไปดู”
“ดีค่ะ พี่สี่ใจดีจังเลย”
เสียงอันนุ่มนวลของหนูน้อยนั้นช่างไพเราะจับใจผู้คนเหลือเกิน ประกอบกับใบหน้าที่ยิ้มแย้มพร้อมกับคิ้วที่โก่งประหนึ่งได้รับการเยียวยาจิตใจนั่นอีก
วิลล่าบนเกาะได้รับการดูแลจึงสะอาดสะอ้าน ด้านหน้าหันไปทางทะเล มีหน้าต่างบานใหญ่สูงจากพื้นจรดเพดาน หากยืนอยู่ที่หน้าหน้าต่างทุกวันก็จะได้เพลิดเพลินกับภาพทะเลและทะเลสาบที่สวยงาม พวกเขาสามารถว่ายน้ำในทะเลสาบได้ด้วย
ทุกคนนำกระเป๋าไปเก็บด้วยตนเอง และในทันทีที่กู้หมิงหลี่มาถึง เขาก็ถอดเสื้อโค้ตออกจนเหลือแค่เสื้อเชิ้ตสีไวน์แดงที่อยู่ด้านในเพียงเท่านั้น
กระดุมสองสามเม็ดบนคอเสื้อถูกปลดออก เผยให้เห็นคอที่ดูเพรียวระหง เมื่อแสงแดดสาดส่องลงมา ผิวขาวราวหิมะของเขาก็ราวว่าเปล่งประกายได้ นอกจากนี้ เสื้อเชิ้ตสีไวน์แดงนั้นยิ่งทำให้เขาดูสง่ามากขึ้นอีกด้วย
อุณหภูมิที่นี่ไม่หนาวเลยแม้แต่น้อย แต่กลับร้อนมาก
ไป๋โม่ฮัวค่อย ๆ วางเสี่ยวจูลงกับพื้นแล้วหยิบกระเป๋าเดินทางเดินไปยังห้องที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้เขาได้เปลี่ยนเสื้อผ้า
เมื่อเขาออกมาอีกครั้ง เขาก็สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขายาวสีเทาอ่อนยาวถึงเข่า เผยน่องขาขาวผ่องเรียวยาว แสงแดดที่ทอแสงลงมาขับเน้นให้เขาดูอ่อนเยาว์กว่าเดิม
หนวนหน่วนก็เปลี่ยนชุดเป็นกระโปรงลายดอกไม้ยาวถึงหัวเข่า เธอก้าวเดินด้วยเท้าที่เปลือยเปล่าไปบนพื้นอุ่น ผิวขาวผุดผาดราวกับน้ำนมและนิ้วเท้าอันอ้วนกลมราวกับไข่มุกสีชมพูนั้นช่างน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน
ในช่วงที่พวกเขากำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า เสี่ยวจูก็ได้ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมของพื้นที่ที่ไม่เล็กไม่ใหญ่นี้เป็นที่เรียบร้อย และในตอนนี้มันกำลังเดินเหยียบย่ำไปบนกลีบดอกบ๊วยที่แสนอ่อนนุ่มก่อนจะเดินตามเท้าของหนวนหน่วนพลางร้องเหมียว ๆ ไปด้วย
เจ้าแมวน้อยใช้ลำตัวที่อวบอ้วนถูไถไปมากับเท้าน้อย ๆ ของหนวนหน่วน แล้วใช้ปลายหางกวัดแกว่งพันข้อเท้าของเธอเป็นรูปครึ่งวงกลม ถึงจะให้ความรู้สึกคันเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกสบายมากเช่นกัน
หนวนหน่วนหัวเราะแล้วย่อตัวลงเพื่อสัมผัสขนฟูของเสี่ยวจู มันช่างนุ่มเหลือเกิน
“พี่ใหญ่”
เมื่อเห็นกู้หนานเดินออกมา เด็กหญิงตัวเล็กก็รีบลุกขึ้นยืนในทันที เธอย่ำบนพื้นด้วยเท้าที่เปลือยเปล่าแล้วมุ่งหน้าตรงไปหาพี่ชายคนโตของตน ดวงตาที่โค้งงอคล้ายจันทร์ครึ่งเสี้ยวสวยงาม รอยยิ้มเขินอายที่ประดับอยู่บนดวงหน้าขาวนวลทำให้หนวนหน่วนดูเปล่งประกายไม่น้อย
เสี่ยวจูส่ายหัวแล้วเดินตามไปทีละก้าว แต่มันกลับไม่กล้าเข้าใกล้กู้หนาน ดวงตากระจ่างและสวยงามของมันจึงหันกลับไป พอพบเข้ากับไป๋โม่ฮัว มันก็ส่งเสียงร้องเพื่อเรียกเขา
หนวนหน่วนวิ่งไปอยู่ข้างกายของกู้หนาน เธอใช้สองมือขาวบางจับฝ่ามือหนาที่รู้สึกได้ว่าอุณหภูมิของมันยังคงเย็นอยู่เอาไว้แล้วโน้มใบหน้าขาวไปถูไถอย่างหลงใหล
“พี่ใหญ่ ที่นี่สวยมากเลยค่ะ อบอุ่นมากด้วย”
เธอไม่ต้องสวมใส่เสื้อผ้าหนา ๆ เลย
กู้หนานก้มลงมอง พลันสายตาที่เย็นชาของเขาก็อ่อนโยนลง
“ถ้าชอบไว้จะพามาบ่อย ๆ นะ”
น้ำเสียงทุ้มไร้อารมณ์ของเขาราวกับกำลังเอาใจน้องสาว แน่นอนว่าไม่เคยมีใครได้รับจากเขานอกจากหนวนหน่วน
“อยากไปดูม้าไม่ใช่เหรอ ไปสิ”
หลังจากพูดจบ เขาก็อุ้มหนวนหน่วนตัวน้อยขึ้นไว้บนแขนอย่างง่ายดาย จากนั้นก็ก้าวขายาวเดินไปยังสนามที่มีม้า
“ขี่ม้าเหรอ? ไปค่ะ”
กู้หมิงหลี่ที่กำลังยืนล้วงกระเป๋ากางเกงก้าวเดินเข้ามาอย่างไม่เป็นจังหวะด้วยความรีบร้อน
“ช้าก่อนพี่ใหญ่ วางน้องลงเลยผมจะพาไปเอง!”
ยอมไม่ได้หรอก ร่างสูงทุกคนล้วนแต่จะอุ้มหนวนหน่วนกันทั้งนั้น เดี๋ยวคนนั้นทีคนนี้ที ทั้งนี้ก็เพราะพวกเขามีเวลาอยู่กับน้องสาวได้ไม่มาก
กู้หนานมองไปยังผู้ที่เดินตามเขามาด้วยใบหน้าเรียบเฉย
เขาอยากผลักไสคนพวกนี้ไปไกล ๆ เสียจริง
ม้าสองตัวบนเกาะ ตัวหนึ่งสีดำและอีกตัวสีขาว มันได้รับการเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอม นอกจากนี้ยังมีทุ่งหญ้าที่กว้างพอให้พวกมันได้วิ่งอย่างอิสระ ดังนั้นอารมณ์ของพวกมันจึงไม่ได้ดุร้ายมากนัก
กู้หนานหยิบนกหวีดที่ผู้ดูแลให้ไว้ก่อนจะเป่าจนเสียงล่องลอยออกไปไกล
เสียงนกหวีดดังแว่วมาแต่ไกล ใช้เวลาไม่นาน หนวนหน่วนก็เห็นม้าสองตัววิ่งเคียงข้างกันมาด้วยความเร็วไล่เลี่ยกัน
ยิ่งพวกมันเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงกีบเท้าอย่างชัดเจน
ม้าร่างสูงแข็งแรงวิ่งมาราวกับสายลม แต่เมื่อเห็นผู้คนกำลังใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ ความเร็วของมันก็ค่อย ๆ ลดลงและในที่สุดก็หยุดอยู่ตรงหน้าของกู้หนาน
เสี่ยวจูตัวน้อยที่ถูกอุ้มอยู่ในอ้อมแขนของไป๋โม่ฮัว เมื่อเห็นสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ทั้งสองตัวก็รู้สึกตกใจจนขนบนตัวลุกเกรียว มันซุกเข้ากับอ้อมแขนเจ้าของด้วยท่าทางสิ้นหวัง เหลือเพียงก้นอวบอ้วนกับหางนุ่มฟูที่โผล่ออกมาอย่างสั่นเทาเท่านั้น
ม้ารูปร่างสูงใหญ่ทั้งสองตัวหยุดอยู่ตรงหน้ากู้หนาน มันส่ายหัวไปมาแล้วร้องเสียงดัง ดวงตาสีเข้มจ้องมองไปยังหนวนหน่วนที่อยู่ในอ้อมแขนของคนตรงหน้า ก่อนที่ม้าตัวสีขาวจะเป็นฝ่ายเริ่มผลักตัวสีดำออกไป มันกระทืบกีบเท้าแล้วนำหัวโต ๆ ของตนมาถูไถกับเด็กน้อย
กู้หนานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขารู้อารมณ์ของม้าสองตัวที่เขาเลี้ยงมา ชายหนุ่มรู้สึกภูมิใจเหลือเกิน เพราะนอกจากเขาแล้ว แม้แต่ผู้ดูแลที่ให้อาหารมันยังไม่สนใจแยแสพวกเขาเลยสักนิด
และแน่นอนว่า กว่าเขาจะทำให้ม้าทั้งสองตัวนี้ยอมรับตนได้ก็ใช้พลังงานไปมากพอสมควร ถึงกับได้รับบาดเจ็บขณะฝึกม้า กระนั้นผลลัพธ์ที่ได้ก็เป็นที่น่าพึงพอใจอยู่ไม่น้อย
แต่ว่าในตอนนี้ แค่เพียงได้เจอกันครั้งแรก มันก็กลับชอบหนวนหน่วนเข้าแล้ว นอกจากนี้ยังโน้มหัวลงมาเพื่อคลอเคลียกับเด็กน้อยอย่างสนิทสนมอีกด้วย
“มันชื่อจีเฟิง”
ดวงตาสีเข้มของหนวนหน่วนเป็นประกาย นัยน์ตาของเธอสะท้อนรูปม้าสีขาวตัวใหญ่แสนสวยตรงหน้า มุมปากของเธอยกยิ้มขึ้นก่อนที่มือเล็กจะยื่นไปข้างหน้าแล้วเอ่ยทักทายจีเฟิงด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวล
“สวัสดีจีเฟิง ฉันชื่อหนวนหน่วน”
ฮี้…
จีเฟิงก้าวเข้ามาใกล้แล้วซุกหัวลงไปในอ้อมแขนของเธอ
ดูเหมือนว่าในตอนนี้ม้าตัวสีดำที่อยู่ถัดไปจะไม่ค่อยมีความสุขสักเท่าไหร่ มันใช้ร่างเบียดม้าตัวสีขาว แล้วนำหัวของตนเข้ามาแทนที่เพื่อให้ได้อยู่ในอ้อมแขนของเด็กหญิงตัวเล็ก